top.510 reviews116 followersFollowFollowJanuary 14, 2018interview : "ติดมากเลยครับ เห็นไม่ค่อยมีกระแส เลยไม่คิดมาก่อนว่าจะสนุกขนาดนี้ เรื่องพลิกไปมา อยู่ระหว่างความรู้สึกแบบอยากอ่านรัวๆ กับอยากอ่านช้าๆ เพราะกลัวจบ ไม่มีเล่มไหนที่ทำให้รู้สึกแบบนี้มาพักใหญ่แล้วครับ 555"อ่านไปพักนึงรู้เลยว่าเป็นเรื่องที่จะไม่สามารถเล่าเรื่องย่อใดๆ ออกมาได้ ไม่ใช่เพราะกลัวจะเป็นการสปอย แต่ไม่รู้จะเล่าอย่างไรมากกว่า เรื่องย่อมันก็ประมาณที่เค้าโฆษณากัน สิ่งที่เราอยากบอกคือ ผู้เขียนดำเนินเรื่องได้กระชับฉับไวน่าติดตามมาก อย่างเรื่องแรก IP ที่มีบรรยากาศทริลเลอร์นิดๆ ผสมแอ็คชั่นหน่อยๆ (เห็นเค้าเรียกโดยรวมว่า วรรณกรรมแนวชิบุย่า) ถูกเล่าโดยบุคคลที่ 1 ผ่านการอ่านไดอารี่ของตัวละคร เดี๋ยวๆ นี่มันบริดเจ็ท โจนส์เวอร์ชั่นดาร์คชัดๆ ไม่บอกก็รู้การแอบอ่านบันทึกส่วนตัวของคนอื่นมันเร้าอารมณ์แค่ไหน แถมทุกอย่างที่ได้อ่านมันก็จะเป็นมุมมองฝั่งเจ้าของฝั่งเดียว เวลาอ่านเราก็จะลับสมองไปด้วยว่าที่ไอ้หมอนี่เล่ามันเป็นความจริงได้แค่ไหนกัน แรกๆ เราอาจจะเชื่อสิ่งที่นางเล่าทั้งหมด หลังๆ แบบไม่ใช่แล้วต๋อย มึงเมามั๊ยเนี่ย? ระหว่างอ่านก็แว่บเดาตอนจบไปต่างๆ นานา แต่สิ่งที่คาดเดาแทบไม่ได้เลยคือ วรรคต่อไป ตอนต่อไป เรื่องอาจจะดูเหลือเชื่อไกลตัว แต่คนเขียนฟาดเราด้วยความลุ้นระทึกชวนให้กระสันอยากอ่านต่อเร็วๆ ยิ่งผิดคาดเท่าไร ยิ่งสับสนเท่าไร ยิ่งมันส์สะใจ ไอ่เจ้าบ้า หนังสืออะไรกันเนี่ยในขณะที่ IP จบด้วยความเดือด NN กลับเริ่มต้นแบบเนิบๆ เปลี่ยนมู้ดเปลี่ยนโทนจากเรื่องแรกที่เป็นแนวระทึกสืบสวนสำนักลัทธิเหนือธรรมชาติของญี่ปุ่น (ให้อิมเมจถึงพวกลัทธิศาสนาบูชามนุษย์ต่างดาวอะไรทำนองนั้น / ก็ว่าไป แต่ตอนได้ยินชื่อสำนักจารชนในเรื่อง ก็แอบคิดอยู่) ไปสู่แนวสังคม การปฏิวัติเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์สงวน-สูญพันธุ์เฉย เราตามแทบไม่ทันน่ะ ก็อ่านต่อ นึกในใจว่า เอ็งอย่าแผ่วกว่าเรื่องแรกเชียวนะ นี่ให้ใจไปเกินครึ่งละนะNN เล่าแบบบุคคลที่สาม เริ่มด้วยผลของการตัดสินใจของตัวละคร ฮารุโอะ ในระดับหนึ่ง ก่อนจะย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของเรื่องราว ให้คนอ่านได้ทราบถึงเหตุผล และเอาใจช่วยตัวละคร (ทั้งที่ยังกังขา) ก่อนจะเบลนเรื่องกลับมาสู่ปัจจุบันแบบแนบเนียนอีกครั้งการดำเนินเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรง มีภารกิจ วางแผน แล้วก็ดำเนินตามภารกิจ พบปัญหา แก้ไข เข้าสู่ช่วงสรุป จบ ก็เป็นปกติของโครงเรื่องประมาณนี้ ที่ความเข้มข้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนหน้า ซึ่งก็ทำให้เรา หยุดอ่านไม่ได้อีกแล้วจ้า ไม่น่าเชื่อว่าภารกิจตบนกหายากที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือได้ยินชื่อมาก่อนจะเร้าหัวจิตหัวใจอะไรขนาดนี้องค์ประกอบของเรื่อง เนื้อหา ข้อมูล สถานที่ ตัวละครอื่นๆ ค่อนข้างลงตัวพอเหมาะพอเจาะ มีวิชาการ ตำนาน ดราม่า ความเหวอ ก่อนจะขยายความถึงการกระทำของทุกพฤติกรรม หย่อน stereotype ด้านมืดของคนญี่ปุ่นลงในตัวละคร ค่อยๆ ปั่นจนมันกลายเป็นสิ่งที่สามารถสั่นคลอนประเทศชาติ แล้วตบด้วยการวิจารณ์ตัวละครนั้นแบบเบาๆ ให้คนอ่านที่กำลังตั้งท่าไถลตามได้ย้อนมองอีกมุม ทั้งหมดล้วนสะท้อนและชวนตระหนักถึงสภาพสังคมของญี่ปุ่นในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอีกอย่างที่เราชอบในเรื่อง NN คือ การวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะความเป็น "คนญี่ปุ่น" โดยคนญี่ปุ่นเอง มีการกล่าวโทษคุณลักษณะที่ไม่เป็นที่พึงประสงค์ ซึ่งฉายให้เห็นถึงมุมมองของวัยรุ่นญี่ปุ่นที่มีต่อคนในเจเนอเรชั่นเก่าได้อย่างชัดเจนมาก ไม่ต่างจากมุมมองที่คนยุคเรามีต่อเหล่าผู้ใหญ่ที่กำลังบริหารประเทศอยู่เลยการสร้างตัวละครที่มีมุมมองด้านลบต่อสังคมอาจเป็นเรื่องเบสิค ตลอดจนการสร้างสถานการณ์ให้ตัวละครนั้นๆ กลายเป็นที่ยอมรับของผู้อ่าน รวมถึงทำให้ผู้อ่านหักเหแนวความคิดไปสู่ด้านตรงกันข้าม ก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่ต้องยอมรับว่านวนิยายยุคปัจจุบันที่ทำแบบนี้แล้วยังคุมภาพรวมอยู่ไม่ให้เตลิดไปอีกมิติมีค่อนข้างน้อย ทั้งยังอ่านเอาสนุกก็ได้ อ่านตีความก็ได้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ IP/NN จึงถือเป็นงานคุณภาพที่เรื่องย่อบนปกหลังอาจชวนมึน แต่หากหยิบอ่านเมื่อไรก็ได้เรื่อง ติดหนึบยิ่งกว่าดมกาว ถ้าชอบญี่ปุ่นอยู่แล้วจะยิ่งสนุก ถ้าเฉยๆ กับญี่ปุ่นอยู่แล้ว ยิ่ง-ต้อง-ลอง-อ่าน ภาพสังคมวัยรุ่นสับสนสะท้อนผ่านในงาน ไม่แน่คุณอาจจะหวนนึกถึงตัวเองในวัยเดียวกับตัวละคร ช่วงเวลาที่เกิดความนึกคิดบ้าๆ เกินจริง ปล่อยทิ้งจนเกือบลืมมันไปแล้ว ก่อนจะผงกหัวศิโรราบกลายเป็นสาวกท่านคาซึชิเงะ อาเบะ หนุ่มผมยาวคนเขียนเหมือน (พวก) เราก็เป็นได้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง(ปล. ลูกพี่มาเปิดตัวหนังสือที่ไทยเมื่อปี 2014 ตอนนั้นก็ได้ข่าว แต่ยังไม่เคยอ่านงาน เสียดายมาก)
Thanawat439 reviewsFollowFollowJune 25, 2019ไอพี“ฮูลิโอ ตอนอายุครบ 33 ปี แต่งเพลง “อายุ 33” เอาไว้..”เรื่องที่หนึ่งของหนังสือเล่มนี้ บรรยายผ่านรูปแบบบันทึกความทรงจำ ที่เป็นไดอารี่ของตัวเอก เล่าเรื่องแบบเห็นภาพเลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงข่ายความขัดแย้งของแก๊งยากูซ่า ที่มันสามารถซึมลึกลงมาถึงระดับปัจเจกคือมันไม่ได้แค่บู๊ล้างผลาญอย่างเดียว แต่มีปมซับซ้อนอยู่มันสะท้อนภาพของลัทธิ หรือกลุ่มคนที่มันมีมาก และหลากหายเหลือเกินในญี่ปุ่น แต่กลุ่มพวกนั้นเมื่อโยงไปโยงมามันก็อยู่ในเครือข่ายยากูซ่านั่นแหละดำเนินเรื่องไม่ยืดยาด ไม่น่าเบื่อ พลิกอ่านแบบ page turner เลยหลายๆ ครั้งที่พลิกอ่าน ก็หวั่นใจ โหวงๆ ในท้องว่าจะมีจุดหักมุมอะไรหรือไม่ จะเชื่อใจใครได้มั้ย และเรื่องนี้จะจบยังไงรูปแบบ และพล็อต ไปๆ มาๆ อย่างกับดูหนัง Hollywood—-เอ็นเอ็น“ตัวเลือกถูกตัดเหลือสาม เลี้ยงเอง ปล่อยไป ฆ่าทิ้ง...”เรื่องที่สองนี่ชอบมาก พล็อตเรื่องนี่คือญี่ปุ่นมาก ทั้งความรุนแรง ล้มเหลว หลงผิด แยกตัว หมกมุ่น ความตาย แสวงหาการยอมรับทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ใน “เอ็นเอ็น” ครบถ้วน“เอ็นเอ็น” ชี้ชัด ขยายผล ให้เห็นด้านมืดของญี่ปุ่น จนสงสัยเลยว่า ผู้เขียน เขียนขึ้น based on true story รึเปล่าเนี่ยอันที่จริง ที่มาของการก่ออาชญากรรมมีมากมาย แต่ว่าอ่าน “เอ็นเอ็น” แล้วรู้สึกว่ามูลเหตุจูงใจทั้งภายในจิตใจ และจากสภาพแวดล้อมภายนอก มันจำเพาะกับญี่ปุ่นจริงๆเขียนออกมาได้ชวนขนลุก เสียวสันหลังวาบจริงๆ ดำเนินเรื่องไม่ยืดยาด พลิกอ่านแบบ page turner เช่นกันcontemporary-japanese
Nuttawat Kalapat685 reviews48 followersFollowFollowOctober 3, 2021ชกต่อย ยากูซ่า ถ้ำมอง โอตาคุมันก็สะท้อนสังคมญี่ปุ่นตรงไปตรงมาดีครับต้นเรื่องสนุก กลางเรื่องผม งง ๆ ตอนนกโผล่มา55และ จบได้ดีครับ ส���ุก
Pawarut Jongsirirag699 reviews138 followersFollowFollowJanuary 2, 2022เปิดปีใหม่ด้วยเล่มที่ บ้าบอ มะรุมมะตุ้มอะไรไม่รู้เหมือนต้มจับฉ่ายที่ทำโดยเชฟญี่ปุ่นเลยครับเป๋นเรื่องสั้น 2 เรื่องที่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้ดีเยี่ยม สมกับที่เป็น 1 ในหนังสือที่เจเเปน ฟาวเดชั่นคัดสรรส่งออกเป็นวรรณกรรมให้เเก่ผู้อ่านต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจความเป็นญี่ปุ่นร่วมสมัยได้อย่างชัดเจนผมขอเปิดด้วย เรื่องสั้นทั้งสองเรื่องอ่านไม่สนุกเลยครับ 555555555 คือมันไม่ได้มีความสนุกในเเบบที่ทำให้เราอยากเปิดอ่านไปเรื่อยๆ เนื้อเรื่องคือเล่าด้วยตัวเอกนั่งบ่น นั่งนึกอะไรของนางไปเรื่อยทั้งสองเรื่อย เเล้วพอจะจบก็เอ้าจบเลยซะงั้นเเบบ อะไรรรรรรรรร !! เเต่ในความไม่สนุก มันมีความมันของมันอยู่ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี คือต่อให้เราไม่ได้อยากอ่านต่อ เเต่มันก็ยังมีพลังลึกลับให้อ่านไปเรื่อยๆ เพื่อดูว่าไอ้ตัวเอกที่มาบ่นๆให้ฟังเนี่ย สุดท้ายเเล้วจะไปจบลงที่ไหน คือพี่มีความอะไรไม่ได้รู้ บ้าบอคอเเตกเเบบพวกตัวละครญี่ปุ่นจิตๆ ที่พบได้ในมังงะสืบสวนที่จะเป็นพวกตัวร้ายเงาดำๆในเรื่องเเบบนั้นเลยโอเค บ่นไปเเล้ว มาลองดูกันดีกว่าว่าทั้งสองเรื่องเป็นยังไงเรื่องเเรก IP (Individual Projection) เรื่องนี้เป็นตัวเเทนของญี่ปุ่นร่วมสมัย ที่ อาเบะเอาทกอย่างที่เราน่าจะนึกถึงเมื่อพูดถึงญี่ปุ่นในทุกวันนีมายัดลงไปหมดเลย เอามาปั่นรวมกัน ใส่โครงเรื่องนิดหน่อย ทาด๊าาาาาา ได้ออกมาเป็นเรื่องนี้ ด้วยความที่เรื่องมันพูดถึงตัวเอกที่ทำงานฉายหนัง วันหนึ่งอ่านข่าวพบว่าเพื่อนสมัยอดีตประสบอุบัติเหตุม่องไป 4 คน ทำให้เรื่องราวในสมัยก่อนระหว่างตัวเขาเองกับเพื่อนๆ 4 คนนี้เริ่มเเฟลชเเบ็ค จนเกิดความสงสัยว่าอุบัติเหตุที่ว่าเนี่ยมันใช่อุบัติเหตุจริงเหรอวะ อดีตที่เคยทิ้งไว้นี่มันตามมาหลอหลอนอะป่าววว ซึ่งๆไปมา ตัวเอกของเราจึงเริ่มด้วยการบันทึกเรื่องราวในอดีต ที่จะพาเราคนอ่านไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นเรื่องนี้อ่านไปเเล้วรำคาญตัวเอกโคตรๆ คือพี่เบียวอะ 5555555 เเบบอะไรของพี่วะเนี่ย คิดนู่นนี่เป็นตุเป็นตะไปหมด ในความเบียวนี่เเหละที่อาเบะ นำองค์ประกอบของญี่ปุ่นร่วมสมัยมาใส่เป็นตัวเดินเรื่อง เราจะพบกับยากูซ่า งานด้านมืดในญี่ปุ่น การฆาตกรรม ลัทธิ เเละอื่นๆอีกมากมายที่พี่เเกยัดมาจัดเต็มมาก เสียดายอย่างเดียวคือ พี่ยัดมาไม่สมูทเท่าไหร่ คือเอามาปั่นเเล้วยังมีเศษๆผงๆ ดิ่มเเล้วฝาดคออยู่บ้าง เเต่ก็นะ ในภาพรวมก็โอเคดี ถึงเเม้จะตอนจบจะเเบบ เอ้ออออ จบไปเลยอย่างงี้ก็ได้เหรอท่านเรื่องที่สอง NN (Nipponia Nippon) อันนี้คือเรื่องสั้นว่าด้วยชายที่อยากไปช่วยนกหายากให้พ้นจากการจัดการของรัฐบางญี่ปุ่น ที่พี่เเกมองว่าไร้สาระ ห่วยเเตก เพราะเเกมองว่านกหายากนี่มันจูนกับตัวเเกเอง เห็นนกเป็นตัวเองที่อยู่ในระบบระเบียบสังคมที่พยายามชี้เส้นทางนู่นนี่ให้ตัวเเกเดินอันนี้เป็นเรื่องสั้นที่นิยามความเป็นญี่ปุ่นเเบบสากลครับ เเตกต่างจากเรื่องเเรกที่นิยามอย่างร่วมสมัยเท่านั้น เเต่เรื่องนี้คือจิตวิญญาณของญี่ปุ่นเลยนะ เเต่เป็นจิตด้านมืดที่ทำให้เกิดสงครามโลกนั่นเเหละการบรรยายตลอดทั้งเรื่องจะเน้นมากในทำให้นกเนี่ยคือตัวเเทนของชาติญี่ปุ่น เป็นนกหายากที่กำลังสูญพันธุ์ เลยต้องทำอะำรซักอย่างไม่ให้มันตายเเละขยายพันธุ์ต่อไป โดยตัวเอกของเราก็มองว่าไอ้นกเนี่ย มันถูกปู้ยีปู้ยำจนไม่ใช่เเล้ว ไม่เหลือความอหังการของนกหายากเลย ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อ"คืน" ความเป็นนกหายาก นกของชาติ อะไรทำนองนั้น ซึ่งหลักการคิดเเบบนี้ ส่วนนึงมันคือเเนวคิดที่ทำให้ญี่ปุ่นก่อสงครามโลกเลยนี่หว่า อาเบะจึงหยิบความเป็นญี่ปุ่นส่วนนี้มาขยายซะ เเล้วทำให้มันดูเป็นเรื่องขี้ผงมาก เเบบเรื่องมันไ่ม่ได้มีอะไรเลย เเต่เราดันไปสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะ ขยายให้ใหญ่โต เเล้วเอาสิ่งที่ขยายเนี่ย มาครบองำตัวเราจนกลายเป็นอะไรไม่รู้ ทั้งที่จริงๆเเล้ว มันก็เเค่นกหายากที่เอากันเเล้วไม่ตกไข่อะครับ พี่อาเบะเเกเล่นงี้เลย 555นอกจากความเป็นชาติเเล้ว การนึกไปเองที่เอามาเล่นนี้ เเกก็เอามาเล่นในระดับบุคคล เอามาใส่ในตัวเอกของเราที่เหมือนคนเพี้ยนๆจิตนั่งเทียนนึกนู่นนี่เข้าข้างตัวเองไปหมดจนเหมือนอยู่ในโลกเเฟนตาซี จนทำให้ชีวิตของตัวเองพัง ไปทำชีวิตคนอื่นวุ่นวาย ซึ่งจบลงที่ความตาย ที่ทำให้คิดได้ เเต่ก็มาไกลเกินไปกว่าจะหยุดอะไรได้เเล้ว (คุ้นๆมั้ยครับ) เป็นการนำเรื่องของคนๆเดียวมาเขย่าความเป็นญี่ปุ่นได้เเบบด่ากันไปเลยตรงๆไม่อ้อมค้อมดีครับอ่านจบเเล้วก็ไม่เเปลกใจที่เล่มนี้ถูกนำเสนออย่างเป็นตัวเเทนของความเป็นญี่ปุ่น เเต่เป็นญี่ปุ่นในมุมมองมืดๆ ไม่ได้เชิดชูอะไรให้เราเห็น นอกไปจากให้เราได้รับรู้ว่าสิ่งที่ดูสวยหรู มันก็มีเงาที่พาดผ่านอย่างหลบซ่อนอยู่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าเราจะมองมันเห็นมั้ย หรือเราเห็นเเล้วเเต่ไม่อยากรับรู้มันกันเเน่ครับ พี่อาเบะเขาไม่ได้พูดหรอก เเต่ผมคิดว่าเเกน่าจะมีคิดซักเเวบทำนองนี้บ้างเเหละมั้ง
Chalermchai Kurapavee67 reviews3 followersFollowFollowApril 21, 2025จำได้ว่าปีที่แล้วตอนที่ชอบผลงานของฟูมิโนริ นากามูระ เคยไปถามสำนักพิมพ์กำมะหยี่ว่าถ้าอยากอ่านแนวมืดมนเกี่ยวกับมนุษย์ๆหน่อยแบบเดียวกันบ้างไหม หรือ ควรอ่านงานของใครดี ทางนั้นเขาก็ได้แนะนำ **คาซึชิเงะ อาเบะ**เรื่องราวเป็น Novella ขนาดสั้นสองเรื่อง รวมสมัยเกี่ยวกับชายคนหนึ่ง ความทรงจำ ลัทธิ ความเชื่อ และความเป็นจริงของตัวเอง กับอีกเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มกับการทำภารกิจ นิปปอเนีย นิปปอน มันมีทั้งความหดหู่ กับสภาพสังคม ความเป็นคนนอกชายขอบ ความเป็นคนที่โดนสังคมกดทับ ความเชื่อ ความทรงจำ ชทั้งสองเรื่องมีวิธีการเล่าด้วยวิธีการที่แปลกและประทับใจเรามาก เห็นเขาว่าเป็นแนว individual injection กล่าวแบบที่เราเข้าใจคือการเล่าด้วยแนวความคิดภายในของบุคคลเดียวล้วนๆ ชอบมากกก อยากลองเอาไปใช้บ้างง
Garn Atiwat38 reviews1 followerFollowFollowApril 14, 2014Gripping story , violence and social problem in Japan, internet , especially Nipponia Nippon