Jump to ratings and reviews
Rate this book

최고의 휴식

Rate this book
“왜 아무리 쉬어도 피곤이 풀리지 않는 걸까?

⋆⋆⋆ 애플 스티브 잡스, 세일즈포스닷컴 마크 베니오프, 홀푸드마켓 존 매키 등
세계적 CEO가 강력 추천한 휴식법⋆⋆⋆

머릿속은 늘 복잡하고, 몸은 천근만근 무겁다. 하루 종일 아무것도 안하고 가만히 있었는데도 몸이 피곤하다. 몸에 좋다는 보양식을 먹고, 휴양지에서 휴가를 보냈는데도 피곤이 잘 가시지 않는다. 피곤하니 만사 귀찮아진다. 해야 할 일도 많은데 집중력도 형편없다. 아, 정말 격렬하게 아무것도 안 하고 싶다!

현대인들은 대부분 이런 만성 피로에 시달리고 있다. 치열한 경쟁, 단시간에 결정적 성과를 내야 하는 압박감, 종일 울려대는 휴대전화와 각종 메신저까지 순간순간 신경 써야 할 일들이 너무 많다. 세상은 너무 빨리 돌아가는데 그 속도에 맞추라는 무언의 압박까지 강하게 가해진다. 피곤한 게 어쩌면 당연한 환경이다. 그런데 진짜 문제는 아무것도 하지 않고 쉬어도 늘 피곤하다는 것이다.
대체 이유가 뭘까? 문제는 육체의 피로가 아니다. 당신이 피곤한 이유는 단순히 몸이 지친 것이 아니기 때문이다. 이 모든 피로감은 당신의 뇌가 지쳤다는 신호이다. 근본적으로 몸의 피로를 푸는 방법과 뇌의 피로를 푸는 방법은 다르기 때문에 우리가 흔히 생각하는 수면 등의 방법만으로는 완전한 휴식을 얻기 어렵다. 그렇다면 어떻게 해야 하는가? 신간 《최고의 휴식》은 바로 그에 대한 해답을 담은 책이다. 이 책에서는 우리가 느끼는 피로의 대부분은 ‘피로감’이라는 뇌 현상이라는 것을 최신 뇌과학 연구 성과를 통해 입증하고, 일상에서의 간단한 습관 교정을 통해 진정한 휴식을 취할 수 있도록 ‘뇌 휴식법’7가지를 간명하게 제시해준다.

멍 때리가 정말 휴식이 될까?
뇌의 공회전이 우리를 피로하게 만든다!
이 책의 저자는 예일대학교에서 최첨단 뇌과학을 연구하고 현재는 미국에서 멘탈클리닉을 운영하고 있는 정신과 전문의이다. 그는 치열한 경쟁 환경에 놓인 현대인들의 삶을 마주하고, 마음의 문제에 대해 조언하는 일을 해오면서 사람들이 겪는 스트레스, 만성 피로, 무기력 등의 원인을 찾기 위해 몰두해왔다.
그 결과 피로감의 원인이 디폴트 모드 네트워크DMN,Default Mode Network의 과도한 활성화 때문이라는 뇌과학 이론에 주목했다. 디폴트 모드 네트워크는 이른바 멍한 상태에서 활성화되는 뇌 내 메커니즘을 통칭한다. 쉼 없이 활동하는 뇌의 기초 활동으로 이른바 공회전 상태인데 마치 멈춰선 순간에도 아이들링을 하는 자동차처럼 뇌도 계속하여 활동하고 있다는 것이다.
그런데 이 개념은 사실 좀 낯설다. 지금까지 들어온 디폴트 모드 네트워크의 활성화 상태, 즉 멍 때리기 상태의 장점에 반대되는 개념처럼 보이기 때문이다. 수없이 많은 매체를 통해 우리는 멍 때리기가 미지의 상상, 한 가지 주제에 대한 몰입, 창의성의 극대화 등등에 기여한다는 것을 들어왔다. 이는 물론 사실이다. 디폴트 모드 네트워크가 적절하게 활성화되면 이런 긍정적 효과를 얻을 수 있다. 하지만 문제는 과도하게 활성화되었을 때이다. 예컨대 우울하거나 답답한 상태로 과거의 힘들고 고통스러운 기억을 떠올리거나 불안한 미래를 떠올리거나 무기력하게 있을 때 뇌는 지나치게 에너지를 낭비하게 된다.
뇌가 쓰는 에너지는 우리가 상상하는 것 이상이다. 뇌는 체중의 2% 정도를 차지하지만 쓰는 에너지는 신체 전체 사용 에너지의 20%나 된다. 더 중요한 것은 뇌가 사용하는 에너지의 60~80%가 공회전, 즉 디폴트 모드 네트워크에 사용된다는 사실이다. 이렇게 에너지를 낭비해버리니 아무것도 안 해도 지치고 마는 것이다.

마인드풀니스로 찾아낸 몸과 마음의 회복력
단순화하면 디폴트 모드 네트워크의 과도한 활성화를 스스로 통제할 수 있는 뇌구조를 만들지 않는 한 피로감은 극복할 수 없다는 것이다. 그렇다면 어떻게 해야 이 공회전을 스스로 콘트롤할 수 있을까? 저자는 다양한 뇌과학 연구 결과를 메타 분석하고, 실제 의료 현장에서 인지요법을 실시하면서 얻은 데이터를 기반으로, 가장 과학적이고 효과가 높은 방법이‘마인드풀니스mindfulness’라는 결론에 이르렀다. 마인드풀니스를 한 마디로 규정하긴 어렵지만 핵심은 지금, 여기에 집중하는 힘을 키우는 방법이라고 할 수 있다. 즉 과거에 대한 후회, 미래에 대한 불안에 휩쓸리지 않고, 현재 자신의 일상에 집중하는 것, 우리가 무의식적으로 행하는 일들에 주의를 집중하는 일을 말한다. 저자는 이렇게 지금, 여기에 집중할 수 있게 되면 뇌가 쓸데없이 에너지를 낭비하는 것을 막을 수 있으며, 피로감 역시 개선된다는 것을 다양한 사례를 통해 제시해준다.

세계 최고의 엘리트들이 주목한 ‘뇌 휴식법’
무기력하고 지친 일상에 활력을 북돋아주는 7가지 마인드풀니스
《최고의 휴식》에서는 스티브 잡스, 마크 베니오프 등 세계적인 CEO들이 적극적으로 활용하고, 직원들의 스트레스와 피로감 해소를 위해 페이스북, 애플, 구글, 시스코 등에서 도입하여 실행 중인 마인드풀니스의 구체적 실천 방법을 7가지로 정리해 소개한다. 이 방법은 일상생활에서 쉽게 접하고 활용하기 쉬운 것들이다.
예컨대 어딘가를 향해 바삐 걸어갈 때, 무의식적으로 걷는 것이 아니라 내 신체의 움직임에 주의를 기울이고, 땅에 발이 닫는 느낌을 인지해본다거나, 식사를 할 때도 음식의 맛뿐 아니라 입안에서 닿는 식감 같은 것들에 주의를 기울여보는 것이다. 이렇게 하면 왠지 더 복잡할 것 같지만 아무렇지도 않게 행하는 일만 줄여도 뇌의 공회전을 상당 부분 줄일 수 있고, 무기력하고 지친 느낌을 개선할 수 있다고 한다.
그 외에도 머릿속을 복잡하게 만드는 잡념을 떨쳐내는 몽키 마인드 해소법, 분노나 충동으로 에너지가 고갈되는 걸 예방하는 RAIN, 스트레스로 지친 몸의 원기를 북돋아주는 브리딩 스페이스 등의 방법을 간단하게 제시해 스스로 실천할 수 있도록 안내한다.

‘지금 여기에 집중하는 마음의 근력을 만들어라!’
한편 이 책의 특징 중 하나는 스토리라인이 가미되어 있다는 점이다. 저자 자신이 투영된 듯한 예일대 연구원을 주인공으로 내세워 뇌가 지쳤을 때 우리가 잃어버리는 것들을 극명하게 보여주고, 10주간의 마인드풀니스 수업을 생생하게 그려 마인드풀니스를 통해 얻을 수 있는 개선효과를 이해하기 쉽게 알려준다. 누구나 자신의 일상에 최고의 휴식법을 더 잘 적용할 수 있도록 돕는 것이다.
이를 통해 우리는 ‘지금, 여기’에 집중하여 평정심을 유지하고, 궁극적으로 긍정적 뇌로 단련하여 어떤 상황에서도 지치지 않는 마음 근력을 만들 수 있게 된다. 이 방법의 핵심은 피로감을 완화하는 요법이 아니라 기본적인 면역체계를 갖추는 것과 같은 피로 예방법이라는 데 있다. 저자는 강조한다. ‘휴식’이란 단순히 방전된 배터리를 충전하는 것이 아니며, 진정한 휴식은 ‘지치지 않는 뇌’로 구조 자체를 바꾸는 것이라고 말이다.
이 외에도 저자는 휴식의 베이스가 되는 숙면이나 식사에 대한 정보도 아낌없이 내놓았다. 숙면을 위한 조건 같은 것은 지금 당장 실천할 수 있을 만큼 간단하지만 실제 해보면 그 효과에 놀랄 것이다.

《최고의 휴식》은 지금 여기에 집중하는 마음의 근력을 만드는 최고의 매뉴얼이다. 무엇보다 치열한 경쟁에서 넘어지지 않기 위해 고군분투하고 있는 당신, 스트레스와 전면전을 펼치고 있는 당신에게 삶이 충만해지는 최고의 휴식을 선사해줄 책이다.

264 pages, Paperback

First published July 28, 2016

27 people are currently reading
63 people want to read

About the author

Akira Kugaya

5 books

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
36 (33%)
4 stars
45 (42%)
3 stars
19 (17%)
2 stars
4 (3%)
1 star
2 (1%)
Displaying 1 - 14 of 14 reviews
Profile Image for nananatte.
431 reviews138 followers
Read
November 15, 2024
นัตสึโฮะ ลูกสาวเจ้าอาวาสวัดนิกายเซน เธอทะเลาะรุนแรงกับพ่อ หนีมาเรียนต่อและทำวิจัยด้านประสาทวิทยาที่มหาวิทยาลัยเยล ชีวิตมีแต่ความทรงจำเลวร้าย ถูกพ่อผู้เป็นพระเคี่ยวกรำเข้มงวด นั่งสมาธิบ้าบออะไร เรื่องไม่เป็นวิทยาศาสตร์พวกนั้น

ตลอดชีวิตมีแต่ถูกเพื่อนพูดจาล้อเลียนว่าเป็น 'ลูกสาวเจ้าอาวาส' และถึงมาอยู่อเมริกาก็ยังโดนล้อว่าเป็นพวกไสยศาสตร์ทางโลกตะวันออกอยู่ดี

ทั้งที่หนีมาตั้งใจเรียนจะเป็นนักวิจัย จะศึกษาความล้ำหน้าของประสาทวิทยาศาสตร์เพื่อเอาไปช่วยโลก แต่งานวิจัยก็พังครืน อาจารย์ที่ปรึกษาก็ได้ตาแก่สติเฟื่องที่ใช้ชีวิตในห้องแล็ปใต้ดิน วันๆ พูดแต่เรื่อง mindfulness และไว้หนวดเคราอย่างกับฤาษี!

เงินก็มีไม่พอใช้ หันหน้าไปหาญาติในอเมริกา ก็เจอลุงเจ้าของร้านเบเกิลบอกว่า "ร้านกำลังจะเจ๊ง คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก" แล้วแบบนี้นัตสึโฮะจะเอาตัวรอดในอเมริกายังไงดี?

เป็นหนังสือสมองที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยนสุดๆ เพราะจิตแพทย์ผู้เขียนเลือกกลวิธีการเล่าแบบ 'นิยาย' นำเสนอ mindfulness x ภาวะหมดไฟ x ประสาทวิทยา ให้ออกมาย่อยง่าย ลำดับความคิดง่าย ยกตัวอย่างแบบใช้งานจริงชัดๆ อ่านง่ายสบายใจ (ถึงตกชีวะ ก็อ่านเล่มนี้ได้สบายมาก)

ความแข็งกร้าวที่เราพูดหรือแสดงออกต่อคนอื่น ขาดความอ่อนโยน สีหน้าแข็งกระด้าง ปากคอเราะร้าย คือหลักฐานว่าสมองเราเหนื่อยมากเกินไปนั่นเอง...

สาเหตุหลักก็คือ คนเราพักไม่เป็น เรามีความคิดว่าต้องทำๆๆ ตลอดเวลา เวลาไม่ได้ทำอะไรก็ยังคิดไม่หยุด ซึ่งการที่เราคิดไม่หยุด = เปิดใช้งาน DMN และเจ้า DMN นี่เองที่เป็นตัวกินแบตเตอรี่สมองของเราสุดๆ ยิ่งถ้าใครเคลื่อนไหวแบบ autopilot (ก็คือทำไปเลยจะได้ไม่ต้องคิด) นั่นคือยิ่งใช้พลังงานมากกว่ามีสติรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรอยู่เสียเอีก เพราะมันเปิดใช้ DMN ร่วมกับสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหว

วิธีทำให้สมองได้พักคือการทำให้สมองไม่ต้องเสียพลังงานมากมายไปกับความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไม mindfulness จึงเป็นการพักสมองที่ดีที่สุด

ในเล่มแนะนำประโยชน์ของ mindfulness และการประยุกต์ใช้อีกหลายแบบ ซึ่งอธิบายได้น่ารักดี ฉากนึงที่เราชอบคือตอนนัตสึโฮะวีนแตก ระเบิดลง แล้วทุกคนตรงนั้นก็เงียบกริบกันหมด... คำอธิบายฉากนี้คือ การทำงานไม่สมดุลระหว่าง PFC และ Amygdala ! และเทคนิคที่จะมาช่วยไม่ให้อารมณ์ปะทุก็คือ RAIN

Recognize ตระหนักถึงอารมณ์ที่กำลังขึ้นๆๆๆ มาแล้ว (ใช้กับความโกรธ ความหิว ความเศร้า ก็ได้)
Accept ยอมรับว่าตัวเองมีอารมณ์พวกนี้เกิดขึ้น ไม่ปฏิเสธมัน
Investigate สำรวจว่าอารมณ์นี้มันทำให้เกิดความรู้สึกยังไงตรงส่วนไหนบ้างของร่างกาย
N ตัวย่อจริงๆ ค่อนข้างยาว แต่เราแปลเองว่า Not Me หรือ Non-attachment มันเป็นเพียงอารมณ์เท่านั้น มันไม่ใช่ฉัน แล้วก็วางมันไว้ตรงนั้นนั่นแหล่ะ

ป.ล.จะหยิบเทคนิค RAIN มาใช้ได้ทันท่วงที ต้องฝึกฝน mindfulness มาสักพักนะ อย่างในเรื่องคือนัตสึโฮะฝึกทุกวันมา 2 เดือนแล้ว

ในเล่มยังเล่าเรื่องวันขี้เกียจ ที่คิดค้นขึ้นโดยท่านติช นัท ฮันห์ และท้ายเล่มก็ยังสอนวิธีพัก 5 วันเอาไว้ใช้เวลามีวันหยุดยาว สอนตั้งแต่วันเตรียมตัวจะพัก วันขี้เกียจ วันกึ่งขี้เกียจ วันปล่อยผี ไปจนถึงวันเตรียมตัวเพื่อพักรอบหน้า 555 มีไอเดียน่าสนุกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ

เราชอบที่ผู้เขียนวางคาแร็คเตอร์นัตสึโฮะให้เป็นคนเก่งขี้วีน ฉลาด ทำงานเก่ง แต่ปากคอเราะร้าย ไม่มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และเข้ากับใครไม่ได้เลย(ทุกคนนิสัยไม่ดีไปหมดในสายตาของเธอ) ก็เลยทำให้เรามองเห็นพัฒนาการตัวละครค่อยๆ ทำได้ดีขึ้นผ่านการฝึกฝน mindfulness ไปพร้อมๆ กับทำความเข้าใจประโยชน์ของ mindfulness ในแง่ประสาทวิทยาผ่านสารพัดงานวิจัยตามอ้างอิงมากมายท้ายเล่มค่ะ
Profile Image for Teerasak.
99 reviews1 follower
September 19, 2024
เล่มนี้ได้รับมาเป็นของขวัญ พลิกไปด้านหลัง เป็นหนังสือหมวดวิทยาศาสตร์ ซึ่งบอกกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่แนวที่ฉันอ่านนะ แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่คนให้คงอยากบอกเราว่าพักสมองบ้าง ก็เลยลองตั้งใจอ่านสักหน่อย พลิกไปพลิกมามันเป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาอย่างดีเลย เป็นเรื่อง Mindfulness ที่ใส่เต็มด้วยงานวิจัยเรื่องสมองอย่างจริงจัง (อ่านชื่อส่วนประกอบของสมองเยอะและอ่านยากไปหน่อย) แต่เป็นนิยายที่ผูกเรื่องและมีสาระที่ไม่น่าเบื่อเลย อ่านสนุก และสาระที่ได้สำหรับตัวเองคือวิธีการฝึกสมาธิแบบง่ายๆในหลายสถานการณ์ หรือปัจจุบันฟากตะวันตกเขาเรียก Mindfulness (หนังสือใช้คำว่า การจดจ่อ) แนะนำให้อ่านกัน ...
Profile Image for Tanan.
234 reviews47 followers
April 3, 2021
๑)
เล่มนี้ทำให้รู้ว่าเวลาที่ไม่ทำอะไร หรือนั่งเหม่อลอย สมองจะทำงานหนักขึ้นอีก
.
นั่งเหม่อแล้วสมองทำงานหนักขึ้น? ฟังดูไม่เมคเซ้นเลยใช่ไหมครับ แต่ผู้เขียนอธิบายว่า สมองมีน้ำหนักคิดเป็น 2% ของน้ำหนักตัว แต่ใช้พลังงานมากถึง 20% ของทั้งหมด ซึ่งพลังงานที่สมองใช้นี้ ราว ๆ 60 ~ 80% เกิดจากการทำงานแบบ DMN (default Mode Network) ให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นสมองส่วนอัตโนมัติซึ่งกินพื้นที่เยอะมาก เลยใช้พลังงานเยอะก็แล้วกัน

.
แล้ว DMN นี่จะที่ใช้พลังงานหนักขึ้นเวลาไม่ได้ทำอะไรหรือนั่งเหม่อลอย ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงวิธีทำให้ DMN ทำงานน้อยลง ซึ่งก็หมายถึงให้สมองทำงานน้อยลงนี่เอง

.
๒)
ลืมเท้าความก่อนว่าคุงายะ อากิระ ผู้เขียน จบจากโรงเรียนแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเยล ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกา มีงานวิจัย(ทั้งงานวิจัยหลักและงานวิจัยร่วม) กว่า 50 ชิ้น ดังนั้นก็ขอให้เชื่อใจก่อนเถอะว่าไม่ใช่ตาสีตาสา หรือโค้ชที่ไหนมาเขียน

.
๓)
เนื้อหาในเล่มถ้าแบ่งแบบกว้าง ๆ มีสองส่วนคือ "หลักการ" และ "บทนิยาย"
"หลักการ" จะเป็นหัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นวิธีช่วยให้สมองรู้จักหยุดพัก พูดโดยสรุปคือ ใช้การทำสมาธิแบบพุทธ
"บทนิยาย" จะเป็นการเล่าเรื่องขยายความจาก "หลักการสรุป" ในช่วงแรก โดยเล่าในรูปแบบนิยาย ถ้าใครเคยอ่าน "ชีวิตผมเปลี่ยนไป เมื่อได้เทพช้างมาเป็นกุนซือ" หรือ "สาวมั่นกับชั้นเชิงการตลาด" คงจะนึกภาพออก วิธีการเขียนก็แบบนั้นล่ะครับ มีโครงเรื่อง มีตัวละคร แล้วสอดแทรกความรู้เข้าไปด้วย
.
๔)
.
อันที่จริง ในบ้านเรา หนังสือที่เชื่อมโยงการทำสมาธิแบบพุทธกับผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็มีเขียนมาพอสมควรแล้วทั้งแบบที่คนไทยเขียนเอง และหนังสือแปล ดังนั้นในแง่นี้อาจจะไม่ตื่นตาเท่าไหร่
.
แต่หากมองว่าผู้เขียนซึ่งคลุกคลีในวงการวิจัยด้านสมอง และค่อนข้างมีผลการทดลองใหม่ ๆ (รวมถึงการทดลองที่ยังไม่ชี้ชัดแต่ก็ยังลงไว้แบบเป็นกลาง) มาอ้างอิงแบบมีแหล่งที่มาให้ ทั้งยังพยายามใส่เนื้อหาแบบสรุป แล���เนื้อหาในรูปแบบนิยายมาด้วย มันทำให้เรื่องราวในเล่มนี้เล่าได้อย่างน่าติดตาม และมีเสน่ห์ที่แตกต่างจากเล่มอื่นจนโดดเด่นพอที่จะให้สามดาวครึ่งได้
Profile Image for Job Wutipong.
46 reviews1 follower
December 22, 2020
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวของการพักของสมองผ่านเรื่องราวของ “นัตสึ” ตัวเอกของเรื่อง นักวิจัยดาวรุ่งที่จบปริญญาเอกด้านสมองวิทยาจากญี่ปุ่น ตัดสินใจไปทำวิจัยหลังจบปริญญาเอก (post doc.) ที่มหาวิทยาลัยเยล เธอได้ไปทำวิจัยกับศ. ราล์ฟ โกลฟ นักวิจัยด้านประสาทวิทยาชั้นแนวหน้าของโลก เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยเยล ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด แลปวิจัยของ ศ. ราล์ฟ โกลฟ ได้ถูกย้ายมาที่ห้องใต้ดินที่แสงสว่างไม่อาจส่องถึง กองเอกสารที่กระจุยกระจายเต็มห้อง เหล่านักศึกษาและนักวิจัยต่างก็พูดกับเธอว่า ศ.ราล์ฟ โกลฟ ได้เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน และสิ่งที่เธอช็อกที่สุด คือ ศาสตราจารย์เลิกทำวิจัยด้านประสาทวิทยาแล้ว..

เธออดทนเป็นผู้ช่วยวิจัยกับศาสตราจารย์ประมาณสองสัปดาห์ก็รีบทำเรื่องของย้ายแลปวิจัย ความจริงแล้วศาสตราจารย์ก็เป็นคนใจดีนะ แต่ดาวรุ่งอย่างเธอไม่อาจอดทนกับอะไรที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันได้ เมื่อเธอได้ย้ายขึ้นมาที่แลปวิจัยด้านประสาทวิทยาที่ทันสมัยที่สุดในเยล เครื่องมือต่างชั้นเยี่ยม เพื่อนร่วมวิจัยชั้นยอด เธอคิดว่าที่เเห่งนี้เเหละจะทำให้เธอผลิตผลงานที่สุดยอดออกมาได้ แต่เธอคิดผิด

เธอใช้เวลาวันแล้ววันเล่าไปกับการทดลองอันไร้ค่า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของเธอต่างก็ผลิตผลงานได้กันทั้งนั้น จากดาวรุ่ง จึงกลายไปเป็นดาวร่วง จนวันหนึ่งเมื่อรู้ว่าแผนขอทุนวิจัยที่อุตส่าห์ทำอย่างยาวนานและยากลำบากถูกปฏิเสธ มันเหมือนมีคนดึงชนวนระเบิดออก นัตสึ ได้สติแตกกลางห้องแลปทั้งร้องไห้ทั้งสะอึกสะอื้นยกใหญ่ หลังจากวันนั้น นัตสึ ก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย

ในช่วงเวลาที่จะยอมแพ้และตัดสินใจกลับญี่ปุ่น นัตสึ ได้นึกถึงใบหน้าและคำพูดเมื่อพ่อของเธอรู้เรื่องนี้

“เห็นไหมหล่ะ ว่าแล้วว่าต้องไปไม่รอด”

เธอตัดสินใจส่งอีเมลไปหาลุง (พี่ชายของพ่อ) ที่แม่เธอแอบให้อีเมลไว้เพื่อเวลาเธอมีปัญหา ลุงเธอเปิดร้านขนมอยู่ในเมืองนิวคานาน เมื่อเธอไปถึงก็พบว่า ร้านนั้นจวนเจียนจะเจ๊ง เธออาสาช่วยลุงกอบกู้ร้านนั้นทันที แต่สุดท้ายเธอก็พัง เมื่อเธอดุพนักงานคนหนึ่งต่อหน้าลูกค้าและวันต่อมาพนังงานทุกคน (5 คน) ต่างบอยคอตไม่มาทำงานถ้าลุงไม่ไล่เธอออก

ลุงยื่นเงินอาทิตย์แรกให้เธอและขอร้องให้เธอลาออกตอนนี้เธอหมดทุกหนทางรอดเเล้วจริง ๆ เธอ “แพ้แล้ว”

เธอคงกลับญี่ปุ่นไป ถ้าไม่มีอะไรดลใจให้เธอกลับไปหา ศาสตราจารย์หัวฟูคนนั้น คนที่เธอเคยหนีเขามา ศ. ราล์ฟ โกลฟ หรือ โยดา

เรื่องราวทุกอย่างเริ่มจากตรงนั้น
7 reviews4 followers
September 20, 2019
Read the first 20 pages to get an idea of how to get rested, read the rest if you want a decent story with the application of the different varieties of methods. This book answers 1. Why do we get mentally tired 2.How to deal with mental fatigue 3.Why is dealing with mental fatigue important

The book started off with an explanation of why we get tired even when we're supposedly rested and attributing it to the Default Mental Network in our brain.

The book then proceeds with several variations of meditation aiming at different problems with detailed instruction. Dealing with problems for example 1. getting distracted constantly 2. feeling stressed about certain issue 3.feeling negative towards certain person 4. never-ending thinking about a certain issue (could be very useful for people with anxiety, depression etc..). There are several other methods that could help.

Now the reliability of the book is broadly speaking reliable. Researches about DMN(default mental network) Reliable✔ Research about the positive benefit, there are no negatives only positive, however, the effectiveness varies depending on the duration of persistent mindfulness✔

Plot TLDR: A young woman neuroscience researcher at Yale, find a professor that looks like master Yoda, learns how to effectively meditate, ends up saving her own career and also her uncle's Bagel shop. I gave the plot 4/5 because it gives a context for the methods.

Practicality:5/5
Scientific:4/5
Plot:4/5
Profile Image for Jen.
20 reviews
August 31, 2025
Đây là cuốn sách nên đọc nếu ai muốn tìm hiểu sâu hơn về Chánh niệm.

Cấu trúc cuốn sách:
- Các phương pháp
- Câu chuyện
- Gợi ý kế hoạch hành động trong 5 ngày

Kiến thức đa dạng, hay, với các khám phá dần dần của chính tác giả, điều này cũng khiến độ tin cậy tăng cao, dần mở khoá cho câu trả lời thực sự.

Sau khi đọc được kha khá tác giả nhắc tới Thiền sư Thích Nhất Hạnh và Làng Mai, không thể phủ nhận được độ nhận diện khá tốt của họ. Mình sẽ gián tiếp tiếp nhận chánh niệm, nhưng để ủng hộ sách hay tham gia khoá tu của họ thì không.

Mình đọc bản Tiếng Việt của Be.inbooks, nhẹ nhàng 202 trang không tính tài liệu tham khảo. Tuy nhiên, một số chỗ khá thiếu sót: dịch không đồng bộ (chỗ Tiếng Anh, chỗ lại dịch ra Tiếng Việt), cách chấm phẩy khiến người đọc lẫn lộn lời nhân vật với nhau. Mình nghĩ họ có thể làm tốt hơn, dù đây là cuốn sách mang tính học thuật, nhưng đã dịch ra được như vậy, việc tinh chỉnh lại là cần thiết.

Tóm lại, đánh giá cụ thể
- Giá trị cuốn sách: 5/5
- Bản dịch Việt Nam + trình bày: 3/5
- Dẫn nguồn Thích Nhất Hạnh + Làng Mai: âm điểm
23 reviews
December 16, 2021
ให้ห้าคะแนนเต็ม ชอบมาก เนื้อหาคร่าวๆ นะครับ

การพักผ่อนทั่วไปไม่ช่วยให้สมองหายเหนื่อยล้า

การพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับสมองคือการจดจ่อ (มีสติกับที่นี่ เดี๋ยวนี้)

สมองจะเหนื่อยล้าในยามที่เราปล่อยทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีสติ เช่น ยามเดิน ยามกิน ยามแปรงฟัน เพราะช่วงเวลาเหล่านั้นสมองจะคิดเรื่องในอดีตหรือในอนาคต ซึ่งจะเปลืองพลังสมอง

วิธีการฝึกจดจ่อ อ่านในตัวเล่มนะครับ เพราะสรุปยาก

วิธีการสงบใจ (Equanimity) เป็นการฝึกใจให้รับความเครียดและกลับสู่สมดุลได้
1. นึกภาพสิ่งที่กังวลหรือเป็นห่วงดู
2. ท่องในใจว่า "โลกเราก็เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำใจยอมรับให้มันได้"

วิธีการแสกนร่างกาย ช่วยบรรเทาและรักษาอาการเจ็บป่วยได้ (อ่านรายละเอียดในตัวเล่ม)

การแผ่เมตตา ทำให้ทุกคนมีความสุขขึ้นทั้งตัวเราเองและคนอื่นทั้งหมด
Profile Image for The BookTeller.
68 reviews40 followers
January 23, 2021
หนังสือที่เหมาะสำหรับ คนอย่างเราๆ ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ อยู่ในความวุ่นวายทุกๆวัน
ตกอยู่ในความคิดฟุ้งซ่าน จนไม่มีสมาธิ ไม่ค่อยได้พักหายใจหายคอจนเหนื่อยล้า
ใครกำลังประสบปัญหากับตัวเองแบบนี้ และไม่อยากให้สุขภาพกายและใจของตัวเองย่ำแย่
แนะนำหนังสือเล่มเล็กๆ ที่อ่านง่ายๆ เล่มนี้ "ศาสตร์ของสมอง ที่รู้จักหยุดพัก"

ที่จะชวนเรามาฝึกฝนการพักผ่อนสมองและจิตใจ
ด้วยวิธีการจดจ่อ Mindfulness ที่ปฏิบัติได้ง่ายและทำให้เราค่อยเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Profile Image for Iceiceicewater.
3 reviews
February 22, 2022
書中敘述採用說故事的方式進行,講述主角所遭遇的困難,其內心充滿掙扎矛盾與煩惱。而作者化身為書中教授的角色,一步步引領主角如何讓大腦正確的休息,運用科學的角度解惑並探討冥想帶來的好處。主角的視角代表著讀者,常對教授的方法(正念)提出質疑。藉由主角訓練的旅程,讀者可以看到主角的轉變,甚至進一步去影響他人並更能體悟身為住持的父親的想法,放下原有成見,冥想與打坐的本質是相近的。本書輕鬆閱讀,但是要真正做到書中所建議的方式,需要時間一步步的練習。首先,察覺當下的呼吸,感受當下,就是跨出的第一步。
Profile Image for Patrick.
64 reviews1 follower
October 15, 2018
The short novel format is very easy to read and love the summary of the 7 methods at the beginning of the book. Very convenient.
Profile Image for Waiyan.
23 reviews
April 28, 2019
Not fresh for meditating regulars or anyone familiar with mindfulness, but this book provides few useful information to enhance my mindfulness experience.
Profile Image for P.Y.P Somboon.
4 reviews
December 27, 2022
ชอบมาก เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่นำเสนอในรูปแบบของเรื่องราว ย่อยง่าย อ่านง่าย นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
Profile Image for Pimmier Srinualdee.
44 reviews1 follower
February 3, 2023
อ่านเพลินดี เอาเรื่องงานวิจัยเรื่องการเจริญสติ การอยู่กับปัจจุบันขณะมาถ่ายทอดในรูปแบบนิยายเลยยิ่งอ่านง่าย

**สปอยล์ ระวังอ่านแล้วจะหิวเบเกิล**
This entire review has been hidden because of spoilers.
23 reviews
July 31, 2019
Good to read with The headspace guide to meditation.
Neuroscientist's take on meditation
Displaying 1 - 14 of 14 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.