What do you think?
Rate this book


201 pages, Hardcover
First published January 1, 1906
‘… แต่ก็ยังเห็นว่าลัทธิที่มาชี้แจงเสียอย่างนี้ ย่อมเป็นอันตรายร้ายกว่า เพราะทำให้ความเพียรที่บำเพ็ญมาแต่ต้นหย่อนล้าหมดลงไป เพราะถ้าตายก็สูญ ไม่ได้ไปเกิดในสถานบรมสุข ไม่ได้รับบำเหน็จที่ลงทุนเพียรเหนื่อยยากมา��
‘สหาย ถ้าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ท่านจะสำคัญอย่างไร? ต่างว่าไฟกำลังไหม้บ้าน บ่าววิ่งเข้าไปปลุกนายว่า ลุกขึ้นเถิดท่าน รีบหนีไปโดยเร็ว ไฟกำลังไหมบ้าน ขณะนั้นหลังคาและไม้คร่าวถูกไฟไหม้กำลังจะร่วงตกลงมาอยู่แล้ว ถ้านายจะตอบบ่าวว่า เจ้าออกไปดูก่อน ว่าข้างนอกบ้านฝนตกหรือเปล่า มีพายุหรือเปล่า เดือนมืดหรือเปล่า ต่อฝนไม่ตก พายุไม่มี เดือนไม่มืด ข้าจึ่งจะออกจากบ้านไป
…
‘… นายไหนจะเป็นบ้าพอถึงกับจะตอบอย่างนั้น’
‘ถูกแล้ว อาคันตุกะ ตัวท่านในเวลานี้ก็เหมือนกับมีเพลิงลุกฮืออยู่รอบศีรษะ ... โลกนี้ก็คือบ้านของท่านเอง ถูกไฟอะไรไหม้? ถูกไฟคือความรักใคร่ ยินดี ไฟคือโทสะและไฟคือความหลงมาเผาอยู่ สกลโลกย่อมถูกไฟนี้เผาผลาญอยู่ สกลโลกอัดแน่นอยู่ด้วยควันไฟนี้ และสกลโลกก็สะท้านไหวจนถึงรากเพราะฤทธิ์ไฟนี้พลุ่งโพลงเต็มกำลังแรง’-
….
‘ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อความที่กล่าวมานี้ ท่านได้ยินมาจากพระโอษฐ์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตันเองหรือ?’
พระพุทธเจ้าทรงยิ้มน้อยๆ ซึ่งพระอาการอย่างนี้นานๆจะมีสักครั้งหนึ่ง ตรัสตอบว่า ‘ดูก่อนภราดา เราบอกไม่ได้ว่าได้ยินมาจากโอษฐ์พระศาสดาเอง’
…
‘นั่นน่ะซี! ข้าพเจ้าไม่แน่ใจคำกล่าวของท่านมาก่อนแล้ว บัดนี้รู้แจ้งว่าคำอธิบายที่ท่านกล่าว หาใช่ถ้อยคำของพระพุทธเจ้าไม่ แต่เป็นโวหารอ้อมค้อมที่ท่านนึกเฉลยเอาเองโดยความเข้าใจผิด’
‘สำแดงอานนท์ เราได้บอกแก่ท่านแล้วมิใช่หรือว่า บรรดาสิ่งที่ยึดถือรักใคร่ ย่อมมีอันต้องจากไป ธรรมดาย่อมเป็นธรรมดาของมันกระนั้น สิ่งทั้งปวงเกิดขึ้นเองโดยสภาพธรรม เราไม่ได้จัดการให้เกิดขึ้น แต่ชอบออกรับว่าเป็นของเรา สิ่งนั้นๆย่อมมีอาการแปรไปตามธรรมดาวิสัย เราจะดิ้นรนให้เป็นอย่างใจเราคิดไม่ได้ นอกจากออกรับเอาเป็นของเหลวๆ และในที่สุดมันก็ต้องล่วงลับไปด้วยอำนาจแห่งธรรมดา เราจะฝืนให้คงอยู่ไม่สำเร็จเลย จะได้ก็แต่ความคลั่งเพ้อออกรับเอาเสียเต็มแปล้ นับประสาอะไร ตัวท่านเองก็อย่าทะนง ย่อมตกอยู่ในอำนาจธรรมดาที่จะบันดาลให้เป็นอย่างไรได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นธรรมดาทั้งหลายจึงเป็นอนัตตา คือ เลือกไม่ได้ ไม่สำเร็จด้วยเราสักอย่างเดียว มันเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป มันรวมกันแล้วย่อมจากไป ปรุงมันขึ้น มันก็แตกสลายไป’
ขณะนั้น อันว่า ปฐวีกัมปนาทก็บังเกิดปรากฎพิลึกพึงกลัวทั่วโลกธาตุทั้งปวง อีกทั้งห้วงมหรรณพก็กำเริบตีฟองคะนองคลื่นครืนครั่นนฤนาทสนั่นในมหาสมุทรสาคร ทั้งหมู่มัจฉาชาติมังกรผุดดำกระทำให้ศัพทสำนานนฤโฆษครุวนา ดุจเสียงปริเทวกถาแซ่ซ้องโศกาดูรกำสรต ทั้งขุนเขาสิเนรุราชบรรพตก็น้อมยอดโอนอ่อน มีอาการปานประหนึ่งว่า ยอดหวายถูกอัคคีลน อเนกมหัศจรรย์ก็บันดาลทั่วเมทนีดลสกลนภากาศ ปางเมื่อพระบรมโลกนาถเข้าสู่พระปรินิพพาน นั้นแล