วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน - Revised Edition

by สฤณี อาชวานันทกุล (translator)

ในภาวะที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังชื่นชมกับใบปริญญา
ว่าสามารถบันดาลสุขให้กับผู้รับโดยไม่มีเงื่อนไข
สุนทรพจน์ที่เลือกมานำเสนอในเล่มนี้
อาจช่วยกระตุ้นให้ท่านผู้อ่านมองเห็น ‘กับดัก’ ของใบปริญญา
บทบาทของการศึกษาในบริบทของการใช้ชีวิต
ทั้งในฐานะปัจเจกชน และในฐานะพลเมืองของสังคม
และอาจช่วยทุกท่านในการตอบตัวเองว่า
ความหมายของชีวิตอยู่ที่ใด?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาของมนุษย์เราทุกคน
ย่อมมิได้จบลงเมื่อเดินออกจากรั้วโรงเรียน
หากดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งจวบวันตาย
และในหลายแง่มุม การศึกษาใน ‘โรงเรียนชีวิต’ ของเรา
จะเริ่มต้นได้จริงก็ต่อเมื่อผ่านพ้นวันรับปริญญาไปแล้วเท่านั้น

สฤณี อาชวานันทกุล

บางส่วนจากคำนำผู้แปล
หนังสือ "วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน" (Revised Edition)

ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 20
สำนักพิมพ์ openbooks
หนังสือปกแข็งเย็บกี่สันโค้ง
หุ้มด้วยกระดาษแจ็กเก็ตสัมผัสพิเศษปั๊มฟอยล์ทอง
พร้อมริบบิ้นที่คั่นสองเส้น

หนึ่งในหนังสือขายดีตลอดกาลของสำนักพิมพ์
ซึ่งได้กลายเป็นของขวัญยอดนิยมที่ "บัณฑิตมอบให้แก่บัณฑิต" ในวันรับปริญญา

Genres: Nonfiction, Self Help

512 pages, Unknown Binding

First published August 1, 2013

About the author

สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล และกรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด จบการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มีประสบการณ์ทำงานในภาคการเงินกว่า 8 ปี ในฐานะวาณิชธนกรที่ธนาคารดอยช์ สาขาฮ่องกง พนักงานสินเชื่อที่ธนาคารไทยพาณิชย์ วาณิชธนกรและรองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรที่บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นกรรมการบริหารของบริษัท ฮันเตอร์ส แอ็ดไวซอรี่ จำกัด ก่อนที่จะตัดสินใจออกมาทุ่มเทเวลาให้กับงานเขียนและงานวิจัยอย่างเต็มตัว

นักท่องเว็บชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักสฤณีในชื่อ “คนชายขอบ” หรือ “Fringer” จากบล็อก http://www.fringer.co/ ซึ่งการเขียนบล็อกได้นำไปสู่การเป็นคอลัมนิสต์ประจำโอเพ่นออนไลน์ งานเขียนและแปลของเธอส่วนใหญ่สะท้อนความสนใจอย่างต่อเนื่องในกิจการเพื่อสังคมและการเงินเพื่อสังคม อาทิ “พลังของคนหัวรั้น” (แปลจาก The Power of Unreasonable People โดย John Elkington และ Pamela Hartigan), “สร้างโลกไร้จน” (แปลจาก Creating a World Without Poverty โดย Muhammad Yunus), “ล่องคลื่นโลกาภิวัตน์” และ “ทุนนิยมที่มีหัวใจ: ทางเลือกใหม่แห่งการพัฒนา” ดูรายชื่อผลงานทั้งหมดได้จากหน้า “Writings” บนบล็อกส่วนตัวที่ http://www.fringer.org/

ปัจจุบันมีความสุขกับการติดตามและถ่ายทอดพัฒนาการใหม่ๆ ณ พรมแดนความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ผ่านการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด, อาจารย์พิเศษ วิชา “ธุรกิจกับสังคม” ในหลักสูตรควบบริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการแบบบูรณาการ) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (โครงการ 5 ปี) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคอลัมน์ต่างๆ ในสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ “ประชาชน 2.0” ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ และ "Game Theory" บนเว็บไซต์ The Matter

สฤณีเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มและองค์กรต่อไปนี้:

- สำนักพิมพ์ ซอลท์ พับลิชชิ่ง
(https://www.facebook.com/Saltread)
- เครือข่ายพลเมืองเน็ต (http://thainetizen.org/)
- เครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย (http://cc.in.th/)
- สำนักพิมพ์ชายขอบ (http://www.chaikob.com/)
- สำนักพิมพ์ โอเพ่นเวิลด์ส์ (http://www.openworlds.in.th/)
- สำนักข่าวออนไลน์ ไทยพับลิก้า (http://www.thaipublica.org/)
- บริษัท ป่าสาละ จำกัด (http://www.salforest.com/)

Reviews

[รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ · Rating 5 out of 5]

ข้อควรระวังหนึ่งในการอ่านหนังสือแนวความคิดชีวิตคน คือระวังการหลงเชื่อจนเป็นสูตรสำเร็จ

หนังสือเล่มนี้ ก็หนีไม่พ้นข้อควรระวังนั้น บทเรียนของแต่ละชีวิต แน่นอนว่าย่อมมีค่า แต่การหลงใหลปักใจเชื่อว่าเป็นแนวทางเดียวที่มุ่งไปสู่ความสำเร็จซึ่งมีหลากหลายนิยามคงไม่ถูกต้องนัก

ข้อควรระวังนี้ทำให้เราต้องใช้เวลาอ่าน ทยอยย่อยความคิดบนหน้ากระดาษ เปรียบเทียบกับริบทของปัจจุบัน และบริบทแวดล้อมของเราเอง

อ่านสนุก และได้ความคิดเห็นหลากหลายดีครับ :3

[Thanawat · Rating 4 out of 5]

เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นใหม่

หนังสือที่เต็มไปด้วยบทปัจฉิมนิเทศน์ ที่เหล่าผู้คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับเหล่าผู้คนที่จะมาทดแทนเขาในอนาคต

มันอัดแน่นไปด้วยข้อคิด ที่กลั่นมาจากความคิดที่ตกผลึกแล้วของคนที่ “อาบน้ำร้อนมาก่อน” มันไม่ได้ให้อารมณ์สั่งสอน แต่กลับให้อารมณ์แรงบันดาลใจ เหมือนกับว่าคนรุ่นที่กำลังจะโรยรา มาขอฝากอนาคตไว้กับรุ่นถัดไป ผ่านบทสรุปรวบยอดหลักการในชีวิตของตนเอง

ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ช้าไป
วัยที่เปลี่ยนผ่านจากความเยาว์ทำให้หลายๆ บทในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ประทับใจมากนัก

แต่แน่นอนว่า ผมจะเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ให้ลูกหลาน ให้เค้าได้อ่านเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของวัยเด็ก และเป็นเล่มแรกเพื่อต้อนรับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป

[Clairdenoon · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือดีๆที่เอาไว้อ่านเวลาอยากเป็นคนcoolๆดูมีสาระขึ้นมา...มันคุ้มมากสำหรับเรา...เพราะจนบัดนี้ก็ยังอ่านไม่จบ..ซึ่งนั่นคือเรื่องดี..
...เพราะมันยังไม่จบไง...ยังท้าทาย และมีอะไรน่าค้นหา..อ่านแบบเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่2015จนจบมหาวิทยาลัยก็ยังไม่จบ555...และยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน คาดว่าจะต้องอ่านจบในชาตินี้แหละ (ยังคิดอยู่ว่าน่าจะถวายพระท่านสักเล่ม...แบบว่าถ้าชาตินี้อ่านไม่จบ...เผื่อผลบุญอาจจะหนุนนำให้ได้อ่านกันต่อในชาติหน้าด้วย...นี่!!มองการณ์ไกล^^555)
อ่านเพลินๆขำๆซึ้งๆสนุกๆอ่านได้ตลอดเวลาที่นึกอยากอ่าน จุดประกายกำลังใจ จุดไฟให้ลุกโชน อ่านในห้องน้ำนี่จะยิ่งกินใจและยิ่งใหญ่มากกกก>o<
ต้องอ่านครั้งละคนด้วยนะเดี๋ยวจะตีกันยุ่ง สุนทรพจน์ของคนคนหนึ่งอ่านแล้วก็เอาไปนั่งซึ้งนอนซึ้ง-คิดแล้วคิดอีกย่อยได้อีกเป็นเดือนๆ
ถ้าถามว่าได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้..พลิกโลกหรือเปลี่ยนชีวิตเลยไหม?..งืม
...ถ้าเอาดีๆเดี๋ยวต้องไปอ่านอีกรอบ^^

[MonoNoAware · Rating 3 out of 5]

ได้หนังสือมาตั้งแต่ปี 2558 จากคนคนนึงในวันที่เข้าทำงานวันแรก จนบัดนี้ 2563 เพิ่งได้อ่านจนจบ หลังจากอ่านๆ วางๆ ห่างหายไปนาน จับมาอ่านบ้าง แต่สมองไม่ไหล เลยอ่านไม่จบสักที

ปีนี้ฤกษ์งามยามดี ตั้งใจเคลียร์กองดอง เลยอดทนอ่านจนจบ และพบว่า มันก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้นสักหน่อย เป็นสุนทรพจน์วันรับปริญญาที่มีทั้งสนุกมาก อ่านแล้วฮึกเหิม ได้ข้อคิดดีดี และมีทั้งแบบที่น่าเบื่อ แบบต้องทนฟัง (อ่าน) ที่นึกในใจว่าเมื่อไหร่จะพูด (อ่าน) จบนะ เบื่อแล้ว พอแล้ว จะพูดให้มากความทำไม

ชอบที่สุดคงเป็นตอนของแอนนา ควินด์เล็น นักเขียนนิยายและคอลัมนิสต์ชาวอเมริกัน ซึ่งกล่าวสุนทรพจน์ที่ Villanova University ในปี 2000 ที่ได้สอนให้ซึมซับชีวิต ซึมซับธรรมชาติกับปัจจุบันมากกว่าการสอนฮาวทูทั่วๆ ไปที่ชอบชี้แนะหนทางแห่งความสำเร็จ

ประโยคจบของการกล่าว คุณแอนนาพูดไว้ว่า “มองดูทิวทัศน์เถิด มันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

แม้หนังสือจะเป็นการรวบรวมสุนทรพจน์ ในช่วงปี 2000-2005 แต่บทความถือว่าไม่ out เลยทีเดียว สามารถนำไปปรับใช้หรืออ่านได้ในทุกยุคสมัย หรือไม่จำเป็นว่าคุณต้องเพิ่งเรียนจบเท่านั้น ถึงจะอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะอินกับมันที่สุด ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลองอ่านมันดู

ถ้าอ่านตอนอายุน้อย หนังสือก็จะคุมเกมส์เรา
ถ้าอ่านตอนอายุเยอะขึ้นไปอีกหน่อย เราก็อาจเป็นคนคุมเกมส์หนังสือ ทำให้ไม่หลงกับดักบางอย่างในหนังสือที่อาจทำให้เราหลงทาง

[Pae Ponsiri · Rating 5 out of 5]

วิชาสุดท้าย(ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน) โดย สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน/นักแปล/นักวิชาการอิสระ

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทแปลสุนทรพจน์ของเหล่าคนดังที่มอบให้แก่บัณฑิตในพิธีวันรับปริญญาจากที่ต่างๆ

หลายคนเมื่อเรียนจบอาจเคว้งคว้างว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาส่วนใหญ่หน้าที่หลักมีแต่การเรียน
หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปพบกับเหล่าคนดังจากหลากหลายสาขาที่ขึ้นกล่าวปาฐกถาแนะนำบัณฑิตเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเขาไปจนถึงข้อแนะนำต่อบัณฑิตสำหรับชีวิตที่กำลังจะมาถึง

แต่ละบทสั้นๆ อ่านเข้าใจง่าย อาจอ่านก่อนนอนไว้สร้างแรงบันดาลใจ เหมาะเป็นของขวัญให้บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงบุคคลต่างๆ

[Osh · Rating 5 out of 5]

นี่เป็นหนังสือที่ผมซื้อเก็บไว้เมื่อนานมาแล้วหลายปีก่อน แต่กว่าจะได้อ่านมันจบก็หลายปีให้หลังจากซื้อมา เพราะผมเลือกที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายในขณะที่ผมกำลังจะเรียนจบปริญญาตรีเมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อให้บรรยากาศมันเข้ากับชื่อของหนังสือเล่มนี้ครับ 555

หนังสือเล่มนี้เขียนดีและอ่านสนุกมาก ผมเป็นแฟนหนังสือของคุณสฤณี ผมรู้จัก Michael Sandel ได้ก็เพราะได้อ่านงานของ Sandel ที่คุณสฤณีแปลเอาไว้ครับ

หนังสือเล่มนี้สร้างแรงบันดาลใจและมอบไฟให้กับเหล่า Fresh Graduate รวมถึงเหล่าผู้คนที่กำลังเคว้งคว้างกับชีวิตเพราะไม่รู้ว่าจะเลือกทางเดินไหนให้กับชีวิตต่อไปดีครับ

[Wachirawit Rakchai · Rating 5 out of 5]

ขอบคุณทุกๆบทเรียนชีวิตดีๆ ที่ได้รับจากการอ่าน อ่านและอยู่กับตัวเอง อ่านและคิดอย่างจริงจังว่า การมีชีวิตนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับการแปล มีบางเนื้อหาที่แปลเปฌนไทยแล้วฟังดูแปลก อาจเกิดจากการที่ผู้แปลพยายามรักษาคำพูดเดิมของผู้พูดไว้ โดยรวมดีมากครับ ผมอ่านวันละ1 lesson เป็นสิ่งช่วยเตือนและช่วยสอนชีวิตได้เยอะเลยครับ

"ดูทิวทัศน์นี่สิสาวน้อย มองดูทิวทัศน์" เป็นหนึ่งในประโยคที่ผมน้ำตาคลอและชอบมากที่สุดสำหรับหนังสือเล่มนี้ ขอบคุณผู้จัดทำหนังสือ ผู้แปล ปละผู้พูดทุกคนครับ

[Aom Ruka · Rating 5 out of 5]

เป็นเล่มที่ได้กำลังใจค่อนข้างมาก คนดังที่เราเห็น เค้าไม่ได้เกิดมาคายช้อนเงินช้อนทอง เค้าต้องสู้ ต้องอดทน ทุกคนมีทั้งสุขและทุกข์ ยิ่งทุกข์มาก ก็ยิ่งพยายามฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ สิ่งที่เราเห็นว่าเค้าประสบความสำเร็จ เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ แต่จริงๆแล้ว ชีวิตต้องพยายามอย่างมาก เพื่อให้ได้ความสำเร็จกลับมา

[Boon · Rating 4 out of 5]

เป็นหนังสือดีอีกเล่มหนึ่งที่น่าจะได้มีโอกาสอ่านก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เนื้อหาของคำบรรยายของแต่ละท่านก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้หลังจากอ่านจบคือ ความกระตือรือร้นที่จะทำหรือเปลี่ยนแปลงอัไรบางอย่างกับชีวิต แนะนำให้อ่านครับ

[Rangsiman Ketkaew · Rating 5 out of 5]

ได้หนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญวันรับปริญญาบัตร (ปริญญาตรี) จาก อ. ที่ปรึกษา รวมรวบสุนทรพจน์วันมอบปริญญาบัตร แนะนำให้อ่านครับ

[Kubpam So · Rating 5 out of 5]

ขอบคุณผู้แปลที่คัดสรรสุนทรพจน์มาให้อ่าน // อ่านในปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย

[NARUMON · Rating 4 out of 5]

My top three : David Foster Wallace, J.K.Rowling and Anna Quindlen.

[Rinda]

ชอบมาก