nananatte431 reviews138 followersFollowFollowFebruary 17, 2019บังเอิญเจอรวมเรื่องสั้น “จนกว่าเราจะพบกันอีก” ของศรีบูรพาที่ห้องสมุดประชาชน ด้วยความสงสัยจึงหยิบขึ้นมาอ่านอย่างไม่ลังเลเลย เพราะ “ข้างหลังภาพ” เป็นหนังสือโปรดในตลอดกาลของเราอยู่แล้ว เราเองก็อยากรู้ว่าถ้าเป็นผลงานเรื่องอื่นๆ ของศรีบูรพาจะเป็นอย่างไรบ้างนะคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกค่ะที่ไม่อ่านตามการเรียงลำดับในเรื่อง แต่พลิกอ่านเองตามไทม์ไลน์ของการประพันธ์ คือ สิ่งที่ชีวิตต้องการ(2480-อายุ 32 ปี) สุนทรี(2485-อายุ 37 ปี) และ จนกว่าเราจะพบกันอีก(2492-อายุ 44 ปี) บรรยากาศหลายๆ ความสนุกสนานของชีวิตเมืองกรุง โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้านและการลีลาศ ช่างสนุกสนานสำราญใจเสียจริง! เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในทุกเรื่องตลอดเล่มค่ะ ความเป็นผู้ดี การให้คุณค่าแก่นักเรียนนอก นักเรียนทุน คุณค่าชนิดที่เรียกว่า “สิบพ่อค้า ไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” การให้ค่ากับการศึกษา ถกประเด็นความรักกับการแต่งงาน เป็นหัวข้อร่วมในทุกเรื่องค่ะ อ่านแล้วออกจะตกใจว่าทำไมคนไทยจะรักสนุกมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ...มันเป็น DNA คนไทยรึเปล่านะ? แต่ด้วยคำอธิบายจากทั้งสามเรื่อง ดูเหมือนคนไทยในสายตาคุณศรีบูรพาจะเน้นแต่หาความบันเทิงเริงใจล่ะค่ะ“สิ่งที่ชีวิตต้องการ” ทำให้เรานึกถึง “รักของคนเขลา” ของทานิซากิ กับ “ครอบครัวแสนสุข” ของตอลสตอย เป็นเรื่องราวของน้องสาวส่งจดหมายมาคุยกับพี่สาวเรื่องราวชีวิตรักและการแต่งงาน ให้ความรู้สึกประมาณเดียวกับงานแนวรักของคุณพนมเทียนเหมือนกันนะคะ น้องสาวเป็นคนสนุกแจ่มใส ออกจะโลกสวยและรื่นเริงไปวันๆ เลยทีเดียว แต่เราชอบนะคะ เพราะแทนที่เรื่องราวจะพัฒนาไปในทางลบ เรื่องกลับคลี่คลายออกมาได้น่าพอใจ ...แต่อ่านแล้วก็จะตกใจนิดหน่อย น้องสาวแต่งงานตอนอายุ 17 และพี่สาวที่อายุ 23 ยังไม่ได้แต่งงานนี่ต้องกังวลใจว่าจะขายไม่ออกแล้ว OMG.... (ย้ำ เรื่องนี้เขียนปี 2480)“สุนทรี” ทำให้เรานึกถึงงานเขียนของคุณกฤษณา อโศกสิน เพราะมันดราม่าสะท้อนสังคมแบบชวนให้เจ็บปวด และรู้ว่าจงใจเขียนมาเพื่อนสอน ซึ่งค่อนข้างจะเกินขอบเขตรสนิยมการอ่านของเรา ก็เลยอ่านด้วยความไม่สบายใจสักเท่าไรและ “จนกว่าเราจะพบกันอีก” เปิดเรื่องมาด้วยบรรยากาศแบบนิยายแปล แต่กลับกลายเป็นมุมมองเข้มข้นของคนผ่านโลกมามาก เมื่อได้อ่านประวัติของคุณศรีบูรพาที่มีมาให้ท้ายเล่ม ก็จะยิ่งพบว่าในฐานะนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ในช่วงปฏิวัติ 2475 ทั้งยังถูกสั่งปิดหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองสังกัดอยู่เนืองๆ จนตัดสินใจออกไปร่ำเรียนที่ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ทำให้คุณศรีบูรพายิ่งหัวก้าวหน้ามากเลย การพูดเรื่องชีวิต สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถกระทำได้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ รวมถึงการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้ค่ะ แต่ที่มึนคือ ณ ปัจจุบันที่ใกล้มีการเลือกตั้ง ...ทำไมรู้สึกประเทศไทยแลนด์ไม่ได้เดินหน้าไปไหนจากบทสนทนาของตัวละครในเรื่องนี้เลยล่ะ? (เขียนปี 2492)สิ่งที่ดีงามที่สุดจากการอ่านรวมเรื่องสั้นเล่มนี้คือ เราค้นพบว่าเราชอบ VOICE ของคุณศรีบูรพานั่นเองค่ะ ไม่ใช่แค่การใช้ภาษาที่รื่นหู กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก ดูมารยาทงามเป็นผู้ดีแล้ว แต่มันมีความงามบางอย่างที่ก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราชอบ “ข้างหลังภาพ” มากด้วยนั่นเอง voice แบบคุณศรีบูรพา เป็น voice ที่มีความสงบและเข้าใจโลก และให้ความรู้สึกแบบผู้ใหญ่ใจดีการเล่าเรื่องทั้งสามเรื่องไม่ง่ายเลย เพราะเล่าซ้อนของซ้อน ซ้อนเทคนิคการเล่าเรื่องด้วย POV ของอีกตัวละครหนึ่ง ตอนอ่านช่วงต้นเรื่องทั้งสามเรื่องเราต้องตั้งสตินานมากเลยค่ะ แต่ก็พบว่าเล่าเรื่องแบบนี้ได้ด้วยสินะ ก็แปลกดีและสนุกดีค่ะ และที่งงคือ ทำไมทั้งสามเรื่องถึงเล่าผ่านมุมมองตัวละครหญิงหมดเลยล่ะเนียะ และคุณศรีบูรพาเขียนมุมมองผู้หญิงออกมาได้ดีด้วยสิคะ 555fiction thai-fiction
Sorrapong Ongsangkoon3 reviews2 followersFollowFollowOctober 27, 2017ไม่แปลกใจที่ 'จนกว่าเราจะพบกันอีก' กลายเป็นงานเขียนชิ้นบุกเบิกถางทางสายวรรณกรรมเพื่อชีวิต ของศรีบูรพา ได้อย่างดีเยี่ยม แน่นอนว่าประเด็นที่ถูกพูดถึงในเล่มนี้ โดยเฉพาะสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย(สยาม) หากนำมาอ่านในยุคสมัยนี้ ก็คงมีหลายหัวข้อที่ทราบกันดีอยู่แล้ว (แสดงให้เห็นว่าหลายอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง และมีทีท่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน)อย่างไรก็ตาม การเล่าสภาวะความเป็นจริง ก็ไม่ใช่ส่วนที่พีคที่สุดของเล่ม แต่อาจจะอยู่ที่ การแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ปัญหานั้น ซึ่งศรีบูรพานำมาถ่ายทอดลงตัวหนังสือทันทีที่กลับจากออสเตรเลีย ก็อีกแหล่ะที่มันอาจไม่ใช่ข้อเสนอที่สดใหม่ และอาจดูอุทิศตนเพื่อมนุษยโลกมากเกินไปหน่อย (เมื่อนำไปหักลบกับแนวคิดบริโภคนิยมในปัจจุบัน) แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตามที่ศรีบูรพาว่าไว้ในทั้งหมดของช่วงชีวิต นึกถึงคนอื่น ละวางจากการเห็นแก่ตัว ทำเพื่อคนอื่นก็เป็นเรื่องดี แต่ก็อย่าถึงกับอุทิศตนจนตัวเองก็ไปไหนไม่รอดเลย มันจะสะท้อนกลับกลายเป็นภาระผู้อื่นไปเสียด้วยซ้ำขณะที่การดำเนินเรื่องราวการทำความรู้กันของ โดโรธี สาวออสซี่ ที่สงสัยในความลึกลับของคนต่างถิ่นอย่าง โกเมศ ตั้งแต่แรกเจอ มีความคิดในใจมากมายของโดโรธี ว่าคนแบบนี้ พูดจาแบบนี้ น่าจะเป็นใครจากที่ไหน ในเรื่องโดโรธีเดาไปไกลถึงขนาดว่า โกเมศต้องเป็พวกพราหมณ์จากหิมาลัย ใน ทั้งที่ก็พึ่งเจอกันได้ไม่นานสิ่งนี้ ทำให้นึกถึงเวลาที่เราพบปะใครซักคนที่มีลักษณะท่าทางที่ไม่เหมือนกับคนที่อาศัยในสังคมเดียวกับเรา มันก็จะมีก้อนความคิดอะไรบางอย่างแบบโดโรธีเลย อาจจะเป้นความหวาดระแวง ความไม่คุ้นเคย จนเป็นกลไกป้องกันตัวเอง หรืออาจเป็นกลไกตัดสินใครซักคนแบบไม่รอข้อมูลเพิ่มเติม เช่นเจอใครซักคนดูเดินเซ่อๆ พูดจาติดๆ ขัดๆ แบบนี้ แม่งต้องซื้อบื้อแน่ๆ ทั้งที่ไอ้คนนี้อาจจะมีคมในฝักซักอย่างที่ไม่เผยออกมาก็เป็นได้ สิ่งเหล่ามันสามารถเรียกได้ว่า เรามองคนผ่านชุดความคิด stereotype พื้นๆ เกินไปหรือเปล่าจนเมื่อโดโรธีได้ฟังเรื่องราวจากถิ่นที่โกเมศจากมา 'เมืองสยาม' ดินแดนที่ชาวนาไม่กลัวระเบิดนิวเคลียร์ (ถ้าใครได้อ่าน แนะนำให้หาอ่านเหตุผลของข้อนี้ สำหรับเราแล้วมันค่อนข้างกัดกินใจให้เหวออยู่ตรงบรรทัดนั้นได้พอสมควร) ความอัศจรรย์ปนเวทนาอาลัยของโดโรธี ทำให้เธอเห็นโกเมศชัดขึ้น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นเรื่องราวในชีวิตของเขาที่ผ่านมา ที่ทำให้เขามานั่งสั่งชา กาแฟคุยกับเธออยู่ตรงหน้านี้จนกว่าเราจะพบกันอีก เป็นหนังสือเล่มบาง มุมานะอ่านในหนึ่งคืนได้สบาย และถึงจะบาง ก็ควรอ่านอย่างพิถีพิถันทีละบรรทัดเพราะแม้ข้อเขียนถึงสังคมไทยของศรีบูรพาจะมีเวลาล่วงมานับหลายสิบปีแต่ก็นับว่า��ม่ล้าสมัย โดยเฉพาะความเป็นไปที่เราๆ ต่างยังรู้สึกได้ในปัจจุบัน.
Suphap Duangsan141 reviews13 followersFollowFollowMarch 13, 2024"ศรีบูรพา" หรือ "กุหลาบ สายประดิษฐ์" ได้รับการยกย่อง จากนักอ่านและผู้ที่ชื่นชมในผลงานเขียนรวมถึงประวัติชีวิตของเขาเอาไว้หลายนามเช่น "นักเขียนของปวงชน” หรือ “ปรมาจารย์วรรณกรรมไทย” และที่น่าสนใจที่สุดคือ “พญ วิหคในคัคนานต์แห่งวรรณกรรมไทย".“จนกว่าเราจะพบกันอีก" เป็นนิยายที่ “ศรีบูรพา" เขียนขึ้น หลังกลับจากการไปศึกษาที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี พ.ศ.2492 และได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มแรกของ "สำนักพิมพ์สุภาพบุรุษ" ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ของ “ศรีบูรพา" เอง กล่าวกันว่าเป็นนิยายแนวเพื่อชีวิตเล่มแรกของไทย.นิยายเรื่องนี้จัดเป็นงานเขียนแนวไพรัชนิยาย (Exotic Novel) อีกเรื่องหนึ่งของ “ศรีบูรพา" เล่าเรื่องความผูกพันของ "โกเมศ" หนุ่มไทยที่ไปศึกษาที่ประเทศออสเตรเลียกับ "แนนซี" หญิงสาวออสเตรเลีย ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถือเป็น ความสัมพันธ์ทางความคิดในแง่อุดมคติมากกว่าเรื่องความรักเชิงชู้สาวแสดงถึงความก้าวหน้าทางความคิดของ "ศรีบูรพา" โดยตัวนิยายได้แสดงถึงแนวคิดสังคมนิยมที่จะขจัดปัญหาของประเทศไทยในขณะนั้นและถือเป็น "ต้นธารแห่งนิยายในแนวทางเพื่อชีวิตของไทย" ที่เหล่านักศึกษาผู้โหยหาความยุติธรรมในสังคม "ต้องอ่าน" ในช่วง 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 และ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 .แล้วเธอล่ะ ใบไม้แห่งชีวิตของคนหนุ่ม-สาวเช่นเธอได้ผลัดใหม่อันสืบเนื่องมาจากความรักแล้วหรือยัง?
MT638 reviews82 followersFollowFollowAugust 2, 2023- ไม่ชอบสำนวนและน้ำเสียงเลย แต่ความพรั่งพรูในใจของคุณกุหลาบและพวกเกร็ดความรู้ต่างๆเกี่ยวกับออสซี่และบริบททางสังคมยุคนั้นที่ออกมาพูดเรื่องclass and race พรรคlabour พรรคrepublica บลาๆ เหมือนนิยายเป็นบทบันทีกปากเปล่า เป็นtime capsuleยุคนั้นก็เลยชอบจุดนี้ - จริงๆชอบสไตล์ความเป็นนิยายกึ่งความเรียงของงานมากๆด้วย เราว่ามันเวิร์คกว่าสงครามชีวิต ที่มันเขียนจดหมายราวกับฉันกำลังเขียนถ้อยแถลงไปหน่อย บ่นไปก็แค่นั้นก็ตามไล่งานแกอยู่ดี เฮ้อ
Nawara H.125 reviews39 followersFollowFollowDecember 22, 2016propaganda แบบสุดตีนกว่าเล่มอื่นของศรีบูรพาที่เคยอ่านมา (ซึ่งไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะ) ถึงจะรู้สึกว่า มันไม่คลาสสิกเท่าไหร่ แต่บางท่อนก็สะอึกดีเหมือนกัน[...] ในประเทศของเขาก็มีความอยุติธรรมอันร้ายกาจในขนาดที่ฉันเองก็นึกไปไม่ถึงอีกเหมือนกันว่า ช่างยอมให้มีอยู่ได้อย่างไรในประเทศที่มีความเจริญพอควร จนถึงเรียกตนเองว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยแล้ว [...]ควรมี (?) หลัง ย.ยักษ์ตัวสุดท้ายนะตอนนี้
van1998383 reviews4 followersFollowFollowJune 16, 2023ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แหละ ต้องผจญภัยกับการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงเรื่อยไป ฉันมาอยู่ที่นี่โดยไร้มิตร แล้วก็ได้พบมิตรประเสริฐ ต่อมาพระเจ้ามาเรียกคืนไปคนหนึ่ง และบัดนี้ชีวิตนั้นเองได้เข้ามาจัดแจงแยกฉันไปเสียจากอีกคนหนึ่ง…แต่เรามีอาวุธอย่างหนึ่งที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงอันทารุณเห่านี้ เขาพูดด้วยเสียงขึงขัง คือการทำงาน เราจะต้องทำงานให้มาก แล้วเราก็จะไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปนึกถึงความเปลี่ยนแปลง อันนำมาซึ่งความเจ็บปวด
Patty3 reviews1 followerFollowFollowJanuary 9, 2022ชอบเล่มนี้มากๆ บรรยาเนื้อเรื่องได้ดี เป็นบรรยากาศที่ต่างประเทศเนื้อหาสะท้อนสะท้อนสังคม และวัฒนธรรมแม้จะเขียนเรื่องนี้มานานหลายสิบปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
May Sa117 reviews1 followerFollowFollowNovember 21, 20243.5 ตัวละครไม่กลมเท่าที่ควร เหมือนมาพูดๆๆ แล้วจากไป ไม่ชินสำบัดสำนวนด้วย แต่ชอบหลายๆ ประโยคในเรื่องเลย
Radit Panjapiyakul102 reviews12 followersFollowFollowMarch 31, 2015โดยส่วนตัวคงไม่ถูกจริตกับวรรณกรรมเพื่อชีวิตเท่าไหร่ ยิ่งคุณค่าที่ได้มาโดยแลกกับสิ่งที่ขาดหายไปอย่างการพัฒนาของเรื่องราว มิติของตัวละคร หรือความลุ่มลึกด้วยแล้ว งานชิ้นนี้จึงดูแบนราบ ไม่ต่างจากนิยายสั่งสอนแนวคิดแบบมาร์กซ์ จุดเด่นเดียวคือการได้เห็นคำวิพากษ์สังคมไทยที่ยังคงเป็นจริงในทุกยุคสมัย
Prang Yaa1 reviewFollowFollowDecember 16, 2014เป็นหนังสือที่ดีมากค่ะ บุคคลทั่วไปโดยเฉพาะเยาวชนควรใด้อ่านนิยายลักษณะนี้