What do you think?
Rate this book
เกมลวงโลก
อุเอะสุงิ อะกิฮิโกะ ได้รับข้อเสนอจากบริษัท อิปซีลอน โปรเจคท์ เรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับหนังสือเกม “เบรนซินโดรม” ที่เขาเป็นผู้เขียนขึ้น เพื่อไปพัฒนาเป็นเกมเสมือนจริงที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการเกม
หลังจากที่ได้ตกลงทำสัญญา อุเอะสุงิกลับไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากบริษัททั้งสิ้น จนกระทั่งผ่านไปปีครึ่งจึงได้รับการติดต่อมาว่า ทางบริษัทต้องการให้เขาเข้าร่วมการทดสอบเกมต้นแบบเบรนซินโดรมพร้อมกับ ทะคะอิชิ ริสะ หญิงสาวที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อให้เข้าร่วมทดสอบเกมด้วยเช่นกัน
แต่แล้วเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้น เพราะเมื่ออุเอะสุงิเริ่มทดสอบเกม เขากลับได้รับคำเตือนจากเสียงปริศนาที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขาเองว่า
กลับไปซะ และอย่าเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง
หลังจากที่ได้ตกลงทำสัญญา อุเอะสุงิกลับไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากบริษัททั้งสิ้น จนกระทั่งผ่านไปปีครึ่งจึงได้รับการติดต่อมาว่า ทางบริษัทต้องการให้เขาเข้าร่วมการทดสอบเกมต้นแบบเบรนซินโดรมพร้อมกับ ทะคะอิชิ ริสะ หญิงสาวที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อให้เข้าร่วมทดสอบเกมด้วยเช่นกัน
แต่แล้วเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้น เพราะเมื่ออุเอะสุงิเริ่มทดสอบเกม เขากลับได้รับคำเตือนจากเสียงปริศนาที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขาเองว่า
กลับไปซะ และอย่าเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง
318 pages, Paperback
First published January 1, 1989
9 people are currently reading
199 people want to read
Ratings & Reviews
Friends & Following
Create a free account to discover what your friends think of this book!
Community Reviews
Displaying 1 - 30 of 87 reviews
February 14, 2021
สนุกทีเดียว ที่ทำให้ตื่นตะลึงคือพิมพ์แรกของต้นฉบับหนังสือเล่มนี้ ปล่อยออกมาราวปี 1989 ซึ่งต้องบอกว่าพล็อตไซไฟล้ำมาก แถมยังมาก่อนกาลเพราะในยุคปัจจุบัน (2021) เทคโนโลยีเข้าใกล้กับเทคโนโลยีในนิยายเข้าทุกทีๆ
เทคโนโลยีที่ว่าคือ virtual reality
เรื่องเปิดด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี virtual reality สุดล้ำในรูปแบบเกมที่สามารถถ่ายทอดผัสสะทั้งหมดมาให้กับผู้เล่นที่อยู่ใน suite แต่ suite นั้นมาในรูปแบบของแคปซูล เรียกได้ว่า เสมือนกับผู้เล่น เข้าไปอยู่ในโลกของเกม ที่เหมือนจริงมากในแบบที่ไม่สามารถแยกความจริงได้
ตัวเอกเป็นชายหนุ่มผู้เขียนพล็อตเกม ที่กำลังทดสอบเกมร่วมกับอาสาสมัครหญิงสาว
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่มีจุดหนึ่งที่ตัวเอกเกิดสงสัยในที่มาที่ไปของเทคโนโลยีนี้ แถมหญิงสาวก็หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด ทำให้เค้าต้องสืบหาเหตุผลเบื้องหลังด้วยตัวเอง
ผมคิดว่าคนยุคนี้คุ้นเคยกับพล็อตแนวนี้มาก เพราะมันเหมือนเป็นโลก dystopia ที่ทั้งหนังโรงเอย netflix เอย เอาพล็อตมาแตกไลน์ มาตีความจนเกร่อ แต่บอกเลยว่าถ้าย้อนไปปีที่ตีพิมพ์ มันล้ำมาก แถมยังมีกลิ่นอายของทฤษฎีสมคบคิดตามแบบฉบับนิยายในยุคสงครามเย็นมาผสมด้วย
สนุก ลุ้น แม้ว่าอาจจะพอเดาตอนจบได้ แต่ก็ยังสนุกอยู่ดี แถมยังอ่านรวดเดียวจบได้สบายๆ
อ่านหนังสือแนวนี้ทีไร ต้องกลับมาถามคำถามที่ว่า “ความจริงคืออะไร?” ทุกที
เทคโนโลยีที่ว่าคือ virtual reality
เรื่องเปิดด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี virtual reality สุดล้ำในรูปแบบเกมที่สามารถถ่ายทอดผัสสะทั้งหมดมาให้กับผู้เล่นที่อยู่ใน suite แต่ suite นั้นมาในรูปแบบของแคปซูล เรียกได้ว่า เสมือนกับผู้เล่น เข้าไปอยู่ในโลกของเกม ที่เหมือนจริงมากในแบบที่ไม่สามารถแยกความจริงได้
ตัวเอกเป็นชายหนุ่มผู้เขียนพล็อตเกม ที่กำลังทดสอบเกมร่วมกับอาสาสมัครหญิงสาว
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่มีจุดหนึ่งที่ตัวเอกเกิดสงสัยในที่มาที่ไปของเทคโนโลยีนี้ แถมหญิงสาวก็หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด ทำให้เค้าต้องสืบหาเหตุผลเบื้องหลังด้วยตัวเอง
ผมคิดว่าคนยุคนี้คุ้นเคยกับพล็อตแนวนี้มาก เพราะมันเหมือนเป็นโลก dystopia ที่ทั้งหนังโรงเอย netflix เอย เอาพล็อตมาแตกไลน์ มาตีความจนเกร่อ แต่บอกเลยว่าถ้าย้อนไปปีที่ตีพิมพ์ มันล้ำมาก แถมยังมีกลิ่นอายของทฤษฎีสมคบคิดตามแบบฉบับนิยายในยุคสงครามเย็นมาผสมด้วย
สนุก ลุ้น แม้ว่าอาจจะพอเดาตอนจบได้ แต่ก็ยังสนุกอยู่ดี แถมยังอ่านรวดเดียวจบได้สบายๆ
อ่านหนังสือแนวนี้ทีไร ต้องกลับมาถามคำถามที่ว่า “ความจริงคืออะไร?” ทุกที
January 30, 2022
ฉบับภาษาไทยออกมา 4-5 ปีได้แล้วมั้ง แต่เพิ่งอ่าน (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าดองนั่นแล)
ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นเขียนเมื่อปี 1989 หรือ พ.ศ. 2532(เชิงอรรถในเล่มบอก 2523 ซึ่งผิด) หากมองว่าเนื้อหาคือเกมในโลกเสมือน ต้องบอกว่าล้ำมากในยุคนั้น
ต่อให้อ่านตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าล้ำ ล้ำจนน่ากลัว เกมในโลกเสมือนชักดูน่ากลัว เริ่มกลัวเลยว่าเมตาเวิร์สที่กำลังจะมาถึงนี้ สักวันจะทำให้เราเริ่มแยกไม่ออกหรือเปล่า
ว่าอะไรคือโลกจริงอะไรคือโลกหลอก
กลับไปซะ ใครสักคนบอกแบบนี้ในโลกเสมือน
ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นเขียนเมื่อปี 1989 หรือ พ.ศ. 2532(เชิงอรรถในเล่มบอก 2523 ซึ่งผิด) หากมองว่าเนื้อหาคือเกมในโลกเสมือน ต้องบอกว่าล้ำมากในยุคนั้น
ต่อให้อ่านตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าล้ำ ล้ำจนน่ากลัว เกมในโลกเสมือนชักดูน่ากลัว เริ่มกลัวเลยว่าเมตาเวิร์สที่กำลังจะมาถึงนี้ สักวันจะทำให้เราเริ่มแยกไม่ออกหรือเปล่า
ว่าอะไรคือโลกจริงอะไรคือโลกหลอก
กลับไปซะ ใครสักคนบอกแบบนี้ในโลกเสมือน
March 25, 2021
เรื่องนี้ว้าวมากกกก นิยายเขียนตั้งแต่ปี 1989 สามสิบกว่าปีมาแล้วนะ แต่แนวคิดคือไซไฟล้ำยุค สนุก ตื่นเต้น เหมือนเพิ่งเขียนในยุคปัจจุบันเลย
ตัวเอกของเรื่อง ’อุเอสุงิ’ ได้ทดลองเล่นเกมจำลองโลกเสมือนจริง เสมือนจริงระดับที่ว่าผู้เล่นมีความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกนั้นเอง มีสัมผัสรับผู้ความรู้สึกปกติ สามารถออกแบบการเล่นเกมได้ตามใจชอบ
อุเอสุงิทดสอบความเสถียรของเกมไปเรื่อยๆแต่ยิ่งเล่น ยิ่งพบความประหลาด เขาเริ่มแยกไม่ออกระหว่างโลกในเกมกับโลกจริง ความสงสัย ความสับสนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อุเอสุงิตัดสินใจค้นหาความจริงและเบื้องหลังการพัฒนาเกม แต่ยิ่งรู้มากขึ้น เขายิ่งตกอยู่ในอันตราย จนสุดท้ายอาจไม่สามารถกลับมาอยู่ในโลกจริงได้อีกเลย
เรื่องนี้จบปลายเปิดแบบกำลังดี ให้คิดต่อเองว่าสุดท้ายอุเอสุงิติดอยู่ในเกมหรือกลับมาโลกจริง
อ่านจบแล้วหลอนนะ หลอนตรงที่ถ้ามีอุปกรณ์ที่สามารถสร้างความรู้สึกได้เสมือนจริงแล้วเราไม่สามารถแยกได้ระหว่างความจริงและความฝัน เราอาจจะเผลอตัวไปอยู่ในเกมตลอดกาลก็ได้นะ
ตัวเอกของเรื่อง ’อุเอสุงิ’ ได้ทดลองเล่นเกมจำลองโลกเสมือนจริง เสมือนจริงระดับที่ว่าผู้เล่นมีความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกนั้นเอง มีสัมผัสรับผู้ความรู้สึกปกติ สามารถออกแบบการเล่นเกมได้ตามใจชอบ
อุเอสุงิทดสอบความเสถียรของเกมไปเรื่อยๆแต่ยิ่งเล่น ยิ่งพบความประหลาด เขาเริ่มแยกไม่ออกระหว่างโลกในเกมกับโลกจริง ความสงสัย ความสับสนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อุเอสุงิตัดสินใจค้นหาความจริงและเบื้องหลังการพัฒนาเกม แต่ยิ่งรู้มากขึ้น เขายิ่งตกอยู่ในอันตราย จนสุดท้ายอาจไม่สามารถกลับมาอยู่ในโลกจริงได้อีกเลย
เรื่องนี้จบปลายเปิดแบบกำลังดี ให้คิดต่อเองว่าสุดท้ายอุเอสุงิติดอยู่ในเกมหรือกลับมาโลกจริง
อ่านจบแล้วหลอนนะ หลอนตรงที่ถ้ามีอุปกรณ์ที่สามารถสร้างความรู้สึกได้เสมือนจริงแล้วเราไม่สามารถแยกได้ระหว่างความจริงและความฝัน เราอาจจะเผลอตัวไปอยู่ในเกมตลอดกาลก็ได้นะ
November 29, 2022
ตัวละคร ไม่ค่อยมีสเห่น์ ที่มาทีไปนิสัยใจคอดูบรรยายน้อยไปหน่อย
แต่บทดำเนินเรื่องโคตรดีเลยครับ ไม่มีช่วงเบื่อ
ถือว่าหนุก
แต่บทดำเนินเรื่องโคตรดีเลยครับ ไม่มีช่วงเบื่อ
ถือว่าหนุก
November 9, 2017
สนุกๆ
เรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. 1989 ก็คือพ.ศ. 2532 เกือบสามสิบปีแล้ว แต่เนื้อหาและลีลายังมีความร่วมสมัย (ไม่นับเรื่องที่ตัวละครยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ยังใช้เพจเจอร์ และโทรศัพท์บ้านที่ฝากข้อความได้เป็นของมีราคา) ยิ่งถ้าย้อนกลับไปตอนนั้น นับว่าเป็นไอเดียและพล็อตที่ล้ำมาก
ตัวละครหลักเป็นผู้เขียนเนื้อหาเกม เขาได้รับการติดต่อให้เป็นเป็นหนึ่งในผู้ทดสอบเกมนี้
จากนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีอะไร นี่นับเป็นก้าวสำคัญที่พาความตื่นเต้นมาให้เขาอย่างมาก ไม่นับว่าเกมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่เคยมีใครเคยทำได้สำเร็จมาก่อนด้วย
แต่ยิ่งเข้าสู่โลกของเกมเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขามากขึ้นทุกที
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นี่คือคำถามซึ่งเป็นหัวใจหลักของเรื่อง และผู้อ่านทุกคนจะมีคำถามนี้ในหัว
สมมติฐานมากมายที่ตั้งไว้ แต่แล้วก็ต้องปล่อยไปเพราะไม่ใช่
ถึงจะบอกว่าเกี่ยวกับเกม แต่แนวหลักคือปริศนาที่เกิดขึ้นกับตัวเอกค่ะ
5 ดาว อ่านจบแล้วอยากหาคนระบาย ฮ่าๆ
เรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. 1989 ก็คือพ.ศ. 2532 เกือบสามสิบปีแล้ว แต่เนื้อหาและลีลายังมีความร่วมสมัย (ไม่นับเรื่องที่ตัวละครยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ยังใช้เพจเจอร์ และโทรศัพท์บ้านที่ฝากข้อความได้เป็นของมีราคา) ยิ่งถ้าย้อนกลับไปตอนนั้น นับว่าเป็นไอเดียและพล็อตที่ล้ำมาก
ตัวละครหลักเป็นผู้เขียนเนื้อหาเกม เขาได้รับการติดต่อให้เป็นเป็นหนึ่งในผู้ทดสอบเกมนี้
จากนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีอะไร นี่นับเป็นก้าวสำคัญที่พาความตื่นเต้นมาให้เขาอย่างมาก ไม่นับว่าเกมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่เคยมีใครเคยทำได้สำเร็จมาก่อนด้วย
แต่ยิ่งเข้าสู่โลกของเกมเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขามากขึ้นทุกที
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นี่คือคำถามซึ่งเป็นหัวใจหลักของเรื่อง และผู้อ่านทุกคนจะมีคำถามนี้ในหัว
สมมติฐานมากมายที่ตั้งไว้ แต่แล้วก็ต้องปล่อยไปเพราะไม่ใช่
ถึงจะบอกว่าเกี่ยวกับเกม แต่แนวหลักคือปริศนาที่เกิดขึ้นกับตัวเอกค่ะ
5 ดาว อ่านจบแล้วอยากหาคนระบาย ฮ่าๆ
April 10, 2021
A Japanese science fiction about VR written in 1980. Nice and short.
October 2, 2017
เริ่มอ่านช่วงเเรกจะอืด ๆ หนืด ๆ นิดนึง เเต่ไม่ถึงกับน่าเบื่อหรือไม่น่าอ่านจนต้องทนอ่านนะ
เเต่จะเเค่รู้สึกชักช้า เพราะยุคสมัยในเรื่องคือสามสิบสองปีก่อน คือไม่มีมือถือเล็ก ๆ มีเเต่โทรศัพท์ฝากข้อความ ยิ่งสมาร์ทโฟนนี่ไม่ต้องพูดถึง 5555
แต่ถามว่าสนุกไหม? ขอตอบเลยนะว่าสนุก แต่กว่าเราจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เริ่มสนุกมากกก อ่านแล้วติดลมบนจนวางไม่ลงก็คือตั้งแต่หน้า 190 เป็นต้นไป 55555555555555
พออ่านจบเเล้ว ยังนั่งเหวอไปพักนึง ต้องขบคิดตามต่อว่าตกลงแล้วบทสรุปเป็นยังไงกันเเน่
เพราะจบปลายเปิด ให้คนอ่านได้คิดต่อ
เเต่ไม่จบเห่ย ๆ แบบตกม้าตายนะ
ส่วนตัวเราคิดว่าการที่จะแต่งเรื่องให้จบปลายเปิดแล้วจบได้ดีจนสามารถทิ้งความรู้สึกหลงเหลือค้างไว้ให้คนอ่านได้คิดต่อเนี่ย... มันเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก แต่เราว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว
เอาเป็นว่า ถ้าลองคิดเเละระลึกอยู่เสมอว่าเรื่องนี้ต้นฉบับถูกตีพิมพ์ในปี 1985 จะดีมาก
นี่ก็อ่านไปด้วยพื้นฐานที่ว่ามาข้างต้น เพราะงั้นเลยอ่านมาด้วยความทึ่งตลอดตั้งเเต่ต้นจนจบ
คือมันเจ๋งมากกกกกกกก ที่อ.สองท่านที่เขียนคือคูลสุด ๆ สามารถเขียนเทคโนโลยีที่มีเเบบในเรื่องได้ตอน 32 ปีที่เเล้ว
เเต่จะเเค่รู้สึกชักช้า เพราะยุคสมัยในเรื่องคือสามสิบสองปีก่อน คือไม่มีมือถือเล็ก ๆ มีเเต่โทรศัพท์ฝากข้อความ ยิ่งสมาร์ทโฟนนี่ไม่ต้องพูดถึง 5555
แต่ถามว่าสนุกไหม? ขอตอบเลยนะว่าสนุก แต่กว่าเราจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เริ่มสนุกมากกก อ่านแล้วติดลมบนจนวางไม่ลงก็คือตั้งแต่หน้า 190 เป็นต้นไป 55555555555555
พออ่านจบเเล้ว ยังนั่งเหวอไปพักนึง ต้องขบคิดตามต่อว่าตกลงแล้วบทสรุปเป็นยังไงกันเเน่
เพราะจบปลายเปิด ให้คนอ่านได้คิดต่อ
เเต่ไม่จบเห่ย ๆ แบบตกม้าตายนะ
ส่วนตัวเราคิดว่าการที่จะแต่งเรื่องให้จบปลายเปิดแล้วจบได้ดีจนสามารถทิ้งความรู้สึกหลงเหลือค้างไว้ให้คนอ่านได้คิดต่อเนี่ย... มันเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก แต่เราว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว
เอาเป็นว่า ถ้าลองคิดเเละระลึกอยู่เสมอว่าเรื่องนี้ต้นฉบับถูกตีพิมพ์ในปี 1985 จะดีมาก
นี่ก็อ่านไปด้วยพื้นฐานที่ว่ามาข้างต้น เพราะงั้นเลยอ่านมาด้วยความทึ่งตลอดตั้งเเต่ต้นจนจบ
คือมันเจ๋งมากกกกกกกก ที่อ.สองท่านที่เขียนคือคูลสุด ๆ สามารถเขียนเทคโนโลยีที่มีเเบบในเรื่องได้ตอน 32 ปีที่เเล้ว
April 12, 2021
大概可以算是当代奇书一本了。后记里点名梦野久作和《脑髓地狱》，越往后读确实感受越相似（当然可读性比脑髓地狱强多了，所以不算是真正的地狱——万幸万幸）。如果还没有过的话请影视化这部作品！只能说太吊诡、太牛了！
June 2, 2023
很好看 耳钉那里就觉得事情不对劲 但没想到最后是这么个大反转 好看！最后的解说有点让我又爱又恨 爱的是好像是的确解释了一些 让这本书更有意思 恨的是很大一部分有点画蛇添足 限制了答案的可能性 anyway, I enjoyed it
January 23, 2022
WHAT. THE. F.
MIND-BLOWN AND THIS BOOK WAS WRITTEN IN 198(or 1988) ?????? LIKE WAYYYY BEFORE INCEPTION AND THE MATRIX.
Ok. I need to re-read the book sometime again cuz I still haven’t figured out if the main character is in reality or another dimension of K2. Like he said he’s in reality but hmmm I don’t rlly trust anyone in the book. And I haven’t figured out if figures in K2 are actually based off reality, cuz it said it is but then it kinda contradicts itself and idk if that’s part of the author’s intention. Anyway this book is like a nightmare that makes u wonder if ur living in the reality or is everything fabricated and we are all j crazy- ok I’m so bad at explaining stuff but this is so mind blowing!!!
And the concept of Klein bottle is so intriguing like-
Respect.
MIND-BLOWN AND THIS BOOK WAS WRITTEN IN 198(or 1988) ?????? LIKE WAYYYY BEFORE INCEPTION AND THE MATRIX.
Ok. I need to re-read the book sometime again cuz I still haven’t figured out if the main character is in reality or another dimension of K2. Like he said he’s in reality but hmmm I don’t rlly trust anyone in the book. And I haven’t figured out if figures in K2 are actually based off reality, cuz it said it is but then it kinda contradicts itself and idk if that’s part of the author’s intention. Anyway this book is like a nightmare that makes u wonder if ur living in the reality or is everything fabricated and we are all j crazy- ok I’m so bad at explaining stuff but this is so mind blowing!!!
And the concept of Klein bottle is so intriguing like-
Respect.
October 30, 2019
今天来看这个二三十年前的故事，其实很多转折是非常可预期的——多重梦境/多重现实的电影已经能让我们轻易分辨出那些小小的暗示将会指向什么样的后续情节了。不过这一点也不影响这本书的“抓人”程度（导言也是篇关于作者二人组的优秀科普文）。在主人公疑似迷失在“壶内还是壶外”的世界里之后，一篇口吻更加写实的第一人称“说明书”出现在“正文”之后，由主人公亲自进行“剧透”，给那个“壶外”的“现实”又再加了一层“现实”，有点打破第三面墙的感觉，主人公这个“纸片人”像被吹了口仙气，聊斋故事一样走进了这个“终极”的真实世界。（不过谁知道这个真实世界有多真呢，我选蓝的那颗。）
July 23, 2020
很久没看到如此干净纯粹、节奏明快的类型小说了，这应该是属于三十年前的纯粹。
November 11, 2020
ให้ห้าดาว เพราะพล๊อตเรื่องล้ำเกิน ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องนี้แต่งเมื่อ 30 ปีที่แล้วว
September 17, 2021
庄周梦蝶的最高境界就是让你对自己现在所处的世界产生怀疑。神作当之无愧
May 31, 2022
最后那个解读莫名其妙，看了书评发现原来我不是一个人。我要是原作者就彻底拉黑这个出版社🙄️🙄️
September 17, 2022
เกมลวงโลก
โอะคะจิมะ ฟุตะริ เขียน
กนกวรรณ เกตุชัยมาศ แปล
8/10
“รือความจริง จะไม่ใช่ความจริง !!”
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมได้มา จากงานบุพเฟ่ต์หนังสือที่งานบ้านและสวน ด้วยผมเองชอบอ่านนิยายที่มีพล๊อตล้ำๆน่าสนใจ มีความเป็นรหัสคดีเบาๆ (ติดมาจากงานของ เคโงะ) และก็ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะหยิบเล่มนี้มาเชยชม
เรื่องของหนุ่มนักเขียนนาม อุเอะสุงิ ที่ถูกทาบทามโดยบริษัทผู้ผลิตเกมว่าอยากนำไอเดียของเขามาทำให้เป็นรุปธรรมผ่านเกมที่ผู้เล่มสามารถเข้าไปสวมบทบาทแบบสมจริง (จริงแบบแยกไม่ออกเลยก็ว่าได้ !! มันทำผมนึกถึง oculus อัด steriod ที่สามารถสัมผัสอารมณ์ได้แบบสมจริง สมจัง) เรื่องดำเนินอย่างราบรื่นไปด้วยคำถามเล็กน้อยกวนใจ ทว่าวันนึงสาวที่เขารู้สึกดีด้วยที่่เข้ามาร่วมทดสอบเกมอย่าง ริสะ ได้หายตัวไปอย่างประหลาดพร้อมเหตุผลที่ส่งกลิ่นตุๆ อุเอะสุงิ เริ่มที่จะตั้งคำถามและหาคำตอบ แต่ทว่านั่นกลับพาเข้าถลึกสู่เรื่องราวที่ยากเกินจะอธิบาย จะเป็นอย่างไรนั้นติดตามมม
หนังสือเล่มนี้ทำผมชวนนึกถึง หนัง และนิยาย Cult หลายเรื่องอย่าง Total Recall, Minority Report, Inception, Shutter Island หรือแม้กระทั้ง The Matrix ที่ทำให้ไอเดียขยับมาใกล้ตัวและขนลุกเบาๆ เพราะมัน relate กับเราได้ง่ายทีเดียว ผมเองไม่อยากพูดมากเกินไปเพราะจะทำให้เสียอรรถรสในการอ่านไป แต่บอกได้เลยว่าตอนท้ายเล่มนั้น ผู้เขียนทิ้งจุดจบปลายเปิดไว้ให้เราตั้งคำถาม ชวนหลอนไม่น้อย
ผมเชื่อว่าเมื่อทุกคนได้อ่าน คงไม่ยากเลยที่จะติดตามเรื่องราวทั้งหมดไปจนสุดทาง ตลอดเล่มชวนเราขบคิดตลอดว่าอะไรจริง หรืออะไรไม่จริงดั่งชื่อหนังสือ กับตัวเอกที่แสนจะธรรมดาแต่ต้องหาคำตอบกับเรื่องราวที่เขาต้องเผชิญ
ความบันเทิงมาเต็ม แต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดว้าว หรือ สะเทือนอารมณ์ขนาดนั้นจึงขอหักไว้ส่วนนึงนะครับ
ชวนอ่านต่อกันน้าาาาา ;)
โอะคะจิมะ ฟุตะริ เขียน
กนกวรรณ เกตุชัยมาศ แปล
8/10
“รือความจริง จะไม่ใช่ความจริง !!”
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมได้มา จากงานบุพเฟ่ต์หนังสือที่งานบ้านและสวน ด้วยผมเองชอบอ่านนิยายที่มีพล๊อตล้ำๆน่าสนใจ มีความเป็นรหัสคดีเบาๆ (ติดมาจากงานของ เคโงะ) และก็ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะหยิบเล่มนี้มาเชยชม
เรื่องของหนุ่มนักเขียนนาม อุเอะสุงิ ที่ถูกทาบทามโดยบริษัทผู้ผลิตเกมว่าอยากนำไอเดียของเขามาทำให้เป็นรุปธรรมผ่านเกมที่ผู้เล่มสามารถเข้าไปสวมบทบาทแบบสมจริง (จริงแบบแยกไม่ออกเลยก็ว่าได้ !! มันทำผมนึกถึง oculus อัด steriod ที่สามารถสัมผัสอารมณ์ได้แบบสมจริง สมจัง) เรื่องดำเนินอย่างราบรื่นไปด้วยคำถามเล็กน้อยกวนใจ ทว่าวันนึงสาวที่เขารู้สึกดีด้วยที่่เข้ามาร่วมทดสอบเกมอย่าง ริสะ ได้หายตัวไปอย่างประหลาดพร้อมเหตุผลที่ส่งกลิ่นตุๆ อุเอะสุงิ เริ่มที่จะตั้งคำถามและหาคำตอบ แต่ทว่านั่นกลับพาเข้าถลึกสู่เรื่องราวที่ยากเกินจะอธิบาย จะเป็นอย่างไรนั้นติดตามมม
หนังสือเล่มนี้ทำผมชวนนึกถึง หนัง และนิยาย Cult หลายเรื่องอย่าง Total Recall, Minority Report, Inception, Shutter Island หรือแม้กระทั้ง The Matrix ที่ทำให้ไอเดียขยับมาใกล้ตัวและขนลุกเบาๆ เพราะมัน relate กับเราได้ง่ายทีเดียว ผมเองไม่อยากพูดมากเกินไปเพราะจะทำให้เสียอรรถรสในการอ่านไป แต่บอกได้เลยว่าตอนท้ายเล่มนั้น ผู้เขียนทิ้งจุดจบปลายเปิดไว้ให้เราตั้งคำถาม ชวนหลอนไม่น้อย
ผมเชื่อว่าเมื่อทุกคนได้อ่าน คงไม่ยากเลยที่จะติดตามเรื่องราวทั้งหมดไปจนสุดทาง ตลอดเล่มชวนเราขบคิดตลอดว่าอะไรจริง หรืออะไรไม่จริงดั่งชื่อหนังสือ กับตัวเอกที่แสนจะธรรมดาแต่ต้องหาคำตอบกับเรื่องราวที่เขาต้องเผชิญ
ความบันเทิงมาเต็ม แต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดว้าว หรือ สะเทือนอารมณ์ขนาดนั้นจึงขอหักไว้ส่วนนึงนะครับ
ชวนอ่านต่อกันน้าาาาา ;)
November 21, 2025
▋這本書在說什麼？
《克萊因壺》是一部將哲學、科幻與推理融合得近乎完美的小說。故事從一款名為「克萊因壺」的全感沉浸式虛擬遊戲出發，鋪展出關於意識、身份、現實與虛構之間曖昧不清的探索。
主角上杉彰彥，一位遊戲劇本創作者，在投稿落選後竟意外被遊戲公司相中，成為某款先進虛擬遊戲的編劇。他被邀請進入遊戲內部親自體驗，沒想到這場體驗，卻逐步撬動了他的感知系統，甚至扭曲了他對現實的理解。
-
▋在推理中植入哲學提問
在閱讀過程中，我一次次被困住：此刻是現實，還是虛擬？故事進行得越是順暢，就越讓我陷入懷疑和焦躁。這並非基於情節混亂，而是岡島二人實在太會設計，太懂得操縱讀者思路，讓你以為清晰明瞭，轉眼卻陷入霧中。
書中世界觀並不恐怖，但足以使人不安，像是夢醒時忘記自己是誰，又不得不在陌生中重拾生活。這種令人困惑的設定，讓我深深著迷。（就是莊生曉夢啦！）
-
▋何謂「克萊因壺」？
克萊因壺，是一種拓撲學的結構，一個只有一個面、沒有內外之分的立體形體。用這個名字來為虛擬遊戲命名，本身就帶有強烈的象徵意涵：當真實與虛擬連成一體，當內部與外部不再有分界，人的意識將如何定位自己？
主角在遊戲中「死而復生」，醒來時卻發現自己的記憶與與認知不符。他必須用推理找出「真相」，而這個真相最後卻是對現實的顛覆。讀到最後，你會發現：故事中所謂的「結局」從來不是終點，而是一個新的起點，像是從壺得到另一端翻了出來，又再度折返。
-
▋比《全面啟動》更捉摸不定
若說《全面啟動》是靠著夢境層層堆疊出緊張節奏，《克萊因壺》則是用敘事不斷自我推翻，引導讀者質疑每一次「確定」的現實。《全面啟動》好歹還有個陀螺作為指標，可這本書是直接讓讀者與角色一起失去重心。
我一度試圖倒回去釐清劇情脈絡，但越是整理，越覺混亂。不是作者沒有交代，而是他故意設下了多重敘事陷阱，讓你看著看著，就深陷混沌，無法抽離。（因此，如我對書中內容有錯誤理解之處，還望海涵😅）
-
▋適合這樣的你閱讀
如果你喜歡哲學推理小說，喜歡《全面啟動》那種虛實難分的敘事，那《克萊因壺》保證能為你帶來非常獨特的閱讀體驗。
這本書的閱讀門檻不高，但思考張力極強。文字平實，可每句話後面都藏著陷阱。
我推薦直接略過序言，從正文開始讀，讓故事自然地將你包裹，讓你在閱讀的深層感官中，慢慢體會那股：「也許，我早就在壺裡了。」的寒意與驚嘆❗️
《克萊因壺》是一部將哲學、科幻與推理融合得近乎完美的小說。故事從一款名為「克萊因壺」的全感沉浸式虛擬遊戲出發，鋪展出關於意識、身份、現實與虛構之間曖昧不清的探索。
主角上杉彰彥，一位遊戲劇本創作者，在投稿落選後竟意外被遊戲公司相中，成為某款先進虛擬遊戲的編劇。他被邀請進入遊戲內部親自體驗，沒想到這場體驗，卻逐步撬動了他的感知系統，甚至扭曲了他對現實的理解。
-
▋在推理中植入哲學提問
在閱讀過程中，我一次次被困住：此刻是現實，還是虛擬？故事進行得越是順暢，就越讓我陷入懷疑和焦躁。這並非基於情節混亂，而是岡島二人實在太會設計，太懂得操縱讀者思路，讓你以為清晰明瞭，轉眼卻陷入霧中。
書中世界觀並不恐怖，但足以使人不安，像是夢醒時忘記自己是誰，又不得不在陌生中重拾生活。這種令人困惑的設定，讓我深深著迷。（就是莊生曉夢啦！）
-
▋何謂「克萊因壺」？
克萊因壺，是一種拓撲學的結構，一個只有一個面、沒有內外之分的立體形體。用這個名字來為虛擬遊戲命名，本身就帶有強烈的象徵意涵：當真實與虛擬連成一體，當內部與外部不再有分界，人的意識將如何定位自己？
主角在遊戲中「死而復生」，醒來時卻發現自己的記憶與與認知不符。他必須用推理找出「真相」，而這個真相最後卻是對現實的顛覆。讀到最後，你會發現：故事中所謂的「結局」從來不是終點，而是一個新的起點，像是從壺得到另一端翻了出來，又再度折返。
-
▋比《全面啟動》更捉摸不定
若說《全面啟動》是靠著夢境層層堆疊出緊張節奏，《克萊因壺》則是用敘事不斷自我推翻，引導讀者質疑每一次「確定」的現實。《全面啟動》好歹還有個陀螺作為指標，可這本書是直接讓讀者與角色一起失去重心。
我一度試圖倒回去釐清劇情脈絡，但越是整理，越覺混亂。不是作者沒有交代，而是他故意設下了多重敘事陷阱，讓你看著看著，就深陷混沌，無法抽離。（因此，如我對書中內容有錯誤理解之處，還望海涵😅）
-
▋適合這樣的你閱讀
如果你喜歡哲學推理小說，喜歡《全面啟動》那種虛實難分的敘事，那《克萊因壺》保證能為你帶來非常獨特的閱讀體驗。
這本書的閱讀門檻不高，但思考張力極強。文字平實，可每句話後面都藏著陷阱。
我推薦直接略過序言，從正文開始讀，讓故事自然地將你包裹，讓你在閱讀的深層感官中，慢慢體會那股：「也許，我早就在壺裡了。」的寒意與驚嘆❗️
This entire review has been hidden because of spoilers.
July 10, 2021
“从开始的地方开始，从结束的地方结束。” 以下涉及剧透，请谨慎阅读。
小说的形式非常有趣。
1） 故事由我讲述，而作者却并非“我”而是转述者。小说最后一章名为“《克莱因壶》解说”。这让我差点以为是真的现实中的编者的解说，心里还在纳闷，为什么出版编辑要多此一举。读下去才发现，解说是由真正的我完成的，也就是《脑部症候群》的原作者，KLEIN2的试用者-上杉彰彦。 也就是我看了小说作者井上先生转述的我的故事，进而写了一个解说。
2） 原本以为，小说带着一个开放式的结尾- 就类似盗梦空间结局中那个旋转的陀螺- “我”决定割腕自杀，不管是否仍然在VR中，“我”都将解脱，只不过一个是从VR中醒来，另一个则是结束生命。然而最后的“解说”看似是与小说分开的真相，实际是小说真正的结局。我活了下来，割腕后的我逃出了VR，开始了新生活。开放式结尾固然让人回味无穷，可是下一秒这猝不及防的，跳出了故事本身的解说和相对完整的结尾则是让我欣喜万分，对作者精巧的构思赞叹不已。
3）更有意思的是，这部小说本身就是���个克莱因壶。小说的主体是作者冈岛二人（实则是井上泉一人）在《克莱因壶》中转述的我（上杉彰彦）的故事，小说的开始我备写下自己的故事。我的故事结束于：我写完了故事，准备割腕解脱。这之后，小说也来到了结尾：我其实活了下来，并向井上说出了自己的故事，这才有了井上先生征求我的同意写出了小说来转述我的故事。也就是说我们所读的小说《克莱因壶》是由小说中的《克莱因壶》加上上杉对于《克莱因壶》的解说构成的。
除此之外，小说中提到《克莱因壶》问世后冈岛二人便解散了。这算是井上泉以一个寓言的形式来解释与公布其现实中的重大决定。小说进入了现实，而现实就此展开。
小说的形式非常有趣。
1） 故事由我讲述，而作者却并非“我”而是转述者。小说最后一章名为“《克莱因壶》解说”。这让我差点以为是真的现实中的编者的解说，心里还在纳闷，为什么出版编辑要多此一举。读下去才发现，解说是由真正的我完成的，也就是《脑部症候群》的原作者，KLEIN2的试用者-上杉彰彦。 也就是我看了小说作者井上先生转述的我的故事，进而写了一个解说。
2） 原本以为，小说带着一个开放式的结尾- 就类似盗梦空间结局中那个旋转的陀螺- “我”决定割腕自杀，不管是否仍然在VR中，“我”都将解脱，只不过一个是从VR中醒来，另一个则是结束生命。然而最后的“解说”看似是与小说分开的真相，实际是小说真正的结局。我活了下来，割腕后的我逃出了VR，开始了新生活。开放式结尾固然让人回味无穷，可是下一秒这猝不及防的，跳出了故事本身的解说和相对完整的结尾则是让我欣喜万分，对作者精巧的构思赞叹不已。
3）更有意思的是，这部小说本身就是���个克莱因壶。小说的主体是作者冈岛二人（实则是井上泉一人）在《克莱因壶》中转述的我（上杉彰彦）的故事，小说的开始我备写下自己的故事。我的故事结束于：我写完了故事，准备割腕解脱。这之后，小说也来到了结尾：我其实活了下来，并向井上说出了自己的故事，这才有了井上先生征求我的同意写出了小说来转述我的故事。也就是说我们所读的小说《克莱因壶》是由小说中的《克莱因壶》加上上杉对于《克莱因壶》的解说构成的。
除此之外，小说中提到《克莱因壶》问世后冈岛二人便解散了。这算是井上泉以一个寓言的形式来解释与公布其现实中的重大决定。小说进入了现实，而现实就此展开。
This entire review has been hidden because of spoilers.
November 15, 2024
em... 一样是在豆瓣“高分推理小说”的榜单上看到的。书不是很厚，下到kindke后，随便看看，���就看完了。
1. 书名
听这名字，就有些科幻片的意味了：每个字都认识，连在一起，完全不知道是个什么玩意。但通过封面简单的介绍，也可以猜出个一二来，是以虚拟现实为题材的小说，让我直接联想到《刀剑神域》。
2. 阅读感受
如果说后半部分的阅读算得上8分，书的前50\%简直只有2-3分了。前面的剧情太拖沓了，一直到全书25\%才正式开始进入虚拟的世界。不过，我本来也就是过来看个剧情，勉强也算能接受吧。
还有最后的结尾，读起来有些烧脑。即使听过了主人公自己的解释，其实我对真相还是有着自己的偏见。所以，有没有那个解释都无所谓，书不如就停留在“我到底是活在虚拟世界，还是现实”的怀疑中就好，停留在“只有割腕自杀”才能知晓真相的那一刻就好。
3. 剧情
剧情有一段还是相当不错的：紧紧跟着主人公去揭开这个公司的背景和真正意图。这段还是写得相当紧张刺激，终于有了一丝侦探的味道。
但除此之外，就有些平常了。
不过，因为考虑到这是三十年前的书，作者在当时就有这样的想法，还是要尊重一下的。
1. 书名
听这名字，就有些科幻片的意味了：每个字都认识，连在一起，完全不知道是个什么玩意。但通过封面简单的介绍，也可以猜出个一二来，是以虚拟现实为题材的小说，让我直接联想到《刀剑神域》。
2. 阅读感受
如果说后半部分的阅读算得上8分，书的前50\%简直只有2-3分了。前面的剧情太拖沓了，一直到全书25\%才正式开始进入虚拟的世界。不过，我本来也就是过来看个剧情，勉强也算能接受吧。
还有最后的结尾，读起来有些烧脑。即使听过了主人公自己的解释，其实我对真相还是有着自己的偏见。所以，有没有那个解释都无所谓，书不如就停留在“我到底是活在虚拟世界，还是现实”的怀疑中就好，停留在“只有割腕自杀”才能知晓真相的那一刻就好。
3. 剧情
剧情有一段还是相当不错的：紧紧跟着主人公去揭开这个公司的背景和真正意图。这段还是写得相当紧张刺激，终于有了一丝侦探的味道。
但除此之外，就有些平常了。
不过，因为考虑到这是三十年前的书，作者在当时就有这样的想法，还是要尊重一下的。
June 28, 2022
A 1980s Japanese detective fiction about virtuality reality: the virtual reality game in the machine and the reality mixed together to an extent that we still do not know where they were towards the very end of the story. I kept asking myself “what’s next” while reading. A very special reading experience, highly recommended!
November 13, 2022
The '89 is a bit too far ahead of its time in terms of techno-fantasy, I think, and the open ending at the end is fantastic.
It is only after reading Douban that I realized that the Chinese version of the "commentary" was not written by the original author, so it is another Klein bottle.
It is only after reading Douban that I realized that the Chinese version of the "commentary" was not written by the original author, so it is another Klein bottle.
February 17, 2023
非常美丽的一篇故事，看完也在思考是否自己也处在克莱因壶中。更伟大的是作为一篇上世纪80年代的科幻小说能做到这样超前。值得一提的是，看时突然跑去跟朋友说“克莱因壶”很像她之前所说的，想要制造出一个可以身临其境进入游戏世界的vr。听到她这番话的时，我还没认为会存在什么样的危险。在看完inception后，再读《克莱因壶》更有感触。
具体是怎样的结尾，究竟男主在最后是在壶中还是壶外，还得让我继续去看看解析hhh
具体是怎样的结尾，究竟男主在最后是在壶中还是壶外，还得让我继续去看看解析hhh
This entire review has been hidden because of spoilers.
May 12, 2025
Good retro Japanese sci-fi. The twists are all super obvious but done in a really fun way and the ending is pretty great. I like the use of Klein bottle as a metaphor for not being able to tell reality from illusion.
August 14, 2018
Kind of boring about two-fifths of the book, but quite creepy and frightening after that.
January 18, 2020
sfo到pvg的飞机上看完的，情节还行，细节经不起推敲。
March 23, 2020
omg
是我的书了
是我的书了
May 25, 2020
今天格外需要偷偷摸摸爬上我妈的床被我妈骂两句心里安定下来然后小猫踩着我身体往我肩上一趴开始打呼。
我吓死了 只有如上的场面能安抚。吓死了555
读后感很多 往外涌的呢 但是恐惧情绪占了上峰把思维给我怼懵了
很多情节能猜到 但我还是怕 啊大众甜心如我还是适合点不这么劲儿大上头的故事啊
我吓死了 只有如上的场面能安抚。吓死了555
读后感很多 往外涌的呢 但是恐惧情绪占了上峰把思维给我怼懵了
很多情节能猜到 但我还是怕 啊大众甜心如我还是适合点不这么劲儿大上头的故事啊
June 30, 2020
短小精悍，细思极恐。
September 4, 2020
现在看可能体感没有那么震撼，但是这是1989年的作品！OMG！那个时候VR科技有雏形吗？鉴于作者写对话的时候太喜欢重复上一个人的原话，本想扣一星的，想想还是算了，五星送上。
September 16, 2020
对于一本1989年创作的科幻推理而言，想象力与创意毋庸置疑。
Displaying 1 - 30 of 87 reviews