ทุ่งมหาราช

by มาลัย ชูพินิจ, เรียมเอง (เรียมเอง)

ทุ่งมหาราช เป็นนวนิยาย เสมือนบันทึกเหตุการณ์ ของผู้เขียน สมัยเมื่อครั้ง ใช้ชีวิตอยู่กับบิดา มารดา ที่คลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งในยุคนั้น ผู้คน ต้องผ่านพบ ความยากลำบาก นานับประการ ตั้งแต่ความอดอยากยากแค้น โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะไข้ทรพิษ และน้ำท่วม หนังสือเล่มนี้ สะท้อนภาพ ของเรื่องราวดังกล่าว โดยผ่านตัวละคร ที่มีเลือดเนื้อ และวิญญาณ เช่น รุ่ง หรือขุนนิคมบริบาล ซึ่งคาเรือน และบ้านไร่ ก็เพิ่งมีชาวเวียงจันทน์ อพยพมาอยู่ ไม่กี่ครอบครัว

ความคิดของรื่น สะท้อนความรู้สึกส่วนใหญ่ ของชาวบ้าน ต่อการทำมาหากิน ด้วยความเป็นอิสระ ของตนเอง เหมือนกับที่ ในตอนท้ายสุด เขาแสดงให้เจ้าเมือง ได้รับรู้ว่า ความเป็นอิสระ ในการทำมาหากิน ในที่ดินของบรรพบุรุษนั้น มีคุณค่า หรือมีความหมายเพียงใด และมีค่า เหนือความอดอยากยากแค้น ความลำบาก และความเจ็บป่วยไข้ ที่พวกเขาเคยประสบ จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ดังที่เจ้าเมือง รำพึงกับตนเองว่า

"ท่านเจ้าคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัด รู้อย่างผู้ที่มองเห็นการณ์ไกลทั้งหลาย พึงจะรู้ว่า โดยการปฏิเสธ สัมปทาน ป่าไม้แห่งนั้น ชาวบ้านปากคลอง เท่ากับปฏิเสธอนาคต ที่สดใสปลอดภัย และสถาพร ของเขา ต่อไปอีกหลายปี บางทีอาจชั่วอายุคน แต่ประเพณี เป็นของตายยาก ศรัทธา และความเป็นไท ก็เช่นเดียวกัน การฝืนความประสงค์ ของชาวพื้นเมืองเหล่านั้น ด้วยการให้สัมปทาน แก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หมายถึง การหมดสิทธิ์ อิสระ ของเขา ที่จะอยู่อย่างเคยอยู่ กินอย่างที่เคยกิน มาชั่วชีวิต ชั่วยุคของปู่ย่าตายาย ความปลอดภัย มีประโยชน์อะไร สำหรับชีวิตที่แห้งแล้ง? สถาพร มีประโยชน์อะไร สำหรับบุคคล ที่ถูกขีดวง ให้อยู่ในกรอบอันจำกัด?"

ทุ่งมหาราช เป็นนวนิยาย ที่แฝงแนวความคิด ของการรักษา ปกป้องแผ่นดิน ทำมาหากิน ความรักอิสระ ในการประกอบอาชีพ ความสามัคคี ของคนในชุมชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือปัญหาขึ้นมา ด้วยถ้อยคำ ที่อ่านเข้าใจง่าย การพรรณาความ ที่มองเห็นได้ชัดเจน ถึงธรรมชาติ ความเป็นอยู่ หรือประเพณี ของคนท้องถิ่น ทำให้หนังสือ เล่มนี้มีเสน่ห์น่าอ่าน และทำให้ผู้อ่าน รู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลินไปด้วย นอกเหนือจาก การได้เรียนรู้ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม โดยไทยในยุคก่อน การพัฒนาทุนนิยมสมัยใหม่ ได้อย่างมีชีวิตชีวา

( ที่มา http://www.rsu.ac.th/soc/corner33.html )

Genres: Asia

Paperback

First published January 1, 1954

Reviews

[Whitaker · Rating 4 out of 5]

It was by pure serendipity that I ended up reading The Field of the Great after Four Reigns but it was the perfect counterpart. Where Four Reigns was about characters from the minor aristocracy living in Bangkok, The Field of the Great is about poor farmers living in a village in northern Thailand, along the Ping River, near Chiang Mai. It's even set in the same period as the early part of Four Reigns, so I could even imagine that while the events of the book were occurring, the events of Four Reigns were happening in Bangkok.

The novel is about the struggles of Ruen, a small time river trader who falls in love with a village girl, Sutjai, and marries her. He decides to become a timber trader and the novel is partly about how he achieves his success. This is not a spoiler by any means since the novel starts the end of his life where it is clear that he is wealthy. His widow starts remembering their beginnings and is how the real story begins.

It is not just about Ruen and Sutjai though. It is an account of a people, the villagers in the village that they lived in. They go through a forest fire and a smallpox plague; the king of Thailand comes to visit; they struggle against cattle thieves. There's a real sense of frontier living Thai style. Highly enjoyable.

[Lawan Kachonjanyut · Rating 4 out of 5]

เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วปวดใจที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา ในแง่ของความรักของหญิงที่มีต่อชาย และชายที่มีต่อหญิง เป็นนิยายร่วมสมัยที่สุด มีทั้งเรื่องราวของชุมชน การวางอำนาจ ขนบธรรมเนียม ของชุมชนคลองสวนหมาก เมืองกำแพง โดยผ่านตัวละครชายชื่อรื่น หญิงคนรักชื่อสุดใจ ที่ทั้งสองผ่านปัญหารัก การนอกใจ ความเจ้าชู้ของรื่น และปัญหาชีวิตมาด้วยกันจนถึงไมเท้ายอดทอง

ในแง่ของการบรรยายความรักและความรู้สึกในแต่ละมุมมองแล้วนักเขียนสามารถทำได้ดีเยี่ยมมาก มากจนเจ็บเพราะเขียนได้กินลึกถึงหัวใจ เรื่องนี้ไม่มีตัวร้ายเลย มีเพียงตัวละครที่ดำเนินชีวิตไปตามหน้าที่ ความอยู่รอด รัก โลภ และตัณหา

สำหรับผู้หญิงที่นิยมรักเดียว ไม่ควรอ่าน เพราะปวดใจมากถึงมากที่สุดค่ะ

[ดินสอ สีไม้ · Rating 3 out of 5]

ผู้เขียนเปิดเรื่องได้ดีมาก ดึงดูดความสนใจของเราไปหมดเลย
เรื่องเปิดขึ้นเหมือนนิยายรักทั่วๆ ไป หวาน จิกหมอน ถอนหายใจเฮือกๆ
แต่แล้ว เมื่อผ่านช่วงแรกไป เราว่าวิธีบรรยายของผู้เขียนก็เปลี่ยนไป
มันลดความเข้มข้นลง
เปล่านะ เราไม่ได้ติดรสชาติความหวานหอมตอนที่พระนางจีบกัน (ตอนต้นเรื่อง)
แต่เราว่าการบรรยายความยากลำบากจากโรคระบาด
หรือความซาบซึ้ง ประทับใจเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จฯ ฯลฯ
พวกนี้อ่ะ มันไม่เศร้า ไม่ซาบซึ้ง เท่าที่ควรเลย
คืออยากได้มากกว่านี้อีกหน่อย ลงรายละเอียดผู้คนอีกหน่อย มันจะดีขึ้นอีกเยอะเลย
(ประมาณสี่แผ่นดินประมาณนั้น)

อีกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้สนุกน้อยลงก็คือ พระเอกรวนเรมากกกก
ตอนจีบนางเอกนี่คิดว่ารักนางที่สุดแล้ว หยุดที่นางแล้ว
แต่พอแต่งงานได้ไม่นาน ก็เริ่มนอกใจทีเดียว
นอกใจตอนที่ภรรยาท้องลูกคนแรกด้วย!
คือนอกจากจะนอกใจเมียแล้ว คำบรรยายของผู้เขียนก็ไม่ได้แสดงให้เราเห็นว่าพระเอกรู้สึกผิดด้วย
อันนี้รับไม่ได้สุดๆ (อาจะเป็นเพราะผู้ชายเขียน)
หลังจากผู้หญิงที่เป็นเหมือนของเล่นคนแรกนี้
พระเอกก็ยังคงผิดประเวณีอีกครั้ง ยังมีคนที่รักอีกคน
และคำบรรยายความรู้สึกที่พระเอกมีต่อผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งทำให้เรารับไม่ได้เข้าไปใหญ่
ตอนจบมันฟาดความรู้สึกของเราเบาๆ มันหักอกเรา
จะเรียกว่าหักมุมก็ได้อยู่เหมือนกัน ถ้าใครจะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนเรานะ

ขนบอาจจะต่างยุคกัน ในยุคนั้น พระเอกทำแบบนี้อาจจะไม่ผิด
แต่เราติดขนบยุคนี้ไง เอามันไปตัดสินไง
ตรงนี้เลยทำให้ความสนุกของเรื่องลดลงไปเยอะเลย สำหรับเรา

[Bowornsak · Rating 5 out of 5]

การดิ้นรน คัดง้างกับทุนนิยม

[Josiah · Rating 4 out of 5]

I try to get one English language novel by a local author when I visit a new country, and this was a book that I picked up from a random used book store in Bangkok, Thailand.

It chronicles the story of a small time timber trader Ruen and his family in central Thailand around the turn of the 20th century. The ups and downs, the personal intrigue, the natural disasters and love triangles were engaging. My main criticism would be how abruptly the story resolved, I think the author could have explored his characters further, but maybe that is just me wishing for more!

Despite the fact that this is obviously a work of fiction, the post script by the translator described how the author grew up in a parallel village with likely similar customs and traditions. This was, for me, an opportunity to familiarize myself with Thai culture through its literature. For anyone unfamiliar with Thai culture (like me) and wanting to know just a little bit more, I recommend this book--engaging, enlightening, and a good novel too!

[Christine Hall]

Thai Modern Classics, volume 7, translated into English by Marcel Barang.