Jump to ratings and reviews
Rate this book

ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน #1

ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน

Rate this book
"เรียงร้อยเหตุการณ์และบุคคลในจินตนาการเข้ากับเหตุการณ์และบุคคลจริงอย่างผสานกลมกลืน"
คณะกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์ประจำปี 2540

"ถ่ายทอดเนื้อหา ซึ่งเป็นเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองไทยครั้งสำคัญคือ 11 ครั้ง ในระยะเวลา 60 ปี ซึ่งทำได้อย่างกระชับรัดกุม..." รื่นฤทัย สัจจพันธุ์

"แม้แต่คนที่เกลียดประวัติศาสตร์ชนิดเข้าไส้ ก็คงอ่านด้วยความเพลิดเพลินได้ไม่ยาก" สีสัน

"เขาทำให้การเมืองซึ่งเป็นเรื่อง 'หิน' อย่างกับอะไรดี กลายเป็น 'ไนต์ครีม' อันอุดมด้วยวิตามินวิเศษ" ELLE

"A fascinating book, well written and thought out."

The Nation

304 pages, Paperback

First published December 1, 1994

55 people are currently reading
833 people want to read

About the author

วินทร์ เลียววาริณ เกิดปี พ.ศ. 2499 ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เดิมชื่อ สมวินทร์ เลี้ยววาริณ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตัวเป็น วินทร์ เป็นนักเขียนที่ได้รับ รางวัลซีไรต์ ถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อปี พ.ศ. 2540 (ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน) และเมื่อปี พ.ศ. 2542 (สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน) โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักเขียน เขาทำงานด้านออกแบบมาก่อน คือเป็นสถาปนิก นักตกแต่งภายใน นักออกแบบกราฟิก และนักโฆษณา

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
341 (49%)
4 stars
222 (32%)
3 stars
98 (14%)
2 stars
14 (2%)
1 star
12 (1%)
Displaying 1 - 30 of 54 reviews
Profile Image for Aijou.
86 reviews45 followers
April 29, 2014
นิยายอิงประวัตศาสตร์การเมือง นี่เป็นคำที่พอเห็นแล้วก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว แค่เห็นชื่อก็รู้สึกเข็ดขยาดพาลคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าเราต้องเข้าไม่ถึงแน่ๆ เลย

แต่ไม่รู้อะไรดลใจ เราถึงได้ยืมหนังสือเรื่องนี้มาจากห้องสมุด
ไหนๆ ก็ยืมมาแล้ว ก็เลยอ่านซะหน่อยน่า...

ปรากฎว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างที่จินตนาการไปเองเลยสักนิด

คุณวินทร์ใช้ตัวละคร 2 ตัวซึ่งยืนอยู่ในขั้วตรงข้ามกัน จ่าตุ้ย กับเสือย้อย มาเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆ ในแต่ละช่วงปี ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง กบฏแมนฮัตตัน ขบวนการเสรีไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง พฤษภาทมิฬ 14 ตุลา ฯลฯ

วีรกรรมผาดโผน(?)ของเสือย้อย ผู้ซึ่งมีปูมหลังแบบพระเอกละครไทยยังหล่อไม่เท่านี่ทำเอาเคลิ้มไปเลยนะคะ จ่าตุ้ยก็เป็นนายตำรวจตงฉินสุดเท่ (เราชอบความเรียบๆ ของจ่าแกมากกว่านิดนึงล่ะ แม้ว่าเสือย้อยจะเท่แบบบู๊ล้างผลาญมากก็ตาม)

นี่ไม่อยากจะพูดว่ามิตรภาพของสองคนนี้ก็ช่างเหนียวแน่นเหลือเกิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดไหนก็ช่างเชื่อใจกันเสมอ แถมยังรู้ทันกันไปเสียหมด มันสนุกตรงนี้แหละค่ะ

(นี่พยายามควบคุมตัวเองสุดฤทธิ์ ก็นี่มันหนังสือรางวัลซีไรต์เชียวนะ เราจะไม่... เราจะไม่ขี้นำไปกว่านี้แล้ว)
Profile Image for Mimna.
247 reviews35 followers
October 8, 2012
อ่านสมัยยังเรียน ชอบมากกกกกกกกกก
แถมยังจิ้นวายได้อีกด้วย ฮา
Profile Image for Pairash Pleanmalai.
400 reviews31 followers
November 25, 2019
ช่วยปูพื้นฐานประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในยุคที่พยายามเป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่พ.ศ.2475
โดยเดินเรื่องด้วยตัวเอกสองคน
พอเรื่องอิงประวัติศาสตร์ ทำให้หนังสือต้องบอกว่าใครคือตัวละครที่แต่งขึ้นมา
ไม่งั้นแยกแยะกันไม่ออก

ความสนุกไม่ค่อยเท่าไหร แต่จุดดีคือทำให้เกิดความสนใจอ่านต่อในประเด็นอื่นๆของการเมืองไทย
อ่านจบสอนให้รู้ว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่จริง และอย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ
Profile Image for Pat Hornchaiya.
41 reviews3 followers
February 1, 2014
เนื้อหาสาระ สมกับเป็นผู้เขียนที่ใส่ใจรายละเอียดมาก ดูเหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์จริง นับว่าเป็นหนังสือที่ดีมากอีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
Profile Image for Natt.
920 reviews
July 26, 2019
อ่านฉบับปรับปรุง ด้วยสายตาคนร่วมสมัยพฤษภาทมิฬ... เข้าใจเลยว่า อำนาจ ทำให้ทหารและการเมืองรวมกันเป็นแระชาธิปไตยแบบไทย
Profile Image for KawaiiSusu.
96 reviews1 follower
February 14, 2014
นำรายละเอียดการชิงอำนาจทางการเมืองของนักการเมืองแต่ละฝ่าย แต่ละช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2475 ถึงช่วงพฤษภาทมิฬมาร้อยเรียงเป็นนวนิยาย โดยผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครสองตัว ตุ้ย นายตำรวจผู้ไต่เต้าจากมือปราบแม่นปืนขึ้นมาจนเป็นนายพล และเสือย้อย อดีตลูกท่านหลานเธอที่ผันตัวมาเป็นกบฏ ลอบดำเนินการใต้ดินเพื่อทำการปฏิวัติ สองตัวละครต่างอุดมการณ์ ต่างจุดยืนบนเส้นขนานคนละเส้น ชอบตรงที่สามารถใช้ตัวละครสมมติทั้งสองนำมาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงเสมือนว่ามีพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แล้วก็ชอบรายละเอียดปลีกย่อยในเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าสมจริง สะท้อนความไม่แน่นอนของการเมืองไทย การฉกฉวยโอกาส หาผลประโยชน์จากเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือแม้แต่การสร้างสถานการณ์ ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าการเมืองที่ร้อนแรงในปัจจุบันก็เป็นส่วนหนึ่งของกงล้อใหญ่การเมืองที่หมุนกลับมาบรรจบซ่ำที่เดิมไม่เคยจบสิ้น เส้นขนานสองเส้นนั้นไม่มีวันบรรจบกันจริงหรือ หรือที่จริงแล้วมีใครบางคนพยายามถ่างมันออกมาเพื่อให้ตัวเองกุมอำนาจได้ หรือความจริงแล้วมันเป็นเรื่องของจุดยืนกันแน่
Profile Image for Onjitra Kruewitthawat.
47 reviews7 followers
December 23, 2017
เราว่ามันเป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งเลยนะ สมกับที่ได้รางวัลซีไรต์ ก่อนที่จะอ่านก็ได้ยินเสียงร่ำลือมานาน มันก็สมกับคำร่ำลือและรางวัลที่ได้รับ เรารู้สึกว่าทำไมตอนเรียนเราไม่เรียนรู้จากอ่านเรื่องนี้นะ มันทำให้เรารู้ว่าเหตุการณ์ต่างมันเกิดขึ้นจากอะไร ได้เห็นมุมมองของแต่ฝ่าย และเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกเช่นกันที่เรารู้สึกว่าการเมืองไทยในตอนนี้ก็ยังไม่แตกต่างจาก60ปีก่อนที่หนังสือเล่มนี้พูดถึงเลย
ปล.ไม่ใช่เราคนเดียวที่อ่านแล้วสามารถจิ้นวายเสือย้อยกับจ่าตุ้ย
Profile Image for Ooan Pongsriwat.
115 reviews1 follower
November 3, 2023
ผ่านไป15ปีหลังจากอ่านครั้งแรกก็ยังสนุกเช่นเคยพร้อมความเข้าใจประวัติศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
Profile Image for Nararit.
60 reviews
June 6, 2025
สำหรับผม ประชาธิปไตยบนเส้นขนานเป็นหนังสือที่มีคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง สมกับที่เป็นนวนิยายรางวัลซีไรต์ อ่านสนุกและเพลิดเพลินพร้อมความรู้ทางการเมืองไทย แต่พูดแล้วมันก็น่าเศร้า...น่าเศร้าเหลือเกินที่ ณ วันนี้ การเมืองไทยเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเมื่อหลายทศวรรษก่อนเลย มันยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความปั่นป่วน และความโหดร้าย
Profile Image for Natapong Nimkarnjana.
60 reviews5 followers
September 4, 2018
อยากจะให้ซัก 10 ดาว ทั้งลีลาการเขียน ทั้งความแน่นของเนื้อหา และมุมมองที่มองทะลุการเมืองไทยอย่างถึงแก่นจริงๆ
Profile Image for poom (wood) lertpinyowong.
12 reviews1 follower
March 2, 2024
ช่วง ม.ปลาย (สมัยลุงเพิ่งรัฐประหาร) เราชอบอ่านงานของวินทร์ เลียววาริณมาก ๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องประวัติศาสตร์เลย เกลียดวิชาสังคมเข้าไส้ ส่วนการเมืองตอนนั้นเราเป็นแดง เกลียดทหาร แต่ความรู้เรื่องการเมืองเราค่อนข้างจะจำกัด (สมัยนี้ก็ยังรู้แบบด้วน ๆ อยู่น่ะนะ) ตอนนั้นเคยหยิบเล่มนี้มาอ่านจากห้องสมุด ด้วยความมองโลกมุมเดียวของเราในสมัยนั้นทำให้���ราตั้งธงว่าใครเป็นทหารก็คือตัวร้าย 555 สุดท้ายเราก็อ่านไม่จบด้วยความรู้สึกว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจ

มาตอนนี้ลองกลับมาอ่านดูอีก��รั้งหลังจากที่ประสีประสาเรื่องประวัติศาสตร์และการเมืองขึ้นมากบ้างนิดหน่อย ถ้าถามว่าการอ่านรอบนี้ของเรามีการตั้งธงบางอย่างในใจหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่ามันก็มีอยู่บ้าง เพราะเคยเห็นการแสดงความเห็นต่อเรื่องการเมืองของตัวนักเขียน ดังนั้นพึงตระหนักไว้ว่ารีวิวนี้มีอคติอยู่แน่นอน ไม่มากก็น้อย

สิ่งนึงที่เราสัมผัสได้ตั้งแต่บทแรกของเรื่องคือนวนิยายเล่มนี้มีกลิ่นอายนิยายกำลังภายใน แบบโกวเล้งสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ที่มาในโทนคาวบอยดวลปืนหน่อย ๆ (โกวเล้งเองก็ได้อิทธิพลจากหนังคาวบอยอยู่แล้ว) ซึ่งก็ไม่แปลกใจนักเพราะเข้าใจว่านักเขียนท่านนี้ได้รับอิทธิพลงานกำลังภายในมา

ส่วนตัวเราก็ชอบนิยายโกวเล้งนะ แน่นอนว่ามันมีความชายแทร่สูงมาก ซึ่งมันโอเคในเซตติ้งของนิยายกำลังภายใน (แต่นิยายกำลังภายในมันก็เล่าแบบไม่ชายแทร่ได้แหละ) พระเอกผู้แน่วแน่ ยึดมั่นในแนวทางของตนไม่เคยเปลี่ยน และแน่นอนเป็นสุภาพบุรุษเสียเกินบรรยาย หากเมื่อนำคาแรคเตอร์แบบนี้มาเล่าประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนยากจะตัดสินถูกผิด มันกลับทำให้เรื่องออกมาในแนวสั่งสอน และ romanticize อุดมการณ์เสียเกินไป แม้ว่าตัวผู้เขียนจะย้ำว่าตนไม่ได้ตัดสินหรือเข้าข้างฝ่ายใด แต่จากน้ำเสียงการเล่าแล้วมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้เขียนก็คงมีข้างหรือฝ่ายอยู่ในใจ

ย้อยและตุ้ย สองหนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์คนละขั้ว แต่กลับเป็นดั่งสหายรู้ใจกัน คำถามที่น่าสนใจคือสองคนนี้อยู่คนละขั้วจริง ๆ หรือ? ในเรื่องเราจะเห็นความคิดของย้อยอย่างชัดเจน เขาเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐ สนับสนุนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าเช่นนั้นแล้วตุ้ยอยู่ฝั่งไหนล่ะ? ถ้าบอกว่าตรงข้าม แปลว่าตุ้ยเป็นคนที่ต้องการการปกครองรูปแบบอื่นหรือไม่? เปล่าเลย เขาแค่อยู่ฝั่งรัฐ อยู่ในระบบ แต่ก็เชื่อมั่นในหลักการณ์เดียวกันอยู่นั่นเอง อันที่จริงแล้วแทบทุกตัวละครที่มีความเป็นฮีโร่ของเรื่องนี้ต่างก็เป็นตัวละครที่ยึดมั่นในอุดมการณ์นี้ รวมถึงตัวละครทหารญี่ปุ่นที่กลายเป็นสหายต่างฝ่ายของย้อย (ในประเด็นนี้ก็เป็นการ romanticize คนญี่ปุ่น และความรักชาติของคนญี่ปุ่น ซึ่งก็น่าถกเถียงอยู่ไม่น้อย)

ราวกับว่าหนังสือเล่มนี้ต้องการจะประกาศกร้าวว่าท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ขอแค่คุณรักชาติ คุณก็คือฮีโร่ ขอแค่คุณยึดมั่นในหลักการนี้โดยไม่แปรเปลี่ยน จะเห็นว่าทั้งย้อยและตุ้ยแม้จะมีสถานภาพที่แปรเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลาตลอด 60 ปี (2476-2535) แต่นับจากต้นจนจบเอาเข้าจริงแล้วตัวละครทั้งสองนี้แทบไม่ได้เรียนรู้ เติบโต หรือเปลี่ยนแปลงเลย สองตัวละครนี้เป็นดั่งไอดอลที่ชี้นำผู้คน เหมือนพระเอกในนิยายกำลังภายใน หรือซุปเปอร์ฮีโร่ในหนังมาร์เวล

อันที่จริงก็คงไม่ผิดอะไรหรอกที่ผู้เขียนจะนำเสนอตัวเอกในรูปแบบนี้ บ่อยครั้งคนเราก็ต้องการอ่านตัวละครที่สูงส่งและให้ความหวัง เพียงแต่การที่ผู้เขียนบอกว่านิยายเรื่องนี้เพียงแค่สะท้อนประวัติศาสตร์โดยไม่แสดงความเห็นว่าถูกหรือผิดนั้นมันออกจะผิดที่ผิดทางไปเสียหน่อย ในเรื่องเรายังเห็นอีกว่ามีคนกลุ่มนึงที่ถูกตัดสินโดยตัวละครหลักทั้งสองว่าเป็นฝ่ายผิดเสียเต็มประตู คนกลุ่มนั้นก็คือพรรคคอมมิวนิสต์ (ที่ถูกโยนให้เป็นของนอก เข้ามาบ่อนทำลายชาติไทย) แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผลที่ตัวละครสองคนนี้จะมองแบบนั้น แต่การที่เนื้อเรื่องไม่มีการกล่าวถึงพรรคคอมมิวนิสต์จากมุมอื่นเลยยิ่งตอกย้ำว่าผู้เขียนน่าจะตัดสินคนกลุ่มนี้อยู่ในใจนั่นเอง หรืออาจยิ่งไปกว่านั้น มันราวกับว่าผู้เขียนมองว่าคอมมิวนิสต์เป็นแนวคิดที่ผิดนั้นเป็นข้อเท็จจริง ถึงกระนั้นผู้เขียนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการฆ่าคนที่เป็นคอมมิวนิสต์ เพียงแค่เห็นด้วยกับการฆ่าหรือการตายของชุดความคิดนี้

นักศึกษาเข้าป่าในเรื่องนี้ไม่มีใครที่เข้าป่าเพราะเห็นด้วยกับแนวคิดคอมมิวนิสต์ แค่โดนรัฐบาลเผด็จการผลักไสมา และย้อยก็แสดงความเห็นว่าแนวคิดคอมมิวนิสต์แม้ไม่โดนปราบก็ต้องสูญไปสักวันหนึ่งเพราะมันขัดกับความเป็นมนุษย์ ตัวละครครูที่ถูกประหารก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคอมมิวนิสต์ แค่มีความเป็นสังคมนิยม ตลอดทั้งเรื่องไม่มีการอธิบายเสียด้วยซ้ำว่าแนวคิดคอมมิวนิสต์เป็นอย่างไร ผิดอย่างไร เพียงแค่ตอกย้ำอยู่เรื่อย ๆ ว่ามันผิด

การนำเสนอเรื่องนี้ผ่านเรื่องสั้นหลายเรื่องรวม ๆ กันนับว่ามีความน่าสนใจ และผู้เขียนก็เขียนออกมาได้อย่างน่าติดตาม แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เราไม่เห็นถึงการพัฒนาของตัวละครเท่าไหร่ แต่ก็คงเพราะผู้เขียนไม่ได้ต้องการให้ตัวละครทั้งสองพัฒนาอยู่แล้ว เพราะทั้งคู่เป็น "คนดี" มาตั้งแต่ต้น และเป็น "คนดี" ไปจนจบ

สิ่งที่เราติดมากที่สุดก็คงจะเป็นฉากที่ทั้งสองในวัยแก่นั่งคุยกันย้อนความหลัง มันเหมือนการเล่าให้คนอ่านฟังมากกว่าการคุยกันเองของคนที่รู้จักกันมานาน แน่นอนว่าการ exposition มันมีความจำเป็น แต่ถ้าเป็น exposition ผ่านบทบรรยาย หรือการมีตัวละครเล่าให้อีกตัวละครที่ไม่ทราบเรื่องนั้นมันจะดูเข้าท่ากว่าการให้คนสองคนที่รู้เรื่องอยู่แล้วมาพ่นบท exposition ใส่กัน

อย่างไรก็ตามเราชื่นชมการผสมประวัติศาสตร์เข้ากับนิยายของผู้เขียนนะ มันมีรายละเอียดเยอะมากจริง ๆ เรายอมรับว่าเราเองไม่รู้มากเท่าผู้เขียนแน่ ๆ ผู้เขียนตั้งเป้าไว้ชัดเจน ดังจะเห็นในคำนำของหนังสือ ว่าต้องการจะ educate ผู้อ่าน อีกทั้งยังเขียนว่า "คนไทยเรายังไม่มีความสามารถในการเรียนรู้อีกด้วย" อันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้เขียนยกตน "เหนือ" ผู้อ่าน มองว่าตัวเองรู้และเข้าใจมากกว่า และมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะสอนผู้อ่าน ใช่แหละว่าประวัติศาสตร์ที่สอนในโรงเรียนมันไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ และคงมีคนไม่น้อยที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่านักเขียนจะมายึดเป็นหน้าที่ของตนในการ educate คนมิใช่หรือ อย่างนี้มันจะต่างอะไรกับ "หน้าที่ของคนขาว" เล่า

อีกทั้งประวัติศาสตร์ที่เล่าในนวนิยายเล่มนี้ยังมีความเป็นประวัติศาสตร์แนวสัจนิยม แม้จะผสมเรื่องแต่ง แต่ถ้าตัดเรื่องแต่งออกไปที่เหลือคือ "เรื่องจริง" ที่ไม่เป็นอื่น แต่แล้วผู้เขียนข้ามสิ่งใดไปบ้างเล่า อะไรที่ผู้เขียนคัดมาเล่า? อะไรที่ผู้เขียนคัดทิ้งไป? แน่นอนมีหลายประเด็นทีเดียวที่ผู้เขียนไม่ได้แตะ คิดว่าตัวผู้เขียนก็รู้แต่แค่ไม่แตะ (เช่นพรรคการเมืองเก่าที่สุดของไทยที่ไม่ถูกแตะต้องเลย)

ท้ายที่สุดคือผู้เล่นในเรื่องนี้ทั้งหมดคือ "คนชั้นกลางถึงสูงเพศชาย" (น่าสังเกตว่าแม้แต่ตัวละครประกอบยังไม่มีผู้หญิงเลย) เป็นคนชาติดีมีตระกูล คนเมือง หรือคนต่างจังหวัดที่มีการศึกษา ราวกับว่าคนกลุ่มอื่นไม่มีสิทธิโลดแล่นในการเมืองอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าคนมี่เหลือเป็นเพียงแค่หมากในกระดานที่ต้องตามกระแสการเมืองหรือถูกชักจูงไปเพียงเท่านั้น (หน้าปกก็เป็นหมากรุกเสียด้วยสิ) ที่สุดแล้วผู้เขียนคงยืมปากย้อยบอกกับเราว่า 2475 คือการชิงสุกก่อนห่าม การมอบประชาธิปไตยให��กับคนไทยที่ยังขาดการศึกษา ไม่พร้อมเลือก ไม่พร้อมตัดสินใจ และยังไม่พร้อมมาจนถึงทุกวันนี้ (วันนี้ในที่นี้หมายถึงปีที่ผู้เขียนเขียนน่ะนะ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคือปี 2537)

คนอื่นคิดเห็นอย่างไรมาถกเถียงกันได้ เราเองก็ไม่ใช่คนรู้มากอะไร ไม่ได้เรียนด้านประวัติศาสตร์ ไม่ได้เรียนวรรณกรรม ทั้งหมดนี้ก็แค่ความรู้สึกของเราต่อนิยายเรื่องนี้ ส่วนนึงก็อย่างเป็นเสียงอีกฝั่งเพื่อโต้กับรีวิวอื่น ๆ บน Goodreads ที่ชื่นชมนิยายเล่มนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ผิดอะไรเลยที่จะชอบนิยายเล่มนี้ เราแค่เป็นคนนึงที่ไม่ชอบมันและไม่ชอบที่จะเห็นบางสิ่งถูกยกย่องบูชาจนเกินไปก็เท่านั้น

ปล. เป็นหนังสือที่ควรอ่านนะ หนังสือทุกเล่มควรอ่านทั้งนั้นแหละ ไม่ว่ามันจะรีวิวดีหรือไม่ดี อ่านแล้วจะชอบหรือไม่ชอบ อ่านแล้วจะได้อะไรหรือไม่ได้ มันไม่มีคำว่าเสียเวลาที่อ่านหรอก สำหรับเล่มนี้ยังไงเราก็มองว่าอ่านเพื่อเป็นฐานให้เกิดความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์และการเมืองได้อยู่ แค่พึงระลึกว่ามันเป็นประวัติศาตร์ที่เล่าผ่านมุมหนึ่งเท่านั้น
Profile Image for Cody.
265 reviews
April 14, 2010
This book would make a beast action film. I found the continual flashbacks and time changes to be difficult to follow at times, but they never really interrupted the story.
Profile Image for ดินสอ สีไม้.
1,070 reviews180 followers
June 15, 2015
คนสองคนที่ยืนอยู่บนคนละเส้นทางแห่งอุดมการณ์
ความรักชาติที่ยืนอยู่บนเส้นขนานแห่งประชาธิปไตย
เป็นการผนวกรวมประวัติศาสตร์การเมือง และนวนิยาย
ที่สร้างสรรค์ และสนุกมากค่ะ
Profile Image for Misspharaoh.
702 reviews85 followers
December 28, 2017
นึกขึ้นมาได้ อยากเขียน อ่านจบนานแล้วล่ะ

อืม อารมณ์ตอนนั้นนะเหรอ ก็อ่านวางๆ นานมากกว่าจะจบ คือเราเข้าไม่ถึงค่ะ 😭 เค้าขอโทษ แต่ชอบที่อ้างอิงเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์นะคะได้ความรู้ 👍
Profile Image for Chakkrit P..
32 reviews6 followers
June 6, 2017
อ่านสนุกเหมาะสำหรับผู้สนใจประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่ยุค 2475 จนถึง 2535
Profile Image for Muggle Mat.
166 reviews15 followers
March 31, 2018
สุดยอดนิยายอิงปวศ.ที่ขยายความของคำว่าประชาธิปไตย(ในประเทศไทย)ได้อย่างชัดเจน อ่านได้ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งช่วงไหนที่รู้สึกอยากถามหาประชาธิปไตยยิ่งต้องกลับมาอ่านซ้ำ
23 reviews
July 18, 2019
นวนิยาย ที่ใช่ตัวละครสมมติในการดำเนินเรื่องเปรียบเสมือนได้อยู่ในเหตุการณ์ทางการเมืองของไทย ที่สำคัญๆ การก่อกบฏ และการทำรัฐประหาร ในแต่ละครั้ง

ประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครอง ที่คนหมู่มากเลือกลงคะแนนให้กับผู้ที่คิดว่าจะสร้างผลประโยชน์ ให้กับตนและประเทศมากที่สุด แต่ผลที่ตามมา มักตามมาด้วยการเสียผลประโยชน์ของอีกฝ่าย เราจะอ้างประชาธิปไตยไม่ได้เลยหาก ฝ่ายที่เสียผลประโยชน์ไม่สามารถยอมรับและต่อสู้ในระบบของประชาธิปไตยได้ หากแต่ประหัตประหารกันด้วยกำลัง แล้วอ้างความถูกต้อง เมื่อทำเช่นนั้นแล้วก็ตามมาด้วยความพยายามทำให้ตนพ้นผิด และดำรงไว้ซึ่งอำนาจเดิมให้ได้ ซึ่งตามมาด้วยความไม่ชอบมาพากล เพราะมันผิดเสียตั้งแต่การเริ่มต้น แล้วผลก็ยิ่งทำให้ยิ่งห่างไกลกับคำว่าประชาธิปไตยเข้าไปเสียอีก

หากทุกคนในประเทศยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยดีพอ ก็ยิ่งยากที่จะขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางนั้นได้ เราก็ได้เพียงแต่ดำเนินไปตามครรลองของประชาธิปไตยใน แบบที่ตัวเราเองเชื่อเท่านั้น และหวังได้แต่เพียงว่า ในอนาคตคนในบ้านเมืองเรา จะมีความรู้ความเข้าใจในประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง และสู้กันในกฏเกณฑ์ที่ยุติธรรม เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ ในคณะที่ประเทศก็เจริญไปในทางที่ถูกที่ควร
1 review
January 21, 2021
เล่มนี้ตอนแรกไม่คิดจะอ่านเลย เพราะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องการเมืองไทยเยอะ เรียกได้ว่าความสนใจมีน้อยนิดแต่มีเพื่อนคนนึงเขาชอบคุณวินทร์มาก เราเลยได้ลองอ่านจากการยืมของเขา ถ้าสำหรับคนที่ไม่ได้รู้จักการเมืองไทยไปมากกว่าการจำแล้วสอบยอมรับเลยว่าอ่านแรกๆ*งง*ค่ะ​ แต่เพราะในตัวเรื่องมีการผูกโยงไว้ค่อนข้างดี มีลำดับขั้นตอน และเล่าออกมาในมุมง่ายๆ เหมือนนิยายทั่วไป ทั้งบู๊​ แอ็คชั่น​ ขำขัน มีครบมาก เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครในเรื่องบางคนเป็นคนในประวัติศาสตร์ จนบางทีเรานั่งอ่านไปด้วยเปิดชื่อนายกรัฐมนตรีประเทศไทยคู่กันไปด้วย ถึงอ่านจบจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ผ่านหูผ่านตา ส่วนตัวแล้วคิดว่าคนที่ไม่อินกับการเมืองยุค2475พอจะอ่านได้ค่ะ แต่ต้องจำตัวละครมากหน่อย หนังสือที่เห็นว่ายากเนี่ย บางทีก็ไม่ใช่ยาขมอย่างที่คิด แต่เป็นยารสชาติแปลกๆที่ให้อะไรกับเราเยอะมากหลังอ่านจบ (ส่วนคนชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วน่าจะเรียกได้ว่าสนุกมากๆ)
ก็เอาเป็นว่า​หนังสือรางวัลเล่มนี้ไม่ได้หนามากแต่อัดแน่นไปด้วย​เรื่องราว​ อารมณ์​และประวัติศาสตร์​ ใครสนใจแต่กำลังกล้าๆกลัวๆแนะนำให้ลองเปิดใจอ่านดูค่ะ
Profile Image for Prai Keawpran.
34 reviews1 follower
October 30, 2024
สำหรับเรามองว่า​ ที่นิยายนี้น่าสนใจน่าจะมาจาก
1. นำเรื่องประวัติศาสตร์​มาเล่าตามลำดับเวลาในกระชับ​ประมาณ​ 390 หน้า​ ก็จบแล้ว​ และพยายามเก็บประเด็นสำคัญๆมาเล่า​
2. ดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร​ 2 ตัว​ ที่อธิบายว่า​ ทั้งคู่เหมือนเป็นเส้นขนานกัน​ ต่างความคิด​วิธีการเฉยๆ​ แต่ใจรักชาติทั้งคู่​ ช่วงแรกน่าสนใจมาก​ ตรงการดวลปืน​ หรือภูมิหลังตัวละคร​ น่าสนใจ​ แต่ช่วงท้ายๆ​ เป็นการเล่าเหตุการณ์​สะมากกว่า​ รสชาติช่วงแรกๆก็เลยจางไปหน่อย
3. ท้ายเล่มมีการอธิบายด้วยว่า​ อะไรจริง​อะไรแต่ง​ ชอบตรงนี้มาก​ เพราะรู้สึกว่าบางอย่างที่ไม่เข้าใจในเรื่อง​ เราไปหาอ่านต่อไปจากเหตุการณ์​ จากตัวละคร
4. เข้าใจเลยว่า​ หลายๆอย่างมันพลิกแพลงมากไม่ได้​ เพราะประวัติศาสตร์​มันเปลี่ยนไม่ได้​ จึงเล่าแบบแทรกเนื้อเรื่องเข้าไป​ แล้วก็ไม่ได้ให้แง่คิดทางการเมืองที่หนักเกิน​


โดยรวมคิดว่า​ การดำเนินเรื่องก็ราบเรียบ​ ไม่ได้มีจุดพลิกผันมากนัก​ แต่คิดว่าเหมาะสำห​รับผู้ที่อยากศึกษาประวัติศาสตร์​แบบกระชับ​ ไม่อยากอ่านตำราหนาๆ​ เนื้อหาแน่นๆ​ มาอ่านอันนี้ให้เห็นภาพรวมก่อน​ ก็จะดี เพราะง่ายที่จะเข้าใจ​ อ่านได้เรื่อยๆ
Profile Image for Ordinary in the biggest world.
45 reviews2 followers
April 5, 2019
เป็นหนังสือซีไรต์ที่อ่านตอนเด็ก อ่านครั้งเดียวจบแบบวางไม่ลงเพราะมันสนุกมาก แม้ว่าเราจะไม่ได้สนใจการเมืองขนานนั้นแต่การเขียน ตัวละคร ทำให้เราอินและสนุกจนต้องอ่านให้จบ ที่สำคัญงงตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องร้องไห้ตอนอ่านเรื่องนี้ด้วย การที่คนสองคนมีอุดมการณ์ แนวคิด ความเชื่อเป็นเส้นขนานกัน ไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนนึงต้องเป็นฝ่ายผิด และเรื่องนี้ทำให้เรากลายเป็นแฟนคลับคุณอาวินทร์ตั้งแต่ตอนนั้น

Democracy, Shaken & Stirred : A SEA write novel by Win Lyowarin.

One of my favorite books from this writer and I’ve been his fan since then.

This novel talks about 2 men who had different trusted and political ideologies. The conversations from them had a lot of emotion and might make you cry.

Finally: Not Fault, it is only we don’t have the same way
Profile Image for MERLINA29.
10 reviews2 followers
February 15, 2019
I am Thai myself, but I have never learn about this kind of History from any classes before.
I personally think that time was the darkest time of Thailand:

The writer did very good job to introduce the hidden history of Thailand through the main characters. This is definitely the masterpiece work. The book leave me a lot of emotions after I had finished reading it. I start to wonder that when Thailand will have the real democracy system.We changed the system to be democracy since 2475, but This system had never been success ( even until right now).
Profile Image for Lauti Sutedja.
37 reviews16 followers
June 11, 2019
It is a good book in which I can understand the basics of contemporary Thai's politics, which was unknown to me before. The style of the novel, by mixing fiction with real events and persons made me enjoyed the story as well as gave me more knowledge of democracy in Thailand. It is recommended for students who want to understand contemporary Southeast Asian countries political system, particularly Thailand.
Profile Image for Chontiwat Udomsiripat.
223 reviews5 followers
April 24, 2024
เล่มนี้ผมซื้อมาอ่านตอน ม.6 (2016) เป็นนิยายการเมืองไทยที่สนุกมาก แต่ว่า
ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ที่คนเขียนนั้นฝักใฝ่เผด็จการ แต่คนอ่านฝักใฝ่หาเสรีประชาธิปไตย
ที่น่าสนใจคือ มันคือเส้นขนานที่ผมและตัวผู้เขียนนั้นไม่มีวันจะบรรจบกัน มันคือช่องว่างระหว่างวัย ความแตกต่างระหว่างความคิด ความเชื่อมั่น และความหวัง

ผมขายหนังสือเล่มนี้ไปเเล้วเมื่อปี 2021 ขายไปและไม่คิดจะรับฟรีคืนมาอีก
Profile Image for Whale Read.
414 reviews33 followers
December 11, 2019
อ่านจบไปสองรอบ
ชอบตัวละครสองฝั่งตรงข้ามแต่มีจุดร่วมมาก ๆ คือเสือย้อยกับจ่าตุ้ย พันเข็ม

คุณวินทร์ร้อยเรียงเหตุการณ์ทางการเมืองกับตัวละครได้แนบเนียนมาก
มากเกินไป 55
เป็นเล่มแรก ๆ ที่ตัดสินใจตามอ่านงานของคุณวินทร์
Profile Image for KunPunnawat.
95 reviews2 followers
February 15, 2020
เรื่องของคนที่มีความเชื่อทางการเมืองต่างกัน แต่มุ่งไปสู่ทางเดียวกัน เล่าในบรรยากาศช่วงปี 2475 คุณวินทร์เล่าเรื่องได้หลากรส ทั้งแนวรัก แรวบู๋ แนวบุ๋น ได้ทั้งความรู้และความสนุกในการอ่าน

แนะนำให้อ่านที่เดียวจบ เพราะตัวละครเยอะมาก ถ้าย้อนกลับมาอ่านจะจำไม่ได้ว่าใครทำอะไร
Profile Image for Dinodaw.
7 reviews
June 10, 2018
ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
Profile Image for Erk.
606 reviews71 followers
December 31, 2018
เรียนประวัติศาสตร์การเมืองมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่ค่อยเข้าใจ พอได้อ่านเล่มนี้แล้วอ่านง่าย และเข้าใจขึ้นมากเลย
Profile Image for Peak Sai.
5 reviews2 followers
August 17, 2019
เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่สนุกมากๆ
Profile Image for Muslinn.
58 reviews2 followers
December 20, 2019
แปลกที่ผ่านไปกี่ปีหนังสือเล่มนี้ยังไม่ล้าสมัย
Displaying 1 - 30 of 54 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.