อุ้มสม20 reviews24 followersFollowFollowApril 6, 2019ปราปต์คือนักเขียนเจ้าของสมญา “แดน บราวน์แห่งสยามประเทศ” ด้วยผลงานนวนิยายสืบสวนสอบสวนสมัยสงครามโลกครั้งที่สองอย่าง “กาหลมหรทึก” ที่โด่งดังและดีเยี่ยมถึงขั้นเข้ารอบซีไรต์ นำมาซึ่งผลงานตามมาอย่าง นิราศมหรรณพ ห่มแดน ฯลฯ ซึ่งทั้งสามเรื่องที่เราพูดมาต่างเป็นแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวน ในฐานะคนที่ตามงานของเขามาตลอด เราเชื่อว่านักอ่านคนอื่นๆ คงรู้สึกเหมือนเราว่านิยายสืบสวนคือสไตล์ คือลายเซ็นของปราปต์ แต่แท้จริงแล้วเขาเคยเขียนนิยายรักมาก่อนที่จะเขียนสืบสวนนะ และ “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” ผลงานเล่มใหม่ของปราปต์ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้คนอ่านรู้ได้ชัดเจนว่า นิยายรัก คอเมดี้ ฮากระจาย ปราปต์ก็ “เอาอยู่” “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” คือนิยายที่เราอ่านจบอย่างรวดเร็ว ความสนุก ความทึ่ง หลายสิ่งที่เราสัมผัสได้ตลอดการอ่าน ทำให้เราบอกกับตัวเองว่าจะต้องรีวิวเรื่องนี้ให้ได้! สิ่งแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ในนิยายของปราปต์คือสำนวนภาษา ผู้เขียนมีสำนวนภาษาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ว่าไม่เปิดนามปากกาก็รู้ว่าปราปต์เขียน มีการหยิบนำสารพัดคำมาร้อยเรียงให้คล้องจองในประโยค เป็นเสน่ห์ของเขาที่เราอดทึ่งไม่ได้ สังเกตง่ายๆ ก็จากคำโปรยปกหลัง“น้องกี้เป็นสตรีสุดสตรอว์พึ่งพระทุกสำนัก เจ้าทุกศาสนาและบ้าหมอดูประหนึ่งติดกัญชา เพื่อช่วยให้ชีวาดีเฟ่อถึงเข้างานสาย ชิ่งลาบ่าย อ้างเหตุสารพัดเพื่อดอดไปเข้าวัด อัปชะตาให้ดีขึ้นแต่เธอก็ไฟต์ชนะหัวหน้างานทุกแมตช์เพราะเส้นสายแฟนหนุ่ม” ปกหลังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ในนิยายเราพูดเลยว่าสำนวน “สวิงสวาย” มาก ลูกเล่นในสำนวนของผู้เขียนทำให้เราอดที่จะทำอมยิ้มหรือขำก๊ากไม่ได้ พี่จะเอาฮาไปถึงหนาย แต่ก็เป็นเสมือนดาบสองคม เพราะเรารู้สึกว่าในช่วงแรกต้องปรับตัวและตั้งสติพอสมควรกว่าที่จะอ่านได้ไหลลื่น ช่วงแรกการดำเนินเรื่องไม่เร็วมาก ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ผู้เขียนค่อยๆ ทำให้เรารู้จักนางเอกและค่อยๆ คุ้นชินกับสำนวน ซึ่งถ้าผ่านช่วงแรกไปได้สำหรับเราคือสนุกจนติดลม “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” คือนิยายตลก ! แค่ได้ยินชื่อเรื่อง เราก็รู้สึกทึ่งและขำกับหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว ความคอเมดี้นอกเหนือจากสำนวนยังรวมถึงมุกตลกที่ผู้เขียนสอดแทรกไว้ตลอดทั้งเรื่อง หลายมุกที่ทำให้เราฮา ขำ บางทีก็ขำในความกล้าของผู้เขียน กล้าที่จะเล่นมุก…แบบนี้ก็ได้เหรอ ยกตัวอย่างที่พอจำได้นะ “สัก เต็ง รัง นี่พี่จะมาไม้ไหน” “…ยิ่งกว่าซีพี ยิ่งกว่าโฟร์ซีซัน เพราะใส่ไข่ใส่สีเก่งกว่าใคร…” มากกว่ามุกตลก ความฮาในเรื่องนี้ยังเกิดจากบุคลิก คาแรคเตอร์ของนางเอกอย่าง “นางสาวลัคนา สำลี” หรือ “น้องกี้” ผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัว เจ้าแผนการ มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองสวย คิดว่าตัวเองเก่ง (แอ๊บ)ทำตัวดี พูดจาอ่อนหวานกับทุกคน ยึดถือดวงชะตาเป็นสรณะ นอกจากทำให้เราขำแล้ว ยังทำให้เราคิดว่าคนแบบนี้มันต้องโตมาแบบไหนกันนะ! เอาเป็นว่าทั้งสำนวน ทั้งบทสนทนา ทั้งคาแรคเตอร์นางเอก ใครอ่านแล้วไม่ขำ (สักนิด) ก็ให้มันรู้ไป “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” คือนิยายรัก ! เพราะปราปต์สร้างตัวละครที่ผิดปกติอย่างน้องกี้ที่เป็นนางเอกของเรื่อง โลกในนิยายเรื่องนี้จึงสมดุลขึ้นเพราะมีตัวละครที่สุดแสนจะปกติ ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปมากที่สุดในเรื่องอย่าง “โชคบดี” พระเอกของเรานั่นเอง จากกิ๊กเก่าแก่เรียนสิวเขรอะของน้องกี้ สู่ผู้ชายหล่อล่ำมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่ม จากไอ้โชคบ่ดี สู่คุณโชคบดีที่พ่อหมอทำนายว่าคือ “ทูตสวรรค์” ของน้องกี้ ถ้าตามอ่านตั้งแต่ต้น เหมือนว่าคนที่หวั่นไหวก่อนจะเป็นน้องกี้ ที่แสดงอาการชัดเจนว่ามีใจให้คุณโชค ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย จะบอกว่าคุณโชคคือทูตสวรรค์ของน้องกี้ก็ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนเทวดาที่คอยนำทางให้น้องกี้ จากที่มืดมนอนธการ ค่อยๆ ที่แสงไฟริบหรี่ จนในที่สุดก็ถึงทางสว่าง “เธอไม่ต้องทำเพื่อให้ใครมารัก เพราะเธอมีดีมากพอ มากพอที่ควรจะเชื่อในตัวเอง” “ไม่มีอะไรอันตรายเท่าเธอแล้วละ” ความช่วยเหลือที่มาพร้อมกับความปากร้าย วาจาเหน็บแนม (แต่คนอ่านอย่างเราช้อบชอบ) ซึ่งเราก็รู้สึกเหมือนน้องกี้ว่าถึงเขาจะปากร้าย แต่สิ่งที่คุณโชคทำ สิ่งที่คุณโชคให้กับน้องกี้ มันเป็นสิ่งที่น้องกี้ไม่เคยได้รับ ไม่เคยสัมผัสได้จากใครมาก่อน แม้กระทั่งคนในครอบครัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องกี้จะหลงรักผู้ชายคนนี้ ที่ชวนให้คนอ่านอย่างเราหาคำตอบ คืออะไรที่ทำให้คุณโชครักผู้หญิงอย่างน้องกี้ อะไรที่ทำให้คุณโชคเห็นสิ่งดีๆ ในตัวน้องกี้ แล้วนำมาซึ่งความรักต่างหาก…คำตอบอยู่ท้ายเล่ม ความรู้สึกหลังอ่านจบ คือมันอิ่มใจ มันอมยิ้มกับความรู้สึกของผู้ชายอย่างคุณโชค จนทำให้ “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” เป็นนิยายรักที่ถ่ายทอดความรักของพระนางได้สมบูรณ์จนคนอ่านอิน ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง อุ้มสมบอกได้เลยครับว่าคุณโชคคือผู้ชายที่คู่ควรแก่การให้ผู้หญิงสักคนมารัก แต่คนดีๆ อย่างเขาก็รักผู้หญิงประหลาดอย่างยัยน้องกี้ไปแล้ว! อ้อ ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือช่วงที่เรื่องเริ่มสนุก วางไม่ลง พระนางมีเหตุต้องพลัดพรากจากกัน ไมได้เจอกันตัวต่อตัวนานพอสมควร แต่เรายังสัมผัสได้ถึงความเป็นนิยายรัก ความโรแมนติกปนฮาของคนสองคน คือเอาเข้าจริงคุณโชคได้ความมารยาจากน้องกี้ไปเยอะเหมือนกันนะ เราชอบมากๆ สำหรับโมเมนต์ที่สองคนหาทางติดต่อกันถึงแม้จะไม่เจอหน้ากัน และที่ยิ่งกว่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดในนิยายเรื่องนี้ที่เราตกผลึกได้ “My Precious Bad ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” คือนิยายสะท้อนสังคม ! นิยายเรื่องนี้เป็น ๑ ใน ๖ เรื่องที่ได้รางวัล Good Plot Season2 พลอตเด่นเป็นละคร ภายใต้โจทย์ “สะท้อนสังคม” ข้อความที่ผู้เขียนหยิบยกมาพูดถึงตั้งแต่ย่อหน้าแรกของคำนำ คือข้อความของคนดังท่านหนึ่งที่เป็นกระแสทางโซเชียล “”ประเทศเฮงซวย จะอีก ๕๐ ปีหรืออีก ๑,๐๐๐ ปี ก็ไม่เจริญขึ้นหรอก ยิ่งกูดิ คือข้อความที่สรุปสาระสำคัญของเรื่องที่ปราปต์ต้องการสื่อได้ดีเยี่ยม สโคปของเรื่องไม่ได้ใหญ่ถึงขั้นระดับประเทศ เพียงแค่พูดถึงบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง ซึ่งมาถึงจุดที่น้องกี้อยากลาออก อยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ มีคุณภาพมากกว่านี้ ไม่อยากจมปลักกับบริษัทแย่ๆ ไร้คุณภาพเช่นนี้ แต่น้องกี้คงลืมนึกไปว่าการที่ที่ใดที่หนึ่งจะดี จะแย่ ปัจจัยสำคัญก็คือคนในที่นั้นๆ บริษัทแอ๊กซ์ยังมีซีอีโอที่ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ยอมรับแม้กระทั่งคนเก่งๆ ที่เป็นเพศที่สาม บริษัทแอ๊กซ์ยังมีหัวหน้าที่ไม่เที่ยงธรรม บริษัทแอ๊กซ์ยังมีพนักงานมนุษย์ป้าที่เอาแต่ใจตัวเอง จ้องหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว บริษัทแอ๊กซ์ยังมีพนักงานที่ไม่มีวุฒิภาวะ ใช้โซเชียลเป็นช่องทางจิกกัด หาเรื่อง ทะเลาะเบ��ะแว้ง และ บริษัทแอ๊กซ์ยังมีพนักงานอย่างน้องกี้ ที่ใช้เส้นสายแฟนหนุ่มเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด น้องกี้ที่บ้าดูดวง ชนิดที่ว���าเห็นหมอดูดีกว่างานตรงหน้า แล้วอย่างนี้ คุณภาพของที่ไหน ไม่ขึ้นอยู่กับคุณภาพในตัวคนในที่นั้นๆ หรือ? ไม่เพียงแค่ตีแผ่เรื่องราวการทำงาน เรื่องราวของมนุษย์เงินเดือน การสมัครงาน การสัมภาษณ์งานในปัจจุบันเท่านั้น แต่ปราปต์ยังตีแผ่เรื่องราวของครอบครัว การเติบโตของน้องกี้ได้อย่างลึกซึ้ง เราค่อยๆ ซึมซับเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ ค่อยๆ ทำความรู้จัก ทำความเข้าใจกับเธอ “ครอบครัว” คือสิ่งที่หล่อหลอมให้คนเติบโต หล่อหลอมความคิด นิสัย การกระทำ เห็นได้ชัดทั้งจากครอบครัวของน้องกี้ และครอบครัวของคุณโชค ที่ทำให้ทั้งสองคนต่างกัน ต่างกันจนน้องกี้มองเห็นเส้นขนานข้างหน้า ต่างกันจนน้องกี้ไม่อยากสร้างความเดือดร้อน ไม่อยากเป็น “ตัวซวย” สำหรับคุณโชค…อีกแล้ว เอาล่ะสิ… เปิดเรื่องด้วยคอเมดี้ แต่อ่านไปอ่านมาอาจน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว น้ำตาซึมกับครอบครัวของน้องกี้ ครอบครัวที่มีแค่แม่ น้องกี้ และน้องสาวเธอ ครอบครัวที่เคยตราหน้าน้องกี้ว่า “เกิดมาชง” ซาบซึ้ง อึ้ง ทึ่งไปกับครอบครัวคุณโชค กว่าจะเป็นคุณโชคในทุกวันนี้ ผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมาเยอะ และครอบครัวคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณโชคได้รู้จักคำว่า “ประสบความสำเร็จ” มากกว่านั้น ปราปต์ยังทำให้เราเข้าใจความหมายของคำว่า “เวรกรรม” ในอีกมิติหนึ่ง เวรกรรมที่ไม่ได้หมายถึงชาติที่แล้วส่งผลยังชาตินี้ เวรกรรมที่ไม่ได้หมายถึงตอนเด็กหักขากบแล้วโตมาจะขาหัก แต่ปราปต์ทำให้เราเข้าใจในนิยายคำว่าเวรกรรม ที่สอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่า “ทุกอย่างล้วนเป็นเหตุเป็นผล” ทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น สิ่งที่เราประสบพบเจอจะดีหรือแย่ ล้วนเกิดจากการกระทำของเรา ไม่ได้เกี่ยวกับโชคชะตาฟ้าลิขิต ไม่ได้เกี่ยวกับดวงใดๆ เลย ดีใจที่น้องกี้คิดได้ และเอาใจช่วยให้เธอพบกับทางสว่างเร็วไว ท้ายสุดสุดท้าย แก่นเรื่องของนิยายเรื่องนี้ก็คือชื่อนิยายภาษาอังกฤษนั่นแล “My Precious Bad” ชีวิตของใครสักคนจะดีจะแย่ ไม่ได้อยู่ที่ดวงซวยดวงจู๋ แต่อยู่ที่ “สองมือ” ของใครคนนั้น สองมือที่จะสร้างสิ่งดีๆ ให้แก่ชีวิตตัวเอง หรือจะหยิบยื่นยาพิษเข้ามาในชีวิตตัวเอง…อยู่ที่เราทั้งสิ้น แม้ประสบเรื่องร้ายในชีวิต หากเลือกในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่เหมาะ ต่อให้จะโชคร้าย จะดวงซวยแค่ไหน…มันก็เป็นโชคร้ายที่แสนมีค่า ยังมีตัวละครตัวหนึ่งที่อยากพูดถึง พูดแค่สั้นๆ ว่าชอบ คือตัวละครที่เป็นคู่ปรับตัวฉกาจ เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อของสาวแอ๊บอย่างน้องกี้ เราชอบตัวละครตัวนี้มาก เป็นอีกตัวละครที่สร้างสีสัน ที่ทำให้เรื่องนี้สนุกมากขึ้น ตัวละครที่ไม่ใช่นางร้าย แต่เป็น “นายร้าย” ต่างหาก! ร้ายกาจ เจ้าเล่ห์จนต้องบอกต่อเลยครับ ชมมาเยอะแล้ว ข้อเสียที่ขัดอกขัดใจเราก็มีไม่มาก พอจะมองข้ามไปได้ เรื่องสำนวนที่สวิงสวาย มุกตลกที่อิงจากโฆษณา ดารา ละคร หรืออะไรที่เป็นกระแสในปัจจุบัน ซึ่งนักอ่านที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอาจมึนงงหรือไม่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่เราอยากให้เพิ่มเติมคือช่วงท้ายเรื่อง สิ่งที่ค้างคาในความรู้สึกเราคือบทสรุปของตัวละครประกอบที่สำคัญในเรื่อง ทั้งครอบครัวแฟนของน้องกี้ ทั้งตัวคู่ปรับน้องกี้ หรือตัวละครอื่นๆ ไม่ต้องถึงขั้นบทสรุปก็ได้ เพียงแค่เราอยากรู้ว่าชีวิตของเขาเป็นอย่างไรต่อไป ดำเนินไปในทิศทางใด ซึ่งการสรุปหรือบอกเล่าเรื่องราวตัวละครประกอบในช่วงท้ายเรื่อง ปราปต์ทำไว้ดีมากในเรื่อง กาหลมหรทึก จึงเป็นสิ่งที่เราอยากให้เพิ่มในเรื่องนี้ เป็นนิยายดีอีกเรื่องที่แนะนำ เพราะพรหมลิขิต รักนี้จึงไม่พึ่งโชค มาเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่มีค่ากันเถอะครับ
Muggle Mat166 reviews15 followersFollowFollowJune 6, 2020สารภาพว่าอ่านข้ามไปเยอะอยู่เหมือนกัน น่าจะตัดทอนลงเหลือครึ่งเล่มกำลังดี.รวมๆ แล้วมีหลากหลายอารมณ์ จิกกัด เสียดสี ตามสไตล์ปราปต์ คล้ายๆ อ่านเรื่อง “เปรต” แต่เล่มนี้ชี้ชัดลงไปในสังคมออฟฟิศมากกว่า แล้วแบบผู้หญิงๆ ด้วย.อ่านบทแรกๆ ยังตั้งตัวไม่ทัน เพราะด้วยความเร็ว แรง ไว ของ “น้องกี้” แต่ก็เพราะน้องกี้ด้วยนี่แหละ เรื่องถึงสนุก เออ นางเอกอะไรวะ โคตรชีวิตจริงเลย 555555.ยกความดีความงามให้ “คุณโชค” ฑูตสวรรค์ เป็นตัวละครเดียวที่รู้สึกว่าเป็นนิยายจริงๆ ที่เหลือคือชีวิตจริงเกินไป .ติดขัดกับเรื่องนี้ตรงที่ นักเขียนดูจะชี้แนะ แนะนำเกินไป นี่เป็นนิยายหรือหนังสือสอนชีวิต?
Patrawan Dear1,467 reviews148 followersFollowFollowReadSeptember 20, 2017# My Precious Bad Luck ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋ / ปราปต์งานเขียนเรื่องนี้แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปลายปากกาของปราปต์ ผู้เขียนกาหลมหรทึกอันโด่งดัง เนื่องจากเป็นแนวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองเรื่องก็ยังคงเป็นผลงานที่ชนะการประกวดเหมือนๆกัน นับว่าผู้เขียนมีความเก่งกาจเกินวัยกันเลยทีเดียวเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีปมบางอย่างในใจ ทำให้มีการกระทำที่แปลกและไม่ค่อยน่ารัก เธอคิดได้เองและถูกกล่อมเกลาด้วยความรักจากชายที่เห็นคุณค่าในตัวตนที่แท้จริงของเธอ จนสามารถกลับมาเดินบนทางที่ถูกที่ควรได้ในที่สุดผู้เขียนเล่าเรื่องด้วยสำนวนจิกกัด แทรกอารมณ์ขันแบบวัยรุ่นเป็นระยะ เมื่ออ่านบทแรกๆ เราต้องปรับตัวนิดหน่อย งมหาทิศทางยังไม่เจอ เลยมองไม่ออกว่าผู้เขียนต้องการจะสื่อสารอะไร ยิ่งบุคลิกนางเอกที่ล้นจนเกินล้น คนรอบข้างก็ยังล้น เราจึงรู้สึกว่าเรื่องเดินไปข้างหน้าค่อนข้างช้า เพราะมันล้นออกข้างเสียหมดอย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านไปถึงครึ่งเล่มหลัง เริ่มจับประเด็นได้ ทีนี้เหมือนเครื่องติดเทอร์โบค่ะ เรามองเห็นมุมมองบางอย่าง การสะท้อนสังคมในบางแง่ ประเด็นที่ผู้เขียนใส่เข้ามาไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนแต่ท้าตายและไม่ทิ้งลายของ "ปราปต์" เลย ถึงขั้นจุกจนสะอึกไปในบางช่วงบางตอนเหมือนกันทางด้านสำนวนภาษานั้น ผู้เขียนเป็นคนใช้ภาษาได้สละสลวยและมีเอกลักษณ์ แต่ในเล่มนี้ แม้ว่าภาษาจะยังสวยและยังจับเอกลักษณ์จากการใช้คำบางคำได้ แต่วิธีการเล่าเรื่องด้วยสำนวนที่จงใจให้สวิงสวายมากๆในช่วงต้นเรื่อง ก็ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยไปบ้างเหมือนกัน...ป้าแก่แล้ว วิ่งตามไม่ค่อยไหว... ยังดีที่ช่วงครึ่งเล่มหลังไม่ต้องวิ่งแล้ว ซึ่งก็เป็นช่วงที่ดราม่าบังเกิดพอดิบพอดี อ่านเพลินเลยค่ะและจากการอ่านงานของผู้เขียนมาหลายเรื่อง เราคิดว่าที่ขาดหายไปในเรื่องนี้คือการบรรยายฉากและบรรยากาศรอบข้างที่ผู้เขียนสามารถเขียนให้เราเห็นเป็นภาพติดค้างอยู่ในใจได้ในเรื่องก่อนๆ มาถึงเรื่องนี้กลับหายไป ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นในเรื่องแนวอย่างนี้ก็ได้ถ้าถามว่าชอบแนวไหนของ��ู้เขียนมากกว่า เราว่าเราชอบทั้งสองแนวนะคะ แนวเดิมนั่นเอาไว้อ่านไปคิดไป ฝึกสมอง ส่วนแนววัยรุ่นอย่างเรื่องนี้ เราว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่า สนุกสนานได้ข้อคิดแบบไม่ต้องเครียดมาก ตอนทำเป็นละครน่าจะสนุก บทส่งมากๆ อยากให้ casting ตัวละครเร็วๆเลยค่ะ :)
orangejasmine742 reviews17 followersFollowFollowJuly 15, 2018เพิ่งเคยอ่านงานเขียนของคุณปราบต์ เรื่องดังๆ ทั้งหลายแหล่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยอ่าน จับสลากได้เรื่องนี้มาจากกองดองก็เลยได้อ่านงานของคุณปราบต์เสียทียอมรับก่อนเลยว่าการเขียนของคุณปราบต์คือมีเอกลักษณ์มากด้วยสำนวนภาษา การใช้คำต่างๆ แบบนี้ไม่ค่อยเห็นในนิยายรักเท่าไหร่แล้ว ไม่เห็นนามปากกา แบบหยิบหนังสือมาอ่านเพราะชื่อเรื่องก็จะรู้เลยว่าคุณปราบต์เป็นคนเขียนส่วนเรื่องเนื้อเรื่องนั้น ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า ถ้าจัดนิยายเรื่องนี้เข้าหมวดนิยายรัก เรื่องนี้เป็นนิยายรักที่ค่อนข้างย่อยยาก แต่ถ้าจัดเข้าหมวดนิยายปรัชญาการใช้ชีวิต ก็ถือว่าใช้เตือนตัวเองในการใช้ชีวิตได้ดีทีเดียวปกตินิยายรักที่อ่านก็จะอ่านแต่ย่อยง่ายๆ มากสุดๆ ก็นิยายแนวโรแมนติกซัสเพนด์ ที่ก็ไม่ได้ต้องอ่านไป ขบคิดตามอะไรมากมายเท่าการอ่านนิยายเรื่องนี้ ในเรื่องนี้ ในแต่ละคำพูดของคุณโชคนั้น ชวนให้ต้องใช้หมอง นั่งสมาธิตลอด แต่สุดท้ายก็คิดว่าคิดออก ตีแตก เข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อถึงผู้อ่าน คุณโชคต้องการสื่อถึงน้องกี้อยู่พูดถึงตัวละคร ก็ต้องยอมรับอีกเหมือนกันว่า ทำให้เราหลากหลายอารมณ์กับเธอมากๆ โดยเฉพาะน้องกี้ ขอบอกเลยว่า ถ้าคุณผ่านช่วงแรก (กินไปประมาณ 22 บท) ไปได้ คุณจะพบอะไรดีๆ ในตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ เพราะผู้เขียนเหมือนเตือนสติให้เราได้ในหลายๆ เรื่อง เพราะมันก็มีอยู่จริงๆ นั่นแหล มนุษย์ประเภทที่ไม่สนใจอะไรนอกจากดวง เท้าซ้ายเท้าขวา ตากระตุก เสื้อผ้าสีมงคล บลาๆ หรือแม้กระทั้งตัวผู้อ่านคนนี้เองก็ยังเคยโทษว่าเป็นเพราะดวงตกแน่ๆ ถึงโดนนั่นนี่ เป็นแบบนั้นแบบนี้ โดยก็ลืมคิดไปเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรไว้ ผลมันเลยเกิดแบบนี้ แต่ย้ำว่าคุณต้องผ่านความหัวร้อนในช่วงแรกไปให้ได้ เพราะยัยน้องกี้นั้น เป็นมนุษย์ป้าในร่างสาววัยยี่สิบต้นๆ ดีๆ นี่เอง เป็นมนุษย์แบบที่ถ้าเจอในที่ทำงานจะรังเกียจมากๆ เกลียดการต้องทำงานกับคนแบบนี้ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อ่านไปหัวร้อนไป ในเรื่องถ้าเอาตัวเองไปเทียบกับตัวละคร เราก็คงเป็นน้องรักเร่นี่เอง แต่ตอนท้ายเราก็ไม่ได้กลายเป็นปิศาจแบบรักเร่หรอกนะหลังจากผ่านความหัวร้อนไป จะถึงช่วงเวลาหัวเราะของเรา แต่ไม่ใช่ด้วยความขำ แต่คือสมน้ำหน้า อารมณ์นี้จริงๆ จังหวะที่คนที่ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่เชื่อดวง หาวิธีสบายทางลัดด้วยอำนาจทางอ้อมของนาง ตกลงมาจากหลังเสือคือเรานี่สมน้ำหน้านางมากจริงๆ คนขี้เกียจแบบนี้ เอาสมองไปใช้ในทางที่ผิดแบบนี้ มันต้องโดนแบบนี้ มีหลายฉากมากที่เราสมนาง ต้องไปอ่านเอง เล่าแล้วจะสปอยล์หัวร้อน สมน้ำหน้าแล้ว ตอนท้ายเรื่องซึ่งเหมือนเป็นแกนหลักของเรื่อง อารมณ์ที่สามก็มา นั่นคือสงสารและเอาใจช่วยให้นางผ่านเรื่องร้ายๆ ให้ได้เสียที ไม่ใช่แค่น้องกี้ที่คิดได้ คนอ่านคนนี้ก็คิดอะไรได้เหมือนกัน ชอบการตัดสินใจสุดท้ายของน้องกี้นะ ดูเป็นน้องกี้คนใหม่ ไม่เอาแต่อยู่ในคอมฟอร์ทโซนอีกต่อไปแม้จะค่อนไปทางนิยายปรัชญา เสียดสีสังคม แต่ก็ยังมีพาร์ทความรักเล็กๆ การพยายามเต๊าะคุณโชคบดีของน้องกี้อยู่บ้างประปราย คุณโชคที่คอยส่งความห่วงใยมาให้น้องกี้ โดยการสอน การชี้แนะทางสว่างตามประสาทูตสวรรค์ ก็ยังพอเป็นสีสันให้นิยายมันไม่หนักไปด้วยเนื้อหาจนเกินไป ตอนจบเรื่องก็ทำเราเขินและยิ้มตามได้อยู่ ด้วยเหตุนี้ ใครที่คิดว่ามันเป็นนิยายรักจ๋า หวานแหวว ก็อาจจะผิดหวังได้ แต่ถ้าเชื่อมือนักเขียน คิดว่านักเขียนต้องฝากสาสน์อะไรมาถึงเราแน่ๆ ก็หยิบมาอ่านโลด ไม่ผิดหวังค่ะ2018-read
นีน84 reviewsFollowFollowApril 30, 2018น่าเบื่อไปนิด และจะรำคาญกับตัวเอกเพราะเรื่องความเชื่อ แต่ตอนจบให้อะไรคนอ่านอยู่จริง มีแนวสืบสวนตามสไตล์นักเขียน
Ploysay199413 reviews2 followersFollowFollowMarch 17, 2018 จุดอ่อนเดิมของนักเขียนคนนี้อีกแล้ว ชอบมีไขมันที่ไม่จำเป็น ในขณะที่เนื้อเรื่องจริงๆ มีอยู่นิดเดียว แก้ไขยังไงก็ไม่หายนะ
Dew284 reviewsFollowFollowAugust 22, 2021ความที่ฉันประทับใจกับงานเขียนของปราปต์จาก กาหลมหรทึก และ นิราศมหรรณพ พอเห็นว่าปราปต์เขียนแนวตลกด้วย (ดูชื่อเรื่องก็พอเดาได้แล้ว) ก็เลยรีบสอยมาอ่าน แต่แค่ช่วงเปิดเล่มฉันก็รับนิสัยยัยน้องกี้ไม่ได้แล้ว ผู้หญิงอะไรทำไมน่ารังเกียจแบบนี้ ถ้าเป็นเพื่อนฉันคงเลิกคบ ถ้าเป็นลูกน้องฉันคงเชิญออก นี่เลยยังอ่านค้างอยู่ในกองดองมาจนป่านนี้ คิดว่าสักวันคงทำใจหยิบมาอ่านต่อได้เพราะเคยไปบ่นๆ กับนักเขียนถึงความรับไม่ได้กับนิสัยนางเอก และได้คำปลอบใจว่าถ้าอ่านไปถึงกลางเล่มได้จะมีจุดเปลี่ยนให้นางทำตัวดีขึ้น -- จนกว่าจะถึงวันนั้นขอให้แค่สองดาวไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะ (คะแนนนี้คืออิงจากช่วงแรกที่นางเอกนิสัยไม่น่ารักเอาซะเลย จริงๆ จะให้แค่ดาวเดียวแต่บวกอีกหนึ่งให้นักเขียนที่เขียนได้ดีจนฉัน 'อิน' ขนาดนี้)
Moji Juf-Fuf77 reviews3 followersFollowFollowAugust 25, 2019ซื้อมาอ่านเพราะอยากลองของ แต่กลายเป็นว่าต้องใช้ความพยายามในการอ่านมาก รู้สึกหมดพลังงาน ถามว่าสนุกไหม มันก็ผ่านเกณฑ์นะ เรื่องสำนวนเขาทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ด้วยการเล่าและบุคลิกบางตัวละครมันล้นไป (ไม่รู้ผู้เขียนจงใจหรือเปล่า) ทำให้อ่านแล้วค่อนข้างหงุดหงิด แล้วก็เป็นนิยายรักที่เนื้อหายย่อยยาก เพราะจากโทนเรื่องเป็นแนวรักที่เหมือนจะอ่านได้เรื่อยๆ แต่จริงๆ มันไม่ใช่ คาดว่าผู้เขียนคงติดความช่างซับซ้อนมาจากแนวสืบสวนที่เขาถนัด ซึ่งตรงนี้เราไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะในเมื่อเลือกจะมาสไตล์นี้แล้วก็ต้องไปให้สุด แต่นี่ยังแฝงความปรัญญาคล้ายๆ สืบสวนเข้ามาอีก มันเลยไม่ค่อยกลมกล่อมเท่าไร