Jump to ratings and reviews
Rate this book

บ้านเมืองของเราลงแดง: แง่มุมทางสังคมและวัฒนธรรมของรัฐประหาร 6 ตุลาคม

Rate this book
เหตุการณ์ "6 ตุลา" เกิดขึ้นและผ่านมาถึง 40 ปีแล้ว แต่ก็เหมือนกับเหตุการณ์อีกหลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ยุคใกล้ของไทยคือไม่อาจหาคำตอบให้ชัดเจนได้ แม้ในปัญหาที่เป็นเรื่องง่ายตรงไปตรงมา และไม่ต้องการการวิเคราะห์ทางหลักวิชาอันลึกซึ้งใดๆ แม้แต่น้อย

ในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นั้น ใครคือผู้สั่งการให้กองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลบุกเข้าไปทลายผู้ชุมนุมประท้วงภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างเหี้ยมโหด? การจับกุมตัวแทนนักศึกษาที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีในตอนเช้ามืดวันนั้นเป็นการจัดการของใคร และเพราะเหตุใดนายกรัฐมนตรีท่านนั้นจึงไม่อาจรับผิดชอบเหตุการณ์ใดๆ ได้?

ทำไมการโกหกหลอกลวงว่าในมหาวิทยาลัยแห่งนั้นมีอาวุธสงครามอยู่มากมายจึงมิได้เป็นเรื่องที่น่าละอาย หากกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้สึกว่า จะต้องรับผิดชอบกับถ้อยคำเหล่านั้น ทั้งในเวลานั้นและต่อมา? นี้ยังไม่ต้องนับไปถึงปัญหาที่ว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ซึ่งแม้แต่บัดนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้

160 pages, Paperback

First published January 1, 1977

2 people are currently reading
111 people want to read

About the author

Benedict Anderson

142 books439 followers
Benedict Richard O'Gorman Anderson was Aaron L. Binenkorb Professor Emeritus of International Studies, Government & Asian Studies at Cornell University, and is best known for his celebrated book Imagined Communities: Reflections on the Origin and Spread of Nationalism, first published in 1983. Anderson was born in Kunming, China, to James O'Gorman Anderson and Veronica Beatrice Bigham, and in 1941 the family moved to California. In 1957, Anderson received a Bachelor of Arts in Classics from Cambridge University, and he later earned a Ph.D. from Cornell's Department of Government, where he studied modern Indonesia under the guidance of George Kahin. He is the brother of historian Perry Anderson.

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
27 (54%)
4 stars
21 (42%)
3 stars
2 (4%)
2 stars
0 (0%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 - 7 of 7 reviews
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
December 14, 2020
ต้องบอกว่าไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็ตาม จะนึกถึง quote นี้เสมอ

“History repeats itself, first as tragedy, second as farce.”, Karl Marx
Profile Image for Makmild.
806 reviews217 followers
November 9, 2021
ทุกเหตุการณ์มี่เกิดขึ้นเราไม่สามารถมองแค่ “ใคร” “ทำอะไร” “ที่ไหน” “อย่างไร” แต่ต้องมี “ทำไม” ด้วย

งานเขียนชิ้นนี้จึงตอบคำถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางสังคมเป็นเพราะเงื่อนไขปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ ไปจนการเมือง ตลอดร่วมด้วยนานาชาติทั้งสิ้นล้วนประกอบกันจนเกิดเหตุ

น่าเศร้าที่ 40 ปี++ ผ่านไปเหมือนเราจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ซ้ำร้ายยังเสื่อมทรามลงทุกวัน งานเขียนชิ้นนี้ให้คำตอบแก่เราได้ว่าเหตุใดสลิ่มยังเป็นสลิ่มยังวันยังค่ำ เป็นการตอกย้ำ propoganda ที่มีมาตั้งแต่เนิ่นนาน

พูดดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่จริงๆ กลุ่มเยาวชนและคนบางส่วนก็ค่อยๆ ได้เกาะเทาะออกจากเปลือกชาตินิยมปลอกเปลือกนี้แล้ว เราได้ศึกษา “ประวัติศาสตร์” จริงๆ ที่ไม่ใช่ “พงศาวดาร” อีกต่อไป

เล่มนี้อ่านไม่ยากเลย สนุก และเต็มไปด้วยแหล่งอ้างอิงย้อนกลับให้เราไปตามอ่านได้มากมายด้วย
Profile Image for Pae Ponsiri.
112 reviews23 followers
October 6, 2025
"ลงแดง" ... หมายถึงอาการของคนที่อดสิ่งเสพติดแล้วอาเจียนและถ่ายเป็นเลือด เพราะการขาดสิ่งเสพติด ทำให้เกิดอาการปวดท้อง กล้ามเนื้อเกร็ง ลำไส้บีบตัวจนทำให้มีเลือดออกในทางเดินอาหาร. (ราชบัณฑิตยสถาน, 2553)
.
การใช้ความรุนแรงในการเมืองไทย อาจไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด​ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคม แต่ความพิเศษของเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ก็อาจคือ มันเป็นการใช้กำลังความรุนแรงทางการเมืองครั้งแรก ๆ ที่เกิดกับประชาชนคนสาธารณะ ในพื้นที่สาธารณะ และโดยคนสาธารณะ
.
อะไรเป็นสาเหตุให้สังคมไทยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าขนาดนี้? ประชาชนที่เคยสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาในช่วง 14 ตุลาฯ 16 กลายมาเป็นการเพิกเฉย/ปราบปรามนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยมในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ได้อย่างไร
.
้เบเนดิกต์ (เบน)​ แอนเดอร์สัน นักรัฐศาสตร์ชื่อดังจากมหาวิทยาลัย​ Cornell​ สหรัฐอเมริกา พยามทำความเข้าใจเรื่องนี้ ผ่านการมองเรื่อง "การก่อตัวทางชนชั้น" และ "ความปั่นป่วนทางอุดมการณ์"
.
(ในเล่มมันจะมีรายละเอียดยิบย่อยลงเยอะกว่านี้เยอะ และอาจมีความหมายเบื้องหลังซ่อนอยู่อีกมาก แต่จากการเรียบเรียงจากความทรงจำของผมอย่างไวๆย่อๆ ซึ่งอาจมีส่วนผิดอยู่มาก ก็อาจกล่าวได้ดังต่อไปนี้)​
.
ในบริบทโลกยุคสงครามเย็น สหรัฐฯเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก ทำให้ไทยมีเศรษฐกิจการค้าที่มั่งคั่ง และการที่สหรัฐฯส่งทหารมาคุ้มครองไทยจากคอมมิวนิสต์อินโดจีนทำให้ไทยมีการเมืองทีีมั่นคง ต่างๆเหล่านี้มาพร้อมกับการขยายตัวของสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตนักศึกษาจำนวนมาก การเผยแพร่และการปะทะอิทธิพลความคิดจากอเมริกัน การเกิดชนชั้นใหม่ ๆ นี้มาพร้อมกับความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกับคนชายขอบ ทั้งในเมืองและในชนบท ทำให้ชาวบ้านทั่วไปเปลี่ยนท่าทีต่อการมองนักศึกษา
.
ความเปลี่ยนแปลง​มีตั้งแต่เรื่องพ่อแม่ที่แปลกใจกับลูกที่ไว้ผมเผ้ารุงรัง​ทำพฤติกรรมแปลกๆ, พูดจาภาษาฝ่ายซ้ายเข้าใจยากไม่เคารพผู้ใหญ่, การที่นักศึกษาพาแรงงานสไตรค์​หยุดงานจนผู้คนเริ่มเอือมมองนักศึกษาแง่ลบ, เรื่องคนข้างบ้านที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพราะลูกของตัวเองไม่สามารถ "สอบเข้ามหาลัย" เหมือนลูกคนข้างบ้านเขา, นักแลงหัวไม้ในเมืองที่รู้สึกอัดอั้นที่มีสถานะต้อย​ต่ำกว่านักศึกษา/ที่ถูกนักศึกษายกตัวเหนือกว่า, ไปจนถึงตำรวจตระเวนชายแดนในชายขอบที่ต้องการได้รับการยอมรับ/และต้องการเอาคืนศูนย์กลาง​ของสังคม
.
การถอนตัวของสหรัฐอเมริกาที่เคยป้อนความมั่นคงและความมั่งคั่งให้กับไทยเป็นเวลานาน ทำให้เมื่ออเมริกาถอนตัว สังคมไทยก็เกิดอาการลงแดง ของขาด ไม่มีความมั่งคั่งและมั่นคง ทำใจไม่ได้ ต้องการหาที่ระบายออก "... และผู้ที่ต้องรับเคราะห์เรื่องนี้ก็คือพวกนักศึกษาเหล่านั้น"
.
ตัวเล่มที่ตีพิมพ์กับมติชนนั้น ตีพิมพ์เพื่อรำลึกครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 นอกจากนั้นภายในเล่มยังมีบทนำของชาญวิทย์ ธเนศ และเกษียร (ซึ่งเป็นทั้งคณะผู้แปล เป็นเพื่อน และเป็นศิษย์ของเบน)​ รวมถึงบทตามของนิธิ ที่ได้เขียนถึงผลงานของเบน​ชนและรำลึกการจากไปของเบน แอนเดอร์สันด้วย
.
เป็นอีกหนึ่งงานที่ถูกยกว่าสำคัญสำหรับคำอธิบายต่อเรื่อง 6 ตุลาฯ
Profile Image for ReaddictTH review.
88 reviews11 followers
January 3, 2022
นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา กระแสตื่นตัวของการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในหมู่คนรุ่นใหม่ก็บูมขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน (อย่างน้อยก็นับตั้งแต่ที่ผมเกิดมาจนถึงปัจจุบัน) หนังสือต่างๆจากหลากหลายสำนักพิมพ์ทั้งผู้เขียนที่เป็นชาวไทยและต่างชาติต่างได้รับการพูดถึง จนติดรายชื่อหนังสือขายดีในทุกๆร้านที่ลงขาย
.
ซึ่งหากผู้อ่านได้ลองอ่านหนังสือแนวประวัติศาสตร์ไทยมาบ้างแล้ว (ไม่นับของกระทรวงศึกษาธิการนะ) หลายๆท่านอาจจะได้ยินหนังสือเหล่านั้นพูดถึงหรืออ้างอิง “บ้านเมืองของเราลงแดง” ของ เบเนดิกต์ แอนเดอร์สัน ขึ้นมาบ่อยๆ จนในที่สุดระหว่างที่ผมกำลังเริ่มอ่าน และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ ของ ประจักษ์ ก้องกีรติ ชื่อของบ้านเมืองของเราลงแดงก็โผล่มาอีกครั้ง จนผมตัดสินใจลัดคิวมาอ่านเล่มนี้ก่อนดีกว่า
.
บ้านเมืองของเราลงแดง แปลจากบทความชื่อ Withdrawal Symptoms: Social and Culture Aspects of the October 6 Coup ตัวบทความนั้นแปลแล้วมีขนาดไม่มาก เรียกว่าถ้าตั้งใจอ่านสามารถอ่านจบได้ในชั่วโมงเดียว แต่กระนั้นแง่มุมข้อคิดที่บทความนี้มอบให้ผู้อ่านนับว่าคุ้มค่าในทุกหน้าทุกบรรทัดเลยทีเดียว
.
ด้วยความที่มีจำนวนหน้าน้อย บ้านเมืองของเราลงแดง จะมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาโดยตรงนั้นคือการนั้นเสนอสภาพสังคมและวัฒนธรรมของไทยในขณะนั้นนำไปสู่เหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลาคม 2519 ได้อย่างไร แต่อะไรที่ทำให้เล่มนี้แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่น หรือถูกพูดถึงบ่อยๆ เมื่อผมได้อ่านก็ทำให้ได้เข้าใจได้ทันที
.
จุดเด่นของบ้านเมืองของเราลงแดงคือการที่ผู้เขียนนั้นแสดงภาพให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในเหตุการณ์ก่อนจะมาเป็น 6 ตุลาฯนั้นสังคมไทยประกอบไปด้วย “ใคร” บ้าง ผู้เขียนให้ความสำคัญไม่เพียงแต่เฉพาะกับคนไทย แต่ยังพูดถึงการไหลบ่าเข้ามาของทุนต่างชาติส่งผลอะไรต่อประเทศไทย หรือผู้อพยพชาวจีนที่ล้วนแล้วแต่มีบทบาทในสังคมเพิ่มขึ้นจากนโยบายของผู้นำไทยอย่างเงียบๆ
.
หลังจากเราจะได้รู้ว่าช่วงเวลานั้นมี “ใคร” ในสังคมไทยแล้วบ้างผู้เขียนยังนำเสนอให้เราได้เห็นด้วยว่าพวกเขาเหล่านั้น “ทำอะไร” คนแต่ละกลุ่มนั้นก็มีบทบาทและความคิดทางสังคมแตกต่างกันไป สิ่งยิบย���อยเหล่านี้กลับกลายเป็นชิ้นส่วนจิ๊กซอว์เล็กๆกอปรกันจนกลายเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองที่สุดของการเมืองไทย
.
พูดได้ว่าวิธีการนำเสนอของ เบเนดิกต์ แอนเดอร์สัน ผู้ศึกษาหรือผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์สามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการศึกษาได้อย่างดี ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองเรานั้นแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มๆ หลายครั้งที่เราจะได้เห็นต่างคนต่างโยนถ้อยคำหยาบโลนเข้าโจมตีกัน แต่เราอาจจะหลงลืมที่จะมองแง่มุมทางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
.
ซึ่งกลุ่มต่างๆย่อมมีเหตุและผลในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไป กลุ่มนักเรียนนักศึกษาไปจนถึงวัยทำงานที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ย่อมจะยอมรับแนวคิดใหม่ๆได้ง่ายกว่ากลุ่มคนที่ตลอดชีวิตนั้นเสพข่าวที่ผ่านการเซนเซอร์จากรัฐบาล และข้อมูลที่ปลูกฝังให้พวกเขาคลั่งในชาติ ศาสน กษัตริย์
.
มองไปในชนชั้นแต่ละสังคมเราก็จะได้เห็นว่าเหตุใดพวกเขาถึงมีการแสดงออก เราจะได้เห็นนายทุนที่ผูกขาดและคอร์รัปชันมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับผู้ปกครองประเทศแสดงท่าทีปกป้องสถาบันอย่างเปิดเผย หรือชนชั้นกลางที่บ้างมีการเคลื่อนไหว บ้างกลับปกปิดท่าทีด้วยวัฒนธรรมที่เฉยชาทางการเมืองและได้รับความเดือดร้อนน้อยกว่าชนชั้นล่างทำให้พวกเขาเลือกที่จะสงวนท่าทีได้
.
เราจะได้เห็นลูกทะเลาะกับพ่อแม่ พี่ทะเลาะกับน้อง เพื่อนฝูงแยกห่างจากกันเพราะอุดมการณ์ มองลึกลงไปแล้วสาเหตุก็มาจากความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมที่รับมานั้นเอง แถมยังคล้ายๆช่วงก่อน 6 ตุลาฯด้วยในบางครั้ง
.
นอกจากข้อดีในการนำเสนอแง่มุมทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างน่าสนใจแล้ว การใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและความเข้าใจในวัฒนธรรมเอเชียของผู้เขียนก็ทำให้ผู้อ่านที่ไม่ชอบหนังสือแนววิชาการสามารถอ่านทำความเข้าใจได้เช่นกัน
.
ส่วนหากจะพูดถึงข้อเสียนั้น ด้วยความที่เป็นบทความสั้นๆ จึงทำให้รายละเอียดยิบย่อยและความเป็นวิชาการต่างๆถูกลดทอนลงไป นับเป็นข้อเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง บางส่วนของเนื้อหาก็มีคนนำไปขยายต่อแล้วเช่น การพูดถึงอิทธิพลของสหรัฐฯต่อการเมืองไทยใน “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี : การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500” เป็นต้น
.
สุดท้ายนี้หากใครที่อยากจะเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ไทยหรือกำลังศึกษา หนังสือเล่มก็เหมาะกับคุณอย่างยิ่งในการปูพื้นฐานสภาพสังคมก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน และอย่างไร จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดในวันนั้น และยังสามารถนำบทเรียนนี้มองไปในสภาพสังคมปัจจุบันเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
February 9, 2021
อ.เบน เขียนถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ตีพิมพ์ตั้งแต่ช่วงปี 2520 แต่กรอบแนวคิดยังสามารถใช้ครอบคลุมมาถึงบริบทในปัจจุบันได้อยู่เลย บ้านเมืองเรายังอยู่ในวังวนเดิมๆ คงลงแดงจริงๆ คือ ทนไม่ได้ ที่จะปล่อยให้มีเสรีภาพทางความคิด
Profile Image for Chuthamat  C..
25 reviews3 followers
October 20, 2020
แม้จะผ่านมานานแต่แง่มุมและข้อเสนอในบทความยังทันสมัยอยู่เสมอ ไม่อาจพูดได้ว่าล้ำยุค แต่เป็นเพราะสังคมไทยถดถอยลงทุกวัน สิ่งที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทยยังย่ำและซ้ำรอยอยู่ในรื่องเดิมเสมอมา
Profile Image for Peggy Gourton.
10 reviews10 followers
March 21, 2021
แบ่งพาร์ทตามความหนาของหนังสือ
คำนำเสนอ 50%
ตัวบทความ 25 %
เชิงอรรถ + คำตาม 25%

หากประวัติศาสตร์คือการมองเหตุการณ์เดียวกันจากหลายมิติ บทความนี้ก็เป็นตัวอย่างงานเขียนทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและถูกอ้างอิงถึงในหนังสือหลายเล่ม

เล่มเล็กบาง อ่านสนุกแต่ลุกนั่งไม่ค่อยสบายเพราะไม่ใช่ฟิลด์คุ้นเคยเท่าไหร่ บทความไม่ได้มุ่งอธิบายตัวเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลา แต่พูดถึงสภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจที่นำไปสู่ Ep. สุดท้ายของซีรีส์ 6 ตุลา 19 ซึ่งคือการล้อมปราบนักศึกษาในธรรมศาสตร์ตอนเช้าและการรัฐประหารในช่วงเย็นวันเดียวกัน

ภาษาอ่านไม่ยาก (แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ) เชิงอรรถแน่นแต๊ก มีสถิติประกอบพอให้ตึง ๆ ขมับแต่ไม่ถึงกับปวดหัว

อ่านจบแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเอ๊ะ ๆ หรือที่ผ่านมาบ้านเมืองของเรามัน high สลับกับ withdraw มาตลอด

แนะนำมั้ยก็… ลองอ่านดูก่อน ไม่ต้องเชื่อก็ได้ หรือถ้าข้องใจอยากไปสืบค้นต่อก็มีเชิงอรรถไว้เป็นไกด์

Displaying 1 - 7 of 7 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.