ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่

by Kotaro Tamura, ทามุระ โคทาโร่, ชัญพัส วรศักดิ์ (Translator)

พบกับหนังสือเล่มเล็กที่ถูกขนานนามว่าเป็น "ตำราพิชัยสงคราม" สำหรับยุคปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้คุณชนะได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงต่อสู้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสมรภูมิใดในชีวิตก็ตาม

Genres: How To

288 pages, Paperback

Published January 1, 2023

Reviews

[Mook Woramon · Rating 4 out of 5]

เราว่าเล่มนี้โอเคเลยเหมาะเป็นคู่มือเอาตัวรอดในเรื่องการทำงาน

ผู้เขียนเคยเป็นนักการเมือง เคยหัวร้อน เคยทำงานบริษัท จนตกตะกอนประสบการณ์ต่าง ๆ มาถ่ายทอดเป็นหนังสือเล่มนี้

ชื่อเรื่อง ‘ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่’ อาจจะดูแคบไปหน่อย จริง ๆ เนื้อหาแทบจะครอบคลุมทุกอย่างในชีวิตการทำงาน
- การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
- การประนีประนอม
- การสู้แบบมีชั้นเชิง
- การรู้จักปล่อยวาง
- ตั้งเป้าหมายในชีวิต

ชอบที่ผู้เขียนบอกว่าถ้ายังหนุ่มสาวลองสู้กับคนโง่ดูก็ได้ (คนโง่หมายถึงคนที่เราไม่ควรให้ความสำคัญ) แล้วเก็บมาเป็นประสบการณ์ เราจะพบว่าเราสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานไปอย่างไร้ค่า ได้เพียงความสะใจ

ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ 🤣🤣
ตอนสาว ๆ พลังมันเยอะ ผ่านศึกการท้าชน หัวร้อนมามากมาย
แต่พออายุมากขึ้น เลือดเย็นขึ้น พลังถดถอย ประสบการณ์ชีวิตเพิ่ม เราจะเรียนรู้ว่าจะเลือกสู้ในสิ่งที่สำคัญ สู้เพื่อคนที่สำคัญ และจะลงทุนออกแรงสู้เมื่อเห็นโอกาสชนะเท่านั้น
เราจะทะเลาะกับทุกคนบนโลกไม่ได้เพราะเราจะเหนื่อยเอง

เล่มนี้ดีนะ ลองอ่านดู

[panuchread]

ไม่รู้จะรีวิวอะไรเพราะรู้สึกว่าแทบทุกอย่างในนี้มันพูดง่ายแต่ทำยาก โดยเฉพาะกับคนที่เป็น target หลัก หรือก็คือคนที่เป็น “สายไฝว้” (เพราะถ้าไม่ใช่คงไม่มาอ่านหรอกมั้ง เค้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไม่คุ้มที่จะไปทะเลาะกับใครสุ่มสี่สุ้มห้า) 80% คือแนะนำด้วย keyword เดิมๆ เช่น อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์ อดทนเข้าไว้ หลีกเลี่ยงไปซะ ทำเป็นไม่สนใจ ให้ดึงศัตรูมาเป็นมิตร (aka สอนให้อยู่เป็น) คือมันเป็นวิถีสู่โลกอันสงบสุข 101 ที่ใครๆ ก็รู้ แต่ถ้าทำตามได้ง่ายๆ ด้วยการอ่านฮาวทูเพียงเล่มเดียว พวกตัวแทงค์ตัวแรงสายวีนคงหมดโลกไปละ 555555

บางทีสังคมการทำงาน (หรือแม้แต่สังคมการใช้ชีวิตทั่วไป) ก็ต้องการคนแบบนี้ ปล่อยให้คนโง่ (ตาม definition ในหนังสือ —ที่เราก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะคิดว่าคนเหล่านี้คือคนนิสัยไม่ดี ไม่ใช่คนโง่ ถ้าโง่จริงมันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก) มันลั้ลลาอยู่คนเดียวก็ประสาทกินกันหมด และสำหรับบางคนการวีนไปเลยก็ดีกับสุขภาพจิตมากกว่ามานั่งเก็บงำโทสะไว้แล้วไประบายในห้องน้ำหรือเขียนลงไดอารี่ (ตามที่หนังสือแนะนำ) ถ้ามัวแต่อดทนแล้วเมื่อไหร่จะได้ด่าคนคะ โลกไม่ต้องการความสงบอยู่แล้วโบร๋ และก็ต้องยอมรับว่ามันมีคนบางประเภทที่ถ้าไม่มีใครพูดมันก็ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แต่ถ้าสำหรับตัวเราที่ไม่ได้เป็นทั้งสายไฝว้และสายซอฟต์ อยู่กลางๆ ก็ไม่ค่อยได้อะไรจากเล่มนี้อยู่ดี (กำ) เพราะอ่านไปเถียงไปตลอด ปัญหาคือเราคิดว่ามันอยู่ที่พื้นฐานนิสัยคนด้วย ไอ้การจะแก้คนใจร้อนให้เป็นคนใจเย็นอดทนอดกลั้นมันยากและใช้เวลานานพอๆ กับการปลูกต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น คนที่กรีดเลือดออกมาเป็นคำว่าตัวแทงค์ครับจารย์ อยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนมาสายซัพสายเมจมันก็ยากเด้อสู

จริงอยู่ที่บางส่วนก็น่าสนใจและน่าทำตาม แต่มันค่อนข้าง simple มากๆ เรารู้สึกว่าวิธีส่วนใหญ่ในเล่มมันไม่ได้ practical สำหรับคนที่อยากถอนรากถอนโคนนิสัยเดิมๆ ขนาดนั้น แค่มาบอกว่าควรทำแบบนี้ ไม่ควรทำแบบนี้ ย้ำแต่ว่าไม่ควรไปเสียเวลา ไม่ควรต่อสู้ ให้หลีกเลี่ยงบลาๆๆ แต่ไม่ค่อยบอกวิธีการรับมือหรือวิธีการห้ามตัวเองที่เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง คือคนที่ทำไม่ได้มันก็ทำไม่ได้อยู่วันยังค่ำอะนึกออกมั้ย

ที่ DNF เพราะหลังๆ ดูจะเกี่ยวกับการทำงานแบบคนญี่ปุ่นเยอะ และตัวอย่างส่วนใหญ่เกี่ยวกับวงการนักการเมือง ไม่ค่อยรีเลทเลยเทละ ขกอ่าน เท่าที่อ่านมาประมาณ 50% ก็พอเก็ทคอนเซปต์คร่าวๆ แล้วด้วย (แล้วก็ assume เอาเองว่าบทหลังๆ คงไม่ได้แนะนำอะไรต่างจากนี้เท่าไหร่)

[Sasa · Rating 5 out of 5]

คุ้มมากจริงๆ สิ่งที่ผู้เขียนพยายามถ่ายทอดมาในหนังสือเล่มนี้ มันคือสุดยอดตำราพิชัยสงครามฉบับยุคปัจจุบันจริงๆ สุดท้ายท้ายสุดแล้วคนที่เราควรต่อสู้ด้วยจริงๆก็คือตัวเราเอง เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้แง่คิดของความ maturity อย่างสง่างามว่าควรจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาที่บวกๆกับคนอื่นมาตลอดนี่ช่างไร้สาระ และไร้เดียงสา เหลือเกินนะเรา

[Giyongchy · Rating 3 out of 5]

ชื่อหนังสือเหมือนแรงแต่จริงๆเป็นการแนะนำว่าควรสู้กับตัวเอง​อย่างมีสติ​ พัฒนาตัวเอง และหลีกเลี่ยงการปะทะสมองและอารมณ์กับคนที่ไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาที่มีค่าของเรา​

บางทีพูดง่ายก็ทำยากนะ​ บางครั้งมันก็เกิ๊นนนจะทน

[Book Beforebed_ · Rating 4 out of 5]

เป็นหนังสือที่ดีและเหมาะจะเอาไว้อ่านเตือนสติเป็นอย่างยิ่ง เราไม่สามารถคัดกรองคนที่จะเข้ามาในชีวิตเราได้ และแน่นอนว่าเราก็คงได้เจอกับ 'คนโง่' เข้าสักวัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ต้องเจอบ้างแหละเอาจริง 5555 ถ้ามีโอกาสได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็อาจจะเป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ และได้เตรียมรับมือเอาไว้ก่อน จะได้ไม่เสียท่าให้กับคนโง่นะฮะ

[Behyon · Rating 4 out of 5]

เกือบจะเป็นเล่มที่ทั้งรักทั้งเกลียด ให้ข้อคิดและดึงสติได้ดี แต่เนื้อหาบางอย่างก็รู้สึกว่าสุดโต่งเกินไป

- เวลาและพลังงานของเรามีจำกัด อย่าเอาไปสู้โดยไม่จำเป็น
- เล่มนี้ไม่ได้สอนให้อยู่กับคนโง่ แต่สอนให้อยู่กับทุกคนบนโลกได้ (โดยไม่เปิดเผยอารมณ์ตัวเองและเข้าหาแต่ละคนให้เป็น)
- เชิงปรัชญามากกว่า ไม่ได้มีฮาวทูหรืออะไรให้ อ่านแล้วถ้าเห็นด้วยก็ไปหาวิธีเอาเอง
- สังคมญี่ปุ่นด้วย และผู้เขียนเคยอยู่แวดวงนักการเมือง มันก็คนละเลเวลกับการใช้ชีวิตทั่วไปอยู่แล้ว
- หลัก ๆ ก็คือการอย่าไปเถียง ถ้าอยู่เงียบไม่ได้ก็พยายามซื้อใจคน อย่าปะทะ รู้เป้าหมายตัวเองแล้วทำทุกอย่างหรือทนเพื่อเป้าหมายตัวเอง

[Alligator · Rating 4 out of 5]

i liked this book. It had some contents i really needed right now. It gave me advise on how to focus on your true goals rather than wasting time on worthless issues. It taught me how to deal with difficult people, a way to prevent myself from being too emotional.

[Hitomi · Rating 3 out of 5]

そりゃそーだ。人から言われると腑に落ちますね。

[Anya JP · Rating 3 out of 5]

*Skim Reading

[van1998 · Rating 4 out of 5]

อ่านแก้เซ็ง สนุกกว่าที่คิด ถึงส่วนมากแก่นจะเหมือนเดิม แต่วิธีเล่าเรื่องมันตรงไปตรงมาจิกกัดนิดๆ

[Thanawat Singplod · Rating 3 out of 5]

ไม่ดี ไม่แย่ ไม่ได้ให้คำแนะนำเท่าที่ควร ส่วนมากเป็นเรื่องที่หนังสือแนว how to เล่า คือ ให้เปลี่ยนตัวเอง ให้สู้กับตัวเอง

[Ninetna · Rating 3 out of 5]

3.5

[Kunlonewolf · Rating 3 out of 5]

หนังสือเล่มนี้สอนให้มองโลกในความเป็นจริง เเละการไม่เสียเวลาต่อสู้ไปโดยเปล่าประโยชน์

ถ้ามองในทางพุทธก็คงเป็นเรื่องของจิตใจภายในของตัวเอง