What do you think?
Rate this book
ในร้านขายจักรวาลตามสั่ง
“ในร้านขายจักรวาลตามสั่ง” จะชวนทุกคนขึ้นรถทัวร์ไปสำรวจวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ ที่ถูกนำมาสรรค์สร้างเป็นจักรวาล และความพยายามของมนุษย์ที่อยากเข้าใจในธรรมชาติอันซับซ้อน ด้วยการใช้คณิตศาสตร์เป็นสื่อกลางการทดสอบหลักการคิด ปรับสูตรให้สะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และคณิตศาสตร์ที่เราร่ำเรียนกันมาไปใช้แก้ปัญหาในโลกความเป็นจริง
“คณิตศาสตร์” ที่คนส่วนใหญ่มักบอกกันว่า “เรียนไปทำไมไม่เห็นมีประโยชน์” แท้ที่จริงแล้วมีพลังมากแค่ไหน ก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีคุณอาจพบว่าคนที่มองอะไรก็เห็นเป็นสมการนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
“คณิตศาสตร์” ที่คนส่วนใหญ่มักบอกกันว่า “เรียนไปทำไมไม่เห็นมีประโยชน์” แท้ที่จริงแล้วมีพลังมากแค่ไหน ก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีคุณอาจพบว่าคนที่มองอะไรก็เห็นเป็นสมการนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
244 pages, Paperback
First published March 1, 2024
2 people are currently reading
17 people want to read
Ratings & Reviews
Friends & Following
Create a free account to discover what your friends think of this book!
Community Reviews
Displaying 1 - 2 of 2 reviews
April 10, 2024
ข้าพเจ้าชอบวิชาคณิตศาสตร์ (บางตัว) แต่ต้องสารภาพว่าไม่เคยเรียนรู้เรื่องเลยสักครั้ง เหมือนมันเกิดอาการชะงักทุกครั้งที่ต้องแก้โจทย์ เออนึกไปนึกมาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร คงเพราะประยุกต์ไม่เก่งมั้ง (พูดไปเรื่อย) แต่รู้สึกว่าคณิตและตัวเลขเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจ และยิ่งสนใจมากขึ้นเรื่่อยๆ หลังเรียนจบแล้ว ยิ่งมาอ่านงานฟิสิกส์ ควอนตัม หรือการลงทุนยิ่งรู้สึกเสียดายว่าเราน่าจะใส่ใจมากกว่านี้ ไม่งั้นอาจจะเข้าใจเรื่องที่ในหนังสือพูดมากขึ้นก็ได้
ว่าง่ายๆ เรามีความสนใจในด้านคณิตมาระดับนึงจากหนังสือเล่มอื่นๆ เวลาเขาพูดประมาณว่าการจะหาค่านู้นค่านี้มาเพื่อพิสูจน์นี้นั้นว่าเป็นจริง ใจก็จะสงสัยแล้วว่า สูตรอะไรวะ มาหายังไง ทำไมถึงได้รู้ว่าหลุมดำจะหน้าตาแบบนี้ คำนวณแบบไหนถึงรู้ว่าควอนตัมเป็นเม็ดๆ ไม่ใช่เส้นตรงหรือคลื่น แต่มั่นใจเสมอว่าไงก็ไม่รู้เรื่อง หรือเรื่องง่ายๆ อย่างตอนทำงาน excel ที่บ้านว่าเราจะหาสูตรคำนวนอนาคตของการสั่งสินค้ายังไงวะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ช่วยให้เราอ่าน #ในร้านขายจักรวาลตามสั่ง ง่ายขึ้นแต่อย่างใด 55555 จริงในเล่มนี้เราว่าอ่านไม่ง่ายเลย มีสูตรคณิตที่ถึงอ่านไปก็ไม่เข้าใจ (ทำแบบฝึกหัดไม่ได้ด้วย) แต่ถึงงั้นก็เหอะ เป็นเล่มที่เปิดโลกมากๆ คณิตศาสตร์และตัวเลขมันหมดจดขนาดไหน มันอธิบายความเป็นไปของโลกและหลักการต่างๆ ที่ถ้าเขียนต้องสามหน้าเอสี่ด้วยบรรทัดเดียวได้อย่างไร คือเราสามารถมองเลขเป็นอีกหนึ่งภาษาได้ แต่ไม่เข้าใจหรอกว่ามันพูดอะไรอยู่ 5555 แล้วถ้าเรามองคณิตเป็นเหมือนภาษาอีกภาษาหนึ่ง เล่มนี้ก็จะเป็นเหมือนหนังสือสอนทำอาหารง่ายๆ เหมือนสอนเราทำไข่เจียวแบบเร่งรัดว่าจะทำไข่เจียวง่ายๆ ก็ตอกไข่ คนไข่ ใส่ซีอี๊ว คนไข่อีกรอบ เอาลงไปทอด อะได้แล้วไข่เจียว แต่จะทำให้อร่อยต้องเอาไปปรับปรุงเอง หาไฟเอง หาน้ำมันเอง (หรือจะเอาเนยก็ได้ เอออร่อยดีนะ) ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคลแล้วว่าจะทำยังไงให้มันอร่อย ส่วนเราอย่าว่าแต่จะทอดเลย หาไข่มาเจียวยังไม่เจอ (เศร้า) ได้แต่มองเขาทอดไข่ เพราะงั้นเล่มนี้ยากง่ายอาจจะขึ้นอยู่กับภูมิหลังของคนอ่าน ไอ้คนได้เกรดสองตลอดศกแบบเราก็น้ำตาท่วมไป
แต่ๆๆๆๆๆๆ มันสนุกจริงๆ นะ แค่อ่านยากจนไม่กล้าแนะนำใครที่อยากเริ่มต้นหางานคณิตคิดสนุกอ่าน (แนะนำ humble pi อันนั้นอ่านง่ายไม่ยากเท่านี้) คิดว่าด้วยความ salt มันเลยมีท่าทีจริงจังไม่เหมือนในเพจ "คณิตศาสตร์อย่างที่ควรจะเป็น" ที่จะตลกและย่อยง่าย อ่านไปก็คิดไปว่าถ้าได้ตีพิมพ์กับ salmon อีกสักเล่มคงจะตลกน่าดูเพราะมันมีสูตรคณิตปั่นๆ ที่อยู่ในเพจเยอะมาก แต่พอมาเป็นหนังสือเหมือนต้องการให้ฉีกแนวจากในเพจ มีเรื่องราวที่จริงจังกว่า (ดีแล้วที่ไม่เหมือนในเพจเลย) มันเลยออกมาเป็นรูปแบบนี้ ส่วนตัวชอบที่ได้เห็นคนเอาสูตรจริงจังมาทำอะไรที่ไร้สาระอย่าง การเอาสูตรลูกโซ่มาร์คอฟไปจับกับสุนทรพจน์ของราชินีเอลิซาเบทที่ 2 หรือการใช้สมการการเดินเชิงสุ่มเพื่อหาการพันกันของหูฟังแบบมีสายในกระเป๋าจนไปถึงเรื่องการอธิบายความรักออกมาเป็นระบบสมการเชิงอนุพันธ์ อยากให้ยกตัวอย่างไร้สาระอย่างนี้อีก ปั่นดีค่ะ
โดยรวมคือ อ่านแล้วว้าวมาก เข้าใจอยู่เรื่องเดียวคือดอกเบี้ยเงินฝาก (แต่ก็ทำแบบฝึกหัดท้ายบทไม่ได้นะ) ที่เหลือคือว้าว ไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ดีจัง จบ
ว่าง่ายๆ เรามีความสนใจในด้านคณิตมาระดับนึงจากหนังสือเล่มอื่นๆ เวลาเขาพูดประมาณว่าการจะหาค่านู้นค่านี้มาเพื่อพิสูจน์นี้นั้นว่าเป็นจริง ใจก็จะสงสัยแล้วว่า สูตรอะไรวะ มาหายังไง ทำไมถึงได้รู้ว่าหลุมดำจะหน้าตาแบบนี้ คำนวณแบบไหนถึงรู้ว่าควอนตัมเป็นเม็ดๆ ไม่ใช่เส้นตรงหรือคลื่น แต่มั่นใจเสมอว่าไงก็ไม่รู้เรื่อง หรือเรื่องง่ายๆ อย่างตอนทำงาน excel ที่บ้านว่าเราจะหาสูตรคำนวนอนาคตของการสั่งสินค้ายังไงวะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ช่วยให้เราอ่าน #ในร้านขายจักรวาลตามสั่ง ง่ายขึ้นแต่อย่างใด 55555 จริงในเล่มนี้เราว่าอ่านไม่ง่ายเลย มีสูตรคณิตที่ถึงอ่านไปก็ไม่เข้าใจ (ทำแบบฝึกหัดไม่ได้ด้วย) แต่ถึงงั้นก็เหอะ เป็นเล่มที่เปิดโลกมากๆ คณิตศาสตร์และตัวเลขมันหมดจดขนาดไหน มันอธิบายความเป็นไปของโลกและหลักการต่างๆ ที่ถ้าเขียนต้องสามหน้าเอสี่ด้วยบรรทัดเดียวได้อย่างไร คือเราสามารถมองเลขเป็นอีกหนึ่งภาษาได้ แต่ไม่เข้าใจหรอกว่ามันพูดอะไรอยู่ 5555 แล้วถ้าเรามองคณิตเป็นเหมือนภาษาอีกภาษาหนึ่ง เล่มนี้ก็จะเป็นเหมือนหนังสือสอนทำอาหารง่ายๆ เหมือนสอนเราทำไข่เจียวแบบเร่งรัดว่าจะทำไข่เจียวง่ายๆ ก็ตอกไข่ คนไข่ ใส่ซีอี๊ว คนไข่อีกรอบ เอาลงไปทอด อะได้แล้วไข่เจียว แต่จะทำให้อร่อยต้องเอาไปปรับปรุงเอง หาไฟเอง หาน้ำมันเอง (หรือจะเอาเนยก็ได้ เอออร่อยดีนะ) ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคลแล้วว่าจะทำยังไงให้มันอร่อย ส่วนเราอย่าว่าแต่จะทอดเลย หาไข่มาเจียวยังไม่เจอ (เศร้า) ได้แต่มองเขาทอดไข่ เพราะงั้นเล่มนี้ยากง่ายอาจจะขึ้นอยู่กับภูมิหลังของคนอ่าน ไอ้คนได้เกรดสองตลอดศกแบบเราก็น้ำตาท่วมไป
แต่ๆๆๆๆๆๆ มันสนุกจริงๆ นะ แค่อ่านยากจนไม่กล้าแนะนำใครที่อยากเริ่มต้นหางานคณิตคิดสนุกอ่าน (แนะนำ humble pi อันนั้นอ่านง่ายไม่ยากเท่านี้) คิดว่าด้วยความ salt มันเลยมีท่าทีจริงจังไม่เหมือนในเพจ "คณิตศาสตร์อย่างที่ควรจะเป็น" ที่จะตลกและย่อยง่าย อ่านไปก็คิดไปว่าถ้าได้ตีพิมพ์กับ salmon อีกสักเล่มคงจะตลกน่าดูเพราะมันมีสูตรคณิตปั่นๆ ที่อยู่ในเพจเยอะมาก แต่พอมาเป็นหนังสือเหมือนต้องการให้ฉีกแนวจากในเพจ มีเรื่องราวที่จริงจังกว่า (ดีแล้วที่ไม่เหมือนในเพจเลย) มันเลยออกมาเป็นรูปแบบนี้ ส่วนตัวชอบที่ได้เห็นคนเอาสูตรจริงจังมาทำอะไรที่ไร้สาระอย่าง การเอาสูตรลูกโซ่มาร์คอฟไปจับกับสุนทรพจน์ของราชินีเอลิซาเบทที่ 2 หรือการใช้สมการการเดินเชิงสุ่มเพื่อหาการพันกันของหูฟังแบบมีสายในกระเป๋าจนไปถึงเรื่องการอธิบายความรักออกมาเป็นระบบสมการเชิงอนุพันธ์ อยากให้ยกตัวอย่างไร้สาระอย่างนี้อีก ปั่นดีค่ะ
โดยรวมคือ อ่านแล้วว้าวมาก เข้าใจอยู่เรื่องเดียวคือดอกเบี้ยเงินฝาก (แต่ก็ทำแบบฝึกหัดท้ายบทไม่ได้นะ) ที่เหลือคือว้าว ไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ดีจัง จบ
April 2, 2024
จะเกิดอะไรถ้าจู่ ๆ วันนึง คุณสามารถสร้างจักรวาลจากจุดเริ่มต้นทั้งหมดได้ แรกสุดก็คงเกาหัวแกรก ๆ ใครมันจะไปรู้ว่าต้องสร้างอะไรบ้าง ยังไม่พอ จะไปรู้ได้ไงว่าแต่ละสิ่งเกี่ยวกันยังไง เกี่ยวกันแบบไหน มันคงไม่ได้ง่ายเหมือนสั่งร้านตามสั่ง ต่อให้เวลามากแค่ไหนก็คงสร้างได้ไม่เหมือนโลกปัจจุบันที่กำลังอยู่ ณ ตอนนี้ ณ เวลานี้ที่เราเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตตัวจ้อยในจักรวาลนี้
เล่มนี้จะพาไปสำรวจรูปแบบความเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า mathematical modeling ที่พบเจอได้ไม่ไกลตัวเกินไปนัก เช่น จัดแถวรอคิวยังไงให้มีประสิทธิภาพ สายหูฟังพันกันได้ยังไง จับปลายังไงให้พอดี แถมมีแบบฝึกท้ายบทให้ลองทำด้วย อันนี้น่าจะถูกใจสายโหดพอสมควร
ด้วยความที่หนังสือออกตัวเลยว่าเป็นกึ่ง pop math + ตำรา เลยมีสมการหรือสัญลักษณ์ที่ทำให้คนคิดว่าน่าจะอ่านชิว ๆ ตกใจบ้าง แต่เราคิดว่ามันก็ดี ที่จริงในเล่มก็บอกด้วยซ้ำว่าคณิตศาสตร์เป็นภาษานึงที่ช่วยอธิบายธรรมชาติได้ดี ไม่กำกวมและเป็นสากล
ในฐานะที่เรียน pure math มา เรื่องในย่อหน้าที่แล้วก็ไม่ได้ทำให้เรากลัวเท่าไหร่ ถึงจะพูดว่าเรียน pure math มา แต่ก็ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับ math modeling จริงจังเท่าไร ก็มีบางบทที่เคยเรียนตอนมหาลัยเช่น random walk, graph, Markov Chain ที่เหลือที่ค่อนข้างจะเป็น DE แบบหนัก ๆ ก็ไม่ค่อยคุ้นเลย ก็เป็นการเปิดโลกไปในตัว ส่วนนึงที่ทึ่งก็คือตอนที่เชื่อมโยงระหว่าง heat equation กับ random walk ของโมเลกุล ไม่เคยได้ยินมาก่อน
สำหรับแบบฝึกท้ายบทก็รู้สึกว่ามีทั้งโจทย์ที่วัดความเข้าใจทั่วไป (ตัวแปรนี้คืออะไร สัมพันธ์กับอีกตัวแปรยังไง) กับโจทย์ที่ฝึกตีความ (จากสถานการณ์นี้จะเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์อย่างไร คำนวณได้เท่าไหร่) ยอมรับว่าก็ยังทำท้ายบทไม่หมด 555 แต่จะพยายามทำดู เป็นอะไรแปลกใหม่สำหรับหนังสือแนวนี้ ถ้ายังไม่หนำใจก็ไปอ่านบรรณานุกรมท้ายเล่มเอา
ถ้าเทียบกับในเพจ สิ่งที่เล่าในเล่มอาจจะดูจริงจังกว่าประมาณนึง แต่ถ้าชอบแบบที่ relax ขึ้นมาหน่อยก็ลองไปดูได้ที่เพจ คณิตศาสตร์อย่างที่ควรจะเป็น นะฮะ
เล่มนี้จะพาไปสำรวจรูปแบบความเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า mathematical modeling ที่พบเจอได้ไม่ไกลตัวเกินไปนัก เช่น จัดแถวรอคิวยังไงให้มีประสิทธิภาพ สายหูฟังพันกันได้ยังไง จับปลายังไงให้พอดี แถมมีแบบฝึกท้ายบทให้ลองทำด้วย อันนี้น่าจะถูกใจสายโหดพอสมควร
ด้วยความที่หนังสือออกตัวเลยว่าเป็นกึ่ง pop math + ตำรา เลยมีสมการหรือสัญลักษณ์ที่ทำให้คนคิดว่าน่าจะอ่านชิว ๆ ตกใจบ้าง แต่เราคิดว่ามันก็ดี ที่จริงในเล่มก็บอกด้วยซ้ำว่าคณิตศาสตร์เป็นภาษานึงที่ช่วยอธิบายธรรมชาติได้ดี ไม่กำกวมและเป็นสากล
ในฐานะที่เรียน pure math มา เรื่องในย่อหน้าที่แล้วก็ไม่ได้ทำให้เรากลัวเท่าไหร่ ถึงจะพูดว่าเรียน pure math มา แต่ก็ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับ math modeling จริงจังเท่าไร ก็มีบางบทที่เคยเรียนตอนมหาลัยเช่น random walk, graph, Markov Chain ที่เหลือที่ค่อนข้างจะเป็น DE แบบหนัก ๆ ก็ไม่ค่อยคุ้นเลย ก็เป็นการเปิดโลกไปในตัว ส่วนนึงที่ทึ่งก็คือตอนที่เชื่อมโยงระหว่าง heat equation กับ random walk ของโมเลกุล ไม่เคยได้ยินมาก่อน
สำหรับแบบฝึกท้ายบทก็รู้สึกว่ามีทั้งโจทย์ที่วัดความเข้าใจทั่วไป (ตัวแปรนี้คืออะไร สัมพันธ์กับอีกตัวแปรยังไง) กับโจทย์ที่ฝึกตีความ (จากสถานการณ์นี้จะเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์อย่างไร คำนวณได้เท่าไหร่) ยอมรับว่าก็ยังทำท้ายบทไม่หมด 555 แต่จะพยายามทำดู เป็นอะไรแปลกใหม่สำหรับหนังสือแนวนี้ ถ้ายังไม่หนำใจก็ไปอ่านบรรณานุกรมท้ายเล่มเอา
ถ้าเทียบกับในเพจ สิ่งที่เล่าในเล่มอาจจะดูจริงจังกว่าประมาณนึง แต่ถ้าชอบแบบที่ relax ขึ้นมาหน่อยก็ลองไปดูได้ที่เพจ คณิตศาสตร์อย่างที่ควรจะเป็น นะฮะ
Displaying 1 - 2 of 2 reviews