Jump to ratings and reviews
Rate this book

พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ

Rate this book
โศกนาฏกรรมของผู้คนบนประเทศไร้ทรงจำ

"โศกนาฏกรรมครั้งนั้นไม่เพียงไม่เคยถูกเล่าขาน หากยังถูกลืมและในที่สุดก็ลบเลือนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ อีกนับร้อยพันของประเทศไร้ทรงจำ"

ความทรงจำของคน ความทรงจำของแมว ความทรงจำที่คลุมเครือ วุ่นวิ่น จนแทบไม่อาจจำแนกรู้ได้ว่า เราอยู่ในโลกจริงหรือสมมติ ประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซัดพาให้ชีวิต ความรักต้องระหกระเหินเกินบรรยาย

ครอบครัวจีนอพยพที่พยายามตามหา "บ้าน" ทั้งในความหมายของสถานที่และบ้านภายในจิตใจ ซึ่งตัวละครต่างรู้สึกในทางเดียวกันว่า ไม่อาจหยัดยืนอย่างเต็มตัวในพื้นที่ใดๆ ได้ จะเดินต่อก็แปลกแยก จะหวนกลับก็ไม่อาจย้อนคืน

ที่จริงแล้ว วีรพร คิดพล็อตเรื่องนี้ไว้ก่อนนวนิยาย 'ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต' ครบรสด้วยสำนวนภาษาแบบวีรพร นิติประภา รวมถึงบทเพลง อาหาร และรสนิยมวิไล คละเคล้าตลอดทั้งเรื่อง

424 pages, Paperback

Published October 14, 2016

90 people are currently reading
986 people want to read

About the author

เกิดกรุงเทพฯ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2505 ในครอบครัวชนชั้นกลาง มีคุณแม่เป็นครูสอนเปียโน และมีพี่ชายหนึ่งคน ความฝันวัยเด็กคืออยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง เคยเรียนด้านเลขานุการ และไปเรียนด้าน Communication Arts ที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กลับมาทำงานนิตยสารเกย์ชื่อ ‘นีออน’ เป็นครีเอทีฟเอเจนซี่โฆษณา ทำนิตยสารแฟชั่นชื่อ ‘Hyper’ และเปิดร้ายขายสร้อยอยู่ช่วงหนึ่ง ควบคู่กับการเลี้ยงลูกชายหนึ่งคน ก่อนจะกลับมาเขียนนวนิยายเต็มตัว

นวนิยายเรื่องแรก ‘ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต’ ชนะรางวัลซีไรต์ประจำปี 2558 และเรื่องต่อมา ‘พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ’ ได้รับรางวัลซีไรต์สาขานวนิยาย ประจำปี 2561

ปัจจุบัน วีรพรใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่กรุงเทพฯ ส่วนลูกชายเรียนปริญญาเอกด้านปรัชญาอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
334 (54%)
4 stars
185 (30%)
3 stars
60 (9%)
2 stars
14 (2%)
1 star
17 (2%)
Displaying 1 - 30 of 133 reviews
Profile Image for Woravich Sittiwang.
15 reviews30 followers
October 22, 2016
สารภาพว่าไม่เคยอ่านนวนิยายไทยเล่มไหนแล้วรู้สึกล่มสลายทางอารมณ์ได้มากขนาดเท่าเรื่องนี้มาก่อนนี้ อาจจะด้วยภาษา พล็อตเรื่อง ความหักมุก การไปสุดทางของเนื้อเรื่อง ความทรงจำของปัจเจกและชาติ..และของเราเอง สภาวะไร้รากที่เรามีอารมณ์ร่วมได้ง่ายมากเป็นพิเศษ ​ทุกอย่างบีบเราทุกทิศทุกทางและในทุกกำลังที่มีของมัน ทำให้เราแตกสลายจริงๆ กระจัดกระจายไปในแต่ละตอนของบทหนังสือ จนกระทั่งอ่านจบก็รู้สึกว่าเราเหมือนกับหนังสือเล่มนี้ เราไม่มีทางสมบูรณ์และขาดแหว่งแบบนี้ต่อไป โหวง อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ จุก แต่รู้สึกว่าข้างในมันหายไปแล้ว หายไปแบบไม่สามารถเติมให้เต็มได้ ขอยกให้เป็นหนึ่งในเล่มโปรดตลอดกาล
Profile Image for Pawit Mahattanasing.
88 reviews33 followers
October 1, 2018
สนุกดี อ่านลำบากหน่อยสำหรับผมเพราะสำนวนแพรวพราวพรั่งพรูทั้งคำซ้อนคำสร้อย โอยๆๆ ช่าง ระทมระทวยระทึกฤทัย อะไรปานนั้น ฮ่าๆๆๆ ตอนแรกผมอ่านชื่อหนังสือผิด อ่านเป็น พุทธศักราชอัสดงและความทรงจำของแมวกุหลาบดำ ยังคิดว่า อืม...ชื่อเพราะดีแฮะ พอรู้ตัวว่าอ่านผิดขำเลย ชื่อเรื่องกับสำนวนเล่าช่างเข้ากันได้ดี เหมือนลวดลายวิจิตรตามวิหารวัดไทยวัดจีนนั่นแหละ 'งาม' และ 'เยอะ'
Profile Image for gam s (Haveyouread.bkk).
516 reviews232 followers
June 16, 2023
★★★★★ ยอมมมมก็ได้!!! ยอมใจเพราะอ่านแล้วอินมาก หรืออาจจะเพราะอยู่ในช่วงจิตใจอ่อนแอ(?) ความโศกซึ้งโรแมนติก ความร้าวรานตีอกชกหัวมันเลยควบคุมเราจนอยู่หมัด แทบจะเสียสติตามตัวละครไปอีกคน

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า:
✔ ว่าด้วยวงศ์ตระกูลที่สืบทอดความเปลี่ยวดายจากรุ่นสู้รุ่น
✔ พบจุดจบสุดตรอมตรมทุกคนเหมือนโดนสาป
✔ มีความกึ่งจริงกึ่งฝัน สัจนิยมหัศจรรย์
✔ มีชีวิตผ่านบทของปวศ.ที่สูญหาย ความทรงจำที่ถูกลืม
✔ เรื่องกินเวลา 100+ปี มี matriarch (ในบริบทนี้คือย่าทวด ใหญ่สุดในบ้าน) เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรื่องมันลงเหวแต่แรก
✔ อื่นๆ เช่น รุ่นเหลน/โหลน มีพฤติกรรม incest

พูดง่ายๆ มันคือ ร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ชัดๆ แต่เล่าในบริบทจีนพลัดถิ่น มาอยู่ไทย 👁👄👁 มาเจอปัญหาแบบไทยๆในแต่ละช่วงตอนของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ชอบการสร้างตัวละครแต่ละตัวที่มีปมและจุดจบที่เป็นโศกนาฏกรรมในแบบของตัวเอง ไม่ว่าใครย่อมหนีความตายไม่พ้น แต่ในจักรวาลนี้ผู้เขียนประทับบทลงทัณฑ์จนเหี้ยนเตียนไม่เหลือ ครอบครัวสำหรับบางคนคือจุดเริ่มต้น แต่บางครั้งมันก็คือจุดจบ

ถ้าไม่คิดอะไรมาก ปล่อยไหลไปตามชั้นเชิงของภาษา (ซึ่งถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลยเพราะโปรยฟุ่มเฟือยจนเวียนหัว อึดอัดเหมือนติดอยู่ในที่แคบๆกับคนที่ใส่น้ำหอมมากเกินไป) จะพบว่าผู้เขียนควบคุมเราได้เหมือนร่ายมนต์ เหมือนดูละครหลังข่าวที่โคตรน้ำเน่าจะบ้าตายแต่ก็ยังอดเปลี่ยนช่องรอเมื่อเวลามาถึงในแต่ละวันไม่ได้—

คงจะนึกถึงคนตระกูลตั้งไปอีกหลายวัน นับจากนี้


Update 14/6/2023 อยากบันทึกไว้สักหน่อย ที่ 50% ว่าประหลาดใจเล็กน้อยที่พบว่าตัวเองออกจะชอบเล่มนี้ อย่างน้อยก็ชอบมากกว่า ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต แน่ๆ ถึงแม้ว่าภาษามันจะฟรุ้งฟริ้งจรุงใจตรึงฤทัยชวนให้ทอดทอนใจไปตลอดทุกย่อหน้าจนรู้สึกร่วงโรยไร้เรี่ยวแรงก็ตาม (แกเข้าใจครส.ชั้นใช่ป่ะ) ก็อ่านข้ามๆตรงคำฟุ่มเฟือยแล้วจับเอาแต่แก่นที่คุณวีระพรก็สื่อ มันก็พอไปได้นะ

ส่วนตัวชอบเรื่องราวแนว family saga อยู่แล้ว ตอนแรกตั้งแง่อยู่นิดหน่อยเพราะใครต่อใครบอกว่าเหมือน หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว (aka หนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดในโลกหล้านภาลัย) ไบแอสขนาดว่าจะไม่อ่าน แต่โชคชะตาพลิกผันเพราะเพื่อนใจแคบกว่าเราอีก (คือยกให้เลยแบบไม่ขอคืนเพราะเหมือนมาร์เกซเกินไป) เราเลยยอมเปิดใจอ่านก็ได้ให้มันรู้ไปเลย 555

ซึ่งก็ยอมรับว่าตัวเองเข้าใจผิด เพราะจริงๆแล้ว คหสต คุณวีรพรกับมาร์เกซเป็นมวยคนละรุ่นกันด้วยซ้ำ ก็ถูก ที่ความเหมือนในแง่ของความมีชีวิตเปลี่ยวเหงาเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของตัวละคร ผ่านร้อนผ่านหนาววิกฤตทางการเมืองและดราม่าภายในครอบครัวบลาๆ คือองค์ประกอบมันก็คล้ายแหละ แต่มันก็แค่นั้น ส่วนผสมเดียวกันก็จริง แต่รสชาติออกมาคนละทิศคนละทาง ก็เลยรู้สึกไม่เคอะเขินที่จะเปิดใจอ่านได้เรื่อยๆ
Profile Image for Mook Woramon.
897 reviews200 followers
January 20, 2019
ชอบเล่มนี้มากกว่าไส้เดือนตาบอดมากกก ภาษาสละสลวยไม่เวิ่นเว้อเกินไป แม้จะยังล่องลอยแต่จับต้องได้มากกว่า
ชอบในการหยิบเอาประวัติศาสตร์สงครามและการเมืองมาใส่ได้อย่างน่าติดตามและไม่ยัดเยียด เรื่องราวตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ผลกระทบกับแผ่นดินจีน ญี่ปุ่น ไทย มาครบหมด โดยเล่าผ่านครอบครัวชาวจีนที่ต้องพลัดพรากจากแผ่นดินแม่ ครอบครัวนี้เหมือนครอบครัวต้องสาป เหมือนไปเหยียบตาปลาพระเจ้าทำให้พระเจ้าสาปแช่งให้ต้องประสบโศกนาฏกรรมกรรมพิษรักต่างๆนาๆให้ตายตกไปตามกัน แถมยังต้องตายด้วยน้ำอีกต่างหาก รันทดอะไรเบอร์นี้ แต่สนุก คิดตั้งนานกว่าจะเริ่มอ่าน เพราะขยาดจากเรื่องไส้เดือนมาก่อน
Profile Image for Tatchie.
16 reviews15 followers
December 12, 2016
เป็นมาสเตอร์พีซของวรรณกรรมไทย การเล่าเรื่องนี้ไปสุดทางจนการพลัดพรากนั้นมันพลัดหายไปถึงขั้นที่ระบุไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพลัดจากอะไรมา อ่านจบแล้วมันจุก โหวงๆ หน่วงๆ ตั้งตัวไม่ติด
Profile Image for Makmild.
805 reviews216 followers
March 31, 2021
การอ่านพุทธศักราชฯ เหมือนดูภาพวาดคอลลาจ (ตัดแปะ) ตรงนั้นเสริมตรงนี้ แต่ละที่ ที่เอาเข้ามาเสริมดูเหมือนจะเข้าแต่ก็ไม่เข้ากันในที แต่พอเอามารวมกันก็กลายเป็นงานชั้นยอดงานนึง (แม้จะต้องมีสติสูงในการอ่านมากก็ตาม)


อ่านแล้วรู้สึกเลยว่า "ชีวิตไม่แฟร์ ประวัติศาสตร์เล่นตลกกับสายสัมพันธ์ ความร้าวรานที่เกิดขึ้นในใจส่งผลกระทบมาอย่างยาวนาน แต่กระนั้น เราก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ และยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป"


พี่แหม่มเขียนเรื่องเศร้าได้งดงาม แต่เราไม่สามารถหลงระเริงในภาษาที่สวยได้เพราะเนื้อเรื่องมันปวดร้าวบาดจิต ดิฉันถามจริง ไม่มีใครเอาไปทำซีรี่ย์หน่อยหรือคะ เศร้าขนาดนี้ ประวัติศาสตร์อัดแน่นขนาดนี้ การเขียนเรื่องนี้ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลแน่ๆ เพื่อเอามาร้อยเรียงให้เรานักอ่านได้อ่าน และการเรียงเรื่องแบบคอลลาจก็เข้ากันได้ดีกับความทรงจำเว้าแหว่งนี้

การอ่านเล่มนี้สำหรับมายแล้วเหมือนพี่แหม่มพาเรานั่งเรือยอร์ชสวยๆ (ด้วยภาษาที่งดงาม สวิงสวาย) พาเราไปแล่นกลางทะเล ทะเลยามสงบนั้นสวยงาม เห็นดวงดาวจากฟากฟ้าสะท้อนกับทะเลเป็นผืนเดียวกัน ทั้งงามทั้งกลัว เรือลำนี้แล่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะพาเราเข้าสู่วันที่ทะเลพิโรธ ซัดสาดให้เกิดคลื่นใหญ่พัดทั้งดาว ทั้งเราให้กลายเป็นเพียงความทรงจำ
Profile Image for Suphanat Boonyiamyien.
61 reviews5 followers
October 5, 2018
เริ่มรู้สึกสนุกหลังจากพยายามอ่านครึ่งแรกของหนังสืออยู่หลายเดือนและหลายรอบ อาจเพราะมีศัพท์แสงที่พิสดารเยอะมากทั้งที่เคยเป็นสิ่งที่ชื่นชอบในไส้เดือนฯแต่เรากลับไม่อินเท่าไหร่ในเรื่องนี้ หรือเพราะตัวละครหลายคนชื่อคล้ายกันทำให้จำลำดับไม่ได้ แม้กลับไปอ่านซ้ำตั้งแต่หน้าแรกใหม่อีก 2-3 ครั้งก็ยังไร่เรียงไม่ค่อยถูก ผิดกับ 3 พี่น้องในไส้เดือนฯที่ด้วยวัยและเหตุการณ์ความรักในช่วงแรกแย้มของชีวิต ซึ่งเหมือนมันเพิ่งผ่านพ้นเรามาไม่นาน(มากนัก) เลยดูจะเข้าถึงในอารมณ์ของคนในเรื่องมากกว่า แต่พอพุทธศักราชฯเล่าถึงเมื่อดาวได้เจอกระจกในห้องเราก็รู้สึกเหมือนถูกหนังสือดูดเข้าไปให้หลงอยู่ในความทรงจำประหลาดของใครสักคน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือผู้เขียนตั้งใจให้ผู้อ่านรู้สึกแบบนั้น จึงคิดว่ามันพิเศษมากที่พอเริ่มสนุกกับเรื่องเล่าก็หารู้ตัวไม่ว่าได้เข้าไปอยู่ในห้วงฝันของแมวตัวหนึ่งไปเสียแล้ว จนครึ่งหลังของหนังสือกลายเป็นสิ่งที่บันเทิงมากสำหรับเรา โดยเฉพาะ 4 – 5 chapter สุดท้ายที่ความดาร์กคล้ายๆกับ 100ปีฯ ของมาเกซ และตอนจบที่คิดไว้ว่าต้องเป็นอารมณ์เดียวกันแน่ๆ ซึ่งเราก็เดาไม่ผิด และก็คิดว่าเจ๋งมากที่หักมุมในจุดใหญ่ที่สุดของเรื่องซึ่งอันนี้เราคาดไม่ถึงจริงๆ ส่วนการสอดแทรกเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลกจริงควบคู่ไปกับโลกสมมติในหนังสือก็เป็นกิมมิคของผู้เขียนที่ทำได้ดีจนเราคิดว่าถ้าตกถึงมือคนเขียนบทเก่งๆน่าจะทำเป็นซีรีส์ได้ เช่นเดียวกับลายเซนต์ความเมจิคัล เรียลิสม ของผู้เขียนที่เราคิดว่าไส้เดือนฯถ้าทำเสร็จออกมาแล้วน่าจะเป็นหนังอาร์ตที่เทห์มากๆ สรุปเอาแบบความรู้สึกล้วนๆเพราะไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ - เรื่องนี้ชอบน้อยกว่าไส้เดือนฯแต่มีคุณค่าทางวรรณกรรมมากกว่า ควรค่ามากแก่การนั่งอ่านให้พ้นครึ่งแรกไป
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
December 29, 2017
เป็น 5 ดาว ที่ทั้งโกรธ ทั้งทึ่งในเวลาเดียวกัน

โกรธ ที่วีรพร พาไปรู้จักโศกนาฏกรรมของตระกูลหนึ่ง ที่กัดกร่อนอารมณ์ จิตใจ ให้เศร้าหมองได้ อย่างเลือดเย็นที่สุด
สร้างตัวละครให้คนอ่านรู้จัก จนเหมือนเป็นคนคุ้นเคย ล่อลวงให้ตามติดชีวิตตัวละครไปจนถึงฉากสุดท้ายของแต่ละคน

ทึ่ง ที่นิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยสำนวณ ภาษา และวิธีการเล่าเรื่อง ที่ไพเราะ งดงาม แต่กลับเข้าถึงได้ พาอารมณ์จมดิ่งไปกับเรื่องราว แม้หลายครั้ง มันอึดอัด หดหู่ จนอยากจะปิดวางลง แล้วเลิกอ่าน แต่ก็ทำไม่ได้

ตอนจบไม่พลิกหักมุมจนเกินคาดหมาย แต่ก็สะกดจนหลงไหลให้อ่านไปจนหมดเล่ม

บอกตามตรง หนังสือเล่มนี้ไม่แนะนำต่อคงไม่ได้ แต่จะแนะนำก็ไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะรู้ว่าที่ได้อ่านคงถูกความเศร้าถาโถมใส่ไม่ต่างกัน
Profile Image for Pairash Pleanmalai.
400 reviews31 followers
November 9, 2018
ต้องใช้การอ่านแบบ..อ่านเพื่อเอาอรรถรส และละเมียดละไมไปกับสำนวนภาษา คำพรรณาบรรยายของเรื่องราวที่ค่อยๆปรากฎชัดขึ้นที่ละนิด
ถ้าเน้นอ่านเอาเรื่อง แบบเร็วๆตรงๆก็จะอึดอัด เพราะเรื่องไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงซื่อๆ ง่ายๆ ชัดๆ แต่แบ่งเป็นบทๆ มีซ้อนทับ
ถอยหน้าถอยหลังของเส้นเวลา และที่สำคัญที่ทำให้ผู้อ่านต้องตั้งคำถามไว้ในใจตลอดเวลาว่า "ดาวคือใคร แมวกุหลาบดำเกี่ยวอะไร" ใครกำลังเล่าเรื่อง ทำไมผู้แต่งใช้คำว่า "เขา" ซึ่งหมายถึงตัวคนเล่าเอง ชวนให้สงสัยไปตลอดเล่ม..และจะเฉลยในหน้าสุดท้าย

เนื้อเรื่องเป็น timeline ที่มีเหตุการณ์บ้านเมืองทั้งไทยและจีน ที่เกิดขึ้นในช่วง ร.8 จนถึง ตุลา 19
เล่าเรื่องของคนจีนคนหนึ่งมาสร้างเนื้อสร้างตัวที่ไทย

เมื่ออ่านจบก็จะพบกับคำว่า อนิจจัง
Profile Image for Nakwan sriaru.
80 reviews21 followers
October 26, 2016
ส่วนที่ชอบของนิยายเรื่องนี้การผูกเรื่องราวของตัวละครกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ทั้งสงครามโลก จลาจลในเยาวราช การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การกบฎทั้งสองครั้งของทหารเรือ สิบสี่ตุลา จนมาปิดท้ายด้วยหกตุลา ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มากจนยัดเยียด แต่เป็นฉากหลังอันส่งผลต่อตัวละครในครอบครัวต้องสาปครอบครัวหนึ่ง

ส่วนที่คิดว่ามีเสน่ห์ แต่ยังไม่สุดนัก คือเรื่องราวมีตอนจบเกือบทั้งหมด กล่าวคือ จบด้วยโศกนาฏกรรมล้วนๆ กล่าวได้ว่าเป็นนักเขียนที่เผด็จการใช้ได้ และตัวละครทุกตัว ไม่สามารถหนีพ้นจากชะตาชีวิตได้เลย เรารู้หมดว่าตัวละครแต่ละตัว ตายอย่างไร ต่างแค่ว่าบ้างพบศพ บ้างก็ไม่

ถ้าอยากได้รายละเอียดของชีวิต อ่าน ลอดลายมังกร อาจจะอิ่มเต็มกว่า ถ้าอยากกำซาบถึงวัฏะและการวนซ้ำแห่งเวลา อ่าน หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว จะชัดกว่า ถ้าอยากทำร้ายตัวเองด้วยความเศร้าหมอง อ่าน เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ ก็โศกกว่า

แต่ถ้าอยากรู้ว่า ความทรงจำที่หลงลืมของประเทศนี้มีอะไรบ้าง และมัน 'อาจจะ' เป็นมรดกตกทอดมาสู่เราแม้ไม่ต้องการ อ่าน พุทธศักราชอัสดงฯ เล่มนี้ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

และเมื่อเรื่องราวมาถึงตอนที่สำคัญที่สุด ก็เป็นหน้าสุดท้ายจริงๆ เสียด้วย
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Nawara H..
125 reviews39 followers
May 15, 2017
ใช่ๆ นี่คือ "100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว" เวอร์ชั่นไทยๆ แต่ไม่ได้ปูยืดยาวเนิ่นนานขนาดครอบครัวบูเอนดิย่าขนาดนั้น

เราชอบพาร์ทที่พูดถึงเรื่องเมืองจีนนะ มีนิยายไทย-จีนหลายเรื่องที่พูดถึงเรื่องจีนอพยพ แต่นี่น่าจะเป็นเล่มแรกที่ทำให้เราเห็นความเป็นไปว่าจีนมาไทยแล้วไงต่อ จีนยังโดยหาจีนแบบไหน (ซึ่งเล่มอื่นๆ นี่อพยพมาแ��้วก็มาเลยอ่ะ แล้วก็พูดถึงเรื่องสู้ชีวิตอะไรทำนองนั้น) ซึ่งมันทำให้ตัวละครเป็นมนุษย์ดีนะ โดยเฉพาะความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสักดินแดนนี่ดีมาก เอามาใช้อธิบายเรื่อง refugee ยุคนี้ได้อีก ประวัติศาสตร์มัน repeat จริงๆ ด้วย

แต่ส่วนที่รู้สึกว่าลำไยไปนิดคือ ภาษา นี่แล ทั้งๆ ที่เราชอบความภาษารุ่มรวย เอิงเอยในเล่ม "ไส้เดือนตาบอดฯ" มาก ไฮไลต์จนหนังสือบวม แต่มันกลับกลายเป็นความน่ารำคาญในเล่มนี้ เหมือนใส่คำวิเศษณ์แสดงความวับไหว เศร้าสร้อย อ่อนระทวย หมวดๆ นี้เข้าไปเยอะๆ เพื่อละลายความรู้สึกคนอ่าน แต่พอมันเป็นชุดคำซ้ำๆ ปรากฎบ่อยๆ เราก็พาลหงุดหงิดขึ้นมา บางท่อนที่เหมือนสายตาจะสแกนคำพวกนี้อย่างรวดเร็วแล้วกระโดดข้ามไปเลยก็มี

การเปิดเผยเรื่องตัวตนของ 'ดาว' นี่น่าสนใจดี การระบุชี้ชัดลงไปไม่ได้ว่านี่คือความทรงจำของคนจริงๆ หรือคนในจินตนาการ การเล่าถึงมุมลึกลับในบ้านผ่านกระจกที่เป็นภาพแบบ phantasmagoria สะท้อนกลับโลกจริง-โลกเสมือน เหมาะกับ 'ประเทศไร้ทรงจำ' แบบนี้ รวมถึงส่วนเสี้ยวของตัวละครอื่นๆ ในเรื่องเ้วยที่เหมือนสุดท้ายแล้ว ผู้เขียนได้บดบี้ลงไปว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็ไม่หลงเหลืออะไรเลย เป็นแค่ตัวละครริมน้ำ มนุษย์ผู้ทนทุกข์ในการมีชีวิต เหมือนจะมีสุข แต่แล้วก็สูญเสีย ครั้นแล้วก็จบชีวิตอย่างเปลี่ยวดาย สาบสูญ ไม่อยู่ในความทรงจำหรือบทบันทึกประวัติศาสตร์ใดๆ แม้สิ่งที่พวกเขา/เธอมันจะเป็นการสู้รบในดินแดนชีวิตตัวเองอย่างหนักหน่วงก็ตาม

Profile Image for ดินสอ สีไม้.
1,070 reviews180 followers
December 12, 2016
วีรพรระบายเรื่องสีหม่น คลุมเครือ แทรกประวัติศาสตร์ตัดแปะ
มีบทอิโรติคที่ไม่โป๊เลย แต่อ่านจบแล้วได้แต่ทอดถอนใจ
แม้ในอิโรติคของวีรพรก็ว้าเหว่ เปลี่ยวเหงา

การดำเนินเรื่องมีพลังดูดดึงสูงมาก
ทำให้เราหลงลืมทุกสิ่ง
จมจ่อมอยู่แต่ในหนังสือปกดำเล่มนี้
จมจ่อมอยู่กับชะตากรรมของครอบครัวต้องคำสาป
มืดดำ สิ้นหวัง ยอมจำนน
คั้นรวมทุกทุกข์ถะถั่งถาโถมในคราเดียว
ทุกข์จนลืมสุข
หดหู่จนลืมหายใจ
เหงา อึ้ง อึงอล
มีอะไรบางอย่างอึดอัดแน่นอยู่ภายใน
ขณะเดียวกันก็รู้สึกวิบโหวง
เหมือนร่างถูกดูดดึงเอาอะไรบางอย่างจากไปด้วย
ทั้งอัดแน่น ทั้งว่างเปล่า ในคราวเดียวกัน
Profile Image for Kamila Kunda.
430 reviews356 followers
January 28, 2023
I read “Memories of the Memories of the Black Rose Cat” by Veeraporn Nitiprapha like one watches a soap opera, or a telenovela. One short chapter, packed with love, passion, tragedy and drama, per day. The lives of Jongsawang, Jarungsilp, Jerdsri, Jitsawai, Jarassang and a few dozens of secondary characters occupied my evenings for three weeks or so.

Nitiprapha crafted an epic family saga about Chinese immigrants in Thailand, spanning several generations and most of the 20th century; the last event mentioned, which roots the story in reality, is the massacre at Thammasat University in 1975. Everyone’s life, despite occasional happiness and joy, is in its core tragic, and the source of the tragedy are common human vices: jealousy, greed, unrealistic expectations, self-hatred, pride, self-righteousness and inability to regulate emotions, which cloud judgment and usually lead to a chain of one bad decision after another. So much pain that people inflict on one another made me ponder on how so many people constantly balance between sanity and mental illness. I was quite astonished to see that characters seem mainly weak in spirit, unable to learn what would help them lead healthy lives. I don’t remember the last time I saw so little self-introspection and self-awareness. And yet, the novel was - in moderation - a delight to read. Nitiprapha’s unmistakable rich language and her storytelling speak of an incredible imagination and way of looking at the world. This year I want to focus more on books exploring the concept of memory and this book was a great example showing how fragile and elusive memory can be.

Still, what disappointed me was the emotional distance that the author built between the characters and the story and the reader. I believe there is simply too much of everything here, too extreme emotions, too dramatic life ends for the reader to actually care much. While I adored her previous novel, “The Blind Earthworm in the Labyrinth”, and felt all protagonists were made of flesh and blood, the ones in “Memories…” were akin to wooden puppets. And that’s a major flaw in my opinion. Epic proportions but flat, one-dimensional, immature characters.
Profile Image for Peach P 📆📚.
105 reviews40 followers
October 23, 2018
โอเคเลย ไม่นับเรื่องภาษา ต้องทำเบลอ ๆ ไป พูดถึงการกลบฝังประวัติศาสตร์ได้น่าสนใจ โดยมองผ่านตัวปัจเจก
ถ้าเอาคะแนนเรื่องภาษาเข้ามาคิดด้วยนี่ 555555
Profile Image for Nutdanai.
57 reviews10 followers
February 7, 2022
อ่านวีรพรงานแรกคือไส้เดือนตาบอด ถึงภาษาสวยงามแต่เป็นเพียงเรื่องรักโรแมนติกรวดร้าวชวนฝัน กลับกันเล่มนี้กลับปวดลึกร้าวราน เรื่องราวเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่ต้องจบลงด้วยความรวดร้าว
เราชอบที่เค้ามีช่วงเวลาอิงประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนมาเป็นช่วง ๆ จนรู้ได้เลยว่าเค้าเก่งจริง ทั้งการผูกเรื่อง ภาษาสวยที่อ่านแล้วเหนื่อย แต่ด้วยจังหวะแบบนิทานทำให้มันไม่เหนื่อยเกินไปและชวนติดตาม
Masterpiece จริง ๆ
Profile Image for Suphap Duangsan.
141 reviews13 followers
December 2, 2018
“...มันยังมีสงครามอยู่เลยแม่เห็นหรือไม่ สงครามน้อยใหญ่ ภายนอก...ภายในใจ มันยังมีสงครามอยู่เสมอ รบรา แย่งชิงกันจะเป็นใหญ่ จับของครอบครองผืนแผ่นดินเวิ้งว้างที่ตายก็เป็นเจ้าของได้แค่กระผีกริ้นดินทรายที่กลบร่าง แม่จ๋าแม่...มันก็แค่ความรู้สึก แม่เคยรู้บ้างไหม ทั้งหลายทั้งหมดนี้ ดิ้นรนที่จะรัก…เป็นที่รัก ทึกทักว่าเราคือใคร มีถิ่นที่ใดให้หยั่งราก ยึดมั่น สร้างคุณค่าสมมติ ชาติ วงศ์ตระกูล อุดมการณ์นั่น…”

__________________________________________

พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ
วีรพร นิติประภา เขียน

สำนักพิมพ์มติชน

__________________________________________

โศกนาฏกรรมของคนไทยเชื้อสายจีนที่หยั่งรากลึกได้เพียงแค่สายเลือดรุ่นที่ 3.5

ภาษาเขียนของพี่วีรพรในหนังสือทั้งสองเล่มที่พิมพ์มา ผมลองอ่านแบบออกเสียงฟังดู ปรากฏว่าเพราะกว่าอ่านในใจนะครับ แต่ละย่อหน้าพี่เขาบรรจงตัดแต่งมาไพเราะมาก ยอมรับจุดเด่นในเรื่องนี้ของแกเลย

ผมไม่ได้มองในแง่ว่าพี่เขาได้สองซีไรต์หรือไม่นะครับ ผมชอบงานเขียนของใคร ต่อให้ยังไม่ได้รางวัลผมก็ติดตามอ่านอยู่เสมอ

แต่...ในเมื่อมันเป็นผลงานจากนักเขียนซีไรต์เล่มที่สอง!!!

ความคาดหวังจากคนที่เคยอ่านไส้เดือนตาบอดฯ แล้วชอบมากอย่างผมต่องานเขียนเล่มนี้จึงมีสูง แต่ด้วยสเกลของตัวละครที่มีถึงสี่ชั่วอายุคนและเดินเรื่องผ่านเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทยและจีนทั้งที่บันทึกและไม่ได้บันทึกผ่านช่วงชีวิตของคนสี่รุ่นนั้น มันค่อนข้างเยอะ บางเหตุการณ์ผมก็แปลกใจว่าตัวละครเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์สำคัญนั้นง่ายเกินไปหรือเปล่า หากไม่นับความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างที่ตัวละครต้องประสบ และมองข้ามมันไปบ้าง นักเขียนก็ผูกเรื่องได้น่าติดตามเลยทีเดียว

ในพุทธอัสดงฯ หากตัดเรื่องความสวยงามของภาษาเขียนแล้ว จุดสำคัญที่ผมไม่ค่อยอินไปกับมันเลยก็คือความผูกพันระหว่างตัวละครเอกกับคนอ่าน ซึ่งมันควรจะมีตัวเอกสำคัญในแต่ละรุ่น แต่นักเขียนต้องเฉลี่ยความสำคัญให้กับหลายคน ดังนั้น “ความผูกพัน” ของตัวละครเอกสำหรับผม มันยังไม่สามารถเอาใจช่วยให้เขาผ่านชะตากรรมที่แต่ละคนก็เลือกเองไว้แล้วว่าท้ายที่สุด ตนย่อมจะทุกข์อย่างแสนสาหัส แต่เมื่อจุดจบนั้นมาถึงจริง ๆ ผมกลับไม่เศร้าไปกับตัวละครนั้นเลย

ผมอ่านจบแล้วเศร้ากลาง ๆ แต่ไม่ถึงกับสาหัสแบบจุกในอกเหมือนอย่างไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตครับ
Profile Image for Ongorn.
61 reviews29 followers
March 13, 2019
อ่านสนุก เพราะแบ่งเป็นตอนสั้นๆ เล่าชะตากรรมของแต่ละคนในบ้านสลับไปมา
อ่านง่าย เพราะเส้นเรื่องเป็นเส้นตรง ไม่ย้อนกลับไปกลับมา
โศกนาฏกรรมล้วนๆ ทำเราเศร้าระดับน้ำตาไหลได้ 2-3 ตอนเลย

สิ่งที่ไม่ชอบคือมีคำบรรยายเรื่อง แสง ความมืด มากไปหน่อย
คือถ้าใส่มาแค่นานๆ ครั้ง เพื่อรักษา theme ของเรื่องก็โอเค
แต่อันนี้ พร่างพราย อนธกาล ฯลฯ กันทุกตอน
จนตอนหลังๆ พอเห็นย่อหน้าบรรยายเรื่องแสง...กุอ่านข้ามเลยจ้า
ก็เรื่องมันสนุกง่ะ อยากรู้แล้วว่า ใครจะเป็นยังไง
(ขออภัย เป็นนักอ่านประเภทเอาสนุก)

สิ่งที่ชอบคือ ใส่ฉากหลังเป็นประวัติศาสตร์ในห้วงเวลานั้นๆ
ทั้งปวศ.ไทย และ ปวศ.โลก
หลายเรื่องเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะเค้าปกปิดเอาไว้ หรือไม่ก็ถูกทำให้หลงลืม
ทำให้อยากตามไปอ่าน

เคยอ่านเจอคนวิเคราะห์ว่า ลูกที่ไม่ทันได้เกิด ก็เหมือน ปชต.ที่ยังไม่ได้เกิด
จำลางๆ ได้แค่นั้น
พอมาอ่านนิยายจริงๆ ก็...เห้ย คนเขียนเค้าตั้งใจสื่ออย่างนั้นจริงๆ เหรอ? ไม่เห็นเก็ตเลย 555+
แต่คงใช่แหละ ถ้าเป็นนิยายโศกนาฏกรรมธรรมดา ที่แค่มีฉากหลังเป็นปวศ. จะได้ซีไรท์เลยเหรอ
ก็คงผิดที่เราเองนี่แหละ ที่ไม่ลึกซึ้งพอ

แต่ได้ข้อคิดนะ
ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน เปิดฉากมาด้วยความหวัง สวยหรู งดงาม
สุดท้ายก็พังทั้งหมด ป่นปี้ ย่อยยับ
แม้แต่รอยอาลัย ในความทรงจำ ก็ไม่เหลือ
Profile Image for Pae Ponsiri.
112 reviews23 followers
March 25, 2023
พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำแมวกุหลาบดำ โดยวีรพร นิติประภา นักเขียนรางวัลซีไรต์ 2 สมัย เจ้าของผลงานไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต (ซีไรต์'58) และพุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำแมวกุหลาบดำ (ซีไรต์'61)
เนื้อหาเป็นการเล่าทรงจำเรื่องราวของครอบครัวเชื้อสายจีนครอบครัวหนึ่ง ที่บรรพบุรุษอพยพมาสร้างครอบครัวอยู่เมืองไทย และในเวลาต่อมาสมาชิกในครอบครัวต่างก็พบเจออะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง

- ทรงจำดำเนินเล่าตั้งแต่ราวๆปลายราชวงศ์ชิงหรือกลางรัชกาลที่ 6 มาจนสงครามโลก และมาจนถึงช่วงประมานสงครามเย็น 6 ตุลาฯ สถานที่ดำเนินเรื่องเกิดขึ้นหลายแห่งทั้งในจีน ไทย ในพระนคร แต่เน้นหนักคือบ้าน ที่ต่างจังหวัดในแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา
- ในเนื้อเรื่องมีรายละเอียดเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยเชิงสังคมวัฒนธรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ ที่อาจไม่เคยเห็นหรือได้ยินจากตำรากระแสหลัก ทั้งทำให้เห็นเหตุการณ์ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศหรือระดับโลก ที่บางอย่างอาจหลงลืมไปแล้ว ว่ามันมีผลกระทบอย่างไรต่อครอบครัวๆนี้อยู่เป็นระยะ

เนื้อหา อาจไม่ได้ดำเนินต่อเนื่องเป็นระเบียบเส้นตรง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเกิดขึ้นมั่วๆจนอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วเหมือนเป็นความพยามร้อยเรียงทบทวนความทรงจำที่แตกกระจัดกระจายขาดวิ่นให้ปะติดปะต่อขึ้นมาอีกครั้ง
การเขียน ภาษายังอ่านยากไปหน่อยเพราะบรรยายรายละเอียดพรรณาเยอะ แต่ก็รู้สึกอ่านง่ายกว่าไส้เดือนตาบอดฯ (แต่ก็ไม่แน่ใจที่อ่านง่ายขึ้นเพราะเริ่มชินจากไส้เดือนฯแล้วหรือเปล่า t.t) แต่ถ้าชอบภาษาสวยๆก็อาจชอบจุดนี้

แต่โดยรวมก็อ่านได้ไม่ยากมาก เนื้อหาไม่ได้น่าเบื่อจนต้องเลิกอ่าน แถมช่วงท้ายๆชวนตื่นเต้นมาก และที่น่าสนใจคืออ่านจบแล้วอาจชวนให้คิดถึงอะไรหลายอย่าง เช่น ความสัมพันธ์ยิ่งในครอบครัว, การมองความเป็นมาและความเป็นไปของชาวจีนโพ้นทะเลแนวใหม่ , บทบาทอัตลักษณ์ เชื้อชาติ ความเชื่อ เพศ, ความสัมพันธ์ส่วนกลางกับชายขอบ, เรื่องเล่าที่เป็นทรงจำที่แตกกระจัดกระจาย, การอพยพข้ามแดนกับการแสวงหาบ้าน, ความทรงจำในดินแดนไร้ทรงจำ, และอื่นๆ
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for NisaaRacha Oat.
10 reviews2 followers
February 8, 2017
อ่านจบแล้วทิ้งระเบิดหลุมใหญ่ไว้กลางหัวใจ
มีจุดที่เคลิ้มฝัน ร้าวราน และพังทลายตลอดทั้งเล่ม


[เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องบางส่วน]

แอบรู้สึกว่าอ่านไป4-5บทจะเดาๆตอนจบของตัวละครได้
บางจุดเลยไม่ร่วงวืดลงไปในหุบเหวแห่งความสะเทือนใจเท่าที่คาดเดาจากการปูเรื่อง เลยหักออก0.5ดาวค่ะ ส่วนอีก0.5คือส่วนตัวคือไม่ค่อยถูกกับตอนจบแนวๆนี้เลยหักคะแนน แต่มาคิดอีกทีหนังสือเรืองนี้ต้องจบแบบนี้ล่ะมันถึงเรียกว่าจบ แต่ทำให้คิดวนไปมาจนนอนไม่หลับเลยสุดท้ายก็หักอยู่ดี ^^"
เฮ้อ, คงหลอนแมวที่มีตัวสีดำไปอีกนาน
Profile Image for Paul Lin.
47 reviews
June 10, 2017
ถ้าให้แนะนำสั้น ๆ ก็คือ เล่มนี้ ดีกว่า และ สนุกกว่า "ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต" ที่คุณวีรพร ได้รางวัลซีไรต์ ปี พ.ศ. 2558 มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านควรจะมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ไทย จีน ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมานี้บ้าง (อันที่จริง ปี 2520 ย้อนไป 70-80 ปี) ไม่เช่นนั้น จะงงกับชื่อตัวละครที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา หรืองงกับเหตุการณ์ที่ จู่ ๆ ก็ยกขึ้นมา เนื่องจากมีความสำคัญในช่วงปีนั้น ๆ
Profile Image for Rajita P..
332 reviews28 followers
April 30, 2020
เล่มนี้ค่อนข้างหนักหนาสำหรับเรา ไม่ใช่ในแง่วรรณศิลป์ที่แม้จะสละสลวย รวยด้วยศัพท์แสง สำนวนไม่คุ้นชินอย่างไรก็ยังเรียกได้ว่างดงาม แต่กับเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ขม หนืด มืดมน
ทำเอาเรา นอนไม่หลับอยู่หลายคืน ร้องไห้อยู่หลายครั้ง และรู้สึกเหมือนอยากจะกินยาระงับอาการโรคซึมเศร้าทั้งที่ไม่ได้เป็น

เรายกให้เป็นเรื่องที่มีพล็อตโหดร้ายที่สุดประจำหลายปีที่เราได้อ่าน
Profile Image for Pepoparu.
47 reviews5 followers
November 25, 2025
อ่านจบแล้ว ช่วงครึ่งท้ายถึงตอนจบคือวางไม่ได้เลยสนุกมากแล้วภาษาสำนวนสวยตาแตกจนสร้างความประทับใจอีกแล้ว ไม่ต่างจากตอนอ่านไส้เดือนตาบอดเลย //แม้ความรู้สึกหลังจบสดๆคือมันแอบหดหู่เลยแหล่ะ เล่นงี้เบยหรอครับเนี่ย🥲

ธีมของเรื่องจะเน้นที่ความเป็น “ครอบครัวคนจีน” ที่ต้องผลัดถิ่นแล้วย้ายรกรากมาที่ประเทศไทย ดำเนินเรื่องแบบผ่านการเล่าจากปาก “ยายศรี” กับผู้ฟังอย่าง “ดาว” ด้วยข้อมูล/ความทรงจำมากมายของครอบครัวนี้ การอิงประวัติศาสตร์แบบเน้นๆตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และการถ่ายทอดเรื่องราวในครอบครัว ที่มีทั้งความเป็นปกติสามัญตามแต่ละบ้านจะเป็น รวมถึงรอยร้าวของคนภายใน ที่มีหลายประเด็นมากกกกกโดยรวมอ่านแล้วให้ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ทำไมครอบครัวนี้มันถึงเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมขนาดนี้กันนะ

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการด���เนินเรื่องที่เราว่าทำออกมาได้คมคายและมีเสน่ห์มาก มีการตัดสลับระหว่างอดีตปัจจุบัน ผ่านเรื่องเล่าของสมาชิกคนนั้นคนนี้แต่อ่านยังงัยก็เหมือนรู้ไม่สุด เป็นฟีลลางๆต้องอ่านเรื่อยๆหรือเอามาปะติดปะต่อเองอีกชั้น (อธิบายไม่ถูกอันนี้ต้องมาลองเอง) ฟังเเล้วมันอาจจะดูยากแต่เราว่ามันคือความเพลิดเพลินแบบมาก5555 ข้อมูลค่อนข้างเยอะต้องใช้สมาธิ+พลังในการอ่านพอสมควร(ไม่งั้นหลุด) เดี๋ยวรีวิวเต็มๆในไอจี มันค่อนข้างละเอียดมากขอเรียบเรียงแปป
Profile Image for Valerie Yi.
146 reviews1 follower
November 8, 2023
A gorgeous writing style, characters that are super fun to loathe and judge, but ultimately a terribly told story. Save your time and just go read The Blind Earthworm instead...it is far better.
Profile Image for Muggle Mat.
166 reviews15 followers
January 6, 2019
เป็นเรื่องราวความทรงจำวุ่นวิ่นสับสนของครอบครัววิปลาส เป็นวรรณกรรมไทยยุคใหม่ที่เขียนถึงเรื่องราวเก่าๆ ผสมปนเปเหตุการณ์จริงกับเรื่องแต่ง คือนิยายคอลลาจที่ไม่ตลกเลย มีแต่ดาร์กกับดาร์ก!
.
ถ้าอยากรู้ว่าตัวหนังสือเต้นระบำเป็นยังไง นี่เป็นอีกเล่มนึงที่เริงร่าตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้าย อ่านเอาวรรณศิลป์ก็สวยงาม แต่ถ้าอยากอ่านให้จบเร็วๆจะไม่ได้อรรถรสเลย เพราะเต็มไปด้วยพรรณนาโวหาร คำซ้ำคำซ้อน วิจิตรสวยงามตระการตาเว่อวังและเยอะมาก จนต้องยอมใช้เวลาละเลียดเพื่ออินกับเนื้อเรื่อง!
.
มีครบทั้งเรื่องการเมืองหลังยุค 2475 เรื่องราวของครอบครัวจีน ความคิดอ่านและค่านิยมที่ถ้าคนมีเชื้อสายก็คงจะอินและเข้าใจมากหน่อย(มั้ง) รวมไปถึงเรื่องพี่น้องร่วมสายเลือดมีอะไรกันจะผิดไหม เยอะจนถ้าตั้งใจอ่านเอาวิเคราะห์วิจารณ์คงสนุกดี มีประเด็นให้ดึงมาแจกแจงได้เยอะเลย มีสัญญะหลายๆอย่างที่ทิ้งไว้ระหว่างเรื่องราวให้ขบคิดต่อยอดว่านักเขียนตั้งใจจะสื่ออะไรนอกเหนือจากนิยายบันเทิงที่เล่ามา
.
ตัวละครเยอะมาก เล่าสลับตัดตอนบอกเล่าเรื่องของคนนั้นทีคนนี้ที กว่าจะมีสมาธิและจำตัวละครได้ก็ปาไปครึ่งเล่มแล้ว แต่ตัดสรุปจบเรื่องราวของแต่ละคนรวดเร็วดี ไม่ยืดเยื้อ (ไม่รวมกับสำนวนที่ยืดเอายืดเอา) เร็วจนตกใจว่า เฮ้ย! เอางี้เลยเหรอ ตายไปเลยเหรอ ทำร้ายจิตใจมาก หดหู่มากด้วย
.
ชอบที่แบ่งสัดส่วนเรื่องราวของแต่ละคนลงตัว ดูท่าจะไม่มีใครเป็นลูกชังของนักเขียน(รึเปล่านะ) เพราะอ่านแล้วไม่ได้ลืมเลือนใครเลย จริงๆเทใจให้อาหวังด้วยซ้ำ เสียใจตามเลยตอนรู้ว่ายี่สุ่นจะแต่งงาน แล้วใจจริงก็ไม่ได้เกลียดอาไหว่ด้วย เพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น ที่มาเกลียดเอาก็ตอนสุดท้ายของชีวิตอาไหว่นั่นแหละ ตัดปัญหาได้แบบขี้แพ้มาก
.
พีคสุดก็ตอนสามแผ่นสุดท้ายของกระดาษ แบบ เฮ้ย! สรุปแบบนี้เลยใช่มั้ย อ่านมาแทบตาย (อ่านยากด้วยไงต้องใช้สมาธิหน่อยๆ) ทำร้ายใจคนอ่านมาก นี่เหมือนตัวเองโง่เลยที่ทนอ่านความทรงจำของทรงจำที่แหว่งวิ่นของอะไรวะเนี่ย! จนเหมือนว่า อ่านจบปุ๊บแล้วความทรงจำของเราก็ขาดวิ่นไปด้วยเลย 55555 แต่ยอมรับว่าเล่มนี้เป็นที่สุดวรรณกรรมไทยอีกเล่มหนึ่ง...ยกให้เป็นเล่มแรกของปี 2019 ที่อ่านและประทับใจด้วย (หลังจากอ่านไส้เดือนตาบอดฯแล้วไม่ได้ประทับใจเลย)
29 reviews4 followers
March 8, 2023
สิ่งที่น่าประหลาดใจหรือแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านของเมืองไทยคือการที่เรามีกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลที่มีความกลืนกลายทางวัฒนธรรมค่อนข้างสูง

ลูกเจ๊กหลานจีนรุ่นใหม่รวมถึงตัวผมเองด้วยส่วนมากมองว่าพวกเราเองเป็นคนไทย ความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมกับแผ่นดินของบรรพบุรุษก็หายไปแทบจะไม่เหลือไม่เหมือนหลานจีนในประเทศเพื่อนบ้านเช่นสิงคโปร์ที่ยังสามารถเชื่อมความคิดผ่านภาษาได้

ประวัติศาสตร์ของชาวจีนโพ้นทะเลในเมืองไทยนั้นมักจะมีการนำเสนอในแนววิชาการที่อาจจะเข้าถึงยากแต่นิยายเล่มนี้บันทึกประสบการณ์ร่วมของลูกเจ๊กในไทยที่ resonate กับผู้อ่านเป็นอย่างมาก ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่อ่านเล่มนี้จะนึกถึงครอบครัวตัวเองหรือคนรอบตัว

การเล่าถึงเรื่องราวและประสบการณ์อันปวดร้าวของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยผ่านครอบครัวๆหนึ่ง ควบคู่ไปกับเหตุการณ์การเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศ ทำให้ผู้อ่านตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและความยากลำบากที่คนไทยเชื้อสายจีนต้องประสพ

ต้องขอขอบคุณพี่แหม่ม วีรพร ที่เขียนนิยายที่สำคัญเล่มนี้ขึ้นมาครับ อ่านแล้วน้ำตาคลอหลายรอบ
Profile Image for Jay Duangkamon.
2 reviews
May 4, 2017
ก่อนอ่านเรื่องนี้ แอบอคติอยู่เล็กน้อย เพราะส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจกับ "ไส้เดือนตาบอดฯ" แบบคนอื่นๆเขา ใช้เวลานานกว่าจะอ่านจบ อ่านๆวางๆ

แต่กับ "พุทธศักราช" แทบให้ความรู้สึกเป็นคนละขั้ว เหมือนโดนตัวหนังสือทุบแล้วทุบอีก โดนหลอกให้คิดว่าสุดแล้ว แต่พอพลิกหน้าถัดไปก็เจอที่สุดไปอีก บางตอนอ่านแล้วแอบหวังลึกๆ ไม่ทันที่หวังจะจางก็โดนดึงจิตตกกลับไปสู่ความเหงา อ้างว้าง ชอกช้ำสุดๆอีก ชอบในส่วนของการที่มีการเล่าเรื่องเหมือนเล่าประวัติครอบครัว ยิ่งส่วนตัวเป็นครอบครัวคนจีนอพยพ ยิ่งทำให้เข้าใจและเข้าถึงเนื้อเรื่องได้ง่าย และสนิทใจมาก

บทที่ 25 ทำเอาร้องไห้น้ำตาไหลพรากแบบเบะปากร้องแบบที่หนังสือน้อยเล่มมากที่จะทำได้แบบนี้......ประทับใจมาก ภาษาที่ใช้ยังคงฟุ่มเฟือย มากมาย ทำเอาสะดุดในการอ่านบ้างในบางตอน และต้องวนกลับมาทำความเข้าใจใหม่ แต่ไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องบกพร่องไปเลย
Profile Image for รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์.
Author 10 books108 followers
January 1, 2017
เรื่องราวของการก่อร่างและล่มสลายของครอบครัว อ่านแล้วกรุ่นกลิ่นหนังสือสองเล่ม หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ของมาเกซ และจุติ ของอุทิศ เหมะมูล - แต่แน่นอนว่ามันก็แค่กลิ่น เพราะวีรพรมีลีลาการเขียนที่เฉพาะตัว

ชอบการคลี่ตัวของเรื่องเล่า และความเป็นมุขปาฐะ แม้บางจังหวะจะแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์ที่เขียนแบบ FYI หรือเพื่อระบุว่าเรื่องเกิดในเวลาใด ทำให้จังหวะอ่านสะดุดบ้าง แต่ก็แค่ไม่กี่ย่อหน้าที่ทำให้อ่านแล้วขัดใจ

แนะนำครับ
Profile Image for Tiabtawan Limjittrakorn.
121 reviews33 followers
March 26, 2017
ก็ยังมีความพยายามมากไปในบางอย่าง การพยายามตั้งชื่อตัวละครให้คล้องจองกัน เป็นผลให้คนอ่านจำตัวละครไม่ได้ มีความงงเกิดขึ้นหลายช่วง ทำให้ต้องหยุดอ่านบ่อยมาก แต่ในความโศกนาฏกรรมแล้ว ทำให้ชอบเ��่มนี้มากกง่าไส้เดือนตาบอด
Displaying 1 - 30 of 133 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.