Jump to ratings and reviews
Rate this book

เถ้าน้ำค้าง

Not yet published
Expected 1 Mar 56
Rate this book
ลานน้ำค้างมองเห็นโลกหลังความตาย

เธอรู้จัก “บางตน” ของผู้อยู่ต่าง���พ

และวิญญาณดวงนั้น ชักพาเธอให้เข้าใกล้

“ผู้ชายในฝัน”

เส้นทางความรักเหมือนถูกชี้นำจากมือที่มองไม่เห็น

สานสายใยทั้งกับผู้ชายในฝัน และผู้ชายที่อยู่ใกล้ตัว

ก่อให้เกิดปมแห่งหัวใจที่ยากจะสะสาง

ในยามนั้น

เธอกลับเผชิญวิกฤตที่สุดในชีวิต

ด้วยโรคมะเร็ง

ที่สามารถพรากเธอจากคนที่รัก และจากทุกคนที่รักเธอ

ลานน้ำค้าง...เห็นโลกหลังความตาย

และเธออาจก้าวไปสู่ดินแดนนั้น

ระหว่างความรักและความตาย

ปัญหาใด ยิ่งใหญ่กว่ากัน

520 pages, Paperback

Expected publication March 1, 2556

1 person is currently reading
27 people want to read

About the author

ชลนิล

24 books38 followers
Associated Names:
* ชลนิล
* ฉิกกง

ที่มา....ของนามปากกา "ชลนิล"

ที่มาของชื่อ "ชลนิล" จริง ๆฟังแล้วดูปัญญาอ่อนมากนะ ตอนม.2 ผมเขียนนิยายเรื่องแรกชื่อ "ใต้เงามันดาเร"
(เห็นมั้ย ชอบเขียนแนวลึกลับตั้งแต่เด็ก) เรื่องนั้นพระเอกชื่อ ภุชงค์ นางเอกชื่อ อินทนิล (ดอกตะแบก - อินทนิล สีม่วง เป็นดอกไม้ที่ผมชอบมากตอนเด็ก)

พอเขียนจบก็นึกเล่น ๆ ว่าถ้าเขียนภาคสอง ลูกของ ภุชงค์ กับ อินทนิล จะมีชื่อว่าอะไร
ตอนนั้นก็คิดชื่อ ชลนิล - อินทชล ออกมาได้ (เปลี่ยนคำว่าชงค์ เป็น ชล)
พอคิดสองชื่อนี้ได้ก็เกิดอาการชอบมาก อย่าใช้เป็นชื่อตัวละครเลย
เอามาเป็นนามปากกาของเราดีกว่า ! (ตอนเขียน ใต้เงามันดาเร ใช้นามปากกา ตรี อินทนิล)

นามปากกาหลังจากนั้นจึงเป็น "ชลนิล อินทชล" (ลิเกมั้ย)
ใช้เขียนเรื่องสั้นส่งตามนิตยสารต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
โชคดีอย่างยิ่ง ที่ไม่มีนิตยสารเล่มไหนรับเรื่องสั้นผมไปพิมพ์
(เด็กอายุ 14-15 เขียนเรื่องสั้นแบบไหน ใครๆก็น่าเดาออกว่า มันคงไม่ได้เรื่อง)

ตอนม.ปลาย ผมบ้าการ์ตูนญี่ปุ่น ช่วงปิดเทอมเคยไปช่วยทำงานที่สำนักพิมพ์การ์ตูนแห่งหนึ่ง รู้จักพวกบรรณาธิการ ทีมงานการ์ตูนหลายคน เขาถามผมว่าชื่อ "ชลนิล" แปลว่าอะไร? ตอนนั้นผมก็พยายามเล่าที่มา ที่ไป พร้อมคิดคำแปลอย่างสวยงาม
(ตามประสาเด็กนั่นแหละ)

เขาฟังแล้วบอกคำเดียวเลยว่า... "ชลนิล" = "น้ำเน่า" ชล=น้ำ / นิล = สีดำ
น้ำสีดำ มันก็คือน้ำเน่านั่นแหละ ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วชอบทันที...เออ...แปลว่า น้ำเน่าก็เข้าท่าดี ไหน ๆ เราก็ชอบเขียนนิยายอยู่แล้ว สมัยนั้น พอเพื่อน ๆ รู้ว่าเราเขียนนิยาย ก็ชอบถามเหมือนกัน "เขียนนิยายน้ำเน่าเหรอ?" เราตั้งนามปากกาแปลว่า น้ำเน่า ไปเลยดีกว่า แทนคำตอบพวกมันไปเลย แถมยังเท่ดี ไม่เหมือนใครด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นความคิดสมัยผมเรียนอยู่มัธยม อายุแค่ 15-16 เองมั้ง

พอเรียนจบ มาทำงานอยู่ที่อุดรฯ
มีอยู่วันหนึ่ง เข้าเวร นึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากเขียนเรื่องสั้นเล่น ๆ
อาศัยความรู้ที่ได้อ่านจากหนังสือเกี่ยวกับการเขียนเรื่องสั้น
ในห้องสมุดของวิทยาลัยครูอุดร มาเป็นแนวทาง
ลองเขียนตามที่หนังสือเขาสอน-แนะนำ

ผลก็คือ...ได้เรื่องสั้นมาเรื่องหนึ่ง เรื่องสั้นเรื่องนั้นชื่อ "เด็กชาย กองทราย และชิงช้า"
เขียนจบ ผมฝากเพื่อนให้เอาเรื่องสั้นนี้ไปให้อาจารย์ภาษาไทย(ในวิทยาลัยครู)
ช่วยวิจารณ์ - แนะนำ พออาจารย์ท่านนั้นอ่านจบ ก็ฝากเพื่อนผมมาบอกว่า...
"ให้เขาส่งเรื่องนี้ไปที่ นิตยสาร สตรีสาร"

นิตยสาร "สตรีสาร" สมัยนั้น ถือเป็นสนามนักเขียนที่มีมาตรฐานสูง
จนผมไม่เคยกล้าส่งงานตัวเองไปให้เขาพิจารณาเลย
พออาจารย์ภาษาไทยท่านนั้นแนะนำอย่างนี้
ผมเลยทำใจกล้า ส่งเรื่องสั้นไปที่ สตรีสาร โดยใช้นามปากกาว่า "ชลนิล" เฉย ๆ
ตัดคำว่า "อินทชล" ออก เพราะรู้สึกว่ามันเยิ่นเย้อ ลิเกพิกล
(ตอนนั้นโตพอจะรู้แล้วว่า ความคิดสมัยเด็กของตัวเองมันเพี้ยนๆ)

ผลคือได้ลงในนิตยสารสตรีสาร ภายในเวลาเดือนสองเดือน
ความดีใจครั้งนั้น ยิ่งกว่าคนเอ็นทร้านซ์ติดเสียอีก
เพราะนี่เป็นนิตยสารมาตรฐานฉบับแรก ที่ผมได้ลงเรื่องสั้น
แถมเป็นนิตยสารมีชื่อ ที่นักเขียนดัง ๆ หลายคนแจ้งเกิดที่นี่
ไม่ว่าจะเป็น "โบตั๋น" "ประภัสสร เสวิกุล" ฯลฯ

หลังจากนั้นผมก็มีไฟ เขียนเรื่องสั้นส่งสตรีสารอีกหลายเรื่อง
โดยใช้นามปากกาว่า "ชลนิล" มาตลอด
แต่ก็ไม่มีเรื่องสั้นได้ลงอีกนาน จนผมนำเรื่องสั้นที่เขียนส่ง "สตรีสาร" (แล้วไม่ได้ลง)
มารวมทั้งเรื่องสั้น "เด็กชาย กองทราย และชิงช้า"
แล้วส่งไปให้สำนักพิมพ์สนุกอ่านพิจารณา
...โดยไม่คิดว่า...
นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของรวมเรื่องสั้นเล่มแรกในชีวิต "ละครภูต"
และเป็นการใช้นามปากกา "ชลนิล" บนแผงหนังสือครั้งแรกเช่นกัน

ชลนิล
20 ธ.ค. 56


ผลงาน

1. ต่างเวลา (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน)
2. ม่านมนตรา (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน)
3. พรุ่งนี้ดาวยังพราวแสง (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน)
4. รอยสาป (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน)
5. กรงอำพราง (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน)
6. เพลิงนาคา (พิมพ์ครั้งที่ 4 สำนักพิมพ์วันดี)
7. เรือนเวลา (สำนักพิมพ์นวนิยายบางกอก)
8. กรงไฟ (สำนักพิมพ์นวนิยายบางกอก)
9. เถ้าน้ำค้าง (สำนักพิมพ์วันดี)
10. อาคม (สำนักพิมพ์คำต่อคำ)

รวมเรื่องสั้น
1. ละครภูต (สำนักพิมพ์สนุกอ่่าน)
2. ผู้ถูกล่า (สำนักพิมพ์สนุกอ่าน) (พิมพ์ครั้งที่1 ใช้ชื่อว่า "ในเงาสนธยา")
3. ลางมายา (สำนักพิมพ์นวนิยายบางกอก) (รวมจากสองเล่มเล็ก"ลางสังหารกับสีสันสยอง")

ผลงานเขียนอื่นๆ
1. ลมหายใจของสายลม (สนพ.สนานคิด) ประเภทบทกวี
2. ที่สุดปลายกระบี่ (สนพ.สนานคิด) รวบรวมถ้อยคำปรัชญาอันแหลมคมจากนวนิยายหลายเล่มของโก้วเล้ง
3. นิทานโทสะ (สนพ.วันดี) รวมบทความที่เขี

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
5 (33%)
4 stars
8 (53%)
3 stars
2 (13%)
2 stars
0 (0%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 of 1 review
Profile Image for Pollarin.
176 reviews6 followers
September 7, 2018
เรื่องนี้...คือเรื่องแรกที่ทำให้เราอ่านนิตยสารบางกอกตอนเรียนประถม

ปกติเห็นนิตยสารเล่มบางที่ย่าชอบอ่านเล่มนั้นแล้วก็มองมาตลอดว่าเป็นหนังสือคนแก่555 แต่สิ่งที่ทำให้ลองเปิดใจมาอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็ง่ายๆ เลย เพราะไม่เข้าใจชื่อเรื่อง

เถ้า...เข้าใจ น้ำค้าง...ก็เข้าใจ แต่เถ้าน้ำค้าง? น้ำค้างมีเถ้าด้วยเหรอ ตอนนั้นงงมากก็เลยลองเปิดอ่าน ซึ่ง หลังจากนั้นเรากับแม่ก็ติดเรื่องนี้กันงอมแงม 555555

จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอนนั้นทำไมถึงชอบ จำได้ว่าไม่ชอบตอนจบ อ่านแล้วแบบ...เซ็งมากกก ทั้งๆ ที่อุตส่าห์เปิดใจอ่านบางกอกเรื่องแรก กลับไม่น่าพอใจซะงั้น555 ตอนนั้นแม่เองก็เซ็งเหมือนกัน

ที่จริงเราไม่เคยรู้เลยว่านิยายในบางกอกก็จะมีรวมเล่มแยกออกมาด้วย ตอนเห็นครั้งแรกก็ เอ๊ะ...แค่ชื่อเหมือนกันหรือเปล่า แต่พออ่านเรื่องย่อก็ดีใจ เพราะลืมไปเกือบหมดแล้ว อยากหามาอ่านอีกครั้งพอดี ดีใจที่ห้องสมุดมหาลัยมีเรื่องนี้

เล่มค่อนข้างหนา มีประมาณห้าร้อยหน้า ซึ่งต้องบอกว่าเราเข็นจนจบด้วยความยากลำบากมากๆ 5555 ตอนนั้นที่อ่านจนจบได้น่าจะเป็นเพราะค่อยๆ ทยอยอ่านทีละอาทิตย์หรือเปล่า มาตอนนี้อ่านรัวแล้วรู้สึก...เอือมมาก

พูดเรื่องที่ไม่ชอบก่อนละกัน

เรื่องแรก ซึ่งก็คือเรื่องหลักใหญ่ใจความของเรื่องเลย...ธรรมะ พูดตรงๆ หน่อยก็คือเราไม่ค่อยจะอินกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว คือไม่ได้อะไรนะ อ่านได้ แต่เรื่องนี้เขียนมาแบบ...ยัดมาก รู้สึกเหมือนนางเอกพูดจาเป็นคำคมตลอดช่วงหลังที่รู้ตัวว่าป่วย คือทั้งฟังธรรมะ ฝึกจิตฝึกใจ ก็เข้าใจอะนะว่าคนป่วยหนักก็อยากหาที่พึ่งพิง แต่รู้สึกว่านางเกินเบอร์ไปมากกก แบบ โอ๊ย แอบรำคาญนะเอาจริงๆ55555

พูดถึงผู้ชายสามคนที่เข้ามาในชีวิตของลานน้ำค้าง (ชอบชื่อนางเอกมาก) ต้องบอกก่อนว่าเราชอบสองคน ซึ่งก็คือคุณเลียบเมืองกับโดม

คุณเลียบเมืองเป็นผู้ชายเพอร์เฟกต์ ท่าทางเป็นคนอ่อนโยน ใจดี มีความเป็นพระเอกมากที่สุดจากสามคน จำได้ว่าตอนอ่านเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนก็เชียร์คนนี้ ทั้งแสนดี ทั้งรักครอบครัว เริ่ดสุด

โดม...ไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนชอบเพราะอะไร อาจจะเป็นนิสัยดื้อๆ เหมือนพระเอกนิยายแจ่มใสที่อ่านตอนนั้นมั้ง555 แต่ตอนนี้ที่กลับมาอ่านก็ยังชอบอยู่ มีความเป็นเด็กที่ดื้อรั้น และก็มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัว เป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกเหมือนลานน้ำค้างนั่นแหละ...อยากมีน้องชายแบบนี้

บูรพา...อืม ต้องบอกว่าโดยปกติทั่วไปแล้วคาแรคเตอร์แบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพระรองเนอะ ตอนอ่านครั้งแรกจำไม่ได้แล้วว่ารู้สึกกับตัวละครนี้ยังไง แต่ตอนนี้ที่กลับมาอ่านรู้สึกกลางๆ ค่อนไปทางเฉย

เราอินกับเรื่องการที่รักใครสักคนมาเป็นเวลานานมากๆ นะ เรื่องเพื่อนชอบเพื่อนก็ชอบ เพียงแค่ว่าลักษณะนิสัยและบุคลิกของคนคนนี้ไม่ใช่แนวเราในหลายๆ ด้าน ก็เลยไม่ได้เชียร์เท่าไหร่

บอกใช่ไหมว่าตอนนั้นไม่พอใจตอนจบ ตอนนี้ก็ไม่พอใจนะ...แต่เรียกได้ว่ายอมรับได้มากขึ้นมั้ง

เพราะตอนนั้นเชียร์คุณเลียบเมือง ก็ผิดหวังไปเรื่องนึงแล้ว บวกกับตอนนั้นยังไม่เคยอ่านนิยายที่จบไม่สมหวังมาก่อน จึงไม่ถูกใจที่สุดท้ายแล้วนางเอกก็ไม่หายป่วย นี่เป็นสองเรื่องหลักๆ ที่ไม่โอเคตอนนั้นน่ะนะ

ส่วนตอนนี้เหรอ...อืม ถ้ามองแบบพิจารณาดีๆ คนที่สมควรได้คู่กับลานน้ำค้าง ก็คือบูรพานี่แหละ555 เราไม่ชอบในแง่ถ้าเราเป็นเรา แต่ถ้ามองในมุมน้ำค้าง คนนี้คือคนที่พอดีที่สุดแล้ว และเราก็ประทับใจเรื่องสมุดบันทึกไดอารี่ด้วย ได้อยู่ดูแลกันก็ดีแล้ว

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เราก็เสพติดนิยายสายดราม่าเหมือนกัน เพราะงั้นแค่เรื่องนางเอกไม่หายป่วยแค่นี้ จิ๊บๆ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เรื่องอื่นดราม่ากว่าเยอะแยะ5555

เมื่อก่อนเข้าใจว่าเรื่องหลักคือเรื่องความรัก ลานน้ำค้างจะเลือกใครในคนสามคนที่ต่างก็เป็นคนดี แต่ตอนนี้อ่านแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ โครงหลักของเรื่องนี้คือตัวลานน้ำค้างต่างหาก คือตัวลานน้ำค้างที่จะรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างไร เราคิดว่าแบบนั้นนะ

แต่ก็...เพราะลานน้ำค้างเลือกเอาธรรมะมาเป็นเรื่องหลักด้วยเนี่ยแหละ สำหรับเราคือไม่สนุกเลย5555 ไม่ได้เจตนาจะไม่เคารพนับถือหรือลบหลู่อะไรนะ แต่ไม่อินจริงๆ รู้สึกว่าเวิ่นเว้อมาก

ตัวละครเรื่องนี้ อืม เป็นคนดีกันหมด ทั้งเรื่องช่วยเหลือกันแม้เพิ่งพบกันครั้งแรกเอยอะไรเอย บวกกับแนวธรรมะอะไรนี่ด้วยแล้ว ก็ดูเป็นนิยายโลกสวยอยู่เหมือนกันนะ

ตัวละครที่เราชอบ นอกจากสองคนที่บอกแล้ว ก็มีน้องปันปัน น้องสดใสร่าเริงมาก ตอนอ่านแล้วอารมณ์ดีไปด้วยเลย เสียดายที่ตอนหลังไม่ได้พูดถึงอีกหน่อย อายุก็...สิบเจ็ดสิบแปดสินะ น่าจะน่ารักน่าดูเลย

อีกคนที่ชอบ แม้จะมีบทออกมานิดเดียวก็คือเกรซ ผู้หญิงคนที่เป็นแฟนเก่า เราชอบทัศนคติของเธอมากตอนปฏิเสธคำขอแต่งงานที่ไม่ได้มาจากใจจริงของคุณเลียบเมือง ชอบที่บอกว่ารักปันปันได้ไม่เท่าคุณ ชอบที่พูดออกมาตรงๆ และกล้าถามคำตอบออกมาตรงๆ ...ขอให้เจอคนที่ดีนะ

เรื่องที่ชอบก็มีภูมิหลังของโดมกับคุณเลียบเมือง รู้สึกว่าแต่งได้น่าสนใจดี ทั้งสองคนเลย ของโดมสงสารมากกว่าหน่อย...คนที่จะขอโทษและสัญญาว่าจะรักชดเชย ไม่อยู่แล้วนี่นะ

รวมๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ทางเท่าไหร่ คิดว่าถ้าไม่ผ่านไปนานๆ เหมือนคราวนี้อีกก็คงไม่หยิบมาอ่าน ไม่แน่ ตอนนั้นอาจจะเข้าถึงพระธรรมจนไปกราบไหว้ทำกิจกรรมแบบลานน้ำค้างก็ได้นะ โตขึ้นอะไรๆ ก็เปลี่ยนนี่5555

แต่ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยน ก็เลยยังไม่ชอบอยู่ ให้คะแนน 6 ก็พอ
This entire review has been hidden because of spoilers.
Displaying 1 of 1 review

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.