ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล

by อัลแบร์ กามูส์

ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล วิเคราะห์แนวคิดนักเขียนนักคิดชาวฝรั่งเศส : อัลแบร์ กามูส์

เนื้อหาโดยสังเขป

หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ "ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล" ของ "อัลแบร์ กามูส์" นักเขียนยอดนิยมรางวัลโนเบล โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน ตอนแรก เป็นการแปลบทความทางปรัชญา 2 เรื่องของกามูส์ ที่ตีพิมพ์รวมอยู่ในหนังสือเรื่อง "Le Mythe de Sisyphe" ตอนที่ 2 เป็นการวิเคราะห์ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล และผลกระทบของปรัชญานี้ต่อทัศนคติของเราที่มีต่อโลกและชีวิต ตอนสุดท้าย เป็นภาพรวมของชีวิตของการ์มูส์ที่ผันแปรไปตามสถานการณ์ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในสังคมและโลกที่เขาอยู่ หลากหลายเรื่องราวในเล่มนี้จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี

สารบัญ
- มนุษย์ที่ไร้เหตุผล : อัลแบร์ กามูส์
- ชะตากรรมของซอเซอฟัส : อัลแบร์ กามูส์
- ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล
- ชีวิตที่เลือกไม่ได้

136 pages, Paperback

First published March 1, 2012

Reviews

[Benz Niti · Rating 4 out of 5]

ปกติเคยเห็นรูปของกามูส์ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนเท่ๆคูลๆดี แต่พอได้อ่านพาร์ทประวัติของเขาแล้ว ผมยิ่งรู้สึกว่ากามูส์เท่ระเบิดกว่าเดิมอีก หนังสือเล่มนี้น่าจะทำให้คนอ่านอย่างเราๆ อยากไปศึกษาปรัชญาสาย existentialism มากขึ้น และไปตามอ่านงานของกามูส์มากขึ้น อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งนี่แหละ

[Punn · Rating 4 out of 5]

อ่านเล่มนี้จบ ถ้าสนใจ existentialism แนะนำไปฟังเลคเชอร์ของ
อ.ประมวล
https://youtu.be/LCAF8MDW0RM
กับ อ.สมภาร ต่อ
https://youtu.be/IuAdO14prZY
https://youtu.be/1ryhHDwoiSc
https://youtu.be/Ae7mihX0Z0o

[Jeejy · Rating 5 out of 5]

อ่านจบแล้วก็รักกามูส์ ปกติคนอื่นจะได้อ่านหนังสือเขาก่อนมาอ่านเล่มนี้ แต่ก็ดีนะสำหรับเราอ่านเล่มนี้ แล้วก็คิดว่าถ้ามีโอกาสได้อ่านงานเขาดู มันเหมือนพาเราเข้าไปหากามูส์มากขึ้น ตอนท้าย ๆ ของหนังสือ อ่านแล้วเศร้า... นึกถึงปัจจุบันแถวบ้านเราเลย ความเชืี่อที่สุดโต่งนั้น บางทีมันก็มีแต่ทำให้แย่ลง... เท่อะ <3

[Radit Panjapiyakul · Rating 2 out of 5]

ที่ผ่านมา เราเคยเคลือบแคลงในสัญลักษณ์ของซิซิฟัสที่ต้องเข็นหินขึ้นภูเขาไปตลอดกาล กามูส์มองว่าการที่เราสามารถมีความสุขได้ในชะตากรรมแบบนั้นเป็นการต่อต้านต่อความไร้เหตุผลของโลก เป็นสัญลักษณ์ของวีรบุรุษที่ไม่ยอมจำนนต่อการลงทัณฑ์จากเทพเจ้า แต่เราไม่เห็นถึงความสำคัญของมันในชีวิตจริงมากเท่าไหร่ เพราะไม่คิดว่าเราจะแก้ปัญหาของการฆ่าตัวตายและมีชีวิตอยู่ต่อได้เพียงเพราะการทำให้มันเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างหนึ่ง

หนังสือเล่มนี้ทำให้พอจะเข้าใจมากขึ้นว่า กามูส์ไม่ได้ต้องการให้เหตุผลหรือความหมายกับการมีชีวิตของคนเรา แต่เขามองไปที่ด้านตรงข้าม ในเมื่อการที่กามูส์มองว่าชีวิตเป็นความไร้เหตุผล กามูส์จึงคิดว่าในความไร้เหตุผลนี้ไม่มีประโยชน์ที่เราจะสร้างความหมายขึ้นมาเอง เพราะเราไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูก และการมุ่งมั่นพยายามสร้างความหมายมากเท่าไหร่ จักรวาลก็จะตอกหน้าเรากลับมาด้วยความไร้เหตุผลของมันมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เราผิดหวังและก่นด่าสาปแช่งมันมากขึ้นไปกว่าเดิม ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่กามูส์สนับสนุนให้คุณค่ากับปริมาณของประสบการณ์มากกว่าคุณภาพ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้จริงโดยไม่ต้องแลกมากับความทุกข์และความผิดหวัง ในทางหนึ่งปรัชญาของกามูส์ก็คือการมีความสุขกับชีวิตปัจจุบัน มีสติรับรู้กับประสบการณ์ที่อยู่ต่อหน้าให้ได้มากที่สุด แม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยไม่คาดหวังถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงหรือชีวิตหลังความตาย

แต่ประเด็นที่เราไม่ชอบในหนังสือคือการเอาศานาพุทธมาใช้วิเคราะห์ปรัชญาของกามูส์ การเอาแนวคิดปรัชญามาเปรียบเทียบกับศาสนาก็พอจะเข้าใจได้ แต่การเอาความเชื่อในศาสนามาอธิบายปรัชญาที่เป็นเรื่องของการใช้เหตุผลนั้น เป็นอะไรที่ไม่มีประโยชน์และไม่ได้ให้อะไรกับคนอ่านนอกจากเป็นการพูดถึงความเชื่อความศรัทธาของผู้เขียนออกมาเท่านั้น

[กำพล สนธิเณร · Rating 3 out of 5]

เป็นผลงานนักเขียนไทย ที่วิเคราะปรัชญาแห่งความไร้เหตุผลของกามูส์ ช่วงท้ายเป็นชีวประวัติของกามูส์ ซึ่งสนุกกว่าช่วงแรกเพราะช่วยให้ได้รู้ว่าเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตของกามูส์ช่วงส่งเสริมแนวคิดปรัชญาที่เขายึดถือ และทำให้เขาเป็นตัวของตัวเอง

[Dheerapol · Rating 4 out of 5]

หลังจากอ่านงาน Summer ของ Albert Camus ก็รู้สึกว่าควรจะหางานของเค้ามาอ่านเพิ่มเติมหน่อย เพราะอ่านเล่มนั้นไม่รู้เรื่องเลย (ฮา) โชคดีที่ได้ "ปรัชญาแห่งความไร้เหตุผล" ที่เป็นหนังสือวิเคราะห์แนวคิดทางปรัชญาของกามูส์มาอ่าน เลยเข้าใจแนวทางขึ้นหน่อย อ่านแล้วก็เกิดอยากหาของฌอง-ปอล ซาร์ตมาอ่านต่ออีกเล่มแหะ :D

[Dawut Sassanapitax · Rating 4 out of 5]

Note: คิดว่าพาร์ทที่โยงเข้าพุทธปรัชญาเป็นส่วนเกินของหนังสือครับ ไม่อ่านก็ได้ อ่านก็ไม่ได้อะไร คะแนนที่ให้หนังสือนี้จึงขอไม่รวมพาร์ทดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ก็ถือว่าดีงาม มีประโยชน์ และอ่านเข้าใจได้ไม่ยากครับ :)