The Happiest Person in the Room อยู่เย็นเป็นสูตร

by ณัฐวุฒิ เผ่าทวี

"คู่มือออกแบบชีวิตพิชิตการเป็นมนุษย์ผู้มีความสุข โดยพาไปสำรวจว่าในแต่ละด้านของชีวิต ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ หัวใจ และที่ทำงานนั้น มีปัจจัยหรือพฤติกรรมแบบใดที่ส่งผลหรือช่วยสร้างความสุขของเราให้เพิ่มขึ้นบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ทำยังไงให้เงินที่จ่ายไปซื้อความสุขได้มากขึ้น วิธีออกแบบนิสัยเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและมีสุขไปกว่าครึ่ง จะเพิ่มโอกาสให้ความรักยืนยาวได้ด้วยวิธีไหน เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างความสุขในที่ทำงาน รวมถึงย้อนกลับไปทำความเข้าใจสิ่งตั้งต้นที่มีผลต่อความสุขในวันนี้และอนาคต อย่างเรื่องการตัดสินใจของคนเรา

นำเสนอผ่านการหยิบทฤษฎีและผลงานวิจัยว่าด้วยหลักพฤติกรรมศาสตร์ จิตวิทยาสังคม เศรษฐศาสตร์ความสุข และเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมาอธิบาย พร้อมนำเสนอมุมมองฉบับเข้าใจง่ายของ ณัฐวุฒิ เผ่าทวี นักเขียนผู้เชี่ยวชาญในเรื่องพฤติกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ความสุข และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเพิ่มโอกาสให้คุณได้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในห้อง ไม่ว่าในห้องนั้นจะมีใครอยู่ก็ตาม "

Genres: Nonfiction

208 pages, Paperback

Published January 1, 2023

About the author

a professor of behavioural science at Warwick Business School, University of Warwick. I am also the author of The Happiness Equation: The Surprising Economics of Our Most Valuable Asset (Icon Books) and How Happiness Works (Salmon House), and a columnist for ThaiPublica and The Momentum in Thailand.

nattavudh.powdthavee@wbs.ac.uk

Reviews

[Mook Woramon · Rating 4 out of 5]

เป็นเล่มที่เหมาะกับอ่านรับปีใหม่ อ่านง่าย เข้าใจง่าย

ผู้เขียนแนะนำวิธีเพิ่มความสุขทั้งการใช้เงิน สุขภาพ ความรัก การทำงาน โดยอ้างอิงการวิจัย ยกตัวอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่ก็ทำตามได้จริง
คนที่ไม่มีความสุขอยู่ก็อ่านได้ คนที่มีความสุขอยู่แล้วก็ช่วยเพิ่มความสุขไปอีก

บทที่ชอบเป็นพิเศษคือการใช้เงินเพิ่มความสุข การมีเงินเยอะไม่ได้สำคัญเท่าใช้เงินเพิ่มความสุขเป็น แต่ถ้ามีเงินด้วย มีความสุขด้วย มันก็เริ่ดดดดด 🤣🤣

อีกบทที่ชอบคือการเพิ่มความสุขในที่ทำงาน แค่เปลี่ยนวิธีพูดก็เพิ่มความสุขได้ และที่เห็นด้วยสุด ๆ คือทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ ความสุขเพิ่มขึ้นมาก ประสิทธิภาพงานเท่าเดิม อยากทำงานสี่วันบ้างงงงง 😅😅

[Mirai · Rating 5 out of 5]

สนุกมากกกกกกก ไม่คิดว่าหนังสือเล่มนี้จะอ่านสนุก มันช่างอ่านง่าย เข้าใจง่ายอะไรขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าคงต้องใช้เวลาอ่านสักหน่อย เพราะเป็นหนังสือที่นำหลักเศรษฐศาสตร์มาอธิบายประกอบกับพฤติกรรมของมนุษย์ ไอ้เราที่ไม่เก่งเศรษฐศาสตร์ก็หวั่นใจแล้วว่าจะอ่านไหวมั้ย 😂 สรุปคืออ่านไหว! อ่านได้! อ่านง่าย! อ่านแบบใจจดจ่อ เผลอแป้บเดียวก็จบแล้ว กลายเป็นว่า เราได้ค้นพบตัวเองเพิ่มว่าเราก็ชอบอ่านหนังสือแนวนี้เหมือนกัน

'The Happiest Person in the Room อยู่เย็นเป็นสูตร' เป็นหนังสือว่าด้วยเรื่องความสุขในชีวิตประจำวัน โดยการนำเอาหลักและทฤษฎีของเศรษฐศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ และจิตวิทยา เข้ามาย่อยให้เข้าใจง่ายๆ เพื่อตามหาคำตอบว่า แท้จริงแล้วความสุขในชีวิตอยู่ที่ใด

ฟังดูปรัชญามากเลยใช่มะ 5555 แต่ไม่ขนาดนั้นหรอก ในเล่มเต็มไปด้วยงานวิจัย การทดลอง การเปรียบเทียบ และการยกตัวอย่างมากมาย มีความรูปธรรมสุดๆ เลยยิ่งทำให้อ่านเข้าใจง่าย ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหากเข้าใจใช้ชีวิต รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสุข เราก็สามารถมีความสุขในทุกๆ วันได้ง่ายๆ เช่นกัน

เป็นหนังสือที่ชอบ พูดได้เต็มปากว่าชอบ อ่านไปพลางก็แนะนำให้คนรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ขอบคุณสำนักพิมพ์มากๆ มี่แนะนำเล่มนี้ให้เราได้รู้จักนะคะ 🥰

[Pawarut Jongsirirag · Rating 3 out of 5]

ผมสามารถสรุปความดีของเล่มนี้ได้สั้นๆว่า

ถ้าไม่ค่อยได้อ่านงาน เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ด้านความสุข (หรือไม่เคยอ่านเลย) มาอ่านเล่มนี้ครับ พอเลยครบจบในเล่มเดียว แต่ถ้าใครที่อ่านมาบ้างเเล้ว มาอ่านนี้เพื่อทบทวนความรู้หรืออาจจะได้เก็บตกบางส่วนเพิ่มเติมก็ดีไม่แพ้กันครับ

หนังสือเล่าถึงการตอบคำถามว่า "ทำไมเราถึงไม่มีความสุขในสังคมทุกวันนี้"
โดยเเบ่งบทออกเป็น 4 บท คือ การเงิน สุขภาพ ความรัก และการตัดสินใจ โดยในแต่ละบทจะเล่าถึงการใช้เงินอย่างไรถึงทำให้ได้ความสุขมากที่สุด ทำยังไงเราถึงจะดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เราสามารถเลือกคู่ครองและมีความรักที่ดี และ การตัดสินใจของเราอยู่ภายใต้หมอกควันอะไรบ้างที่ทำให้เราตัดสินใจอะไรต่างๆในชีวิตได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งทั้งหมดอธิบายผ่านองค์ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมครับ

เหตุที่ผมบอกว่าเล่มนี้ครบจบ และควรอ่านมาก โดยเฉพาะถ้ามีความสนใจด้านนี้แต่ไม่รู้ว่าเริ่มจากเล่มไหน

ประการแรกเลย เพราะ มันอ่านง่ายยยยยมากครับ
ต่อให้ไม่มีพื้นฐานเลย ผมว่าทุกคนอ่านได้เข้าใจ อ.ณัฐวุฒิเล่าทุกอย่างด้วยภาษาทั่วไปไม่ใช่วิชาการ เหมือนมี อ.ท่านนึงมาเล่าอะไรสนุกให้เราฟังที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับย่อยอธิบายงานวิจัยประกอบเนื้อหาให้เรามาพร้อมสรรพ อ่านเเล้วเก็ท พร้อมด้วยเหตุและผล ไม่ใช่อะไรหลักลอยอย่างแน่นอนครับ

ประการที่สอง คือ อ่านจบเเล้ว เอาไปใช้ได้เลย
นอกจากเนื้อหาด้านวิชาการเเล้ว สไตล์การเล่าของ อ. ยังออกแบบมาเพื่อให้คนอ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้เลยครับ เรียกได้ว่าเป็นคู่มือพร้อมคำอธิบายประกอบ ก็ไม่ผิดอะไรเลยครับ

ประการสุดท้าย คือ เนื้อหาในเล่มคัดข้อมูลที่จำเป็นมาเพียงพอเเล้ว
เล่มนี้ไม่หนาเลย หากคัดเน้นๆเเล้วผมว่าทั้งเล่มน่าจะอยู่ประมาณ 170 หน้าได้ ซึ่งเพียงพอต่อการทำความเข้าใจ เอาไปปฎิบัติได้เลยทันที เราจะไม่ได้เจอการถล่มด้วยเนื้อหามากมายน้ำท่วมทุ่งให้ปวดหัวเลย อ.เล่าอย่างตรงประเด็น กระชับฉับไว เข้าใจได้ง่าย เผลอๆอ่านวันเดียวก็จบได้เลยนะครับ

พออ่านจบเเล้ว ก็บรรลุสิ่งหนึ่งที่แน่ชัดว่า เราออกแบบชีวิตและพฤติกรรมของเราได้ครับ ทุกอย่างมีเหตุและผลรองรับ ทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนั้น ทำไมเราถึงคิดแบบนี้ ทุกอย่างมีปัจจัยหลายอย่างรายล้อมซึ่งส่งผลต่อตัวเราอย่างคาดไม่ถึง เมื่อเรารู้แล้วว่าปัจจัยพวกนี้ทำงานอย่างไร รู้เท่าทันปัจจัยพวกนี้ การแก้ปัญหาเพื่อให้ชีวิตเราดียิ่งขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถอีกต่อไปแล้ว

มาเป็น The Happiest person in the room กันดีกว่าครับ

[Bighead_Monster · Rating 4 out of 5]

#THEHAPPIESTPERSONINTHEROOM ศึกษาพฤติกรรม+เรียนรู้จากผลวิจัยที่ถูกสรุปมาให้ย่อยง่ายจึงอ่านเพลินใจเบาสบายได้ฟีล #อยู่เย็นเป็นสูตร หนังสือที่ช่วยสร้างความสุขในชีวิตประจำวันด้วยแนวคิด+เทคนิคที่สามารถนำไปปรับเปลี่ยนการตัดสินใจ รวมถึงวิธีการใช้ชีวิต เพื่อบังเกิดความสุขในชีวิตด้านต่าง ๆ
.
.
คุณนักเขียน ณัฐวุฒิ เผ่าทวี ผู้เป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ จึงมีความสนใจและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม,เศรษฐศาสตร์ความสุข ผลงานนอกจากเขียนบทความใน The standard และที่อื่น ๆ ก็ยังมีเขียนหนังสือ พฤติกรรมความสุข /มนุษย์อารมณ์ ฯลฯ

ซึ่งในเล่มนี้จะพาเราไปทำความรู้จัก พาไปสำรวจว่าในแต่ละด้านของชีวิต ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ หัวใจ และที่ทำงานว่ามีปัจจัยหรือพฤติกรรมแบบใดที่ส่งผลหรือช่วยสร้างความสุขของเราให้เพิ่มพูนขึ้นบ้าง คือการนำทฤษฎีทางจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์ ทางพฤติกรรมศาสตร์มาช่วยออกแบบชีวิตในด้านต่าง ๆ

พาไปเราดูการวางแผนพฤติกรรม ให้เราได้เป็นสถาปนิกทางความสุขด้วยตัวเองได้ ด้วยการยกตัวอย่างการวิจัย แบ่งกลุ่มทดลอง สรุปผลการทดลองมาให้เห็นภาพมากขึ้น อย่างบทนำเริ่มที่การยกเหตุการณ์ต่าง ๆ เงื่อนไข พฤติกรรมที่ทำให้คนเรามีความสุขได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและออกแบบเสียใหม่

บทที่หนึ่ง พูดถึงความสุขในเรื่องของเงิน ในหัวข้อของเงินมีผลวิจัยที่น่าสนใจเยอะ เพราะประเทศเราเหลื่อมล้ำเยอะ มีผลวิจัยของความจนที่ความเหลื่อมล้ำส่งผลให้ผู้คนจนทั้งรายได้จนทั้งเวลา อีกทั้งยังมีบอกถึงวิธีใช้เงินซื้อความสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีเทคนิคที่เราชอบหลายอันเลย

เช่น เราควรใช้เงินซื้อประสบการณ์มากกว่าสิ่งของเพราะมีประสิทธิภาพในการสร้างสุขมากกว่า /หรือสิ่งของหรือประสบการณ์เล็กน้อยรายย่อยดีกว่าซื้อของชิ้นใหญ่หรือได้รับประสบการณ์สุดปังนาน ๆ ครั้ง /การมีบัญชีที่เห็นชัดว่าจะเอาไปทำอะไรต่อทำให้สมองเรามองภาพความสุขตรงนั้นแล้วเพิ่มพูนความสุขขึ้นมาได้

บทที่สอง คือการออกแบบพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ยังผลนำมาซึ่งความสุขในระยะยาว พูดถึงปัญskการผัดวันประกันพรุ่ง เทคนิคการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน /การปรับสิ่งแวดล้อม เช่น ตั้งค่าแอปร้านอาหารสุขภาพ /ทำเรื่องสุขภาพเป็นการแข่งขัน /การวางเดิมพันเพื่อลงโทษหากทำไม่สำเร็จ ฯลฯ

บทที่สาม เรื่องของหัวใจหรือความรัก (ผลวิจัยเยอะมากหัวข้อนี้) ว่าด้วยเรื่องปัจจัยการเลือกคู่ครอง ความพึงพอใจทางสังคม ศิลปะการขอโทษ เช่น การนับหนึ่งถึงสิบก่อนพูดกับคนรัก//บทที่สี่ ว่าด้วยเรื่องที่ทำงาน วิธีทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีความสุข ฯลฯ ชอบหัวข้อที่ปรับการทำงานสัปดาห์ละ4วัน (เห็นด้วยมาก ๆ)

บทที่ห้า ว่าด้วยเรื่องการตัดสินใจบนความไม่แน่นอน เริ่มด้วยคำถามโลกแตกอย่าง วันนี้กินอะไรไปจนถึงเรียนต่อที่ไหน ไปจนถึง ถ้ามีครอบครัวแล้วควรมีลูกดีไหม พูดไปถึงการตัดสินใจเชิงเศรษฐศาสตร์ คือการเทียบข้อดีข้อเสียของตัวเลือกต่าง ๆ พอมองเห็นข้อดีข้อเสียเทียบจะทำให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น

ภาพรวมเป็นเล่มที่มีสาระเชิงวิชาการในเวย์ที่ย่อยไม่ยาก เอาไปประยุกต์ใช้ตามหัวข้อที่แบ่งสันปันความรู้ยกตัวอย่างไว้ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นการใช้ชีวิตให้เป็นสุขที่แท้จริงก็มีมากกว่าหัวข้อและประเด็นที่กล่าวไว้ ในเล่มจึงเป็นเพียงแนวทางเสริมออฟชั่นการตัดสินใจ เพื่อที่จะส่งผลดีทางอารมณ์และเพิ่มสุขให้ตัวเราได้

วรรคที่ชอบ

- คนเราเลือกที่จะอยู่ด้วยกันแม้จะไม่มีความสุข โดยมีเหตุผลต่าง ๆ อย่างลูก การทำงานและสังคม /อย่างที่เขาว่ากันว่าการหย่าร้างทำให้คนที่ไม่มีความสุขสองคนกลายเป็นคนที่มีความสุขสี่คนได้

[panuchread · Rating 4 out of 5]

เป็นการอ่านจิตวิทยาพัฒนาตนเองครั้งแรกๆ เลยที่ไม่รู้สึกขัดใจหรือ cringe กับคำแนะนำ (บอกอีกทีสำหรับคนที่อาจจะไม่รู้ ว่าเราไม่พรีเฟอหนังสือแนวนี้เลย นอนฟิคชั่น-ฮาวทู-ความรู้ มันไม่ใช่ทาง 555555) แต่ในจำนวนน้อยนิดที่เคยอ่านมา เราชอบไปหยิบเจอเรื่องที่มัน express ความเห็นคนเขียนอย่างเดียวโดยแทบไม่อ้างอิงแหล่งที่น่าเชื่อถือ มันเลยดูลอยๆ และเราก็จะเควสชั่นเสมอว่า ทำไมชั้นต้องเชื่อเค้าด้วย 😅

แต่เล่มนี้ไม่ใช่ มันมีความน่าเชื่อถือในน้ำเสียงและวิธีการเล่า รวมถึงการอ้างอิงงานวิจัยต่างๆ ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับคนเริ่มต้นอย่างเรา แถมยกตัวอย่างออกมาเข้าใจง่าย การบอกให้เอาวิธีต่างๆ ไปปรับใช้ก็ไม่ได้บอกลอยๆ ประเภท “ลองทำดู ชั้นว่าดี” / “ชั้นใช้วิธีนี้อยู่ล่ะ เวิร์คนะ” แต่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ ไม่มีเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมทำแบบนี้ถึงดีล่ะ แต่เล่มนี้อธิบายทุกอย่างออกมาตามหลักจิตวิทยา-เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม มีการวิจัยแล้วจริงๆ ไม่ได้นั่งเทียนขึ้นเอง ตอนอ่านเลยรู้สึกเอนจอยและถูก convince ได้ง่ายมากๆ (ในแง่ดีนะ 😂)

ในเล่มเค้าจะแนะนำวิธีการสร้างความสุขจากพฤติกรรมด้านต่างๆ ทั้งการใช้เงิน สุขภาพ การงาน ความรัก การตัดสินใจ เราชอบเรื่องเงินกับสุขภาพสุด เพราะเป็น topic ลำดับต้นๆ ในชีวิตที่เราสนใจ (ในเล่มมีคำถามนึงให้เลือก 3 อย่างที่สำคัญ และ 2 ใน 3 เราเลือกเงินและสุขภาพจริง 555555)

มี 2 แนวคิดที่ชอบเป็นพิเศษคือ 1. การ pay now, consume later จะทำให้มีความสุขกว่าการ consume now, pay later เพราะเราจะได้มีช่วงเวลาแห่งการได้ฝันถึงของชิ้นนั้นที่จ่ายเงินไปแล้ว และลดโอกาสจะเกิดความเสียดายตอนได้ของมาใช้แต่ไม่ถูกใจแต่ยังต้องผ่อนของ ‘ที่ไม่ถูกใจ’ ไปเรื่อยๆ 2. การซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองเป็นประจำ อาจทำให้มีความสุขกว่าการซื้อของชิ้นใหญ่ๆ แต่นานๆ ที เช่น ใช้โค้ด 50% ซื้อหนังสือทุกวัน อาจจะแฮปปี้กว่าการซื้อ boxset ราคาแพงไตรมาสละครั้งไรงี้ อันนี้ชอบเพราะตรงกับแนวคิดส่วนตัวด้วย เป็นพวกชอบซื้อของเล็กน้อยไปเรื่อย ไม่ค่อยซื้อชิ้นใหญ่ (ที่แพง) เพราะเดี๋ยวไม่มีตังค์ไปซื้อชิ้นเล็ก 555555

สรุปคือเป็นเล่มที่อ่านง่ายและมีประโยชน์ดี ไม่แน่ใจว่าถ้าคนที่อ่านจิตวิทยาลึกๆ มาแล้วจะยังจอยมั้ย แต่สำหรับคนไม่ค่อยถนัดแนวนี้คือโอเคเลย

[Drn.Reading · Rating 4 out of 5]

The happiest person in the room — อยู่เย็นเป็นสูตร

หนังสือเล่มนี้ที่ว่าด้วยเรื่องการสร้างความสุขอยู่ในชีวิตประจำวันด้วยตนเอง โดยหนังสือที่จะพาไปสำรวจแต่ละด้านของชีวิต ตั้งแต่การเงิน สุขภาพ หัวใจ และงานที่ทำ ว่ามีพหุปัจจัยหรือพฤติกรรมใดบ้างที่ช่วยสร้างความสุขให้เราได้ และที่สนุกกว่าที่คิดไว้คือ ผู้เขียนได้หยิบยกงานวิจัยต่างๆ ตั้งแต่งานวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์ จิตวิทยาสังคม เศรษฐศาสตร์ความสุข และเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมาย่อยให้เข้าใจง่าย อ่านสนุก อ่านเพลิน แถมเชื่อมโยงงานวิจัยให้เราเข้าใจง่ายๆ เพื่อนำมาใช้สร้างความสุขให้เราแบบไม่ซับซ้อน และที่ชอบไปมากกว่านั้นคือ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ฮาวทูที่บอกขั้นตอน 1-2-3-4 แบบไม่มีที่มาที่ไป เพราะอย่างที่บอกว่าทุกงานวิจัยจะเกริ่นมานั้นมันมีที่มาที่ไปของพฤติกรรมมนุษย์และเชื่อมโยงให้เห็นถึงธรรมชาติของพฤติกรรมเรา รวมทั้งมันทำให้เราได้หยุดคิดและสำรวจตัวเองไปด้วยในระหว่างอ่าน

ส่วนตัวเราชอบมาก อ่านรวดเดียวจบ มีหลายงานวิจัยที่เราเคยรู้มาบ้าง และมีอีกหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เลยทำให้อ่านเล่มนี้รวดเดียวจบ อาจจะเพราะภาษาที่เล่าสนุกของคุณนักเขียนและเนื้อหาที่มันรีเลทกับเรา เพราะทุกอย่างที่ผู้เขียนสื่อสารออกมาคือการพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์ และถ้ายิ่งเราเข้าใจตนเอง สังเกต สำรวจตัวเองได้ดีเท่าไหร่ เราก็จะสามารถหาวิธีในการสร้างความสุขของเราได้มากเท่านั้น ซึ่งมันไม่ยากเลย 😊

#thehappiestpersonintheroom #อยู่เย็นเป็นสูตร

[Patzh Eaimtrakul · Rating 4 out of 5]

เป็นหนังสือที่มีกรอบของ content ที่น่าสนใจอยู่เพราะมันคือการนำเอาเหล่าทฤษฎีจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม มาจับกับไลฟ์สไตล์เพื่อออกแบบการใช้ชีวิตในแต่ละด้าน ซึ่งโดยปกติแล้วหนังสือเล่มก่อนหน้าของคุณณัฐวุฒิ จะเป็นบทความขนาดสั้นต่อๆกันในประเด็นที่เขาสนใจแต่พอมาเขียนเป็นก้อนชุดมันก็ยังคงมีเรื่องราวเล็กๆ ที่เสียบเข้ามาอยู่ในกรอบใหญ่ที่กำลังพูดถึงอยู่

แม้ว่าหนังสือจะ��อกว่าเป็นคู่มือการออกแบบชีวิตให้เป็นมนุษย์ผู้มีความสุข แต่สิ่งที่สำคัญแล้วถูกแมนชั่นบ่อยมากในนี้คือเราจึงหลีกเลี่ยงความทุกข์ได้อย่างไรในเชิงปัจเจกเสียด้วยซ้ำ ซึ่งอาจจะเป็นทิศทางที่ถูกต้องสำหรับหนังสือเล่มนี้ก็ได้

อีกอย่างที่นึกออกคือพอมันเขียนเป็นภาพรวมชีวิตคนในกรอบมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงิน สุขภาพ ความรักความสัมพันธ์ หน้าที่การงาน รวมไปถึงการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันยาก มันเลยสะท้อนความเป็นมนุษย์ 1 คนในแต่ละวันออกมาได้อย่างครบถ้วน แปลว่ามันจะไม่ใช่ทุกคนที่จะตรงตามสูตรที่เขียนแต่มันก็คงมีบางอย่างที่หยิบจับมาใช้ได้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันอยู่ดีแหละ

[Makmild · Rating 4 out of 5]

สนุก และเขียนเข้าใจง่ายมากๆ นี่ไม่ได้อ่านหนังสืงเสดสาดพฤติกรรมมานานแล้วเพราะมันไม่มีงานวิจัยออกใหม่ออกมา และคิดว่าจุดสูงสุดของเสดสาดพฤติกรรมที่หลายเล่มอ้างอิงถึงยังไงก็ต้อง thinking fast and slow แต่อ.ณัฐวุฒิก็เขียนเล่มนี้ออกมาให้เราเห็นถึงแง่มุมที่เราไม่ได้นำหลักการมาประยุกต์กับแง่มุมต่างๆ ของชีวิต

เสดสาดพฤติกรรมมันคือจิตวิทยาผสมกับตัวเลข 5555 มันคือแง่มุมของการตัดสินใจตัวเลือกต่างๆ ในชีวิต เราจะมีความสุขตอนนี้แล้วหวังพึ่งตัวเองในอนาคตหรือให้ตัวเองในอนาคตหันมาขอบคุณเราในวันนี้ดี

ในเล่มเขียนถึงทั้งแง่มุมส่วนตัว และแง่มุมการทำงานทั้งในองค์กรและภาครัฐที่ออกแบบให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลงได้ทั้งนั้น เป็นอีกเล่มที่เราว่าเล่าง่าย สนุก มีการยกตัวอย่างที่ไม่เยอะไม่น้อยเกินไป (เล่มมันบางน่ะ) แต่ก็มีเพียงพอให้เราเข้าใจทฤษฎีที่ถูกกล่าวถึง

[Boon · Rating 5 out of 5]

ติดตามงานเขียนของอาจารย์ณัฐวุฒิมาหลายเล่ม เห็นพัฒนาการในการเขียนดีขึ้นเรื่อยเรื่อยในทุกเล่มที่ผ่านมา โดยเนื้อหาทั้งหมดยังถูกยึดโยงกันด้วยเรื่องเกี่ยวกับความสุขของคน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก วิชาเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมที่อาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่นั้นเป็นวิชาที่น่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต

เนื้อหาในเล่มนี้ถูกแบ่งออกมาเป็นสี่ส่วนหลัก และหนึ่งส่วนเสริม ส่วนหลักมีตั้งแต่เรื่องการเงิน สุขภาพ ความรัก และการงาน ส่วนเสริมได้แก่เรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องยากๆ โดยเนื้อหา แนะนำงานวิจัยที่เป็นของอาจารย์เองและของผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาวิเคราะห์ โดยมีข้อสรุป ในแต่ละส่วนว่าคนเราจะมีความสุขมากขึ้นได้ยังไงด้วยเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายครับ

[Ooan Pongsriwat · Rating 4 out of 5]

ลุ่มลึก เฉียบขาดคือความรู้สึกที่มีต่อผู้เขียนเล่มนี้ตอบและอธิบายแง่มุมต่างๆที่แตกต่างจากคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี พื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลมาจากสถิติและการวิจัยทำให้ผลงานเล่มนี้มีทั้งความอ่านง่ายและความน่าเชื่อถือ

[Thanida · Rating 4 out of 5]

As a fan of his page, this book is like a self-reminder - a ping to all the decisions I have made so far. Well structure and informative as always!

[Poy nattawadee · Rating 4 out of 5]

วิชาการที่อ่านง่าย

[สมุด-ทด-ความคิด · Rating 4 out of 5]

อ่านสนุก และได้ความรู้ อ่านเพลิน
ผู้เขียนได้ปรับภาษาทางวิชาการให้อ่านง่าย และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

[Sirasa Songsangrat · Rating 4 out of 5]

เล่มแรกของปี 2025 (จริงๆคืออ่านข้ามปี) ปกติไม่ค่อยอ่าน non-fiction นอกจากหนังสือเรียน ดีใจที่หยิบเล่มนี้มาเพราะค่อนข้างอ่านง่าย ยกตัวอย่างด้วยงานวิจัยทำให้เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ในการสร้างความสุขได้