Theerasak Maneeneim72 reviews16 followersFollowFollowApril 22, 2013ผมติดใจหนังสือของใบพัด (ภาณุมาศ ทองธนากุล) เล่มที่แล้ว "การลาออกครั้งสุดท้าย" เล่มนี้ก็เหมือนเป็นภาคต่อจากเล่มที่แล้วนั่นแหล่ะ ใบพัด เรียบเรียงเรื่องราวของเขาได้บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ จนถึงช่วงเวลาหลังจากการลาออกครั้งสุดท้ายของเขา ทำไมเขาต้องจมอยู่กับระบบ ตื่นแต่เช้า รีบไปทำงาน กลับบ้านดึกป่วยไข้ไม่สบายก็ต้องทนไปทำงาน ไม่มีใคร ... เพื่อนหาย ชีวิตส่วนตัวก็หาย ขมนิ๊ดๆ หวานหน่อยๆ กว่าจะหลุดพ้นมาได้...เพราะต้องผ่านอุปสรรคและการบีบคั้นจากคนรอบข้างมากมายแต่เขาก็ได้รับกำลังใจอย่างดีจากแฟนสาวที่ชื่อ มุ นั่นแหล่ะ ถ้าเอาเรื่องเนื้อหา ผมว่าคล้ายกับเล่มที่แล้ว แต่พรีเซนต์ในแง่มุมที่ต่างออกไปใบพัดเล่าว่าเขารับมือจากความรู้สึก จากความกดดัน จากคนรอบๆ ข้างอย่างไรมากกว่า สุดท้าย ... ปกหลังเขียนว่า เป็นหนังสือที่ romantic ที่สุด ที่ a book เคยจัดพิมพ์มาผมเห็นด้วยครับ literature romance
Narumol_tama9 reviews9 followersFollowFollowApril 5, 2012"เราจะมีชีวิตที่ดี" เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่เรารอคอยที่จะอ่านนอกเหนือไปจาก "ที่นี่ที่รัก" ของพี่ก้อง ทรงกลดแล้ว จริงๆแล้วตอนที่อ่านผลงาน "การลาออกครั้งสุดท้าย" ไม่ได้รู้สึกว่าชื่นชอบอะไรมากนัก แต่รู้สึกว่าการเขียนของคุณภาณุมาศช่างรื่นไหลดีเหลือเกินเพราะอ่านรวดเดียวจบเล่มเลย ช่วงหลังๆได้ไปยืนอ่านผลงานเล่มก่อนๆในนาม "ใบพัด" ในร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ ซึ่งเป็นแนวรวมบทความชื่อว่า "โปรดหาเรื่องใส่ตัว" แล้วรู้สึกชอบในฝีไม้ลายมือการเขียน เลยสมัครใจเป็นแฟนหนังสือด้วยคนและตั้งหน้าตั้งตารออ่าน "เราจะมีชีวิตที่ดี" เพราะพี่บิ๊ก ภูมิชายเปรยไว้ในปกหลังว่า "เป็นหนังสือที่โรแมนติกที่สุดเท่าที่อะบุ๊คเคยตีพิมพ์มา" จากปกหลัง...ในชีวิตของเรานั้น นอกจากความฝันและการงานแล้ว ยังมีเรื่องของความรักและครอบครัว ที่เป็นปัจจัยสำคัญอยู่ด้วย เราจะมุ่งไปสู่ความฝัน และประสบความสำเร็จอย่างไร โดยนำพาคนที่เรารักไปด้วยกัน หนังสือเล่มนี้ จะมีคำตอบให้คุณ"เราจะมีชีวิตที่ดี" เป็นภาคต่อจาก "การลาออกครั้งสุดท้าย" แนะนำว่าควรจะอ่าน "การลาออกครั้งสุดท้าย" เสียก่อนเพื่อเป็นการเข้าใจเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของคุณภาณุมาศ เมื่อมาอ่าน "เราจะมีชีวิตที่ดี" จะได้อารมณ์ภาคต่อในอีกแง่มุมหนึ่งที่ช่วยเติมต่อให้ "การลาออกครั้งสุดท้าย" ครบครันมากยิ่งขึ้นความรู้สึกหลังการอ่าน "เราจะมีชีวิตที่ดี" นั้น เป็นอารมณ์เดิมกับตอนที่อ่าน "การลาออกครั้งสุดท้าย" แม้ชื่อเรื่องจะบอกว่าเป็นการลาออกครั้งสุดท้าย และชี้ให้เห็นว่าการจะมีชีวิตอย่างไม่ต้องทำงานในบริษัท ไม่มีงานประจำ วันๆนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น นั้นทำได้อย่างไร แต่ความรู้สึกเมื่ออ่านจบลงกลับทำให้เรารู้สึกดีกับงานประจำมากขึ้นไปกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเรารักงานบริษัทที่ต้องเข้างานเก้าโมงเลิกงานหกโมง วันๆนั่งอยู่แต่ในออฟฟิศเสียเมื่อไหร่ จริงๆเราเองก็คงอยู่ในโหมดเดียวกับคุณภาณุมาศที่อยากหลุดพ้นและเป็นอิสระจากการทำงานในระบบพนักงานกินเงินเดือนนี้ไปให้พ้นๆ อยากนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน อ่านหนังสือ กินข้าวดูหนัง นอนดึกๆตื่นสายๆแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็น "การลาออกครั้งสุดท้าย" หรือ "เราจะมีชีวิตที่ดี" ทั้งสองเล่มกลับทำให้เรารู้สึกดีกับการทำงานประจำขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจเพราะมันช่างขัดกับเนื้อหาสาระในเล่มเสียเหลือเกินขึ้นชื่อว่า "ชีวิต" ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ แม้กระทั่งชีวิตนั่งๆนอนๆของคุณภาณุมาศเองก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ใน "การลาออกครั้งสุดท้าย" เราเห็นผลกระทบในด้านไม่ดีที่มีต่อตัวเอง และใน "เราจะมีชีวิตที่ดี" เราเห็นผลกระทบในแง่ลบที่เพิ่มขึ้นที่มีต่อคนรอบตัว ใน "เราจะมีชีวิตที่ดี" นั้นคุณภาณุมาศขอให้เราลองมองคนรอบตัวของเราด้วย ใช่ว่าเราจะพาตัวเองไปถึงจุดหมายเพียงคนเดียว และคนรอบข้างในหนังสือเล่มนี้ ก็คือคุณแฟนของคุณภาณุมาศเอง และไอ้ด้านไม่ดีนี่แหล่ะที่ทำให้เรารู้สึกดีกับงานบริษัทของเรามากขึ้น เพราะหากต้องเลือกเป็นอย่างที่คุณภาณุมาศเป็น เพื่อให้ได้ความหลุดพ้นจากงานประจำมาแทนที่ เราเองก็คงเป็นไม่ได้อย่างนั้น หรือแม้กระทั่งแฟนคุณภาณุมาศเองก็คงทำไม่ได้เหมือนกันเพราะคนทุกคนไม่เหมือนกัน มุมมองของคุณภาณุมาศที่มีต่อองค์กรเป็นแบบหนึ่ง มุมมองของเราก็เป็นอีกแบบหนึ่ง หรือแม้แต่มุมมองของคุณแฟนของคุณภาณุมาศก็ยังเป็นอีกแบบ แม้จะคล้ายกันแต่ดีกรีก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว และแม้ทุกคนจะมีจุดหมายปลายทางเรื่องเดียวกัน แต่แต่ละคนก็ต้องหาหนทางที่เหมาะสมกับตัวของเราเองเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นๆโดยตัวเอง วิธีใครก็วิธีมัน"เราจะมีชีวิตที่ดี" พูดถึงความรู้สึกที่คุณภาณุมาศมีต่อคุณแฟน การเลือกเดินทางชีวิตที่แตกต่าง แม้จะดีกับตัวเรา แต่กลับมีผลกระทบในแง่ลบต่อคนที่เรารักด้วย หากเป็นเช่นนี้แล้ว เส้นทางชีวิตที่เราเลือกเดินนั้นมันถูกจริงหรือ และอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนสองคนเดินไปได้ด้วยกันบนเส้นทางขนานที่แตกต่าง น่าจะเป็นสิ่งที่พี่แสตมป์ร้องเอาไว้ว่า "มันคงเป็นความรัก"เราเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่บิ๊กถึงให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่โรแมนติกที่สุดก็เมื่อตอนที่เราเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย อืม ช่างเป็นหนังสือที่โรแมนติกที่สุดของอะบุ๊คจริงๆthai-books
Path Kittinat197 reviews69 followersFollowFollowMay 29, 2012เหมือนนั่งดู presentation video ของคู่หนุ่มสาวในงานแต่ง อ่านเพลินๆ น่ารักๆดี borrowed read-2012
REMEMI3ER195 reviews12 followersFollowFollowJuly 5, 2019รู้สึกดีที่ได้อ่านเล่มนี้อย่างถูกที่ถูกเวลา มีความโรแมนติก บอกเล่าประสบการณ์และบทเรียนอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจดี~ เราชอบที่คุณใบพัดเขียนไว้ว่า "มันเป็นเรื่องง่ายที่แรงบีบคั้นและสภาพการทำงานซ้ำซากจำเจในแต่ละวัน จะทำให้ผู้คนหมดอาลัยตายอยาก จนอาจยอมรับไปเลยว่า.. ชีวิตเรามันก็ได้แค่นี้ แต่สิ่งที่มันไม่อาจฉกฉวยจากเราไปได้เลย หากเราไม่อนุญาต สิ่งนั้นคือ.. (ความหวัง)"2017
Kittisak Kaewneam23 reviews1 followerFollowFollowNovember 12, 2018ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ได้อยู่กับคนที่รักไปนานๆ ได้สั่งสม เสริมสร้าง แลกเปลี่ยนสุขและทุกข์ด้วยกัน มากน้อยทรัพย์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเสมอไป
Biminator141 reviews9 followersFollowFollowOctober 21, 2019ภาคต่อจาก การลาออกครั้งสุดท้าย เล่มนี้เล่าถึงความรู้สึกเยอะกว่า จะเวิานเว้อเยอะกว่าเล่มที่แล้วหน่อย
Bunyarit BunMan11 reviewsFollowFollowFebruary 23, 2016หนังสือแง่คิดดีๆ ในการพัฒนาตัวเองและการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
Thanawat12 reviews2 followersFollowFollowOctober 23, 2016โดยรวมยังดี เสียดายเนื้อหาหลายส่วนซ้ำกับการลาออกจากงานครั้งสุดท้ายทำให้เหมือนเอาของเก่ามาขายใหม่ไม่ค่อยมีอะไรเพิ่ม
Ton Samarthi14 reviewsFollowFollowMarch 10, 2020เป็นหนังสือที่บังเอิญได้มาจากการเหมาซื้อหนังสือมือสองมาซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ได้เล่มนี้มาเป็นมุมมองสำหรับคนที่มีความคิดคล้ายๆ กันช่วยให้เห็นบางแง่มุมในการที่จะใช้ชีวิตแบบนี้เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นton-bookshelf