Jump to ratings and reviews
Rate this book

Related Storeys: บ้าน ชั้น เธอ เรื่องเล่าในพำนัก

Rate this book
สัมพันธ์อลวนคนกับบ้าน ความรัก ความทรมาน ความตายและความเปลี่ยวดายเหลือทนของชีวิต

รวมข้อเขียน 12 ชิ้นจาก 12 นักเขียนแห่งยุคสมัย ที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้าน Secret Window Chiangmai

พบกับเรื่องเล่าและข้อเขียนหลากรสต่างลีลา ส่งตรงจากบ้านพัก Secret Window Chiangmai ที่เชื้อชวนบรรดานักเขียน นักวิชาการ และผู้กำกับภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าพากันมาเล่าเรื่อง

Related Storeys บ้าน ชั้น เธอ เรื่องเล่าในพำนัก รวมข้อเขียน 12 ชิ้นจาก 12 นักเขียนแห่งยุคสมัย ที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้าน Secret Window Chiangmai

ประกอบด้วยเรื่องสั้นขนาดสั้น-ยาว บทความ และบทภาพยนตร์ที่พลิกมุมสลับข้าง ผูกโยงเรื่องเล่า ที่เหมือนจะธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งไม่ธรรมดา นำพาและเกี่ยวโยงทุกห้วงคลื่นความรู้สึก

Paperback

First published March 1, 2024

3 people are currently reading
19 people want to read

About the author

นักเขียนเร่ืองสั้นและบรรณาธิการประจำสำนักพิมพ์ 1001 ราตรี ร่วมกับซะการีย์ยา อมตยา (กวีหนุ่มคนนั้นน่ะ) สำนักพิมพ์เล็กๆ แห่งนี้จัดพิมพ์งานกวีนิพนธ์ เร่ืองสั้น งานปรัชญา และอะไรก็ตามที่มีความน่าสนใจ

ปัจจุบันกำลังพยายามจะเขียนเรื่องยาวๆ ให้เป็นผลสำเร็จ หากแต่ยังไม่แน่ว่าจะกลายเป็นเร่ืองสั้นอีกหรือเปล่า

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
1 (10%)
4 stars
6 (60%)
3 stars
2 (20%)
2 stars
0 (0%)
1 star
1 (10%)
Displaying 1 - 2 of 2 reviews
Profile Image for Pawarut Jongsirirag.
699 reviews139 followers
April 6, 2024
ไม่มากนักที่จะเห็นหนังสือรวมเรื่องสั้นหลากศิลปินที่เกาะเกี่ยวกันไว้ด้วยธีมหลักอะไรซักอย่างที่เป็นโจทก์ในการเขียนเรื่องสั้นภายในเล่ม

เรื่องสั้นทุกเรื่องจะเขียนขึ้นด้วยจุดร่วมกันคือ ธีม ว่าด้วยบ้านพักในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ศิลปินทุกคนจะได้ไปพักในช่วงระยเวลาสั้นๆ กลายเป็น “นักเขียนพำนัก" ณ บ้านพัก Secret Window เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่ภายหลังจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนเรื่องราวตามแต่สไตล์ของแต่ละคนคนละ 1 ชิ้น

ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้ก็มีธีมเกี่ยวกับบ้านทั้งที การพูดถึงงานเขียนแต่ละชิ้นเลยจะลองล้อไปตามธีมบ้างว่างานชิ้นเหล่านั้นหากให้เทียบกับบ้านแล้ว ทำให้ผมนึกถึงอะไร

เรื่องที่หนึ่ง : สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง - อุทิศ เหมะมูล
ผมไม่เคยอ่านงานของคุณอุทิศมาก่อนเลย (แม้ปีนี้ตั้งใจว่าจะอ่านไตรภาคแก่งคอยให้จบก็ตามที) งานชิ้นนี้เลยนับได้ว่าเป็นงานชิ้นแรกของคุณอุทิศที่ได้อ่านแบบจริงจัง
เรื่องราวเล่าถึงการไปพักยังบ้านแม่ริมของตัวนักเขียนคนหนึ่งกับภรรยาของเขา (สามารถอนุมานได้ว่าคือตัวคุณอุทิศเอง)

เรื่องนี้ไม่ได้มีโครงเรื่องซับซ้อนอะไรมากนักครับ เป็นเพียงบทสนทนาของคู่สามีภริยาที่ทำให้เห็นถึงอดีตที่มีบาดแผลบางอย่าง ที่ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ในปัจจุบันและคาดคะเนอนาคตต่อไปได้

เป็นเรื่องสั้นที่เรียบง่าย ชัดเจน เห็นถึงสไตล์การเขียนของคุณอุทิศได้ดี มีความเป็นเรื่องส่วนตัวและสากลไปในคราวเดียวกัน น่าประทับใจครับ

อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ทำให้ผมนึกถึงโถงทางเข้าของบ้านครับ ไม่ว่าด้วยเหตุที่มันเป็นเรื่องแรกของเล่มที่เป็นการต้อนรับคนอ่าน แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของเรื่องอื่นๆ และเป็นการต้อนรับคนอ่านสู่บ้านพัก Secret Window ผ่านบทบรรยายลักษณะของบ้านว่าเป็นอย่างไร จึงไม่มีอะไรเหมาะไปสมกับไปโถงทางเข้าอีกแล้วครับ

เรื่องที่สอง : Ugly Together - จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุทร
เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องสั้นที่ยังคงมาตรฐานงานเขียนของคุณจิดานันท์ได้ดีอีกเรื่องครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบวิธีที่ถ่ายทอดและโครงเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สมหวังแต่ไม่เชิงผิดหวัง อยู่ระหว่างเส้นแบ่งของการจะไปต่อดีหรือรั้งรอว่าทุกอย่างอาจจะดีขึ้น

งานชิ้นนี้เอาเข้าจริง ไม่ได้แปลกใหม่ไปจากงานชิ้นอื่นของคุณจิดานันท์ เป็นงานที่ยังคงเดิมเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ผมนึกถึง ห้องทานข้าวในบ้านซักหลัง สำหรับผมห้องทานข้าวมักเป็นห้องที่ยังคงรูปของมันอยู่เสมอ เป็นที่ที่นึกถึงภาพของการทานข้าวในครอบครัวที่บางทีก็น่ารักอบอุ่นและบางทีก็เป็นจุดที่นึกถึงความบาดหมางได้ชัดเจนที่สุดเช่นเดียวกัน

เรื่องที่สาม : Passio กับการทำงาน - ธเนศ วงศ์ยานนาวา
งานชิ้นนี้เป็นบทความของ อ.ธเนศที่ดูจะไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่จากงานทุกชิ้นในเล่มนี้นะครับ 5555 เพราะนอกจากจะไม่ได้พูดถึงบ้านแล้ว เนื้อหาก็ดูจะไม่ได้เกี่ยวกับบ้านด้วย แต่พอเห็นว่าเป็นงาน อ.ธเนศก็เข้าใจได้ถึงความอิสระไร้รูปแบบที่เห็นจากงานเขียนของ อ.เสมอมา

อ.ธเนศ เล่าถึงความเป็นมาของแนวคิดว่าด้วย Passion ที่เรามักได้ยินในทุกวันนี้ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและส่งผลต่อเนื่องไปยังสิ่งใดบ้าง ซึ่งแน่นอนตามระเบียบว่าอ่านไม่ง่ายเช่นเดิม เพราะสไตล์การเขียนที่กระโดดข้ามไปมา ไร้แบบแผนที่สุดท้ายแล้วจะกลับมาขมวดรวมเข้าประเด็นได้ยังไงก็ไม่รู้ เป็นอะไรที่เหนื่อยยากแต่ก็สนุกในการอ่านงานของ อ. ทุกครั้งไป

ไม่มีส่วนใดของบ้าน นอกเสียจาก สนามหญ้าหน้าบ้านอีกแล้ว สำหรับงานชิ้นนี้ เป็นส่วนที่เหมือนจะไม่ใช่บ้านแต่มัน็นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เป็นส่วนที่เปิดออกไปยังสถานที่อื่นๆ เชื่อมต่อออกไปภายนอกบ้าน ไม่มีอะไรเหมาะเจาะไปกว่านี้แล้วครับ

เรื่องที่สี่ : วิญญาณของยุพา - วิภาส ศรีทอง
งานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นแรกของคุณวิภาสที่ได้อ่านเช่นกันครับ (พร้อมตั้งใจว่าจะอ่านคนแคระให้จบในปีนี้) ก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงเล่าลือมาตลอดว่างานของ คุณวิภาสอ่านยาก ซึ่งเมื่อได้ลองสัมผัสแล้วก็พบว่ายากจริงครับ 555

เรื่องนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของยุพา ที่ขมวดเอาแก่นเรื่องจิตวิญญาณที่แตกพังมาผสมเข้าด้วยกัน เรื่องราวไม่ได้นำเสนอสารของเรื่องออกมาอย่างชัดเจนว่ามันคืออะไร คนอ่านต้องลองทาบเทียบเอาว่า สัตว์ตัวน้อยๆที่ปรากฏในเรื่องนั้นคืออะไร แล้วทำไมมันส่งผลถึงยุพาขนาดนี้ ซึ่งผมคิดไปแบบแปลกๆหน่อยว่าเรื่องนี้พูดถึงอะไรแต่ติดว่ามันไม่น่าใช่หรอกก็ตามที 555

ด้วยความที่มันซับซ้อนไม่ปรากฏสิ่งใดชัด ชวนให้ค้นหาความหมาย ผมนึกถึงห้องใต้ดินที่สุดเลยครับสำหรับงานชิ้นนี้ แม้คนไทยอาจจะไม่คุ้นกับบ้านส่วนนี้นัก แต่คิดว่าทุกคนน่าจะเห็นภาพจากหนังต่างประเทศที่แทบทุกบ้านจะมีห้องใต้ดินเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ชวนลึกลับสับสน และมักเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวหลายๆอย่างอยู่เสมอ

เรื่องที่ห้า : วชิราล็อกประตู - จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์
ผมขอคอมเม้นงานชิ้นนี้ด้วย “55555555555555555555555555555” แค่นี้เลยครับ ผมว่านี่คือคำชมที่ดีที่สุดที่จะให้ได้เลย เรื่องนี้ขอไม่บอกอะไรทั้งสิ้น อ่านเองจะสนุกที่สุดครับ

งานชิ้นนี้ไม่มีอะไรเหมาะเจาะเท่ากับ ฝ้าเพดานของบ้านอีกแล้วครับ เชื่อผมได้เลย 5555

เรื่องที่หก : Despair to Nowhere - วีรพร นิติประภา
งานชิ้นนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ คล้ายๆกันกับงานของคุณจิดานันท์อยู่เหมือนกันนะครับ ต่างกันที่เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาเหมือนเป็น Scene ในหนังแบบฟิลม์นัวร์ สัมผัสถึงบรรยากาศนัวๆคลุมเครือ จะรักก็ไม่ชัด จะเหงาก็ไม่เชิง เป็นงานที่ทำให้ผมนึกถึงหนังมากกว่าอ่านมันในฐานะของงานเขียน ซึ่งพอคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สั้นเพียงไม่กี่หน้า สั้นที่สุดจากทุกเรื่องแต่ทำให้ผมเกิดภาพที่ชัดเจรขึ้นมาในหัวได้ ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆครับ

ความสัมพันธ์ที่เหมือนกับฉากในหนังแบบนี้ ผมคิดถึงสวนหลังบ้านมากที่สุดครับ สถานที่ที่เรามักออกไปนอนหรือเดินดูดาวบนฟ้า สถานที่เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจ เงียบสงบแต่คลอเคล้าด้วยเสียงสิงสาราสัตว์ (ถ้าหากมี ซึ่งทุกวันนี้คงไม่มี) เป็นสถานที่ที่ทำให้นึกถึงงานชิ้นนี้ดีเลยครับ.

เรื่องที่เจ็ด : Secret Eden - ปอ เปรมสำราญ
เรื่องนี้เป็นงานเขียนอีกแนวหนึ่งจากทั้งหมด 6 เรื่องทีผ่านมา (ไม่ขอบอกว่าเป็นแนวอะไรเพราะถ้าบอกแล้วอาจจะเดาเรื่องได้เลย) งานชิ้นนี้สัมผัสได้ถึงความเศร้าและสิ้นหวังมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าความรักพาเราไปได้สุดทางมากแค่ไหนซึ่งมันอาจทำร้ายคนที่เรารักได้มากมายเช่นเดียวกัน

เรื่องราวทั้งหมดเหมาะกับ ห้องนอนที่สุดครับ ห้องที่เราสามารถหลีกหนีความจริงภายใต้ความฝันของเรา ซึ่งสุดท้ายแล้วฝันนี้ก็ต้องจบลง ลืมตาตื่นเพื่อพบกับความจริงที่เราพยายามหลีกหนีเสมอมา

เรื่องที่แปด : Stay – อินทรชัย พาณิชกุล
เรื่องนี้เป็นงานชิ้นแรกที่ได้อ่านของคุณอินทรชัย เช่นเดียวกันครับ หลังจากเคยเห็นเล่มอย่าด่าอินเดียแต่ก็ยังไม่ได้อ่านเลย (เศร้า)

งานชิ้นนี้เป็นเรื่องผีครับ พอนึกถึงบ้านพักก็ไม่ยากนักที่เราจะนึกถึงเรื่องผี เรื่องราวการพบกันของผู้เข้าพักคนก่อนและผู้เข้าพักคนใหม่ ส่วนมันจะเป็นผีแบบใด เพราะผีก็มองได้หลากหลายแบบ ผีอาจเป็นความน่ากลัวหรืออาจเป็นความโศกเศร้าที่ยังคงค้างอยู่ในสถานที่นั้นก็ได้ครับ อันนี้ต้องลองติดตามกันดู

เมื่อนึกถึงเรื่องผี สถานที่ที่แวบเข้ามาทันทีสำหรับผมคือ ระเบียงชั้นบนของบ้านครับ สถานที่ยอดฮิตที่คนมักเห็นผีมายืนโบกมือทักทายผู้ที่แวะผ่านเข้ามา ซึ่งผีที่มาปรากฏในระเบียงก็มักจะมากับคำถามว่า ที่กูเห็นนี่ผีป่าววะ ไม่รู้เพราะอะไรถ้าเทียบกับสถานที่อื่นที่เราจะไปเจอผีครับ 555

เรื่องที่เก้า : วิเวก - พวงสร้อย อักษรสว่าง
นักเขียน คนทำหนัง คือพื้นที่ที่เราอาจจะรู้จักคุณพวงสร้อยครับ เท่าที่ผ่านมาการเห็นคนทำหนังมาเขียนเรื่องสั้น จะพบว่ามันจะมีความแตกต่างจากงานของนักเขียนอยู่เหมือนกันครับ โดยเฉพาะวิธีการนำเสนอ..

งานชิ้นนี้แปลกตั้งแต่การจัดวางหน้าแล้วครับ การเคาะวรรค การขึ้นย่อหน้ามีความแตกต่างออกไปจากงานทั่วไป ส่วนระดับของเรื่อวราวนั้น นำเสนอถึงความว่างเปล่าและความรู้สึกแปลกแตกต่างที่ไม่เข้ากันได้กับคนในครอบครัว ที่ตอนจบจะทำให้นักอ่านชอบก็ชอบไม่ชอบก็ไม่ชอบได้เลยนะครับ

ด้วยการนำเสนอที่ไม่เชิงเป็นงานทดลองนัก แต่พูดได้ว่ามีลูกเล่นให้สนุกสนานทั้งจากรูปแบบและเนื้อหา ผมคิดว่าสถานที่ที่เหมาะที่สุด คงไม่พ้นห้องนั่งเล่นของบ้านครับ สถานที่มีความสนุกสนานและความบันเทิงที่สุดของบ้าน แต่หากวันที่เศร้าการไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นตัวคนเดียวก็เป็นการเยียวยาตัวเราได้เหมือนกันครับ

เรื่องที่สิบ : Streaming Service : นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
หนึ่งในผู้กำกับที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น Countdown / ฉลาดเกมส์โกง / One For The Road

มาในครั้งนี้กับงานเรื่องสั้นที่คงความตลกร้ายไม่ต่างจากหนังที่กำกับมาเลยครับ
งานชิ้นนี้ นำเสนอในรูปแบบของ metafiction ผ่านเรื่องราวของนักเขียนที่กำลังตามหาหมาของเขาที่หายไป ระหว่างนั้นก็ต้องเขียนบทภาพยนตร์ส่งแล้ว เพราะเดดไลน์กำลังจ่อคอหอยเขาอยู่ ซึ่งนำพาให้เขาไปพบกับแมวดำตัวหนึ่งที่สามารถพูดภาษาคนกับเขาได้เสียอย่างงั้น

สารภาพตามตรงว่างานชิ้นนี้อ่านไม่ยากครับ ออกจะสนุกด้วยซ้ำ เพียงแต่มีความรู้สึกว่าแม้อ่านจบแล้วแต่ยังไม่อาจย่อยเรื่องราวทั้งหมดได้ว่าจริงๆแล้วมันกำลังเล่าถึงอะไร ส่วนหนึ่งมันคือเรื่องราวที่เล่ากับคนอ่าน เล่ากับตัวเรื่องอื่นๆในเล่มด้วย (เอาเข้าจริง หากเรื่องราวมัน break the fourth wall ไปเลย จะเยี่ยมยิ่งกว่านี้อีกครับ) เพียงแต่มันมีสารอะไรบางอย่างที่ยังตีความไม่ออก ก็ต้องรอนักอ่านท่านอื่นมาช่วยกันตีความนะครับ
เรื่องนี้ชัดเจนว่าเหมาะกับ ห้องส่วนตัวของแต่ละคนครับ พื้นที่เล็กๆที่แสดงตัวตนของเรา ห้องที่บ่งบอกตัวเราได้ดีที่สุดครับ

เรื่องที่สิบเอ็ด : ผีไร้ชื่อ - ศิลปี กอบกิจวัฒนา
งานชิ้นนี้นำเสนอรูปแบบของความตายของบุคคล การตายในความเป็นจริง การตายในความทรงจำ ความตายมีได้หลายรูปแบบ คนเราตายได้หลายครั้งหลายครา ไม่ใช่ความตายเพียงครั้งเดียวดังที่เขาว่ากัน

เรื่องนี้ลึกดีนะครับ นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ หากคิดว่าเป็นงานเขียนชิ้นแรกที่นำเสนออกมา (ผมลองค้นดูแล้วไม่เจองานชิ้นอื่นก่อนหน้านะครับ) ก็ต้องยกนิ้วให้ว่าเราได้นักเขียนคุณภาพคนใหม่มาประดับวงการอีกคนแล้ว

พอมานึกงานชิ้นนี้เหมาะกับส่วนใดของบ้านนี่ยากเลย แต่คิดว่าเข้าที่สุดแล้ว ผมให้ห้องครัว ครับ เพราะว่างานชิ้นนี้ดูเป็นงานที่ใส่หลายอย่างลงมาในงาน มันมีมีความซับซ้อนพอสมควร เหมือนเราทำอาหารที่มีสูตรเฉพาะ จะไปนั่งทำง่องแง่กก็ดูจะไม่ค่อยดี ต้องมาทำในห้องครัว อุปกรณ์พร้อมสรรพถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้ครับ

เรื่องสุดท้าย : งานเลี้ยง - กิตติพล สรัคคานนท์
งานของคุณโยผมเคยอ่านแต่งานวิชาการ ไม่เคยอ่านงานนิยายเลย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบงานสายนิยายของคุณโยนะครับ แต่คือหาอ่านยากเกิ๊นนนนน (ผ่าม) เลยอ่านแต่งานวิชาการที่ออกมาเรื่อยๆในช่วงเวลานี้ครับ

งานชิ้นนี้เหมาะจะเป็นงานปิดท้ายตัวเล่มจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเนื้อหาที่เหมือนเป็นกิจกรรมปิดท้ายของวัน ยอ่างการไปผับบาร์เพื่อดื่มและลืมเลือนวันที่ผ่านมา พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับคนที่ไม่รู้จัก ปลดปล่อยตัวเองไปกับบรรยากาศและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
ลงตัวมากกับการเป็นฉากสุดท้ายของเรื่องราวทั้ง 11 เรื่องที่ได้อ่านมาทั้งหมดครับ

เมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย ผมคิดว่าส่วนที่เหมาะที่สุดคือ ประตูบ้านครับ ส่วนที่กั้นตัวเราระหว่างภายในและภายนอกบ้าน

เราจะเข้าหรือออกก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเปิดประตูจากฝั่งด้านไหน การออกไปอาจเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็เป็นได้ การปิดท้ายไม่จำเป็นต้องเป็นการสิ้นสุดเสมอไป ในบางครั้งก็เป็นเพียงการเตรียมตัวเพื่อเริ่มต้นบทใหม่ที่กำลังจะมาถึงได้เหมือนกันครับ

โอเค นี่ยาววววชิหายมากแล้ว ขอปิดท้ายฟินาเล่ด้วยภาพรวมของเล่มนี้ซักหน่อยละกัน
พอพูดถึงบ้าน ผมว่ามีหลายสิ่งที่แวบเข้ามาในหัว ส่วนจะเป็นอะไรคงต้องขึ้นอยู่กับว่าเราเติบโตมาในบ้านแบบไหน ใครอยู่ในนั้นบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ในภาพรวมแล้วมักจะมีร่วมกัน คือ ความรู้สึกโหยหาอะไรบางอย่าง คนหนึ่งอาจจะโหยหาช่วงเวลาที่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้น โหยหาช่วงเวลาดีที่ได้อยู่กับคนในครอบ
Profile Image for Chontiwat Udomsiripat.
223 reviews5 followers
May 30, 2024
Related Storeys: บ้าน ชั้น เธอ เรื่องเล่าในพำนัก - เรื่องราว 12 เรื่อง ที่ setting ฉากหลังเป็นบ้านพักตากอากาศ ณ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เรื่องราวทั้ง 12 เรื่องนั้นถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียน/ผู้กำกับภาพยนตร์/ศิลปิน/อาจารย์มหาวิทยาลัย ทำให้เรื่องราวทั้ง 12 เรื่องนั้น มีความหมาย หลากหลาย และคมคายในแบบของมัน

ขึ้นชื่อว่าบ้าน บ้านคือสถานที่ที่เราพักอาศัย ทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในบ้าน มีความสุข มีความทุกข์ มีมวลอารมณ์ทุกอย่าง - บ้านยังเป็นที่ทำงานของใครหลายคน จากการ "work from home" ที่มาพร้อมกับวิกฤตโรคโควิด - 19 แต่บ้านก็คือบ้าน บ้านคือที่พัก พำนักและแอบอิง เราทำงานบ้านได้ แต่การที่เราเอางานจากที่ทำงานมาทำที่บ้านนั้น ก็คงทำได้ ถ้าเตียงไม่ดูด

นอกจากนั้นแล้ว บ้านยังเก็บความทรงจำเอาไว้ ความทุกข์ ความสุข ทุกสิ่งอย่าง บางคนอาจคิดถึงบ้าน บางคนอาจไม่คิดถึงบ้าน นั้นคืออัตวิสัยของแต่ละคนไป สำหรับผมแล้ว การอ่านหนังสือเล่มนี้นั้นชวนให้คิดถึงบ้านอีกครั้ง ไม่ใช่แค่บ้านที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน แต่รวมถึงบ้านที่เคยอาศัยอยู่ในอดีตด้วย ทั้งห้องพัก B 204 ที่หอในที่เคยใช้พักพิงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พอหวนนึกถึงแล้ว ความทรงจำตอน��มัยที่อายุ 18 - 22 ปี ก็กลับเข้ามา เป็นความทรงจำที่ถึงแม้จะมีเรื่องทุกข์ยาก แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ผมมีความสุขกับห้องพัก B 204 เสมอที่ผมหวนนึกถึงมัน ก่อนที่จะจากลาและค่อย ๆ แหลกสลายตามกาลเวลาเมื่อครั้นอายุ 25 ปีบริบูรณ์

เมื่อบ้านไม่ได้จำกัดเเค่บ้าน เมื่อบ้านเสมือนทุกอย่างที่ "Related" เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเราและใครหลายคนเข้าด้วยกัน ฉะนั้นบ้าน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเติมเต็มความรู้สึกเรา ไม่ว่าในอดีต ในปัจจุบัน หรือในอนาคต เราจะเว้าแหว่งแค่ไหนก็ตาม บ้าน จะยังคงต้อนรับเราเสมอ ทั้งบ้านพ่อ บ้านแม่ บ้านเพื่อน บ้านฉัน และบ้านเธอ

"เขาอยากได้ยินเรื่องราวของเธอ เธออยากเห็นความฝันของเขา และทุกสิ่งก็แค่สวยสดในวันที่เราสองคนพบกัน ... และทุกสิ่งก็แค่สวยสดในเวลาที่เขาสองคนมีกันและกันข้าง ๆ " - P. 120, 125.
"ความรักมักจะสะท้อนชีวิต และชีวิตก็มักจะสะท้อนความรัก เน่าเฟะ สมหวัง เปียกปอน หรือหลอนเศร้า แต่คุณเองก็ยังจะรัก แต่คุณเองก็ยังจะเเสดงว่ารัก" - P. 164.
"ความทุกข์และความเจ็บปวดที่มากที่สุด มักเกิดขึ้นกับหัวใจ แต่เพื่อจะรักษาบาดเเผลเหล่านั้นได้ ก็ต้องอาศัยการลืม วิธีช่วยให้ลืมได้คือการเมา" - P. 251.
"ผมแค่คนล้มเหลวไปวัน ๆ - ในวัย 25 ปี ผมไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมกำลังทำ thesis ทางกฎหมายอยู่ ซึ่งแม่งโครตจะนามธรรม ผู้คนนั้นสนแค่ตอนที่ผลลัพท์มันป็นรูปธรรมเท่านั้นแหละ - ไม่ว่าผมจะล้มเหลวและอ่อนล้าเพียงใด ขอบคุณคนที่บ้านที่เข้าใจผม ขอบคุณที่ยังยืนหยัดอยู่ข้าง ๆ ผม ขอบคุณพ่อที่คอยเลี้ยงเบียร์เย็น ๆ ปลอบใจ เราต่างรู้กันว่าเราไม่ได้ดื่มเพื่อให้เมา เราต่างดื่มเพื่อให้คลายทุกข์ จากวังวนนรกที่ผมกำลังเจออยู่ตอนนี้" - ผมเอง
Displaying 1 - 2 of 2 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.