Jump to ratings and reviews
Rate this book

แสบ

Rate this book
กำหนดการสอบโอเน้ตที่ใกล้เข้ามา ทำให้ เซี่ยเจิ้งเจี๋ย นักเรียนชั้นม.สามโรงเรียนมัธยมหลีเหลิ่น ต้องเผิญกับความกดดันอันหนักหน่วง เป็นเพราะนิสัยติดตลกขี้เล่นตามประสาวัยแสบก่อเหตุน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ

จะเกิดอะไรหากการศึกษาเป็นเพียงรูปแบบหนึ่ง ของการคัดลอกระบบวรรณะทางสัมคม จะเศร้าแค่ไหนหากสถานศึกษาเป็นเพียงทัณฑสถานจองจำความคิดสร้างสรรค์

ร่วมกันเอาใจช่วยและหาคำตอบไปกับนิยายเรื่องเยี่ยม สะท้อนสังคมสังคมการศึกษาและสถาบันครอบครัว จากปลายปากกาของ โหวเหวินหย่ง คุณหมอนักเล่าเรื่องยอดนิยมแห่งไต้หวัน

385 pages, Paperback

First published June 3, 2003

2 people are currently reading
85 people want to read

About the author

侯文詠

29 books21 followers
多才多藝的台大醫學博士,也是華文世界最暢銷的男作家。
曾任台北醫學大學醫學人文研究所副教授,萬芳醫院、臺大醫院麻醉科主治醫師,目前專職寫作。

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
65 (54%)
4 stars
40 (33%)
3 stars
13 (10%)
2 stars
2 (1%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 - 17 of 17 reviews
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
October 13, 2021
ผมอ่านเรื่องนี้พร้อมๆ กับมีภาพเหตุการณ์การชุมนุมในประเทศไทยช่วงปี พศ 2564 ลอยมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กนักเรียน-นักศึกษา
การชุมนุมของคนหนุ่มสาว
การชุมนุมของผู้ไม่ยอมจำนน
การชุมนุมของคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอนาคตที่เค้าไม่มีโอกาสออกแบบเอง

ต้องใช้คำว่ายังไงดี
มัน connect และ captivate มาก

นิยายสัญชาติไต้หวันขนาดยาว หนาราว 400 หน้าที่ให้อารมณ์สะท้อนสังคม แต่เขียนออกมาได้ไม่น่าเบื่อ ไม่โบราณ ทั้งหมดชูประเด็นที่สุดแสนจับต้องยากอย่าง “ปฏิรูปการศึกษา” แต่กลับเขียนออกมาสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้แบบจับต้องได้

บอกตามตรง ตอนอ่านไปถึงครึ่งเรื่อง ผมนึกถึงตอนจบไม่ออก เดาไม่ได้เลยว่าท้ายเล่มจะลงเอยอย่างไร

เรื่องราวเปิดขึ้นด้วยความเรียบง่ายแบบที่เราเคยมีประสบการณ์มาแล้วแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะโดนเอง หรือเห็นเพื่อนโดน นั่นคือการถูกไล่ออกไปนั่งเรียนนอกห้อง แน่นอนว่ามันมีเหตุจากการที่ “พี่เจี๋ย” ตัวเอกของเรา แอบอ่านการ์ตูนในห้องเรียนของคุณครูสุดเฮียบ

เรื่องราวมันจะจบลงทันที ถ้า “พี่เจี๋ย” ทำแบบเดียวกับชาวบ้านชาวช่องรวมทั้งเราทุกคน นั่นคือยอมรับโทษ นั่งเรียนนอกห้อง สำนึกผิดไปจนจบ
แต่ “พี่เจี๋ย” ไม่ยอม
“พี่เจี๋ย” มองว่าถูกเลือกปฏิบัติ เพียงเพราะตัวเองไม่เรียนพิเศษนอกเวลากับครู และพี่เจี๋ยก็เริ่มประท้วงผ่านการเขียนบทความในใจ
แล้วหน้ากากแห่งความหวังดีของระบบการศึกษาก็ลอกออหลก ทำให้มองเห็นความน่าเศร้าที่เป็นรากของปัญหาทั้งปวง
เรื่องลุกลามราวกับไฟลามทุ่ง จากหย่อมน้อยๆ อย่างการประท้วงของ “พี่เจี๋ย” กับผู้ปกครอง ไปถึงการประท้วงของเหล่านักเรียนที่หน้ากระทรวง เรียกได้ว่าฉากของการประท้วง รวมถึงการสลายการชุมนุม ผู้เขียนบรรยายได้เรียลและเห็นภาพมาก
นอกจากนี้มันยัง connect สุดๆ กับการประท้วงของเหล่านักเรียนในประเทศไทย (พศ 2564) ใครนึกไม่ออกก็สามารถ search ใน internet ได้ไม่ยาก

อ่านสนุก เหมือนได้อ่านหนังสือ drama ชั้นดี ที่มี action นิดๆ
ผมคิดว่า 400 หน้านี้ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก
มันเห็นภาพเหยื่อของระบบการศึกษาครบถ้วน
แน่นอนว่า แม้หนังสือไม่ได้ให้ solution แต่ผมคิดว่ามันทำหน้าที่เป็น whistle blower ได้เป็นอย่างดี
Profile Image for รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์.
Author 11 books108 followers
May 28, 2017
สนุก วางไม่ลง โครงเรื่องเข้มแข็งมาก สะท้อนความคิดของตัวละครได้เด่นชัดมาก อ่านแล้วเรารู้สึกเชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ (และมีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ !!) ชอบการที่เนื้อเรื่องค่อยๆ คลี่คลาย ถึงตอนสุดท้ายจะจบเหมือนปิดเรื่องไม่ลง แต่พอมานั่งใคร่ครวญดูอีกที ก็คิดว่าเป็นฉากจบที่บาดลึกและค่อนข้างสวยงาม

ชอบทุกๆ จังหวะเรื่อง (แม้ตอนเริ่มจะนิ่งเกินไปสักหน่อย แต่คิดว่าคงเป็นลายเซ็นของนักเขียนคนนี้ตั้งแต่เรื่อง 'ลวง' แล้ว) ก่อนที่จะเข้มข้นจนต้องถ่างตาอ่านไม่ได้หลับได้นอน

แนะนำครับ (เล่มนี้แย่อย่างเดียว คืออยู่ดีๆ ก็มีสปอยล์ Murder on the Orient Express ของอกาธา คริสตี้ โผล่มาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว ประเด็นคือผมวางแผนว่าจะอ่านเล่มนั้นต่อพอดี เป็นอันว่าล่มครับ ขอเวลาทำใจก่อน)
Profile Image for Mint.
113 reviews26 followers
November 5, 2021
ชอบมาก ไม่ผิดหวังเลย เราเองก็เป็นผลพวงจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมของไทย (อ้าว...ไต้หวันก็เป็นเหมือนกันหรือนี่) สมัยยังเป็นเด็กน้อยไม่ค่อยรู้สึกหรอกว่ามันบีบหรือตีกรอบเรายังไงบ้าง จนกระทั่งเติบโตมาแล้วมองย้อนกลับไป ถึงได้ตระหนักว่าเวลาสิบกว่าปีในโรงเรียนมันให้ประโยชน์เราน้อยยยยมาก เนื้อหาที่ร่ำเรียนมีจุดประสงค์เพื่อทำข้อสอบเกือบทั้งนั้น ไม่ได้สร้างความสุขจากการเรียนรู้เลย หนังสือเล่มนี้ถึงได้โดนมาก บรรยายความรู้สึกต่างๆแทนเราได้โดนใจเหลือเกิน ดำเนินเรื่องก็สนุกเข้มข้นสุดๆ

ยกตัวอย่างโควทที่ชอบ "...ทำไมวิชาความรู้พวกนี้ไม่ช่วยให้ผมมองเห็นสัจธรรม มองเห็นหนทางของชีวิตหรือแสงสว่างในความมืดได้เลย หรือว่ามีแต่ความรู้ยิบย่อยเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญ ไม่อย่างนั้นทำไมโรงเรียนจึงไม่เคยสอนให้พวกเราคิดและตั้งคำถามว่า ทำไมคนเราต้องมีชีวิตอยู่ การมีชีวิตอยู่มีคุณค่าอะไร อะไรที่คุ้มค่าแก่การแสวงหา ทำไมโรงเรียนต้องการเพียงให้พวกเราจงขึ้นไปอยู่แถวหน้า จงประสบความสำเร็จ แต่ไม่เคยสอนพวกเราเรื่องวิธีการแสวงหาคุณค่าภายในตัวเอง วิธีการรู้จักความรัก และการแบ่งปัน หรือว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเทพนิยายด้วยเหมือนกัน..."

Profile Image for Mook Woramon.
898 reviews200 followers
December 7, 2021
อัดอั้นตันใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

ความจริงอันแสนเจ็บปวด โบยตีคนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม้จะเป็นเรื่องเล่าของเด็กนักเรียน ม.3 ในไต้หวันแต่เราก็รู้สึกตามได้ไม่ยาก เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เด็กอยากศึกษาเรียนรู้ แต่กลับเน้นการทำคะแนน สอบแข่งขัน เลื่อนชั้น กวดวิชาเอาเป็นเอาตาย

ในไทยก็ไม่ต่างกัน และทุกคนย่อมเคยผ่านมันมาก่อน

ความสดใสในวัยเด็กที่ถูกกลืนกินไปกับการสอบ ท่องตำรา แข่งกันเป็นที่หนึ่ง ทำไมโรงเรียนไม่สามารถเป็นบ้านหลังที่สอง ที่ทำให้เราอยากไปได้จริงๆ

แม้เรื่องนี้จะไม่มีบทสรุป แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้คนอ่านเข้าใจได้ถึงปัญหาของระบบการศึกษาในปัจจุบัน ความต้องการของเด็ก ครู ผู้ปกครองที่เหมือนเส้นขนาน ช่องว่างระหว่างวัยที่ทำให้การแสดงออกแตกต่างกัน

เมื่อเล็งเห็นปัญหา ก็มีโอกาสจะได้ทำความเข้าใจ แต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นมั้ย ไม่มีใครรู้


Profile Image for Kai Kai.
14 reviews4 followers
August 22, 2018
ดีมากที่ได้อ่าน
Profile Image for Lily 百合花.
1,446 reviews103 followers
December 1, 2017
ชื่อเรื่อง – แสบ (危險心靈 --- Dangerous Mind)
ผู้แต่ง – โหวเหวินหย่ง (侯文詠 Hou Wen Yong) เขียน อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี แปล


ตัวละคร
เซี่ยเจิ้งเจี๋ย (เสี่ยวเจี๋ย) อายุ 15 ปี
ไอลี่
เกาเหว่ยฉี


รีวิวหลังอ่าน

ก่อนจะได้อ่านเรื่องนี้ ได้มโนไว้ว่าคงเป็นแนวเด็กซ่าโดดเรียนไรงี้ ��ท้จริงแล้วเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ประเด็นเล็กๆ ประเด็นเดียว จะสามารถทำให้เรื่องราวไปถึงระดับชาติได้ เราเองอ่านไปก็คิดว่าตัวละครอย่างเซี่ยเจิ้งเจี๋ยก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน

แรกเริ่มมาอาจจะเนือยๆ ชวนง่วงหน่อย แต่แล้วพออ่านไปสักพัก วางไม่ได้เลยจ้าาา เรื่องนี้ดีงามมาก อยากแนะนำให้ได้ลองอ่านกันมากๆ เลยค่ะ แม้ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ในเรื่องจะไม่นาน แต่อ่านแล้วโคตรสะเทือนใจ คือก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครผิดหรือถูก ถ้าหันหน้าเข้าหากันได้จริงๆ ก็คงจะดี แต่เพราะเหตุการณ์มันเป็นไปในทางที่แบบว่า เราเรียกร้องเพราะผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กอย่างเรา เมื่อพูดจาดีๆ ตามที่เสนอให้พูด ก็ทำเหมือนรับฟัง (แต่คงไม่เข้าใจในสิ่งที่เราต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว)

มีอยู่ฉากหนึ่งที่เราแอบน้ำตาไหลนิดหนึ่ง คือตอนที่อาจารย์เผิงสอนภาษาอังกฤษให้กับเสี่ยวเจี๋ยคนเดียวเลย แบบเรียนตัวต่อตัว เราสัมผัสได้ถึงหัวใจรัก และการทุ่มเทให้กับการสอนของอาจารย์เผิงมากๆ เลย

คนที่เราไม่ชอบที่สุดก็คืออาจารย์จันนี่แหละ เป็นคนที่แบบว่ายังไงดีอ่ะ คิดว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ใครพูดอะไรมาก็จะบอกว่าผมเป็นแค่เหยื่อ ผมโดนนักเรียนที่ชื่อเซี่ยเจิ้งเจี๋ยกระทำ โอ๊ยยย โคตรมารยา โคตรตอแหล (คือหมั่นไส้มาก เลยด่าแรง ฮ่าๆๆ) แล้วพอเวลาใครให้โอกาสฮีพูด ฮีก็จะพูดนอกเรื่องนอกประเด็นกันไป อ่านแล้วของขึ้นเลยจ้าาาาา

รวมๆ แล้วเราก็บอกไม่ถูกหรอกว่าเป็นนิยายแนวไหน แต่สำหรับเราแล้วพบว่าเรื่องนี้ดีงามจริงๆ ค่ะ ดีงามตั้งแต่ตัวเนื้อเรื่องเอง การเล่าเรื่อง รวมถึงการแปลที่คุณเบียร์แปลได้ดีมากๆ อ่านแล้วกินใจจริงๆ ค่ะ

อาจจะพูดสั้นๆ ว่าเป็นแนวที่แบบว่า ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากการอ่านการ์ตูนในห้องเรียน แล้วถูกจับได้ อาจารย์ก็ไม่ฟังเสียงของนักเรียนเลย พร้อมใจกันโยนความผิดว่าอ่านการ์ตูนลามก แล้วก็ทำโทษเหมือนกับว่าเด็กคนนี้ฆ่าคนตายไรงี้เลย จะทำโทษแบบแทบจะไม่ให้ได้มีความสุขความสงบในชีวิตประจำวันเลย

คือสาเหตุของการเกิดเป็นเรื่องราวในเล่มนี้ มันอาจจะดูเหมือนเล็กน้อย แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถโยงไปจนเป็นเรื่องระดับชาติได้ แต่ถามว่าสำหรับเราที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว เราว่าประเด็นสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา ที่ตัวละครในเรื่องไม่พอใจกัน แล้วพอเกิดเหตุการณ์นี้กับเสี่ยวเจี๋ย คนที่ไม่โอเค ก็พร้อมใจกันที่จะนำประเด็นนี้ไปต่อยอดเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องทนรับมาตลอด

คุณแม่ อากง อาม่า ของเสี่ยวเจี๋ยน่ารักมากๆ โดยเฉพาะคุณแม่นี่สุดยอดคุณแม่เลย ทุกอย่างที่คุณแม่พูดมา เราว่ามันตรงประเด็นมากๆ ซึ่งตรงข้ามกับอาจารย์จันและครูใหญ่ 555+ คือเพราะมันตรงประเด็น เราเลยอยากจะปรบมือให้คุณแม่แบบสุดๆ และคุณแม่เองนั้นไม่ใช่รักลูกแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่เพราะลูกโดนกระทำโดยไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องออกมาสู้เพื่อปกป้องลูกของตัวเอง เมื่อเรื่องมันไปกันใหญ่ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

อีกประเด็นที่โคตรอินคือ การที่อาจารย์จันสอนพิเศษนอกเวลา แล้วนำสิ่งที่สอนมาออกข้อสอบ โอ๊ยยย พีคมาก ไหนจะคิดค่าเรียนแพงๆ ใครไม่ไปเรียนก็จะโดนต่อว่ารุนแรง ฉันอ่านแล้วอินเว้ยเฮ้ยยยย คือสมัยเราเรียนม.ปลาย เราก็เจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้ ใครเรียนกับอาจารย์ที่สอนฟิสิกส์นอกเวลา ได้เกรด 4 มาอย่างง่ายดายจ้าาา แล้วก็เจอคล้ายๆ แบบนี้อีกทีตอนปี 1 เทอม 2 เราพลาดเอตัวเดียว เพราะเราไม่ได้ไปทัศนศึกษา (เหมือนเป็นการไปเข้าชม แล้วต้องเสียเงิน) เพราะเราไม่ว่างไง ใครไม่ไปพลาดเอกันหมดจ้าาา คือเหตุผลอะไรฟระ กลางภาคฉันท็อปวิชานี้ด้วยนะ อะไรที่เลวร้ายเราก็จะจำแม่นหน่อยๆ 555+ ต่อให้สถานการณ์ที่เจอจะไม่ได้เลวร้ายแบบเสี่ยวเจี๋ย แต่อ่านแล้วอินสุดๆ เลยแหละ

พูดไปพูดมาเราก็ยังบอกไม่ถูก ของอย่างนี้ต้องลองอ่านเองค่ะ 555+ ที่แน่ๆ เรื่องนี้เป็นละครเมื่อปี 2006 ค่ะ โปรดิวเซอร์ทำละครเรื่องนี้ก็คือผู้เขียนเรื่องนี้นั่นเอง อ่านจบแล้วก็อยากไปหาละครเรื่องนี้มาดูเลยค่ะ

เราว่าจบเรื่องได้เจ็บจี๊ดๆ หน่วงๆ ดี แต่ก็ถือว่าจบดีที่สุดแล้วจริงๆ ^^

ป.ล. ชอบตอนอ่านเจอพวกเพลงต่างๆ แล้วผู้แปลก็แปลแบบได้อารมณ์ไทยๆ ไปเลย (เอาเพลงแบบไทยๆ ที่อ่านแล้วจะนึกภาพตามได้ทันทีแทน เลยอ่านไปหัวเราะไป) ไม่แน่ใจว่าช่วงท้ายๆ ที่มีคำพูดของคนๆ หนึ่ง เห็นเป็นชื่อไทยนี่แหละ เราว่าอาจจะเป็นผู้เขียนอ้างถึงคำพูดของคนๆ นั้นแน่ๆ เลย

[สปอยล์]

Start 17.16 น. Thu 30 Nov 2017
End 16.36 น. Fri 1 Dec 2017
Review Date 17.09 น. Fri 1 Dec 2017
Profile Image for Pawarut Jongsirirag.
699 reviews139 followers
September 8, 2024
เป็นหนังสือที่พาผมย้อนกลับไปสมัยเรียน ม ต้น ม ปลาย ในวัยที่สนุกสนาน บ้าบอคอแตก กล้าได้กล้าเสียตามวัย ซึ่งมักนำพาไปสู่ปัญหาให้ปวดหัวบ้างเป็นบางครั้ง

ภาพจำที่ชัดเจนมากๆ หนีไม่พนการแอบอ่านนิยายหรือการ์ตูนในห้องเรียน เรียกได้ว่าบางวันคืออ่านแม่งทั้งวันไม่เรียนอะไรเลย เนื้อหาวิชาการจำอะไรไม่ได้ แต่ถามเนื้อหาการ์ตูนนี่จำได้แม่นยันบทสนทนาว่าตัวนี้พูดอะไรหน้าไหน ถ้าเอาเนื้อหาออกสอบ มั่นใจว่าอย่างนอยติดท็อปเทนแน่นอน

การอ่านการ์ตูนในช่วงเวลานั้นก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควร หากทำอะไรม่แนบเนียนก็จะโดนครูสังเหตุและยึดการ์ตูนไปพร้อมโดนลงโทษ ข้อหาไม่ตั้งใจเรียน ก็ก้มหน้ารับกรรม เอวังไปประการละฉะนี้

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่หืออือต่อการถูกลงโทษไปเสียทุกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยเจิ้งเจี๋ย ตัวละครในนิยายสัญชาติไต้หวันเล่มนี้ ที่ ดูชิวๆ โนสนโนแคร์ต่อการทำโทษของคุณครูที่จับได้ว่าเขาแอบอ่านการ์ตูนในห้องเรียน ซึ่งการดไม่หืออือนี่เองจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำให้ทั้งไต้หวันต้องลุกเป็นไฟในประเด็นเรื่องการศึกษา จากเหตุการณ์เล็กๆของเด็กคนหนึ่งที่ถูกทำโทษ กลับลากยาวและลากผู้คนจำนวนมากเข้ามาข้องเกี่ยวและขุดลึกถึงรากฐานปัญหา อย่าง "อะไรคือการศึกษาที่ควรจะเป็น"

ตัดภาพกลับมาในปัจจุบัน เมื่อปิหน้าหนังสือสุดท้ายลง ผมพบว่า มันเป็นนิยาย 400 หน้าที่เอาประเด็นการศึกษามากางผึง ส่องกล่องจุลทรรศน์ลงไป คุ้ยเขี่ยทุบตีลงไปถึงรากเพื่อค้นพบว่า ปัญหาการศึกษาอาจจะยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องก็ได้ แท้ที่จริงคำถามที่เป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่างของเรื่องราวทั้งหมด คือ การสร้างเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มันต้องใช้กระบวนการใดบ้าง

ไม่ผิดนักที่คำตอบแรกที่เข้ามาในหัว ย่อมเป็นการศึกษาในชั้นเรียน เพราะเป็นระบบที่เด็กคนหนึ่งต้องทุ่มเทเวลากว่า 10 ปี เพื่อไปสู่เส้นชัยที่สังคมวาดภาพเอาไว้ให้ว่าเด็กทุกคนควรจะไปถึง ซึ่งระบบที่เหมือนสายพานการผลิตนี้เองกำลังถูกตั้งคำถามผ่าน เซี่ยเจิ้งเจี๋ย ว่ามันเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน และท้ายที่สุดมันสร้าง หรือ ทำลายเด็กซักคนหนึ่ง จากมนุษย์วัยเาว์ที่มีความสดใส กลับกลายเป็นผู้ใหญ่อมทุกข์ ความใสซื่อบริสุทธิ์และจินตนาการในวัยเยาว์ถูกริบออกไป จนเกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว โรงงานสายพานแห่งนี้ก็จะมอบป้านสถานะให้กับเด็กคนนั้นใหม่ว่า ดีใจด้วยนะ เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ความผิดพลาดของการศึกษาจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำร้ายเด็กหรือไม่ คำตอบที่หนังสือเล่มนี้ให้กลับมา คือ ไม่ใช่เลย ยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่างการเลี้ยงดูภายในครอบครัว ที่เป็นมืออีกข้างหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่ฟูมฟักอุ้มชูเด็กคนหนึ่งเช่นเดียวกันกับการศึกษา

โหวเหวินหย่ง เก่งมากในการนำทั้งสองประเด็นมาผสมรวมกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าสังคมของไต้หวัน (และอาจรวมถึงทุกสังคมบนโลกใบนี้) กำลังเผชิญปัญหาการทำลายเด็กและเยาวชนผ่านสายพานการศึกษาได้ยังไง

ลองนึกภาพดูว่า หากเด็กคนหนึ่งต้องทนทุกข์ต่อระบบการศึกษาที่ไม่ตอบโจทก์อะไรในชีวิตของเขา เป็นเหมือนกรงขังความฝันและจินตนาการของเขา แถมมองกลับมายังครอบครัวเพื่อจะเป็นมืออบอุ่นที่จะคอยซัพพอร์ตเขา ก็กลายเป็นว่าครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนอีกต่อไป เผลอๆจะเห็นดีเห็นงามต่อสายพานปีศาจนี้เข้าอีกคำรบหนึ่งด้วย

ตัวอย่างของเด็กที่ถูกทำรายต่างๆนาๆนี้ เผยออกมาผ่านตัวละคร หลากหลายตัวละครใน แสบ เด็กเหล่านี้พบว่าสังคมที่พวกเขาอยู่มันกำลังมีปัญหา การศกษามีปัญหา ค่านิยมมีปัญหา แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลยเพียงเพราะพวกเขายังเป็นเด็ก ที่มีหน้าที่อย่างเดียวคือเชื่อฟังผู้ใหญ่ไม่ต้องหืออือ เชื่อเหอะว่าผู้ใหญ่หวังดี ปลายทางข้างหน้าสดใสแน่นอน พวกเขาจึงต้องหาวิธีในการส่งเสียงของพวกเขาให้สังคมรวมถึงครอบครัวได้รับรู้ว่า นี่มันไม่ใช่ เรากำลังเดินมาผิดทาง แก้ไขมันได้มั้ย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

การที่ โหวเหวินหย่ง ใช้วิธีการน้ำผึ้งหยดเดียว เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ก้ดูจะไปกันได้ดีกับทุกอย่างที่ผมพูดมาเลย เพราะสังคมมักมองว่าการศึกษามันก็เป็นแค่เรื่องตั้งใจเรียน สอบให้ได้คะแนนดี แค่นั้น อดทนหน่อยจะเป็นอะไรไป เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำไมทนไม่ได้ แต่สิ่งที่อบอวลอยู่ในเรื่องนี้ทำให้ห็นว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย น้ำผึ้งหยดเดียวอย่างการศึกษานี่แหละที่หากมันเริ่มต้นด้วยความบิดเบี้ยวแล้ว ผลลัพท์ที่ออกมาย่อมบิดเบี้ยวจนไม่อาจกลับไปแก้ไขได้อีกเลย การศึกษามันไม่ใช่แค่การเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ แต่มันยังสอนถึงค่านิยมของสังคม จริยธรรม การใช้ความคิดจินตนาการ ซึ่งของพวกนี้แหละที่กำลังผิดเพี้ยนกันไปหมด
พูดง่ายๆว่าถ้าผู้ใหญ่ที่หลุดออกมาจากสายพานนี้ ถูกตั้งชุดโปรแกรมจนผิดเพี้ยนไป การจะแก้ไขให้กลับมาถูกต้องเช่นเดิม มันคงไม่เรื่องง่ายอีกแล้ว

เรากำลังสอนอะไรให้กับลูกหลาน
เรากำลังปลูกฝังอะไรให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝังการระบบการศึกษา หรือภายใต้ครอบครัว
เรากำลังสอนพวกเขาว่าอะไรดีอะไรชั่วโดยใช้ฐานคิดอะไร และมันถูกต้องหรือไม่
เรามีพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงความคิดเห็น ได้มีสถานที่ให้พวกเขากล้าที่จะแลกเปลี่ยนหรือแสดงความเป็นตัวตนของพวกเขาออกมาหรือไม่
หรือเราไม่เคยคิดถึงคำถามเหล่านี้เพราะเรามองเด็กทุกคนว่าต้องก้มหน้าทำตามที่ เราในฐานะผู้ใหญ่ชี้นิ้วให้เห็นเท่านั้น เด็กเหล่านี้คิดเองไม่เป็น ไม่มีความรู้สึกที่จะต้องนำมาใส่ใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องรับฟังพวกเขาก็ได้ ไว้ค่อยฟังเมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่เราต้องการก็ได้ ไม่สายเกินไปหรอก

แต่เรื่องราวของ เซี่ยเจิ้งเจี๋ย และพวกพ้องของเขา กำลังบอกพวกเราว่า ทุกอย่างมีคำว่าสายเกินไปทั้งนั้น พวกเขาไม่ใช่เด็กแสบในแบบที่ผู้ใหญ่แปะป้าย พวกเขาเป็นแค่เด็กที่ตั้งคำถามต่อสังคมและหวังว่าจะมีใครซักคนเข้าใจและรับฟังพวกเขาเท่านั้น

เมื่ออ่านเรื่องนี้จบแล้ว โหวเหวินหย่ง คงหวังให้ผู้ใหญ่ทุกคนกลายเป็นคนคนนั้นที่รับฟังเสียงของเด็กๆ เด็กที่ผู้ใหญ่ทุกคนเคยเป็นมา แต่เราฆ่าเด็กในตัวของเราเหล่านั้นทิ้งไปหมดแล้ว เพื่อการกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างที่สังคมต้องการ ผ่านสายพานการศึกษาที่สัญญากับเราว่าจะสร้างเด็กให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม

คำสัญญาที่ไม่อาจจะรักษาไว้ได้ แต่ก็ไม่มีใครสงสัยต่อคำสัญญานี้เลย
Profile Image for Donakrap Dokrappom.
189 reviews31 followers
June 23, 2022
(หนังสือที่ลัดคิวอ่าน)

จุดหักเหในชีวิตของคนเราอาจมีไม่มากหรอก หากมีระบบที่ครอบครัววางรากฐานไว้ให้ในระดับหนึ่ง ชีวิตก็คงมีรูปแบบและดำเนินไปในทิศทางอย่างที่พ่อแม่อยากให้เป็น และสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ยอมทุ่มสุดตัวให้ลูกก็คือการศึกษา การศึกษาคือความหวัง การศึกษาจะพาให้พวกเขาไปได้ไกล ไกลกว่าตัวเอง ไกลกว่าผู้อื่น และในฐานะพ่อแม่ จำเป็นที่สุดที่จะต้องส่งพวกเขาให้ไกลเท่าที่จะทำได้

ผมได้เรียนโรงเรียนที่ดี สอบเข้ามอปลายโรงเรียนชื่อดัง ได้เรียนมหาวิทยาลัยในคณะที่คู่ควร สุดท้ายก็ได้ทำงานในสายงานที่พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ตายตาหลับ ชีวิตเป็นไปแบบนี้ ผมรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งที่ครอบครัวได้มอบให้ และถึงแม้จะมีความสุขกับชีวิตอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมันก็เดินทางมาถึงจุด ๆ หนึ่ง จุดที่รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้พาเราไปถึงไหน เหมือนตู้เกมหยอดเหรียญที่เล่นซ้ำ หยอดเหรียญเล่นซ้ำ หยอดเหรียญเล่นซ้ำ สาบานได้เลยว่าผมจะเล่นมันต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น... (ยืมคำพูด “ผม” ใน pinball 1973 มาใช้หน้าด้าน ๆ)

หรือว่านี้คือชีวิตทั้งหมด ชีวิตที่พ่อแม่คาดหวัง ชีวิตที่สังคมคาดหวัง เป็นชีวิตที่ต้องมาตั้งคำถามว่าตกลงเรากำลังทำอะไรอยู่ หยอดเหรียญซ้ำ ๆ เล่นซ้ำ ๆ ชีวิตต้องการอะไรกันแน่ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น...นี่หรือที่การศึกษาที่ผ่านมาได้มอบให้ เพียงเพื่อให้ได้ความรู้ในการตอบคำถามยาก ๆ แต่กลับไม่สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้

นี่หรือชีวิตที่การศึกษาได้มอบให้...

หากสิ่งที่สอนในโรงเรียนเป็นวิชาความรู้จริง ๆ ทำไมวิชาความรู้พวกนี้ไม่ช่วยให้ผมมองเห็นสัจธรรม มองเห็นหนทางของชีวิตหรือแสงสว่างในความมืดได้เลย

คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องอยากให้ลูกตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น แต่ในใจก็ย้อนแย้งในตัวเอง จะบังคับพวกลูกเรียนหนังสือ ก็กลัวว่าลูกจะมีความสุข จะไม่บังคับก็กลัวในภายภาคหน้าจะผิดต่อลูก ถ้าหากพ่อแม่สามารถรักลูกอย่างเดียวโดยไม่ต้องคอยเป็นห่วง ไม่ต้องคาดหวังได้ก็คงดี
Profile Image for Daniel.
195 reviews152 followers
November 4, 2012
This is a brilliant novel on several different levels, and an excellent discussion of Taiwan's education system. There is a good range of characters presenting a large variety of perspectives (students, teachers, parents, education researchers, school dropouts as the main characters and other perspectives from politicians, overseas Taiwanese students, managers etc.). The development of some of the main characters is amazing, as they struggle with conflicting ideas of a performance-oriented education and the need to get into good universities on the one hand and concerns over high pressure affecting students' well-being and social relations on the other. It is also a tale of of the risks of stepping out of the mainstream both in terms of educational performance and opinions on education - the dangerous mind - and the repercussions this can have on students' education prospects and social isolation.
I highly recommend this novel to anybody interested in education or Taiwan. I think it should be translated into English.
Profile Image for Araya Pichitkul.
172 reviews18 followers
October 7, 2018
อ่านแล้วแบบว่า นี่หรือคือระบบการศึกษา
ชอบตอนหนึ่งในหนังสือที่บอกว่า การศึกษาควรทำให้ผู้เรียนรู้สึกพิเศษ และชอบฉากที่คุณครูตั้งใจสอนถึงแม้จะมีนักเรียนคนเดียว
เป็นหนังสือที่สะท้อนปัญหาการศึกษาได้ดีมากๆ ลุ้นมากว่าจะจบยังไง ทุกอย่างดูลุกลาม บานปลาย
536 reviews6 followers
August 24, 2021
มุมของเรื่อง:
เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างอาจารย์กับนักเรียน
ขยายไปสู่โรงเรียน สู่สังคม สู่ระดับกระทรวงศึกษา
ทว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร ตัวเอกของเรื่องได้แต่คิด
จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้ หรือแค่กระแสลมที่ผ่านมาแล้วผ่านไป

ด้านการเรียน:
การเรียนการสอนควรทำเพื่อเด็ก แล้วควรยึดเด็กเป็นสำคัญ
หากสามารถทำให้เด็กติดเหมือนเล่นเกมได้ นั่นก็คือโรงเรียนที่ทุกคนอยากเรียน
แต่ความจริงคือเราเอามาตราฐานแบบเดียวมาตีกรอบให้ทุกๆคนเหมือนๆกัน
ใครเห็นต่าง ใครทำต่าง ต้องกระเด็นออกไปจากระบบนี้
Profile Image for Ozakiaun.
44 reviews2 followers
February 9, 2025
มานั่งไล่รีวิวงานย้อนหลัง เนื้อเรื่องหลัก ๆ ของเรื่องนี้สะท้อนปัญหาการศึกษาของไต้หวัน อย่างพวกระบบอาวุโส ระบบฝาก การสอบคือพระเจ้า ทุกคนต้องเรียนหนังสือ เรียนไม่ไหวก็แพ้ไป เนื้อหาการเรียนที่ดูไม่มีประโยชน์อะไร อาจารย์เอาเนื้อหาที่สอนพิเศษนอกห้องมาออกสอบในโรงเรียน ฯลฯ ดำเนินเรื่องแบบให้ตัวเอกเป็นคนเล่า ใช้วิธีเล่าแบบเล็กสะท้อนใหญ่คือปัญหาของเด็กคนนึงสะท้อนปัญหาระดับชาติประมาณนี้ จริง ๆ ตอนที่อ่านก็มีคำพูดที่ชอบมาก ๆ อยู่เหมือนกัน เช่น

"เฮ่ ต่อให้เลี้ยงหมู นายให้อาหารหมูชนิดเดียวกันกับหมูล้านตัว มันก็ต้องมีตัวที่กินไม่ลงบ้างล่ะ นายคิดว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทนเรียนวิชาเดียวกันหมดทุกคนด้วยล่ะ" กับ "...ฉันสับสนมาก นายคิดดูสิ การคัดค้านสิ่งที่ผิด หมายความว่าเราก็คือฝ่ายถูกใช่หรือเปล่า"

สรุปคือดี ดีมาก บางซีนอ่านแล้วอินจนโกรธอินจนร้องไห้ ทั้งเรื่องนี่ออกแนวตลกร้าย ทั้งขำทั้งหดหู่ เรียลเหลือเกิน อะไรจะเรียลขนาดนี้ อยากให้ทุกคนได้อ่านอะ จะเด็กหรือครูหรือใครก็ตาม ทุกคนควรได้อ่านจริง ๆ
Profile Image for Cathy.
615 reviews12 followers
August 27, 2022
我感覺不太寫實,但是是很有趣的都市寓言,藉著謝政傑這個角色以及所遭遇的事情,將台灣教育改革的難處與困境數點梳裡了一遍。謝政傑從小說中段以後的睿智觀察,部長、委員、記者、家長之間的攻防,沈韋的歌唱與自殺,以及最後謝政傑失語的選擇,都像寓言一樣。(搖頭丸那段我就不太了解想表達什麼了。)二十多年前的教育觀察,和現在的教育環境比照之下,有很多事改了,但也有很多沒改。

我感覺謝政傑在直播節目上提及的理想教育很像 unschooling,那個要放在體制裡真的很難。

全書我印象最深刻的是數學題目和國文題目,發現我還能回答,寶刀未老 XD
Profile Image for lily-chan (李里長).
63 reviews
September 24, 2024
文筆風趣幽默,故事流暢。早段所敘在廁所吃午餐、和妹妹討論乘數和「烘焙雞」=homepage等都是一絕。角色塑造尚算分明,除了詹老師有些灰色地方外。故事內容亦讓讀者認識許些台灣教育問題。
後段利用主角口中講出教育理想似乎有點太多太官腔,也不太似一個十五歲少年的口吻。
情節上個人認為到上電視受訪後已可功成身退,後續有點太多。
還有 不知是否出版社校對問題,書中所提的外婆應該是"阿嬤"不是"阿媽"。
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for YY.
4 reviews
Read
December 5, 2025
讚透了...
一開始只是被侯文詠對於教育體制批判的這個主題吸引,沒想到裡面包含的東西遠遠更多。其中對於官僚體制、社會運動的反思,以及對於社會現實荒謬性的描寫都極為深刻。老��說大多數的情節有點cliché,但正是cliché的情節發展才讓他更真實和深刻

其中非常喜歡的部分是,主角小傑和配角艾莉的遭遇根本就是標籤理論案例吧(偏差社會學應該要把危險心靈列為指閱)(x
總之非常不錯,並且覺得是多年後會二刷的書
Displaying 1 - 17 of 17 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.