Makmild806 reviews216 followersFollowFollowNovember 4, 2023เป็นเล่มที่อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความปลอบใจ เราคิดว่ามันเป็นหนังสือที่มาถูกช่วงจังหวะมากๆ เราที่เหนื่อยกับการใช้ชีวิต (ถึงจะเอาไปเทียบกับใครไม่ได้) แต่การมีหนังสือสักเล่มพยายามโน้มน้าวเพื่อสื่อถึงหนึ่งประโยคว่า “พยายามได้ดีแล้ว” มันเหมือนได้คลายความทุกข์ในใจไปเปราะหนึ่ง ร้านหนังสือมินาโตะที่เรารักอาจจะไม่ใช่หนังสือที่กลมกล่อมนักในแง่วิธีการเล่า ออกจะขาดๆ เกินๆ ล้นๆ แหว่งๆ ไปหน่อย อย่างจุดคลี่คลายเรื่องของตัวละครเอกกับอาจารย์ด้วยกันนี่รู้สึกได้เลยว่าเป็นคำพูดที่เหมือนโดนยัดเข้ามามาก อึดอัดแทน คนเราจะพูดกันแบบนี้ในวันที่พ่อลูกศิษย์เพิ่งตายหรอ 5555555 แต่นั่นแหละ มันเข้าใจได้เพราะเล่มมันบาง วิธีการเล่าเลยรวบรัดเพื่อให้เป็นไปตามเส้นเรื่องที่วางไว้พูดถึงเส้นเรื่องที่ตั้งใจจะวางไว้ เราก็ไม่ได้คิดนะว่ามันจะถูกคลี่คลายมาแนวนี้ เนื่องจาก 1) ตัวละครหลัก-พระเอก-โยชิโตะ-อายุ 52 ปี (ตัวละครที่แก่กว่านี้ดำเนินเรื่องที่เคยอ่านมีแค่บริทมารีแล้วอะ 5555) เป็นอาจารย์ที่จู่ๆ พ่อที่ตัดขาดจากชีวิตมาเกือบ 40 ปีตายไป 2) วิธีการเล่าเรื่องในตอนแรกที่ได้ใส่ความเหนื่อยยากของความเป็นอาจารย์เข้ามา เลยนึกว่าเรื่องมันจะขมๆ กว่านี้หน่อย (แกต้องการอะไร ชั้นรู้นะ อยากสะท้อนสังคมมากหรอ) แต่กลายเป็นว่า อ่อ นี่แนวฮีลใจ (ก็ฮีลได้จริง ไม่เถียง) มันเลยแบบปรับมู้ดไม่ทัน นึกเอาเองว่า อจ.จะกลับมาสืบคดีความตายของพ่อ 55555555 ป่าว ไม่ใช่ ไม่ได้มาสืบคดีอะไรทั้งนั้น มาก้าวผ่านปมชีวิตในวัย 52 มากกว่าพอคิดยังงี้แล้วก็รู้สึกทึ่ง ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็มีเรื่องที่ต้องก้าวผ่านทั้งนั้น และยิ่งเป็นเรื่องของคนในครอบครัวแล้วด้วย มันอาจจะยิ่งยากกว่าเดิม แม้การคลี่คลายจะง่ายไปหน่อย แต่การใส่เรื่องเทศกาลเข้ามาพอดีก็เข้าใจได้ พูดถึงเรื่องเทศกาล อจ.แกจะเขียนรายละเอียดเทศกาลเยอะไปไหน 5555 เข้าใจแล้วว่าอยากสื่ออะไรจ้า จริงๆ เราก็ไม่เคยคิดความหมายของคำว่าครอบครัวมาก่อน ยิ่งในยุคปัจจุบันที่แบบ ลูกโตไปแล้วแยกกับครอบครัวดั้งเดิม มันเลยยิ่งแบบ เออ ครอบครัวมันเป็นแบบที่ในเรื่องว่าจริงๆนะ มันคือการรบกวนกันและกันพูดถึงการรบกวน เราก็เป็นคนแบบโยชิตะประมาณนึง คือไม่อยากสร้างความรบกวนให้ใคร แต่กับเพื่อนสนิทมากๆ ก็จะโดนบอกว่าไม่ได้เป็นการรบกวนเลย มีอะไรก็บอกได้เสมอ บางทีการที่เราคิดว่ารบกวนจนไม่กล้าพูดอะไรมันก็เป็นการขีดเส้นความสัมพันธ์รูปแบบนึง ยิ่งกับครอบครัวถ้าคิดแบบนี้มันคงอึดอัดน่าดู บางทีการรบกวน (ที่มันพอดี-ซึ่งก็พูดยาก) ซึ่งกันและกันได้มันก็บ่งบอกความสัมพันธ์รูปแบบนึงเขียนไปเขียนมาชักยาว เล่มนี้มีหลายประเด็นที่เราสนใจ หลักๆ ก็คือเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว และการใช้ชีวิตที่ทุกคนต่างแบกรับความเหนื่อยยากของตนเองเสมอ หากไม่มีใครชมก็ชมตัวเองก็ได้ว่าพยายามมาได้ดีมากเลยนะดีใจที่ได้อ่านเล่มนี้ค่ะ (แม้กลางๆ เล่มช่วงคลี่คลายความรู้สึกโยชิตะจะแหม่งๆไปหน่อย)
Siwabhorn Anothaisintawee542 reviews64 followersFollowFollowJanuary 23, 2024ร้านหนังสือมินาโตะที่เรารักอิชิบาชิ โยชิโตะได้รับแจ้งข่าวการตายของมินาโตะ เท็ตสึจิ พ่อของเขา เมื่อกลับถึงบ้านเกิด เขาก็พบว่าพ่อยังคงเปิดกิจการร้านให้เช่าหนังสือเหมือนตั้งแต่ก่อนที่เขาจะออกจากบ้านไปพร้อมกับแม่ โยชิโตะเกลียดพ่อของเขามาโดยตลอด ถึงขั้นตัดพ่อตัดลูก เพราะผลาญเงินไปกับการดื่มเหล้าจนไม่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว เมื่อโยชิโตะกลับมาสะสางสมบัติของพ่อที่บ้าน เขาจึงไม่อยากเก็บอะไรไปเป็นของดูต่างหน้าทั้งนั้น และต้องการมอบหนังสือในร้านทั้งหมดให้กับมานาเบะ โยโกะลูกค้าประจำของที่ร้าน ระหว่างที่ดูข้าวของของพ่อ เขาก็เจอเสื้อฮับปิที่สำหรับใส่ในเทศกาลแห่ดังจิริ ทำให้เขาย้อนไปถึงตอนเด็กๆ ที่เขาสวมเสื้อฮับปิและได้เป็นคนตีกลองของขบวนแห่ หลังจบงานพ่อของเขาได้มาหาและมอบแอปเปิ้ลแคนดี้ให้ ซึ่งเป็นความทรงจำดีๆ เรื่องเดียวที่เขามีกับพ่อ เมื่อโยชิโตะได้คุยกับโยโกะ ก็ทำให้รู้ว่าพ่อของเขามีมุมที่แตกต่างออกไปจากที่คนในครอบครัวรับรู้ หนังสือมีปมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกเป็นประเด็นหลัก แต่เราไม่อินมั๊ง เลยอ่านไปเรื่อยเปื่อยมาก เรื่องมันไม่มีจุดพีคอะไรให้ตื่นเต้นด้วยแหละ แบบอือๆ เล่าไปนะ อยากจบเมื่อไหร่ก็จบนะ เงี๊ยะ ปล. ปกฝีมือ Piperpainto (หลานเราเอง) สวยใช่ไหมล่ะ Goodreads ให้ 3.7 เราให้ 4
Satang Cottoncandy156 reviews55 followersFollowFollowSeptember 19, 2024อ่านจบแล้วแต่ไม่มีมู้ดเขียนรีวิว🥲 หนังสือดีนะ ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกว่าใส่มาทำไมวะ หนังสือเล่าเรื่องที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้วแหละ ทั้งเรื่องคนคนหนึ่งอาจจะดีในมุมของบางคน และอาจจะเป็นคนแย่ๆ ในมุมของบางคน เรื่องใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง และเรื่องปล่อยวาง เขาแค่เล่าย้ำเตือนให้เราเห็นชัดขึ้น ช่วงที่ตัวละครกลับไปบ้านที่เป็นร้านหนังสือพ่อ เราตื่นเต้นตลอดเพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ จริงๆ เราแอบคิดว่าถ้าเรารู้จักคุณพ่อมินาโตะผ่านมุมมองของคนอื่นทั้งหมดเลยก็น่าจะดี ไม่ต้องรู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนแบบไหน แต่มันก็ดันมีบทหนึ่งที่เล่าในมุมมองของคุณมินาโตะ อาจเพื่อพูดถึงประเด็นเรื่องการปล่อยวางและการสรุปว่า "พยายามได้ดีแล้ว" มั้ง ที่ชอบคือการใช้คำว่า "พยายามได้ดีแล้ว" เพื่อประเมินนักเรียน ไม่ใช่ "พยายามอีกนิด" หรือ "ทำได้ดีมาก" ในการนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตคนคนหนึ่ง ใช่ที่ทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดในการใช้ชีวิตของตัวเอง กล้าหาญมากเลย
Mook Woramon897 reviews200 followersFollowFollowJanuary 22, 2025”พยายามได้ดีแล้ว“ ชอบคำนี้จัง ได้ความรู้สึกกำลังดีเหมือนเป็นการบอกว่าฉันมองเห็นความพยายามของเธอนะ แต่ไม่ได้เยินยอจนเกินไปในส่วนเนื้อเรื่องถ้ามีแค่สามสิบหน้าสุดท้ายจะให้ห้าดาวเลย 🥲เนื้อเรื่องช่วงก่อนหน้ามันเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็มีบทสนทนาเบิกเนตรขึ้นมากะทันหัน ฉันปรับตัวไม่ทันมีประเด็นที่ชอบอยู่สองเรื่องคือ - คนเราแค่ใช้ชีวิตก็ต้องรบกวนใครสักคนอยู่แล้วโดยเฉพาะคนในครอบครัว มีทั้งเรื่องแย่เรื่องดี แต่ถ้าคนในครอบครัวเกรงใจไม่กล้ารบกวนเรา เราก็คงนึกเสียใจอีก- ทุกคนใช้ชีวิตอันโหดร้ายของตัวเองที่ไม่มีใครคนอื่นมาแบกรับแทนกันได้ เพราะฉะนั้นคุณคือคนที่สุดยอดโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร
May Sa116 reviews1 followerFollowFollowNovember 23, 2024จะบอกว่าตัวเองพยายามได้ดีแล้วตอนลูกเมียทิ้งไปแล้วก็ไม่ไหวไหม สงสารคนเป็นแม่คนเป็นเมีย เหมือนอยู่ๆ พ่อก็ได้ redemption arc แล้วแม่ล่ะ ไม่เห็นเล่าin detailsเลยว่าแม่ผ่านอะไรมาบ้างThis entire review has been hidden because of spoilers.
BowEiyaEita184 reviews3 followersFollowFollowNovember 27, 2023อ่านเรื่อยๆ สร้างความอยากรู้อยากอ่านจนจบได้ แต่ก็มีบางช่วงอยากข้าม ปูพื้นเรื่องครูเรื่องการสอนมาตอนแรกๆ แต่ไปจบด้วยเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูก ที่พ่อลูกแทบไม่ค่อยคุยกัน ความทรงจำที่มีของลูกคือแย่มาก แต่ช่วงเวลาไม่กี่วัน ลูกกลับเข้าใจพ่อมากขึ้น แต่เสียดายพ่อไม่อยู่แล้ว มีข้อคิดมาเรื่อยๆ ทั้งเรื่องรบกวนคนในครอบครัวบ้าง หรือการปาหินใส่น่ำในภาชนะต่างๆ ผลกระทบมันต่างกัน ขึ้นอยู่กับใจเราเหมือนกันว่าจะเป็นภาชนะแบบไหน หรือการที่คนจะมองเราว่าเป็นคนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเอาค่านิยมแบบไหนมาวัด เล่มไม่หนา อ่านไม่นาน แต่ซึ้งและกินใจอยู่ ให้4ดาวครึ่งเลย
Kanyada Kongtrakool180 reviews6 followersFollowFollowFebruary 27, 2024มินาโตะ ชายวัย 50 ที่ได้รับข่าวว่าพ่อที่ไม่ได้เจอกันมานาน ถึง 38 ปีนั้นเสียชีวิต เขาจึงจำเป็นต้องกลับที่บ้านเกิดอีกครั้งพ่อของเขาเปิดร้านเช่าหนังสือ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ตอนเขายังเด็กและพ่อยังเปิดร้านจนถึงวาระสุดท้าย เขาเคยคิดว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับพ่อนั้นไม่ดีเลย และดูเหมือนเขาจะจำอะไรเกี่ยวกับพ่อได้น้อยมากๆ แต่พอได้กลับไปบ้านเดิม เขากลับได้ระลึกถึงความทรงจำที่ดีและมีค่าระหว่างเขากับพ่อขึ้นมาได้เหมาะกับคนที่ต้องการการฮีลใจ มีปรัชญาการใช้ชีวิตอยู่เต็มเล่ม สำหรับตัวเองรู้สึกว่าอ่านได้เรื่อยๆ แต่ปรัชญาเยอะไปหน่อย japanese-literature
Sura Siri346 reviews5 followersFollowFollowSeptember 6, 2024เป็นนิยายที่มีจุดพีคสั้นมาก และมีเนื้อหาของวัฒนธรรมญี่ปุ่น(เทศกาลไซโจ)แทรกอยู่เป็นช่วงใหญ่ๆเลย ผู้เขียนคงตั้งใจให้ผู้อ่านได้ซึมซับมากๆโดยตัวเขาตั้งใจเขียนมาก แต่ในส่วนนี้เราอ่านแล้วไม่อินเลย ทำให้ขาดอรรถรสในการอ่านในช่วงนั้นๆไป
Kittitach H12 reviews3 followersFollowFollowNovember 20, 2023this book is like a pat on the back, but i think the plot is lacking.
Yohei Nimura85 reviews1 followerFollowFollowJanuary 12, 2024หนังสือนิยายสั้นปรัชญาชีวิต ที่อ่านไม่ค่อยสนุก ชอบสุดคือตอนเจอนักพรต ส่วนตอนเทศกาลญี่ปุ่นไม่ค่อนอิน
Nopadol RomphoAuthor 4 books388 followersFollowFollowJanuary 14, 2025เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น ชอบข้อคิด 2 ข้อคือ เราใช้ชีวิตได้ดีแล้ว ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง และทุกคนสุดยอดด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครสามารถมาใช้ชีวิตแทนเราได้ ลองอ่านกันได้ครับfiction
mimi47 reviews5 followersFollowFollowMarch 7, 2024เรื่องราวของโยชิโตะ ที่ฝังกลบความทรงจำเกี่ยวกับพ่อทิ้งไป ตั้งแต่วันที่แม่พาออกจากบ้าน แล้วบอกให้ลืมพ่อเสีย เขาเติบโต ทำงานเป็นคุณครู และสร้างครอบครัวของตัวเอง แต่วันหนึ่งกลับได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าคุณพ่อของเขาเสียชีวิต จึงทำให้เขาต้องกลับมายังบ้านเกิดที่เขาทิ้งไปนานแสนนานเป็นเล่มที่อ่านได้เรื่อยๆ บางช่วงบางตอนเหมือนได้รับการตบที่ไหล่ปุ้ๆอย่างอ่อนโยน แต่โดยรวมก็ยังไม่ได้อินขนาดนั่น แอบรู้สึกว่าพล็อตสามารถไปได้มากกว่านี้การเล่าเรื่องของโยชิโตะในช่วงแรก ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาเล่า เลยตั้งตัวไม่ทันตอนช่วงหลังๆ ในส่วนของการคลายปม และรู้สึกว่าอยากให้มีเหตุผลซัพพอร์ตมากกว่านี้
VEDAMANEE 24 reviewsFollowFollowJuly 26, 2025ถ้าให้อธิบายหนังสือเล่มนี้นอกเหนือคำโปรยหลังปกคือคงจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราย้อนมองกลับไปแล้วยังมีจุดยืนหรือตัวตนของเราอยู่ตรงนั้นแม้ว่าเราจะหลงลืมมาสักพักใหญ่ๆของช่วงชีวิตที่ผ่านไปปีแล้วปีเล่าตามกาลเวลา เป็นหลังสือที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้มีปมอะไรที่ดึงให้ต้องสนใจขนาดนั้นแต่ก็สามารถอื่นได้เรื่อยๆ ตัวละครในเนื้อเรื่องมีน้อยทำให้เนื้อหาก็น้อยแล้วก็วนๆอยู่ที่เดิม