เมตามอร์โฟซิส และ 14 เรื่องสั้น classic ของเยอรมัน

by Franz Kafka, Wolfgang Borchert, Heinrich von Kleist

มนต์เสน่ห์ของเรื่องสั้นนั้นอยู่ที่มักจะจบแบบพลิกความคาดหมายหรือจบแบบทิ้งให้คิด มีเหตุการณ์หลักเพียงเหตุการณ์เดียว โครงเรื่องเดียว ฉากและจำนวนตัวละครน้อย จำนวนหน้าก็น้อย บางเรื่องก็มีเพียงแค่ คน ของ

โวล์ฟกัง บอร์เชิร์ท หนึ่งในเรื่องสั้นที่เป็นอมตะตลอดกาลของเยอรมันในหนังสือชุดนี้ เมตามอร์โฟซิส และ 14 เรื่องสั้น CLASSIC ของเยอรมันได้รวมเอาผลงานนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งอยู่ระดับต้นๆ ของประเทศ ผลงานทั้งหมดแปลจากต้นฉบับภาษาเยอรมัน จากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโดยเฉพาะ

ผลงานเรื่องสั้น 15 เรื่องนี้ นอกจาก เมตามอร์โฟซิส ของฟรันซ์ คาฟคา ที่คนไทยรู้จักดีแล้วยังมีนักเขียนอีกหลายท่านที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผลงานของพวกเขาล้วนเป็นที่เลื่องลือว่าต้องอาศัยความเข้าใจตัวบทและเบื้องหลังสังคมวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งในการที่จะเข้าถึงเนื้อหาที่ได้ถ่ายทอดออกมา และนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ผู้อ่านจะได้รับจากบทประพันธ์ประเภทเรื่องสั้นของชาวเยอรมันโดยแท้

202 pages, Paperback

Published January 1, 2016

About the author

Prague-born writer Franz Kafka wrote in German, and his stories, such as " The Metamorphosis " (1916), and posthumously published novels, including The Trial (1925), concern troubled individuals in a nightmarishly impersonal world.

Jewish middle-class family of this major fiction writer of the 20th century spoke German. People consider his unique body of much incomplete writing, mainly published posthumously, among the most influential in European literature.

His stories include "The Metamorphosis" (1912) and " In the Penal Colony " (1914), whereas his posthumous novels include The Trial (1925), The Castle (1926) and Amerika (1927).

Despite first language, Kafka also spoke fluent Czech. Later, Kafka acquired some knowledge of the French language and culture from Flaubert, one of his favorite authors.

Kafka first studied chemistry at the Charles-Ferdinand University of Prague but after two weeks switched to law. This study offered a range of career possibilities, which pleased his father, and required a longer course of study that gave Kafka time to take classes in German studies and art history. At the university, he joined a student club, named Lese- und Redehalle der Deutschen Studenten, which organized literary events, readings, and other activities. In the end of his first year of studies, he met Max Brod, a close friend of his throughout his life, together with the journalist Felix Weltsch, who also studied law. Kafka obtained the degree of doctor of law on 18 June 1906 and performed an obligatory year of unpaid service as law clerk for the civil and criminal courts.

Writing of Kafka attracted little attention before his death. During his lifetime, he published only a few short stories and never finished any of his novels except the very short "The Metamorphosis." Kafka wrote to Max Brod, his friend and literary executor: "Dearest Max, my last request: Everything I leave behind me ... in the way of diaries, manuscripts, letters (my own and others'), sketches, and so on, [is] to be burned unread." Brod told Kafka that he intended not to honor these wishes, but Kafka, so knowing, nevertheless consequently gave these directions specifically to Brod, who, so reasoning, overrode these wishes. Brod in fact oversaw the publication of most of work of Kafka in his possession; these works quickly began to attract attention and high critical regard.

Max Brod encountered significant difficulty in compiling notebooks of Kafka into any chronological order as Kafka started writing in the middle of notebooks, from the last towards the first, et cetera.

Kafka wrote all his published works in German except several letters in Czech to Milena Jesenská.

Reviews

[Thanawat · Rating 2 out of 5]

อ่านเล่มนี้จบ คงต้องบอกว่า พอใจกับการอ่านเรื่อง "กลายร่าง (Metamorphosis)" ของ Franz Kafka เพียงเรื่องเดียว
อาจจะด้วยเพราะเป็นงาน classic ที่ถูกปั้นอารมณ์มาก่อนว่าเป็นชิ้นที่ต้องอ่านด้วยกระมัง
จึงจะขอรีวิวถึงเรื่องสั้น Metamorphosis เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษแต่อย่างใด

Metamorphosis ใช้การกลายร่างจากคน ไปเป็นแมลง มาสะท้อนสภาวะจิตใจของคนได้อย่างดี
ตัวเอก กลายจากคนเป็นแมลง แค่นี้ก็วัดความรู้สึกของคนรอบตัวได้อย่างน่าสนใจแล้ว
ขอย้ำว่า วัดจากคนในครอบครัว หน่วยที่เล็กที่สุด ใกล้ชิดที่สุด อย่างเลือดเย็น และตรงไปตรงมาเลยทีเดียว
คิดดูสิว่า ถ้าลูก ถ้าพี่ของคุณกลายเป็นแมลงสาบตัวใหญ่ คุณจะปฏิบัติต่อเค้าอย่างไร?

เมื่อคนกลายเป็นอื่น (alienation) ความรู้สึกที่มีต่อกันก็เปลี่ยนแปลงไป
แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ แม้กระทั่งเจ้าตัวเอง ก็ยังลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเองลงไปด้วย

สิ่งนี้น่าสนใจ
ตัวอย่างเห็นได้ชัดกระทั่งในสังคมปัจจุบัน
ทันทีที่เราสร้างความเป็นอื่นให้แก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการ alienate หรือ demonize
คุณค่าความเป็นคนของเขาก็ถูกลดทอนลง (de-humanize) ไปโดยปริยาย
และสิ่งที่เราปฏิบัติต่อสิ่งที่ไม่ใช่คน ก็ไม่ต่างอะไรไปกับการบี้มดปลวก

ความตายของเขา สำหรับเรามันก็แค่แมลงตัวนึง

[Chalermpong · Rating 5 out of 5]

ใครอยากลองอ่านวรรณกรรมเยอรมัน เริ่มจากรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ก็ดีนะครับ บางเรื่องผมตีความได้ บางเรื่องผมอ่านเพลินๆ ไม่ตีความ

เรื่องที่ชอบมาก: เงาสะท้อนที่หายไป, กลายร่าง, ถั่วเปลือกแข็งสามเม็ด และ ธรณีพิโรธในชิลี

มีเรื่องเดียวที่อ่านแล้วไม่เพลินและตีความไม่ได้ คือเรื่องสั้นสองหน้าครึ่งชื่อ เชอร์รี่

ผมว่าเรื่องสั้นตีความยากกว่านิยายครับ เพราะ เรื่องสั้นมีเหตุการณ์หลักเหตุการณ์เดียว ถ้าจับแนวคิดของเรื่องไม่ได้ก็จบเลย ไม่เหมือนนิยายซึ่งแนวคิดของเรื่องจะปรากฎอยู่ในหลายๆ เหตุการณ์จนจับได้ไม่ยาก

[Aom Ruka · Rating 4 out of 5]

เป็นเรื่องสั้นที่แปลกๆ แบบต้องใช้ความคิดเยอะมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราไม่เข้าใจเลย เหมือนเล่ามาแล้วจบไป
แต่ว่า พอได้อ่านความเห็นของคนอื่นใน goodread เหมือนเปิดภาพในสมอง คือถ้าเราคิดว่า ไม่ได้เปลี่ยนจากคนเป็นแมลง แต่เปลี่ยนเป็นคนไร้ประโยชน์ หรือแบบเปลี่ยนไปในอีกแบบเลย คนในครอบครัวจะทำอย่างไร จะปฏิบัติตัวกับคนนั้นอย่างไร เห็นภาพตามเลย

หรือแบบอีกเรื่อง ที่เด็กกลัวพ่อแย่งกินเชอร์รี่ บีบจนน้ำแดงไหลริน ซึ่งแบบนั้นไม่ใช่น้ำเชอร์รี่ นั้นมันเลือดของพ่อออออ
นั้นแหละจบงงๆ แต่เราก็คิดว่า เรื่องนี้สอนให้คิดได้ว่า มุมมองคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ได้เป็นไปตามความคิดของเด็กก็ได้ ต้องมองโลกในหลายๆมุม เป็นต้น

[Kittist Kosumsuriya · Rating 4 out of 5]

ชอบเรื่องสุดท้าย "ธรณีพิโรธในชิลี" ของคุณไฮน์ริช ชเปิร์ลมากที่สุดในเล่มเลย เนื้อเรื่องสีหม่น ๆ ในเล่มเข้มข้นมาก ๆ

[Kitti · Rating 3 out of 5]

Top 3
1. ถั่วเปลือกแข็งสามเม็ด
2. เงาสะท้อนที่หายไป
3. ไม้สำหรับวันพรุ่งนี้

[Nok · Rating 5 out of 5]

แนะนำให้อ่านมากครับ นี่เป็นวรรณกรรมเรื่องแรกเลยที่ผมอ่าน อ่านเสร็จความคิดผมที่มีต่อวรรณกรรมเปลี่ยนไปเลยถึงขั้นเข้าวงการนี้เลย

[meinkade · Rating 1 out of 5]

ชอบเรื่องมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น! มากกว่าเรื่องกลายร่าง (the metamorphosis) เสียอีก

ในส่วนของเรื่องกลายร่าง ชอบในแง่ที่มันนำเสนอเกี่ยวกับความผันเปลี่ยนของความคิดความรู้สึกของคนในครอบครัวหลังจากเกรกอร์กลายร่างไป แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ลืมความเป็นมนุษย์ไปเสียส่วนมากเช่นกัน แต่เพราะหนังสือมิได้ให้เหตุผลอะไรในการกลายร่างครั้งนี้ แถมยังดูจะเปิดโอกาสให้ตีความได้หลากหลายมากเกี่ยวกับมิติตัวละคร ส่วนตัวเลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างลอยไปซะหน่อย ตอนจบค่อนข้างกระชั้น รู้สึกปุบปับมากไปนิด

[ด.ญ. ฉ่านี · Rating 3 out of 5]

ชอบเรื่องเมตามอร์โฟซิส แต่ที่ให้สามเพราะรู้สึกว่าเรื่องสั้นอื่น ๆ สำหรับเรา งง มากค่ะ พยายามอ่านจนหลับไปหลายรอบ หลาย ๆ เรื่องอ่านจนจบแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้แต่งจะสื่ออะไร ซึ่งก็เข้าใจว่ามันคงมีอะไรให้ตีความหลายเรื่อง หลายมิติ แต่นี่คิดจนเหนื่อยก็ยังไม่รู้สึกว้าวอยู่ดีอะค่ะ ซึ่งก็อาจจะเป็นที่ประสบการณ์ชีวิตของเราที่อาจจะยังมีไม่มากพอก็เลยไม่เข้าใจ ก็เป็นได้

[sparksfly_8 · Rating 3 out of 5]

อ่านยากมาก บางเรื่องคงล้ำลึกไปเกินความเข้าใจ เช่น กลายร่าง กับ ไม้สำหรับวันพรุ่งนี้
เรื่องที่ชอบที่สุดคือธรณีพิโรธในชิลี กับ เงาสะท้อนที่หายไป

[Thursday,nightmare · Rating 4 out of 5]

ระทมทุกข์แบบเยอรมัน🤘🏼👊🏻🌩️
รวมเรื่องสั้นหม่นเศร้า อ่านแล้วได้แต่เหวอซ้ำๆ แต่ชอบมากๆ มีความรู้สึกอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ลุ้นไปกับความสั้นยาวต่างๆ ใดๆ มันมีทั้งเรื่องที่อ่านยากและอ่านง่าย สลับๆ กันไป แอบสะไพร้ที่มีเรื่องที่ชอบเยอะกว่าที่คิดอีก เวลาที่ไม่ได้ expect อะไรแต่มันกลับดีมันมหัศจรรย์มาก และไม่แปลกใจว่าทำไม the metamorphosis ถึงโด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบ เพราะพล็อตและการบรรยายมันสุดใจจริงๆ เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบเรื่องนี้ และดีใจที่หาอ่านจนได้ ความพิเศษของเล่มรวมเรื่องสั้นนี้คือวิธีการลำดับเรื่องอย่างชาญฉลาด จั่วหัวด้วยงานวรรณกรรมคลาสสิกสุดจะ cliché แต่เอาเรื่องที่ว่าไปไว้ท้ายๆ ทำให้เป็นการบังคับนักอ่านให้ได้ค้นพบงานเขียนใหม่ๆ ที่น่าสนใจแต่ถูกพูดถึงน้อยหรือน้อยคนจะรู้จักและโอบรับมันแต่โดยดี วิธีนี้มันได้ผลเสียด้วย มีงานเขียนสนุกๆ มากมายที่เราชอบพอๆ กับ the metamorphosis อีกทั้งยังมีประวัตินักเขียนแต่ละคนโดยย่อ อ่านแล้วอิน ทำถึง แต่ละคนมีชีวิตที่ทรหด และบางคนทำให้เราเศร้าและเห็นใจต่อชะตากรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้(เช่น คาฟคา เป็นต้น) หากเราเกิดในยุคนั้น ได้อยู่ที่แห่งนั้น ณ เวลาที่พอเหมาะพอดี เราอยากจะเข้าไปมอบอ้อมกอดให้กับพวกเขา ปลอบประโลมหัวใจของพวกเขา และ assure พวกเขาว่าทำดีแล้วนะ เก่งมากแล้ว และอยากบอกว่า งานของพวกเขาจะเป็นมรดกชิ้นงามด้านวรรณกรรมประดับโลกาใบนี้ไปอีกนานแสนนาน มันจะไม่สูญเปล่าใดๆ ได้โปรดจงมีชีวิตอยู่และเขียนต่อไป ตราบเท่าขีวิตของพวกเขาจะหาไม่ i’ll always root for you! เราดีใจที่ได้อ่านมากๆ รู้สึกคุ้มค่าทุกหน้า ทุกวินาที และอยากขอขอบคุณสำนักพิมพ์แอร์โรว์อย่างยิ่งที่ทำเล่มนี้ขึ้นมา พวกคุณทำได้ดีทีเดียว 🥰
.
อ่านวรรณกรรมเยอรมันขนาดสั้นกว่า 15 เรื่อง ตัวบทที่ซึ่งอ่านยากบ้าง ง่ายบ้างได้สะท้อนลักษณะสำคัญของงานเขียนสไตล์เยอรมันอย่างหนึ่งคือ ความมืดมน และอารมณ์ขันที่มีน้ำเสียงเคร่งเครียดจนขำไม่ออก อย่างไรนี้มันก็ดันขยี้ได้ถูกจุดจนรู้สึกชอบมากกว่ารู้สึกเป็นอื่น ความพิลึกในโทนการเล่ามันแตกต่างชอบกล มันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ขมขื่น แบบเยอรมันที่ใครสักคนตามหา และนั่นก็อาจจะเป็น ’คุณ‘

[310mm. · Rating 4 out of 5]

เข้ม จุกใจใช่เลย
ด้วยความที่เป็นหนังสือรวมเล่มอะ เลยอ่านแบบปล่อย ๆ หยิบ ๆ มาอ่านได้ ละยิ่งคนเขียนมีหลายคนซึ่งเหมาะกับคำบรรยายหลังหนังสือมากว่า “สะท้อนภาพสังคม, ความตาย, ความเจ็บปวดจากสงคราม, เสียดสี, เจาะลึกก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์” ทำถึง ทำถึง

ให้ดีสุด ๆ ที่อ่านมาก็คือ metamorphosis
สมกับคำร่ำลือจริง ๆ ฟรันซ์คาฟคาเขียนออกมาได้หน่วง เคว้ง ปลง จนคิดว่าเราเป็นแมลงยักษ์ขึ้นมา พ่อแม่เราจะมองเรายังไงกันนะ ละพ่อยิ่งได้อ่านประวัติของคนแต่งตอนท้ายว่าพ่อไม่ค่อยจะใส่ใจเขานัก ก็ยิ่งไม่แปลกใจนัก

มีเรื่องประทับใจอยู่อีก 2-3 เรื่อง ก็คือ
ราดี้ กับ ไม้สำหรับวันพรุ่งนี้
คนแต่งหลาย ๆ เรื่องในทั้งเล่มนี้ รู้สึกประทับใจการดำเนินและการเขียนของสองเรื่องนี้ ดูอ่านละชวนคิดและสงสัยกับจุดจบดี

ละก็เรื่อง ถั่วเปลือกแข็งสามเม็ด
เรื่องการดำเนินเรื่องกับการเขียนก็พอใช้ได้ จริง ๆ ไม่ได้หวือหวาเลย แต่อ่านละรู้สึกขบขันอย่างน่าประหลาด ให้อารมณ์เหมือนเราเจอละครคุณธรรมในเฟสละก็นั่งดู ตอนแรกจะน้ำเน่าหน่อย ๆ แต่พอมาช่วงกลางเริ่มมีซาวน์เพลง bad style - time back ขึ้นมาเลย

[Mr.oolongtea · Rating 4 out of 5]

5 ดาวสำหรับเรื่องเมตามอร์โฟซิสครับ เรื่องราวเรียบง่ายแค่เพียงวันหนึ่งเราตื่นเช้าขึ้นมาแล้วพบว่าร่างของเรากลับกลายเป็นแมลง เราจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไปได้อย่างไร จะกินอาหารอย่างไร หาเงินหรือออกไปทำงานอย่างไร ครอบครัวจะรับกับรูปร่างและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของเราได้ไหม เป็นเรื่องขนาดกลางที่อ่านเพลินสนุกมากครับ ส่วนเรื่องที่เหลือภายในเล่มนั้น ไม่รู้เพราะการเรียบเรียงหรือเป็นสำนวนการเขียนของคาฟคาที่ทำให้รู้สึกอ่านยากและมึนงงเล็กน้อย เรื่องสั้นที่เหลือหลากรสเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แปลกแปล่งอบอวล ผมชอบเรื่องเสียงทุบประตู แค่เพียงการทุบประตูทำให้ชีวิตของเด็กน้อยก้าวสู่ชีวิตจริงอย่างไม่อาจเลี่ยง เรื่องรายงานสำหรับสมาคมวิชาการกับศิลปินแห่งการอดอาหาร คือคิดได้ไง 5555 และอีกเรื่องที่ผมชอบคือคำพิพากษาครับ เรื่องสุดท้ายผมคิดว่าถ้าคนในยุคนั้นได้อ่านคงแอบเหวอไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สำหรับผมความสนุกของเมตามอร์โฟซิสมันโดดจากเรื่องอื่นในเล่มไปอีกเท่าตัว พออ่านเรื่องสั้นที่เหลือจึงแอบรู้สึกดรอปลงเล็กน้อย

[kayn · Rating 3 out of 5]

เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจากนักเขียนหลากหลายท่าน โดยรวมถึงเรื่องสั้นชื่อ "The Metamorphosis" อยู่ด้วย

เรื่องที่เราชอบที่สุดคือ: เชอร์รี่, ราดี้

โดยรวมเราชอบเล่มนี้นะ ด้วยความที่เราชอบเรื่องสั้นอยู่แล้ว เรื่องสั้นมีเสน่ห์ตรงที่ตัวละครน้อย สถานที่แคบ และมีเหตุการณ์หลักเพียงเหตุการณ์เดียว แต่เราต้องหาคำตอบจากมันว่ามันจะสื่ออะไรกับเรากันแน่ บางเรื่องเราอ่านก็รู้ แต่บางเรื่องเราก็ไม่เข้าใจ ล้วนแล้วแต่ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนนั่นแหละ เรื่องที่เราอ่านไม่เข้าใจก็อ่านเพลินๆ ไป ไม่ต้องฝืนคิด แล้วบรรยากาศของเล่มนี้ค่อนข้างจะออกไปทางหม่นๆ หน่อย เป็นบรรยากาศที่เราชอบเป็นส่วนตัว แต่ที่ให้ 3 ดาวเพราะเรื่องเครื่องหมายคำพูดกับการเว้นวรรคที่ทำออกมาไม่ดีเลย หลายครั้งที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจว่านี่เป็นคำพูดหรือเนื้อเรื่อง ตอนนี้ใครกำลังพูดอยู่ การเว้นวรรคผิดทำให้เกิดการเข้าใจความหมายที่ผิดไป

[Pasit Kongderm · Rating 4 out of 5]

เป็นงานเขียนของคาฟคาซึ่งเผยให้เห็นแง่มุมในการมองสังคมที่เป็นด้านลบ แต่สะท้อนความเป็นจริงของสังคม ซึ่งนักเขียนมีการเน้นย้ำประเด็นปัญหาครอบครัว การถูกพึ่งพาที่มากเกินไปและชีวิตการทำงานที่ไม่ได้รับการเห็นใจหรือเห็นคุณค่าของมนุษย์ แต่ถูกมองในการเป็นเพียงเครื่องจักรสังคม อาจเพราะภูมิหลังของตัวนักเขียนเองที่ถูกกระทำมา ซึ่งงานเขียนชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นมาอย่างน่าสนใจและในวิธีที่แปลกใหม่อย่างมาก อาจมองได้ว่าแท้จริงแล้วเกิดมาคงเป็นเพราะผลประโยชน์ แต่ในชีวิตเราไม่สำคัญอะไรเลยและถูกละเลยอย่างมาก โดยจุดเริ่มอาจมาจากครอบครัวก็เป็นได้

[Niphan Donmuang · Rating 3 out of 5]

หลายเรื่องสั้นที่ไม่สั่นเพราะใช้เวลาอ่านนานมาก บางเรื่องต้องอ่านซ้ำเพราะไม่เข้าใจ อะไร ทำไม เฮ้ยแบบนี้ก็ได้เหรอ วรรณกรรมที่เขียนขึ้นมานานแล้วแต่คงความลึกซึ้ง สะพรึง บิด ไม่สามารถให้ดาวได้เพราะมันอาจมากเกินสเกล หรือมืดมิดจน มองหาไม่เห็น

[Attasit Sittidumrong · Rating 5 out of 5]

"เมตามอร์โฟซิส" คือเรื่องที่ต้องอ่านอยู่แล้ว และก็ดีตามที่มันต้องเป็น แต่เรื่องที่ประทับใจมากกว่าคือสองเรืองสุดท้ายคือ "ธรณีพิโรธในชิลี" และ "ถั่วเป���ือกแข็งสามเม็ด" โดยเฉพาะเรื่องหลังซึ่งทับใจมาก ชอบมากที่สุดในบรรดาเรื้องสั้นทั้งหมดในเล่มนี้ แนะนำมากๆ

[Wannida Chunarrom · Rating 3 out of 5]

ชอบตอนแมลงอย่างเดียว รู้สึกว่าเรื่องสั้นเยอรมันเข้าใจยาก เล่มนี้จะออกอารมณ์โลกสีเทา

[Thammalux Chaopanon · Rating 4 out of 5]

เรื่องสั้น และเรื่องสั้นมาก บางเรื่องอ่านแล้วไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอารมณ์ แต่บางเรื่องโดนใจ
โดยรวมแล้วน่าสนใจตามสไตล์เยอรมัน หนักแน่น ตรง ไม่อ้อมค้อม ให้ข้อคิดดี แต่ต้องมีเวลาคิดนะครับ

[Thanya · Rating 5 out of 5]

ชอบเมตามอร์โฟซิสที่สุด เนื้อเรื่องอ่านเพลิน มีอารมณ์ขัน ความหดหู่ ความเศร้าหมองผสมอยู่ในนั้น ชอบมาก

[Dd · Rating 3 out of 5]

The metamorphosis : 4.5/5
รวมๆทั้งเล่ม : 3/5

[Ruirui · Rating 4 out of 5]

รวมเรื่องสั้นเยอรมัน สั้นจริงๆ บางเรื่องก็สั้นแค่หน้าสองหน้า มีความ thought provoking พอสมควรเพราะบางเรื่องอ่านจบไปแล้วก็งงว่าจะสื่ออะไร ทำให้ต้องมาขบคิดตีความต่อ

[Manaphon J. · Rating 4 out of 5]

อ่านแล้วงง ๆ นิดหน่ย ผสมกับอยากตายเล็ก ๆ เรื่องส่วนใหญ่อ่านยาก บางเรื่องไม่ทราบว่าติดที่ภาษาในการแปลหรือตัวเองไม่มีปัญญาจะอ่านรู้เรื่องได้เอง แต่โดยรวมก็สนุกค่ะ ชอบ

[Xanny Sillix · Rating 4 out of 5]

ก็เป็นดั่งที่คำเปรยบอกเลยนะ ว่าเรื่องสั้นแต่ละเรื่องมีความยากในการอ่านและตีความ แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องจะยากเกินเข้าใจ(บางเรื่องนี่เห็นอยู่ทนโท่ว่าจะเล่าอะไร)โดยภาพรวมค่อนข้างชอบเล่มนี้และการแปลของแต่ละท่านก็ใช้ภาษาได้ลื่นไหล ไม่ติดขัด และใช้ศัพท์ที่ไม่ยากเกินสามัญชนจะพออ่านเข้าใจ(เราเองแหละ> <) ส่วนภาพวาดประกอบนี่ ราวกับหลุดมาจากนิทานกริม สไตล์จัดจริง

เราก็มีที่เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง บางเรื่องไม่รู้ด้วยซ้ำแก่นสารคืออะไร แต่ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่ การได้อ่านเรื่องสั้นเหล่านี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี

เรื่องที่ชอบที่สุด : ชายสองคน, นาฬิกาในห้องครัว, นิทานแห่งการอดทนรอ, กลายร่าง, ก็มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น!, ธรณีพิโรธในชิลี
เรื่องที่รู้สึกว่าน่าสนใจ แม้จะมิได้ชอบมาก : ไม้สำหรับวันพรุ่งนี้, ราดี้, หญิงขอทานแห่งโลการ์โน, เงาสะท้อนที่หายไป

นักเขียนที่เราเห็นสไตล์และ(พอจะ)เห็นประเด็นที่เขาชอบเล่าในเรื่องคือ โวล์ฟกัง บอร์เชิร์ท กับ ฟรันซ์ คาฟคา