Jump to ratings and reviews
Rate this book

เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง

Rate this book

120 pages, Paperback

First published March 1, 2012

4 people are currently reading
91 people want to read

About the author

แดนอรัญ แสงทอง หรือชื่อจริง เสน่ห์ สังข์สุข นักเขียนชาวเพชรบุรี ผลงานนวนิยายเรื่องแรกของเขาคือ เงาสีขาว ได้รับการคัดเลือกจากหนังสือ The 20 Best Novels of Thailand ของ Marcel Barang ให้เป็น 1 ใน 20 นวนิยายที่ดีที่สุดของไทย และยังได้รับการแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส, สเปนและอังกฤษ อีกทั้งเรื่องสั้น อสรพิษ และ เจ้าการะเกด ต่างก็ได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาอื่น ๆ เช่นกัน ต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์ในลำดับชั้น Chevalier du Arts et Lettre ให้แก่เขาในปี พ.ศ. 2551

นามปากกาในภาษาอื่น คือ Saneh Sangsuk

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
55 (44%)
4 stars
52 (41%)
3 stars
14 (11%)
2 stars
3 (2%)
1 star
1 (<1%)
Displaying 1 - 16 of 16 reviews
Profile Image for gam s (Haveyouread.bkk).
516 reviews232 followers
September 9, 2024
มหัศจรรย์ คือความรู้สึกที่ได้จากการอ่าน ลีลาการใช้ภาษาพิเศษมันสามารถนำพาเราลอยล่งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวได้ตั้งแต่หน้าแรก นี่สิวะวรรณกรรม! พูดได้เต็มปากว่าเราชอบมากกกกก ชอบมากกว่าเจ้าการะเกดที่อ่านก่อนหน้านี้เสียอีก แดนอรัญเป็นคนที่ใช้ภาษาได้วิจิตรงดงาม พิศดารพันลึก แต่ในขณะเดียวกันก็ระห่ำ หยาบช้า บ้าคลั่ง ช่างกล้าที่จะเอาพุทธชาดกมาเล่าใหม่เป็น retelling ช่างกล้าที่เอาเรื่องแค่สองสามย่อหน้ามาขยายเป็นหนังสือทั้งเล่ม!

มันคือเรื่องราวครั้นพุทธกาล ว่าด้วยชีวิตของนางกีสาโคตมี ที่พบความทุกข์แสนสาหัสจากการเสียลูก ถูกนำมาตีความในรสชาติใหม่ คือบีบคั้นมาก มันทุบตีหัวใจเรามาก อ่านแล้วมีความรู้สึกหลายหลายเอ่อท้นขึ้นมาในใจอย่างแรง ลื่นไหลแบบรวดเดียวจบ น้อยมากที่จะเจอนักเขียนที่ทำงานกับเราได้ในรูปแบบนี้

อาจจะเพราะมันเป็นเรื่องของแม่ลูก 🥲 เราเลยอ่านไปร้องไห้ไป (ที่แปลว่าร้องจริงๆ น้ำตาหยดแหมะๆ) โดยเฉพาะฉากที่บรรยายถึงความสุขของนางกีสา ความยินดีที่เวฬุได้เกิดมา และสร้างความสวยงามในชีวิตน้อยๆที่ไร้ค่าของนางเป็นครั้งแรก เป็นสองหน้าที่โอบอุ้มความรู้สึกและความหมายหมื่นนับพันประการ นึกถึงภาษิตญี่ปุ่น อิจิโกะ อิจิเอะ การพบกันครั้งเดียว เวลาไม่ไหลย้อนกลับ 🥲 การได้ใช้เวลาร่วมกันอันแสนสั้นในวัฏสงสารที่หมุนวนชั่วกาลปวสาน คิดแล้วเจ็บปวดใจ จริงๆคือเกือบวางแล้ว เพราะมันโหดร้ายเกิน

เอาเป็นว่าอ่านเถอะนะ หนังสือของแดนอรัญมันไม่ใช่แค่การอ่าน แต่มันคือประสบการณ์ของ ณ ช่วงเวลานั้นที่เราได้อ่านด้วย ประทับใจ 🤟✨️

ปล ตอนจบห้วนไปหน่อย ปรับตัวไม่ทัน
Profile Image for Attasit Sittidumrong.
157 reviews16 followers
June 21, 2025
เรื่องนี้เป็นนิยายไทยที่อ่านแล้วก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแดนอรัญนั้น "ขวา" จริงๆ ที่บอกว่าแดนอรัญ "ขวา" ไม่ใช่เพียงเพราะแกหยิบเอาเรื่องราวของพระแม่กีสาโคตมีภิกษุณีคนสำคัญในสมัยพุทธกาลมาดัดแปลงได้อย่างมีชีวิตชีวา หากแต่เพราะแก่นแกนของนิยายเองที่ขับเน้นที่ทางของพุทธศาสนาพร้อมๆกับสะท้อนทัศนะทางการเมืองออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทัศนะซึ่งเริ่มต้นจากการจัดการกับปมเรื่องความทุกข์อันเป็นปัญหาที่พุทธศาสนามุ่งปะทะ โดยความทุกข์ที่แดนอรัญนำเสนอในนิยายนั้นไม่ใช่เรื่องของการยึดติด ยึดมั่นถือมั่นในการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งมากเท่ากับการมีชีวิตอยู่ในโลกท่ามกลางสรรพสิ่งเหล่านั้นเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือสำหรับแดนอรัญแล้ว ความทุกข์ไม่ใช่เรื่องของชีวิตที่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะความทุกข์นั้นคือการดำรงอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่ต้น จึงย่อมไม่มีชีวิตที่ปราศจากทุกข์ เพราะตัวชีวิตเองคือทุกข์ การมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ตั้งแต่ต้นจึงเป็นปัญหา การมีชีวิตอยู่ในโลกคือทุกข์ เรื่องราวในนิยายที่ว่าด้วยความทุกข์ของพระแม่กีสาโคตมีก่อนออกบวชคือหลักฐานบ่งบอกประเด็นดังกล่าวได้อย่างชัดเจน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแกนสำคัญของนิยายคือการบอกเล่าเรื่องราวความพยายามของนาง “กีสา” ในการช่วย ยื้อ และชุบชีวิต “เวฬุ” บุตรชายของตนผู้ถือกำหนดในฐานะทายาทของ "ไพที" มหาเศรษฐีผู้ครอบครองทรัพย์สินมหาศาลจากการขูดรีดชาวบ้านยากไร้ นางกีสานั้นก่อนที่จะแต่งงานกับไพทีก็มีสถานะเฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงทุกคนในยุคนั้นคือเป็น “ทาส” ในเรือนของบิดา-มารดาผู้คอยออกคำสั่งต่างๆให้นางต้องคอยปฏิบัติโดยไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้ ครั้นเมื่อแต่งงานออกเรือนไปกับไพทีทายาทหนุ่มรูปงามจากตระกูลมหาเศรษฐีของเมือง สถานะของนางก็ยิ่งต้องตกต่ำลงไปอีกในฐานะของหญิงสะใภ้ที่ต้องคอยรับฟังคำสั่งของผู้คนในบ้านทุกคนไม่ว่าจะเป็นสามี พ่อสามี แม่สามี น้องสามี จะเว้นก็แต่ก็เหล่าข้าทาสและบริวารรับใช้ภายในเรือนที่มีฐานะต้อยต่ำกว่าเท่านั้น ความทุกข์ของนางกีสาจึงเป็นความทุกข์ของการเกิดเป็นหญิงในสังคมพุทธกาล—หรือก็คือเป็นความทุกข์จากการที่ต้องมีชีวิตอยู่ในโลก— ความทุกข์ดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีกเมื่อนางให้กำเนิดเวฬุบุตรชายซึ่งทำให้นางได้ลิ้มรสกับความสุขขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิตโดยหารู้ไม่ว่าความสุขนั้นแท้จริงแล้วหาใช่สิ่งที่ตรงข้ามกับความทุกข์หากแต่คือเงื่อนไขที่ทำให้ความทุกข์รุนแรงเท่าทบทวีในทันทีที่ตัวมันหายไป ยิ่งนางกีสามีความสุขมากเท่าใด นางก็ยิ่งเดินเข้าสู่กับดักของทุกข์มากเท่านั้น และเนื่องจากชีวิตบนโลกคือชีวิตที่วางอยู่บนความไม่ยั่งยืน การพลัดพรากจากความสุขจนนำไปสู่ความทุกข์อย่างรุนแรงก็ย่อมเป็นชะตาที่มิอาจหลีกเลี่ยงไปได้ ความตายของเวฬุผู้เป็นดั่งสัญญะความสุขของนางกีสาจึงมิเพียงแต่เป็นความตายของบุตรที่นางรัก แต่ยังเป็นความทุกข์ที่นางกีสาต้องเผชิญ ความทุกข์ซึ่งมิเพียงแต่ตอกย้ำว่านางได้สูญเสียบุตรไป หากยังนำพาเอาสถานะต่ำต้อยประหนึ่งทาสรับใช้ในเรือนสามีให้ย้อนกลับมาหานางอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ ทางออกจากความทุกข์ที่พุทธศาสนานำเสนอ—ตามที่แดนอรัญบรรยาย—จึงมิใช่แค่การปล่อยวางหรือไม่ยึดติดกับสรรพสิ่งต่างๆ แต่คือการละหรือถอนตัวออกจากโลกและชีวิตในโลก การละหรือถอนตัวซึ่งคงมิใช่แค่เรื่องของการตาย เพราะภายใต้คติแบบพุทธ การตายไม่เคยเป็นการหลุดพ้นจริงๆ การตาย—ตามคติแบบพุทธ—เป็นแค่การเปลี่ยนรูปจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง การตายไม่ได้นำมาสู่การหลุดพ้นหากแต่นำไปสู่การเกิดใหม่เพื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ก่อนจะตายเพื่อที่จะเกิดใหม่และเผชิญความทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้น ทางออกที่พุทธศาสนาในนิยายนำเสนอจึงเป็นเรื่องของการหลุดพ้นวงจรสังสารวัฏ การหลุดพ้นซึ่งเริ่มต้นด้วยการออกบวชถือเพศบรรพชิตอันเปรียบได้กับเป็นภาพจำลองของการละสังขาร ละรูปและถอนตัวออกจากโลก ถึงตรงนี้ จึงเป็นที่ชัดเจนว่าถ้าปัญหาของมนุษย์คือความทุกข์ และถ้าความทุกข์คือเงื่อนไขพื้นฐานของการใช้ชีวิตในโลก พุทธศาสนาในฐานะทางออกจากปัญหาดังกล่าวก็จะเป็นเรื่องของการละหรือถอนตัวออกจากโลก การละหรือถอนตัวซึ่งก็คือการละสังขารและไม่ย้อนกลับเข้ามาสู่โลกอันเต็มไปด้วยความทุกข์อีกครั้ง

และด้วยเนื้อหาที่มุ่งให้มนุษย์ละหรือถอนตัวออกจากโลกนี้เองที่กลับยืนยันถึงความเป็น “ขวา” ของพุทธศาสนาที่ถูกนำเสนอโดยแดนอรัญ (หรือถ้ากล่าวให้ชัดไปอีกก็คือว่าเนื้อหาดังกล่าวนั้นได้สะท้อนความเป็น “ขวา” ของแดนอรัญเอง) เพราะภายใต้คำสอนของพุทธศาสนาที่มุ่งตอกย้ำว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์และทางออกจากทุกข์คือการละจากโลกนั้น ย่อมนำมาซึ่งการปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงต่างๆในทางการเมือง ดังที่นิยายเองก็ได้ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างความไม่เป็นธรรมทั้งในระดับของสังคมการเมือง(ผ่านฐานะการเป็นผู้ขู��รีดของนายไพทีและครอบครัว)และในระดับของพื้นที่ภายในครัวเรือนที่นางกีสา—ในฐานะลูกสาว/เมีย/แม่—มีสถานะไม่ต่างไปจากทาส ขณะที่แนวทางเดียวที่จะรับมือกับความไม่เป็นธรรมดังกล่าวกลับเป็นเรื่องของการละสังขารหรือละโลกดัวยการออกบวชแทนที่จะเปลี่ยนหรือสร้างโลกใหม่ให้เป็นธรรม พุทธศาสนาที่ถูกนำเสนอในนิยายด้วยน้ำเสียงประหนึ่งชื่นชมของแดนอรัญ จึงเป็นศาสนาที่มิได้มุ่งเปลี่ยนโลก แต่มุ่งเปลี่ยนตนเอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนโลกเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามมนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นออกจากความทุกข์ได้อยู่ดี การละหรือถอนตัวออกจากโลกตามคำสอนของพุทธศาสนาจึงเป็นการยืนยันว่าโลกนั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนให้ดีขึ้นไม่ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องคิดถึงความก้าวหน้า การพัฒนา ความยุติธรรมหรือออกแบบสังคมการเมืองใดๆ เพราะไม่มีทางที่มนุษย์จะพ้นทุกข์ได้ตราบใดที่ยังอยู่ในและใช้ชีวิตในโลกใบนี้ โลกนี้มีวิถีและครรลองของมัน—หรือก็คือ—โลกนี้ไม่สามารถเยียวยาใดๆได้ จงเลิกคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลก และหันมาเปลี่ยนแปลงตนเองเสีย นั่นก็คือจงเลิกคิดที่จะสร้างโลกขึ้นมาใหม่แต่จงถอนตัว ละโลกและจำยอมกับความไม่เป็นธรรมในสังคมการเมืองซะ

ภายใต้แง่มุมดังกล่าว การนำเสนอพุทธศาสนาของแดนอรัญด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชมยกย่อง จึงเป็นการนำเสนอที่ตอกย้ำทัศนะของมาร์กที่ว่าศาสนาคือยาฝิ่นของชนชั้นปกครอง ศาสนาอาจคือทางออก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ยาฝิ่นที่มุ่งให้ผู้คนยอมรับกับความไม่เป็นธรรมต่างๆด้วยมองว่านั่นคือวิถีของโลกที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงและทางออกเดียวก็คือการละทิ้งชีวิตและโลกนี้เสีย พุทธศาสนาของแดนอรัญคือพุทธศาสนาที่ลดทอนปมปัญหาทางการเมืองทุกอย่างให้จำกัดวงเป็นแค่ปัญหาส่วนบุคคลเท่านั้น พุทธศาสนาคือ the machine of depoliticization หรือจักรกลของการสลายความเป็นการเมือง ไม่มีการเมืองในศาสนา ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ได้ที่ตัวบุคคล เพราะการเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง โต้แย้ง โต้เถียงภายใต้เป้าประสงค์ที่มุ่งให้โลกที่มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ดีขึ้น การเมืองจึงไม่เคยเป็นตัวแปรในสมการของพุทธศาสนาแบบแดนอรัญ การนำเสนอที่ทางของพุทธศาสนาของแดนอรัญจึงไม่ใช่อะไรเลยนอกจากการนำเสนอ “การเมือง” ของแดนอรัญซึ่งก็คือการเมืองของการปฏิเสธการเมืองหรือก็คือการเมืองของการกีดกันความเห็นต่างเพื่อธำรงรักษาโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เป็นธรรมตลอดไป พุทธศาสนาที่แดนอรัญนำเสนอในฐานะของศาสนาที่ปฏิเสธโลกและการเมืองจึงอาจมิได้บ่งบอกความจริงของพุทธศาสนาเท่ากับเป็นภาพสะท้อนวิธีคิดที่ปฏิเสธการเมือง—ตลอดจนความเป็นไปได้ของการยกระดับสังคมการเมืองให้ดีขึ้น—ของแดนอรัญเอง ภาพสะท้อนที่บ่งบอกถึงภาวะสิ้นหวังที่แม้อาจตระหนักดีถึงความโหดร้ายของสังคมที่ไม่เป็นธรรมแต่ก็ไม่เชื่อในความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะสถาปนาสังคมการเมืองที่เป็นธรรมได้

“เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง” จึงเป็นความเดียวดายที่สิ้นหวัง คือความเดียวดายของผู้แพ้ คือความเดียวดายของผู้ที่มองเห็นความชั่วร้ายต่างๆในโลกแต่ก็ไม่อาจจัดการอะไรกับความชั่วร้ายเหล่านั้นได้นอกเสียจากป่าวประกาศว่ามนุษย์นั้นอ่อนแอและทางเดียวที่พอจะทำได้คือการเบือนหน้าและลาจากโลกนี้ไปอย่างเดียวดายเท่านั้น.
Profile Image for Donakrap Dokrappom.
189 reviews31 followers
April 8, 2021
เพิ่งเคยได้อ่านงานของแดนอรัญ แสงทองครั้งแรก เป็นประสบการณ์การอ่านที่พิลึกดี ดิบ ๆ อ่านได้เรื่อย ๆ ภาษาที่ใช้คือสุดจริง น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของผู้เขียนหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากำลังอ่านร้อยแก้วหรือบทสวด ยังไงดีอธิบายไม่ถูก มันโหยหวน เนิบช้า ในขณะเดียวกันก็ตะกรุมตะกราม ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครได้แบบน่าสังเวชสุด ๆ การดิ้นรน ความทุรนทุราย เป็นอะไรที่สุดตรีนมาก เสียอย่างเดียวตอนจบไม่รู้พี่แกจะรีบไปไหน พี่กลับมาก่อน!!!
Profile Image for Nuttawat Kalapat.
685 reviews48 followers
February 18, 2021
โคตรชอบเลยครับ สุดจัดมาก 10/10
ขึ้นแท่นนักเขียนไทย คนโปรด Top 3 ของผมเลยเพียงแค่อ่านเล่มเดียว
เล่มนี้อารมณ์ เหมือนอ่าน สิทสารธะ ของ Herman hesse แต่ดิบกว่าเยอะ
สมบูรณ์ แบบ ตราตรึง ลื่นไหล
.
.
เล่มที่ 48/2021 (158)
เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง
ผู้เขียน: แดนอรัญ แสงทอง
สำนักพิมพ์: สามัญชน
จำนวนหน้า: 120 หน้า ปกอ่อน
พิมพ์เมื่อ: มีนาคม 2558
.
.
เพราะอะไรมันถึงดีเยี่ยมสำหรับข้าพเจ้า คือมันเป็นนิยาย ที่เล่าแบบรัวๆ แทบหายใจไม่ทันแบบ เพลงแร็พ ไม่มีย่อหน้า ไม่มีเครื่องหมายคำพูด พลิกไปหน้าเดียว เรื่องราวก็ย้ายความคิดเราไปอีกจุดแล้ว
.
เรื่องนี้สปอยได้ไม่เสียอรรถรส มันคือเรื่องราวเกี่ยวกับ ชีวิตอันบัดซบของพระนางกีสาโคตมี ที่สูญเสียลูกชายไป ก่อนมาพบเจอกับ พระพุทธเจ้า นั่นเอง
.
การผจญภัย ความทุกข์ สัจธรรม ความบันเทิง ข้อคิด คุณภาพ ครบครันครับ
แนะนำ แนะนำ
.
.
"การได้พบกับสิ่งที่ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์
การต้องพลัดพรากจากสิ่งที่น่ารักใคร่ น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์
.
ความเห็น
- ผู้เขียนต้องอินกับพุทธประวัติมาก ถึงจะเขีบนออกมาดีอย่างนี้ได้
.
10/10
Profile Image for Suwitcha Chandhorn.
Author 15 books90 followers
September 11, 2023
ไม่ได้ให้ดาวเล่มนี้ เพราะภาษาดีเหลือเกิน แต่เรื่องราวก็ยืดจนอ่านยากเหลือเกินเช่นกัน ในแง่เนื้อเรื่องสามารถเล่าจบได้ในหน้าสองหน้า หรือสั้นกว่านั้น แต่ในแง่ภาษาประดิษฐ์ถ้อยคำได้งดงาม มีคำสวยๆ ให้เรียนรู้เก็บศัพท์ไปตลอดเรื่อง :)
Profile Image for Sak.
7 reviews
August 4, 2017
ภาษาที่ใช้เขียน บรรยายภาพเหตุการณ์ได้อย่างดีมาก เป็นการร้อยเรียง ขยายความเหตุการณ์ในสมัยพุทธการได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากข้อความเพียงไม่กี่ประโยคจากพระไตรปิฏก สามารถบรรยายบรรยากาศ สภาพบ้านเมือง สมัยพุทธการ ที่เป็นภาพของความเป็นจริง ได้เป็นอย่างดี เนื้อหาสนุกชวนติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจนกระทั่งจบ
Profile Image for Klin กลินท์.
230 reviews15 followers
May 18, 2020
#เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง ของ แดนอรัญ แสงทอง เหมือนต้องมนต์สะกดไปกับการเดินทางของพระแม่กีสาโคตมีแห่งสมัยพุทธกาล ที่เร้าอารมณ์ ตะลึง พรึงเพริด คลั่ง เดียวดาย เปลี่ยวเหงาในระหว่างความเป็นแม่ที่อยู่เหนือทุกสิ่งเพื่อช่วยชีวิตลูกของตน หรือ กับความกลัวการกลับไปสู่ฐานะความเป็นทาสอีก ทุกหนแห่งตำบล ป่าเขาลำเนาบึงไพรพรั่งพรู่เหมือนตัวเรานั่งมองดูอยู่ ณ ที่ใดสักหนึ่งแห่งที่และไม่รู้ว่าการเดินทางจะสิ้นสุดลงอย่างไรไปจดจนหน้าสุดท้าย โดยเฉพาะการตกผลึกของการเดินทางภายในจิตใจ

"การได้พบกับสิ่งที่ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์ การต้องพลัดพรากจากสิ่งที่น่ารักใคร่ น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์ แม่อยากให้เจ้าไตร่ตรองใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ดู พระบรมศาสดาของแม่มีปรกติตรัสเช่นนี้เสมอ" พระแม่ปฏาจาราพูดกับนางกีสาโคตมี

เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ทำให้ต้องทำความรู้จักค้นหา #แดนอรัญแสงทอง ในงานเขียนเล่มอื่นๆต่อไปครับ

ลองหาอ่านกันครับ #ณอ่านTheReaderTheKlinLibrary ณ อ่าน The Reader- The Klin Library
Profile Image for Peggy Gourton.
10 reviews10 followers
March 17, 2021
เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง — แดนอรัญ แสงทอง

เรื่องเล่าคุ้นเคยที่ต่อให้ไม่ได้เรียนในคาบพระพุทธก็ต้องมีอาจารย์ที่ชอบปฏิบัติธรรมซักคนเล่าให้ฟัง เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ แต่ประทับใจวิธีการเล่าเรื่องและสร้างบรรยากาศสมัยนู้นมากกว่า คนเขียนเล่าแบบแรพร่ายยาวหาย่อหน้าวรรคตอนไม่เจอ (เมาหัวคล้าย ๆ 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว) พูดถึงความไฝว้สุดชีวิตของมนุษย์แม่ที่ยื้อชีวิตลูกชายสุดกำลัง บุกป่าฝ่าดงแบบไม่สนชีวิตตัวเอง

ที่น่าสนใจคือพล็อตเดิมเป๊ะ ฟังมาตั้งแต่ประถม แต่เล่มนี้ชวนเราตั้งคำถามต่อจากอะไรแบน ๆ ที่เคยรับรู้ว่านางทำทุกอย่างด้วยความรักของคนเป็นแม่… เท่านั้นหรือ

ความรักของแม่ที่เชื่อกันว่าเป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่สุดของมนุษย์ ทำไมมันนำพานางสู่ความทุรนทุรายร้อนรน จนกระทั่งฟูมฟายได้ขนาดนั้น หรือความทุรนทุรายที่ว่าส่วนหนึ่งมาจากความกลัวที่จะต้องกลับไปเป็นนางทาส ถูกลิดรอนความหรูหราประดามีที่เคยได้รับเมื่อมีตำแหน่ง “แม่ของลูกชาย” แต่คนเขียนก็ไม่ได้สรุปไว้น่ะนะ
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Punyatat Simapaisan.
13 reviews2 followers
February 8, 2025
เป็นที่เล่มโชว์ลีลาภาษาล้วนๆลุ่นๆ
กรุคำศัพท์ในหัวแกกับจำนวนแบคทีเรียในร่างกายกรุ นี่อะไรเยอะกว่ากัน?
ถ้าเทียบกับเล่มอื่นก็จะด้อยกว่าตรงที่เรื่องนี้ไม่พล้อตเรื่องห่าเหวอะไรเลย แล้วก็พอเราเป็นพุทธด้วยตอนจบก็เลยเบื่อๆ
แต่ก็นั่นแหละความเจ๋งคือเรื่องไม่มีพล้อตแต่ทำให้อ่านได้จนจบอะ คิดดู ภาษาล้วนๆ
อ่านทั้งเล่มนี่คือไม่ได้ติดตามเลยว่าเรื่องจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ติดตามแค่ว่าภาษา คำ มันจะทะลุออกจากหน้ากระดาษเมื่อไหร่ แค่นั้น55
Profile Image for Afp Achitaphon.
13 reviews4 followers
April 6, 2018
เป็นงานวรรณกรรมตามมาตรฐานของ แดนอรัญ แสงทอง เดียวดายใต้ฟ้าคลั่งนวนิยายขนาดสั้นที่มีท่วงท่าลีลาเด็ดขาด เป็นหนังสือที่เชื่อมต่อกับผู้อ่านและสร้างจินตนาการ บรรยากาศ กลิ่น ความตกตะลึงในชะตากรรม และที่สำคัญคือ เสียง ที่บรรยายได้อย่างยอดเยี่ยมอ่านแล้วจินตนาการถึงการได้ยินซึ่งเป็นความพิเศษอย่างหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้ ส่วนการดัดแปลงนั้นก็ทำได้อย่างกลมกล่อมเสริมเพื่อนัยยะและความร่วมสมัยได้อย่างดี
Profile Image for Pokpong Lawansiri.
20 reviews6 followers
January 6, 2021
เป็นหนังสือเล่มแรกของแดนอรัญ แสงทองที่ผมได้อ่าน หนังสือเล่มนี้เล่าถึงชีวิตของแม่นางกีสา ตัวละครในสมัยพุทธกาลได้อย่างน่าสนใจ

แดนอรัญมีเอกลักษณ์การใช้คำที่สวยงาม แต่ไม่ได้ใช้อย่างเยิ่นเย้อเกินไปโดยไม่มีความจำเป็น มีการศึกษาค้นคว้าสถานการณ์ สถานะของผู้หญิง และภิกษณีช่วงสมัยนั้นอย่างดี สมกับเข้ารอบสุดท้ายวรรณกรรมซีไรต์ปี 2555

้เป็นวรรณกรรมที่สั้นแต่ลึกซึ้ง ผมอ่านวันเดียวจบ
1 review
March 20, 2023
extended version ของเรื่องพระกีสาโคตมีเถรีจากอรรถกถา คนอินวรรณกรรมพุทธศาสนาจะอินกับเรื่องนี้สุด ๆ เพราะแดนอรัญทั้งเก็บ sense ของอรรถกถาและสอดแทรกความเป็นตัวเองในสำนวนที่ใช้ เชื่อมได้ทั้งประเด็นความหลุดพ้น สามีภรรยา วรรณะ และความเป็นแม่ได้อย่างชัดเจน
Profile Image for Koy SParachatri.
27 reviews5 followers
December 2, 2018
"การได้พบกับสิ่งที่ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์
การต้องพลัดพรากจากสิ่งที่น่ารักใคร่ น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์ "
Profile Image for Dheerapol.
154 reviews45 followers
May 12, 2015
เอาเรื่องราวสมัยพุทธกาลมาเรียบเรียงตีความใหม่ สำนวนชวนอ่านให้วางไม่ลง แต่รู้สึกช่วงท้ายจะห้วนไปหน่อยไม่เหมือนกับที่ดึงเรื่องราวมาตั้งนาน
Profile Image for Em.
17 reviews2 followers
June 23, 2015
เรื่องราวความลําบากของพระแม่กีสาโคตมีในสมัยพระพุทธกาล
Displaying 1 - 16 of 16 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.