Jump to ratings and reviews
Rate this book

And the Dawn Came Up Like Thunder: Leo Rawlings: Prisoner of Japan and War Artist 1941-1943

Rate this book
Leo Rawlings' story is told in his own pictures and his own words. For the first time the cruelty inflicted on the prisoners of war by their own officers is depicted, as well as shocking images of POW life. This edition includes pictures never before published and many printed for the first time in color, as well as an extensive new commentary by Dr. Nigel Stanley, an expert on Rawlings and the medical problems faced on the Burma Railway. More than just a commentary on the history and terrible facts behind Rawlings' work, it stands on its own as a guide to the hidden lives of the prisoners. For the first time, the pictures and original texts are printed in a large format edition. It includes an account of how Rawlings' book was published in Japan by Takashi Nagase (well known from Eric Lomax's book The Railway Man) in the early 1980s.

240 pages, Hardcover

Published October 1, 2016

2 people are currently reading
35 people want to read

About the author

Leo Rawlings

5 books

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
23 (47%)
4 stars
16 (33%)
3 stars
9 (18%)
2 stars
0 (0%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 - 9 of 9 reviews
Profile Image for Arthit Thamachart.
15 reviews4 followers
January 22, 2019
ว่ากันว่าการจะเรียนรู้มนุษย์ ให้ดูว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ มนุษย์ทำกับมนุษย์ด้วยกันอย่างไร

อ่านจบสักพักแล้วแต่ไม่มีเวลาเขียนถึงเลย #อาทิตย์อุทัยดั่งสายฟ้า เป็นงานแปลจากชื่อเดิม And the Dawn Came UP Like Thunder ผลงานของ ลีโอ รอว์ลิ่งส์ อดีตเชลยศึกชาวอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ถูกจับมาใช้แรงงานที่ทางรถไฟสายมรณะ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทยของเรา

หนังสือเล่มนี้เล่าเหตุการณ์ของตัวเขาเอง เชลยร่วมค่าย และสถานการณ์สงครามในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1941 จนถึงตอนถูกส่งกลับบ้านเกิดในสภาพสะบักสะบอมราวกับซากชีวิตในปี ค.ศ. 1946 รวมถึงการกินอยู่ทำงานในค่ายกักกันค่ายแล้วค่ายเล่าตลอดเส้นทางเชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศพม่า บนความต้องการของกองทัพญี่ปุ่นที่อยากย่นเส้นทางคมนาคมส่งเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ผ่านไทยไปออกพม่า เพื่อจะเข้าตีอินเดียในท้ายที่สุด โดยไม่สนว่าเชลย นักโทษ ชาวบ้านจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด พวกเขาล้มตายเหมือนแมลงวันจากโรคภัยไข้เจ็บ การขาดแคลนอาหาร และแน่นอน การทรมานโบยตี ยิงทิ้ง อีกสารพัดที่ผู้คุมชาวญี่ปุ่นกับเกาหลีจะกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมโดยไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ว่ากันว่าทางรถไฟที่ถูกสร้างขึ้นหนึ่งไมล์ ต้องแลกมาด้วยชีวิตเชลย 64 คน และกุลีอีก 240 คน บวกรวมกันไปเรื่อยๆ จนจบเส้นทาง

นอกเหนือจากงานประจำอย่างการสร้างทางรถไฟและสารพัดนานาตามแต่ผู้คุมจะนึกออกแล้ว ตัวลีโอเองยังเสี่ยงตายแอบบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้เป็นรูปวาดด้วยวัสดุตามมีตามเกิดตามแต่จะหาได้ เช่นหมึกจีน สี หินทรายป่น โคลน และน้ำผักคั้น เสร็จแล้วแอบซ่อนไว้อย่างดี เพราะหากผู้คุมหาเจอ นั่นหมายถึงชีวิตของเขาเอง ทั้งหมดกลายเป็นรูปประกอบอันแสนสะเทือนใจบรรจุไว้ในเล่มนี้ด้วย

อ่านจบแล้วหดหู่ชะมัด ราวกับว่าภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาเล่ามันมาผุดในหัวเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเอง บางครั้งจะอ้วก ข้อดีสำคัญคือตัวลีโอเลือกเขียนทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ยอมใช้คนเขียนแทนตามสำนักพิมพ์เสนอ เพราะมันทำให้คำทุกคำที่ออกมาทื่อ ตรง ไม่มีโวหารประดิษฐ์ เลยทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนเจ้าตัวมานั่งเล่าให้ฟังต่อหน้า ขณะเดียวกันก็ลดทอนความเชื่อมโยงและภาพที่ควรไหลลื่นลงไปบ้าง กระนั้นรับรองว่าไม่เสียรส ยิ่งหากเคยอ่านวรรณกรรมกลางสงครามอย่าง 4 ปีนรกในเขมร, บันทึกของแอนน์ แฟรงค์, Schindler's List หรือ Man's Search for Meaning มาบ้างแล้ว เรื่องราวแบบนี้สะเทือนคุณแน่นอน ร่วมด้วยบริบทในประเทศเราเองทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นกว่าทุกเรื่องที่กล่าวไป แทรกขั้นด้วยรูปเกินร้อยรูปที่บันทึกเหตุการณ์จริงไว้อย่างครบถ้วน ทำให้ตัวเล่มสมบูรณ์อย่างยิ่ง

แนะนำว่าอ่านแล้วโปรดไปดูสถานที่จริงด้วยจะอินมาก ผมไปมาประทับใจเกินคาด ที่นั่นได้ทุนจากรัฐบาลออสเตรเลียมาร่วมสร้าง เลยทำให้ศูนย์การเรียนรู้ช่องเขาขาดทันสมัย เหมาะแก่การเดินศึกษาประวัติศาสตร์เป็นที่สุด มีห้องฉายวิดีทัศน์เป็นโรงภาพยนตร์ย่อมๆ พร้อมนิทรรศการบรรยายเหตุการณ์ละเอียดยิบ ที่เด็ดสุดคือระหว่างทางเดินจากตัวศูนย์ลงไปยังช่องเขาขาดรวมถึงตลอดเส้นทางที่เชลยศึกสร้างไป ยังมีบริการเครื่องฟังพร้อมหูฟังติดตามตัวเป็นเสียงของผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ บรรยายประกอบไปตลอดทางอีกด้วย ฟรีทั้งหมด ทุกอย่างดี แต่คุณอาจต้องเตรียมตัวให้พร้อมสักหน่อย ระยะทางไม่สั้นเลย ร่างกายควรแข็งแรงสักนิด กระนั้นรับรองว่าไม่เหนื่อยเปล่าแน่นอน

อ่านเถอะ อ่านแล้วโปรดไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง บางทีภาพจำเกี่ยวกับนิยามมนุษย์ที่คุณมีอาจถูกตั้งคำถามเมื่อทำทั้งสองอย่างที่ว่าจบลง ลองดูครับ

#อาทิตย์ละเล่ม
Profile Image for Sorrapong Ongsangkoon.
3 reviews2 followers
January 18, 2017
บนเรือ โดมิเนี่ยน โมนาร์ค พลทหารลีโอ รอว์ลิ่งส์ เป็นหนึ่งในกองทหารนับหมื่นที่ถูกส่งไปช่วยกองทัพสัมพันธมิตรรบกับญี่ปุ่น ในสงครามโลก ครั้งที่ 2 ทหารหนุ่มผู้มีดินสอและกระดาษวาดเขียนติดมือตลอดเวลา เขามีความสุขใจที่ได้เดินทางและวาดรูปผู้คนมากมายที่ร้องขอให้วาด นักวาดภาพสงคราม คือเป้าหมายอันปรารถนาในชีวิตของรอว์ลิ่งส์

จิตใจของเขาไม่มีอะไรมารบกวน นอกจากการทำหน้าที่ทหารให้สมศักดิ์ศรีที่สุด

เท้าของรอว์ลิ่งส์ แตะพื้นดินที่ดินแดนมลายู การสู้รบอันดุเดือดกับญี่ปุ่นดำเนินไปอย่างยาวนาน การศึกสงครามไม่เคยสนุกสนาน การเอาชีวิตให้รอดและการกำจัดใครที่เข้ามาเอาชีวิตไปคือเป้าหมายสำคัญ แต่ความเพลี้ยงพลำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สุดท้ายรอว์ลิ่งส์และพรรคพวกต้องยอมแพ้ต่อกองทัพญี่ปุ่น และเข้าสู่สถานภาพของการเป็นเชลยศึก

เขาพบตัวเองอีกครั้งอยู่ที่ค่ายเชลยศึกแห่งหนึ่งในประเทศไทย พื้นที่ดังกล่าวเรียกว่าอะไรคงไม่ใช่ความจำเป็นของเขา มากไปกว่าการต้องต่อสู้กับความทุกข์ยาก ในการถูกบังคับเกณฑ์ให้ใช้แรงงานเพื่อสร้างทางรถไฟสายสคำญ ซึ่งต่อมา ถูกขนานนามว่า 'ทางรถไฟสายมรณะ'

ความโหดร้าย ความป่วยไข้ ความหวังที่เหลืออยู่ริบหรี่ ทำให้เชลยศึกหลายคนเลือกที่จะจบชีวิตลงอย่างอ่อนล้า หากแต่รอว์ลิ่งส์ ยังเชื่อว่า เขาควรมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อให้โลกได้รับรู้ความจริงที่เชลยศึกแห่งทางรถไฟสายมรณะต้องเผชิญ

อาทิตย์อุทัยดั่งสายฟ้า เป็นงานเขียนที่มาจากความคิดอ่านของเชลยศึกสงครามโลกโดยแท้จริง โดยไม่ผ่านการขัดเกลาหรือปรับลดอรรถรสเนื้อหาจากสำนักพิมพ์

"หนังสือเล่มนี้เคยมีบรรณาธิการเสนอตัวจะดูแลต้นฉบับ แต่ลีโอปฏิเสธเพราะว่านี่คือวิญญาณ ตัวอักษรมันออกมาจากใจ ออกมาจากจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นเขาไม่ต้องการให้แก้ไขอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็จะเห็นคำที่อยู่ในใจของเขา ณ ขณะนั้น ไม่ว่าเขาจะกล่าวชมหรือกล่าวตำหนิ หรือกล่าวอะไรก็ตาม แต่นั้นก็กล่าวออกมาจากใจ ดังนั้นเราก็พยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์ตามที่เขาต้องการ" มกุฏ อรฤดี เจ้าของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ เคยกล่าวไว้
Profile Image for Phuwong.
187 reviews
February 25, 2017
เป็นหนังสือความเรียงบันทึกชีวิตของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่สมบูรณ์ที่สุดเล่มหนึ่ง ผู้เขียนเล่าถึงชีวิตของตัวเองตั้งแต่เข้าเป็นทหารกองหนุนในประเทศอังกฤษเมื่อยุโรปเริ่มเข้าสู่ภาวะสงคราม ก่อนจะถูกส่งมาเสริมกำลังของฝ่ายสัมพันธ��ิตรที่ประเทศสิงคโปร์ และต้องปราชัยต่อญี่ปุ่นในท้ายที่สุด เราได้เห็นการต่อสู้ของทหารในสมรภูมิรบ การเอาตัวรอด และที่สำคัญคือชะตากรรมอันแสนรันทดเมื่อถูกเกณฑ์แรงงานเข้ามาสร้างทางรถไฟสายมรณะที่จังหวัดกาญจนบุรี ตลอดจนความโหดร้ายทารุณที่มนุษย์กระทำต่อกันโดยไร้ซึ่งมนุษยธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายครั้งในขณะที่อ่านต้องปิดหนังสือลงชั่วคราวด้วยความสะเทือนใจและสงสาร นอกจากนี้ความโดดเด่นของหนังสือคือภาพประกอบกว่า 100 รูปซึ่งถูกวาดโดยผู้เขียนในขณะที่ตกเป็นเชลยศึก ภาพเหล่านี้ได้บอกเล่าเหตุการณ์จริงจากค่ายเชลยศึกสู่การรับรู้ของโลกภายนอก ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญสำหรับผู้สนใจเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2
Profile Image for Ooan Pongsriwat.
115 reviews1 follower
July 13, 2025
เรื่องจริงที่มีรายละเอียดสะท้อนจากภาพวาดในเหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งLeo Rawlingsได้สะท้อนออกมาทุกๆจุดได้อย่างเห็นภาพและเข้าใจถึงการถูกกระทำจากเพื่อนมนุษย์ชาวญี่ปุ่นกดขี่ข่มเหงสร้างทางรถไฟและสะพานเส้นทางจากกรุงเทพ-ย่างกุ้ง
การอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ว่าแย่แล้ว การรอดจากเหตุการณ์และผ่านวันเวลากลับมายังบ้านเกิด เจอกับคนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์มาตัดสินเรื่องราวว่าเรื่องเชลยสงครามไม่ต้องได้ชดเชยอะไรใช้ชีวิตไปตามยถากรรมยิ่งแย่กว่า ทั้งๆที่เชลยก็เคยเป็นทหารช่วยรบปกป้องประเทศ
Profile Image for Sniffer.
38 reviews2 followers
November 22, 2020
ได้รับรู้เรื่องราวสมัยมหาสงครามโลกครั้งที่สอง ที่แทบจะไม่มีคนพูดถึง แต่เป็นเรื่องราวที่สุดแสนจะขมขื่น บรรยายผ่านภาพวาดและบันทึกลับที่ผู้เขียนและเชลยนานาชาติช่วยปกป้องเก็บไว้จนสามารถมาถ่ายทอดให้ผู้คนได้รับรู้ เป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ที่ควรรับรู้ไว้ ข้อติเดียวคงเป็นเรื่องที่ผู้เขียนอาจจะ stereotyping ไปหน่อย แต่ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ดีๆ จะเข้าใจในส่วนนี้ได้เอง
Profile Image for Parkpimol Utthasin.
3 reviews
December 27, 2020
อ่านได้เรื่อยๆ แต่ต้องพักเป็นระยะๆ เพราะเนื้อหาขวนหดหู่ไปนิด เหมือนเป็นเกร็ดเล็กๆในหน้าประวัติศาสตร์​ เกี่ยวข้องกับประเทศไทยด้วย
16 reviews
April 12, 2023
ถ้าพูดถึงสงครามเราคนรุ่นหลังคงจินตนาการไม่ออกถึงความลำบาก ยากแค้นในตอนนั้น คนที่อยู่ในสถานะการณ์เหล่านั้นเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

อ่านเถอะแล้วจะเข้าใจขึ้น
Profile Image for Natt.
919 reviews
May 19, 2013
สะเทือนใจกับสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน
มันยากจะเชื่อ แต่ภาพวาดที่ปรากฎในหนังสือ
ก็เป็นเช่นหลักฐานอย่างหนึ่ง ที่บอกเราว่า "มนุษย์ในยามสงคราม โหดร้ายอย่างยิ่ง"

อ่านความเห็น >> http://www.bloggang.com/mainblog.php?...
Displaying 1 - 9 of 9 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.