Wiwat2 reviews12 followersFollowFollowApril 12, 2018หนังสือเป็นอะไรที่ก้ำกึ่งระหว่างบันทึกการเดินทางกับเรื่องสั้นที่มีเมืองเป็นฉากหลัง ซึ่งในส่วนนี้มันจะมีความแยกชั้นกันประมาณนึง เหมือนผู้เขียนกระหายที่จะเล่าทัศนียภาพ เมือง จดบันทึกอนุทินการเดินทาง จนมันหลุดออกจากเรื่องที่มันเป็น เมืองในเรื่องเป็นสถานที่ทางกายภาพ ทางตา เป็นสเปซที่ไม่ใช่สถานที่ทางจิตวิญญาณซึ่งหมายถึงว่าเมืองที่มองผ่านจิตใจตัวละคร ซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยชอบส่วนนี้แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ปัญหาในทันทีเมื่อสเปซของเมือง ทำหน้าที่เป็นจุด transit ทางจิตใจมากกว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตัวละคร ในทางหนึ่งมันจึงเป็นเมืองไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่แต่เป็นที่อื่นๆ ที่ที่แปลกหน้าออกไป ในอีกทางหนึ่งมันก็เปิดโอกาสให้ผู้เขียนบรรยาย เมืองต่างๆได้อย่างหมดจดด้วยแต่ในขณะเดียวกัน ในฐานะของเรื่องสั้นมันเป็นทั้งการอมพะนำปิดล้อมเรื่องเล่าผ่านทางการเดินทาง (ตัวละครในเรื่องแทบไม่ผเชิญเหตุการณ์อะไรตรงหน้า ยกเว้นตัวละครเด็กในเรื่องแรก ‘ติดอยู่ในสถาน’ กับตัวละครที่เป็นเหมือนวัยหนุ่มของเขาใน ‘บางรักเร้น’ ส่วนทีเหลือคือคนหนุ่มออกเดินทาง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์off screenทำให้ ‘ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง’‘ติด’ จึงสำคัญกว่า ‘การเดินทาง’ ทั้งหมดจึงเป็นสภาวะกลับไม่ได้ไปไม่ถึงของตัวละคร ที่การเดินทาง เมืองแปลกหน้า ผู้คนเป็นเพียงท่ารถทางจิตวิญญาณเพื่อที่จะตัดสินใจเดินทางไปในชีวิตสภาวะ ‘ติด’ ‘ระหว่าง’ จึงเป็นสภาวะหลักของตัวละครในเรื่อง ติดอยู่ระหว่างบ้านเกิดกับเมือง ติดอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างรักต่อไปกับเลิกรา ติดอยู่ระหว่สงอดีตกับอนาคต และอุทิศถ่ายทอดความละเอียดอ่อนของารติดอยู่ตรงกลางออกมาได้งดงามมากตอนหนึ่งของบางรักเร้นตัวละครบอกว่า...มันเป็นสันติสุขส่วนตัว พี่ให้อภัยตัวเอง”“ให้อภัยตัวเองจากอะไร”“จากความลับ” “ยังไงนะ”“ก็มันไม่ลับอีกต่อไป แต่มันจะปลอดภัยในพื้นที่ของการเขียน”ใช่แลว้ว ขณะที่เรื่องออกไปข้างนอก จนแทยจะมีแต่การบรรยายเชิงกายภาพของเมือง เรื่องของมันกลับเป็นสภาวะติดหล่มข้างใน แม้จะไม่รู้จักสนิทสนมกับผู้เขียนมากพอจะพูดได้ แต่หลายขระตอนที่อ่านก็รู้สึดเหมือนผู้เขียนเปลือยหัวใจตัวเองต่อหน้าผู้คน ความรู้สึกแบบสัญชาตญาณของเราอาจจะไม่ถูกต้อง แต่เราคิดว่านี่คือการบาลานซ์ความลับกับเรื่องเล่า มันคือการเปิดเปลือยที่เราอ่านไปรู้สึกไปแต่วรรณกรรมทำหน้าที่ซ่อนเอาไว้ เลยนึกถึงบทสนทนาเล็กๆกับผู้เขียนว่าเขามีความสุขมากในการทำงานเล่มนี้ ทำให้นึกถึงงานของตัวเอง วิธีการที่เราเขียนเพื่อที่จะไม่ต้องตาย ตายจากความรู้สึกที่ล้นเกินของชีวิตสำนวนของอุทิศ เป็นสำนวนแบบผู้ชายมากๆ งานของเขาในส่วนของเสียงเล่าให้ความรู้สึกละม้ายออร์ฮาน ปามุก นักเขียนเขียนถึงสภาวะของนักเขียน บรรยายคมเฉียบทุกประโยคไม่มีตกหล่นล้นเกิน ความรู้สึกและเรื่องเราถูกตัดหั่นมาอย่างเหมาะเจาะ เรียงเป็นประโยคที่เหมือนกล้ามเนื้อปราศจากไขมัน ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นคนละทางกับงานของตัวเอง (ซึ่งเป็นมันล้วนๆไม่มีเนื้อ)แต่เราคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความนุ่มนวล ในประโยคที่ลีนแบบนั้นมันเลยยังชุ่มฉ่ำมากพอที่จะให้เราติดตามไปได้
top.510 reviews116 followersFollowFollowApril 7, 2019ถ้าไม่นับเกียวโตซ่อนกลิ่น เราก็โอเคกับทุกเรื่อง เริ่มด้วยความฝันของเด็กชนบท แต่สะท้อนออกมาเป็นกระจกส่องธรรมชาติของมนุษย์ซะงั้น อ่านไปสองหน้าก็รู้เลยว่าอุทิศนี่มันอุทิศจริงๆ (ชม) การปรับเปลี่ยนวิธีเล่าเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวละครหยอกล้อไปกับบรรยากาศต่างถิ่น กลิ่นของเกียวโต แสงวิบวับเหนือแม่น้ำแซนด์ สี่แยกวัดใจในไซง่อน ผู้เขียนไม่ได้ใช้ที่ท่องเที่ยวสำคัญเป็นหลักในการสร้างภาพจำให้ผู้อ่าน แต่พิถีพิถันถ่ายทอดเหลี่ยมมุมของรายละเอียด ค่อยๆ พาเราไปอยู่ในสถานที่ชั่วขณะของตัวละคร กลางตรอกซอย ในรถไฟชานเมือง บาร์เหล้า หรือแม้แต่บนเตียงนอนกับหญิงสาวคุ้นหน้าส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับผู้ที่สนใจวิชาอุทิศศึกษาเบื้องต้น เพราะอ่านง่ายแถมมีลายเซนต์ครบ ปมพ่อ ชีวิตรักนักเขียน เสวนาวรรณกรรมในต่างประเทศ เบียร์ sex และ lgbtq (เยส มีเกียวโตซ่อนกลิ่นให้อ่านด้วยนะคุณ!)ปล. ใครสักคนพูดประมาณว่า 'ผมอยากเห็นผู้ชายในสเป็คของคุณอุทิศ' นี่ด้วย ผมด้วยครับ / กดไลค์ร้อยหน
Nhischarnun Nunthadsirisorn126 reviews49 followersFollowFollowJune 29, 2018เรื่องสั้นในเล่มนี้ใช้ฉากต่างประเทศ (ชวนให้นึกว่าเข้าข่ายไพรัชนิยายอะไรหรือเปล่า แต่เราก็ไม่รู้หรอกนะ) โดยรวมแล้วอ่านได้เพลินดี ทุกเรื่องมีเบียร์ (ฮา) เราชอบเรื่องที่ตัวละครเป็น บก. แล้วก็อีกเรื่องที่เป็นนักเขียน เราเลยอ่านเล่มนี้ในฐานะเป็นหนังสือบอกเล่าความคิดของนักเขียนและบรรณาธิการ (โดยเฉพาะความคิดของ บก. นี่เราสนใจมาก)สงสัยอย่างหนึ่งว่าเรื่องสุดท้ายในเล่มที่ชื่อ เกียวโตซ่อนกลิ่น จะมีเนื้อเรื่องเหมือนเล่ม เกียวโตซ่อนกลิ่น เป๊ะๆ หรืออุทิศได้ปรับแก้ต้นฉบับ (พอดีเราสนใจเรื่องการที่นักเขียนปรับแก้ต้นฉบับตัวเองเมื่อพิมพ์ครั้งใหม่ ;) ) นี่เป็นเล่มที่สามได้มั้งที่เราได้อ่านงานของอุทิศก่อนนี้ก็อ่านแค่ ระบำเมถุน กับ หัวใจนักเขียน ฮาๆ นับว่าเพลินดีใช้ได้ ให้ 4 ดาว (3 คืออ่านเพลิน 0.5 คือชอบประเด็นเรื่องงานบรรณาธิการ อีก 0.5 คือชอบวิธีการเล่าเรื่องตอนท้ายเรื่องเกียวโตซ่อนกลิ่น-เราว่าแปลกดี)
ดินสอ สีไม้1,070 reviews180 followersFollowFollowSeptember 23, 2018นี่น่าจะเป็นการอ่านงานของอุทิศ เหมะมูลเป็นครั้งแรกสำหรับเราชอบสำนวนเขานะ แต่พล็อตของเรื่องไม่ทำให้เราอินสักเท่าไรมันเป็นรวมเรื่องสั้น มาเร็ว เคลมเร็วเล่าเรื่องตามขนบของคนยุคมูราคามิ เหงา โดดเดี่ยว มีปมอ่านแล้วไม่ค่อยอินเท่าไรชอบอย่างเดียว คือการเอาใช้เรื่องสั้นเป็นบันทึกการเดินทางเป็นไอเดียที่น่าสนใจดีeditรีวิวเสร็จ มานั่งอ่านความเห็นของคนอื่นแปลกใจมากที่ใครๆ ก็ชอบ "สาบสูญที่พาราณสี" มากที่สุดเพราะเราก็ชอบเรื่องนี้มากที่สุดเหมือนกัน ทั้งๆ ที่มันนุ่มๆ เนิบๆจนนึกว่าคนอื่นจะคิดว่ามันธรรมดานึกว่าใครๆ จะชอบเรื่องแรงๆ อย่างเกียวโตซ่อนกลิ่นเสียอีก2018 thai
รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์Author 10 books108 followersFollowFollowApril 16, 2018รวมเรื่องสั้นค้างๆ คาๆ ระหว่างการเดินทาง เปลี่ยนฉากไปมาแต่ละประเทศแต่ใจความสำคัญคล้ายคลึงกันทุกเรื่องชวนให้เราหวนคิด ณ ขณะที่เราอยู่ในระหว่างการเดินทาง ที่แม้จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรามักมีพฤติกรรม ความคิด หรือการกระทำที่ 'เหนือจริง' กล่าวคือ เราคงไม่ทำแบบนี้หากเรายังนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านและดำเนินชีวิตประจำวัน การเดินทางมันเปลี่ยวเหงา ว้าเหว่ อ้างว้าง ในขณะเดียวกันก็เป็นหนทางที่จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แต่สักวันหนึ่งอิสระนั้นก็จะถูกช่วงชิงเมื่อกลับมาถึงเตียงนอนที่บ้าน ชวนอ่านครับ
Jessada_K135 reviews21 followersFollowFollowApril 4, 2018เรื่องสั้นของพี่ม่อนค่อนข้างแตกต่างกับการเขียนนิยายอย่างมาก ชื่อเรื่องทำให้เรารู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย และตัวเรื่องแต่ละเรื่องไม่หนักเกินไปแต่มีนัยยะบางประการที่ซ่อนอยู่ในเรื่องแต่ละเรื่อง พออ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ออกเดินทางไปยังเมืองๆ นั้นจริงๆ เรื่องที่ชอบที่สุดคงเป็น สาบสูญที่พาราณสี พี่ม่อนทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นของแม่น้ำคงคาได้จริงๆ และอยากทิ้งตัวลงไปอย่างตอนจบของเรื่อง คุณไม่ได้อยากตาย แค่อยากถูกโอบกอด
Mook Woramon897 reviews200 followersFollowFollowJune 22, 2018รวมเรื่องสั้นผูกติดกับสถานที่ แบบลงลึกจนต้องหารูปดูเพิ่ม เช่นพูดถึงชื่อรูปภาพในพิพิธภัณฑ์ ชื่อวัด ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็งงอะ ทำให้การอ่านสะดุด อีกอย่างคือเราเริ่มเบื่อพลอตปมเรื่องพ่อ ปมเรื่อง sex ปัญหาการเมือง คือมันสอดแทรกในนิยายหลายเรื่องเหมือนเป็น signature ของคนเขียน แต่อ่านอะไรเดิมๆตลอดเราก็เบื่อนิดหน่อย เสมือนอ่านเนื้อเรื่องเดิมตลอดแต่เปลี่ยนชื่อคนไปเรื่อยๆ
TEERAWUT MAHAWAN101 reviews23 followersFollowFollowNovember 12, 2019เป็นนักเขียนไทยที่เราชอบที่สุดคนนึงเลยก็ว่าได้ คือมีความชัดเจน ละเมียด ละเอียดละออ กับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง ระหว่างบรรทัด สิ่งที่คนอื่นเหมือนจะเห็นๆกัน แต่สิ่งที่คุณอุทิศทำมันคือการสกัดมันออกมาเป็นรูปประโยคที่งดงาม มันทำให้เรามองโลกรอบกายเปลี่ยนไปด้วย คุณอุทิศเป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคน วัตถุ สิ่งของ ได้อย่างลึกซึ้ง โดยแทบไม่ต้องอาศัยreferencesใดใด เลยก็ได้เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น ที่กระชับ เรื่องที่ถูกเล่าเราอยากมองว่าเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมต่อผู้เขียนเอง แต่เล่าในมิติของนักสังเกตการณ์ mood มันเลยนุ่มนวล หยาบ แข็ง อ่อน แล้วแต่รูปทรงที่เรื่องเล่าพาไป แต่โทนเสียงค่อนข้างจริงใจใสซื่อ และพยายามไม่ปกปิดวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้เรายังไม่เห็นในนักเขียนไทยคนอื่น เป็นความเฉพาะตัวของคุณอุทิศมากๆ มันถูกเล่าเพื่อให้เห็นความสำคัญของโลก และชีวิตที่สัมพันธ์กัน อย่างเป็นสากลและหลากหลายall-about-love favorites thai-writer
Tidarat Sihakreangkrai รักในหลวง1 reviewFollowFollowMay 30, 2018(วันนี้หยิบมาอ่านซ้ำเรื่องเกียวโต เลยมารีวิวลงแอปนี้ย้อนหลัง)เท่าที่เคยอ่านงานพี่อุทิศมา เล่มนี้เป็นเล่มที่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเป็นกาแฟคงประมาณลาเต้ ปกติจะอเมริกาโน เอสเปรสโซ่ ก็คือยังเป็นกาแฟ แต่ซอฟท์ลงนิดนึง หรือถ้าเป็นการเดินทางคงเหมือนการแวะปั๊มนะเล่มนี้ ปกติดริฟท์หนักๆ มาตลอด แต่จะว่าซอฟต์ขนาดนั้นหรอ?ก็ไม่หรอกมีประเด็นให้เผลอ ‘หัวเราะหึหึ’ โดยเฉพาะสาบสูญที่พารานสี แต่เรื่องนี้เราชอบมากที่สุดนะ ถ้าไม่นับเกียวโตฯ เพราะอ่านแล้วเหมือนได้นั่งอยู่บนเรือ ล่องแม่น้ำคงคา ฟังความคิดของผู้ใหญ่ที่มองเห็นอะไรๆมา แล้วตกตะกอน มาเล่าให้เราฟัง อีกเรื่องที่ชอบคือ #อกไหม้ไซง่อน ชอบโคว้ทที่ว่า “เราชอบดูถูกเพื่อนบ้านจนติดนิสัย เราได้รับความสนุกเพลิดเพลิน ความหรูหราและบริการชั้นดีทั้งหมด เพื่อให้เราลืมหรือเลิกใส่ใจปัญหาภายในของเราเอง” (จริงๆยาวกว่านี้นะ) นี่คิดว่าทุกเรื่องไม่ได้หวือหวาด้านไหนเป็นพิเศษ เราคิดว่าคนที่อ่านจะจูนติดกับบางถ้อยและบางห้วงอารมณ์ไม่เหมือนกันเป็นเรื่องสั้นที่แล้วแต่ว่าเราจะทัชกับอารมณ์ไหน ซึ่งต้องลองอ่านเอง แต่แน่นอน ภาษาบรรยายยังคงมาตรฐาน ยังเฉียบอยู่เหมือนเดิม
Chawanat100 reviews20 followersFollowFollowApril 7, 2018อ่านรวดเดียวจบหลังจากหลับเป็นตายเมื่อเย็นวาน 'สาบสูญที่พาราณสี' เป็นเรื่องที่ชอบที่สุด เราไม่กล้าบอกว่าเข้าใจความคิดของตัวละครหรือสิ่งที่นักเขียนซ่อนความหมายไว้ทั้งหมด แต่เราชอบวิกฤติทางความรู้สึกของตัวละครในเรื่องนี้ วิกฤติที่ความตื่นเต้นในการทำอะไรสักอย่างที่ตนเองรักได้หายไปตอนไหนไม่รู้ เป็นความรู้สึกที่ไม่ถึงกับไปต่อไม่ได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้อีก การติดอยู่ระหว่างทางเป็นเรื่องหนักหนามากสำหรับเรา และเมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลานั้น เราไม่เคยมองเห็นความสวยงามของมันได้เลย แต่หนังสือเล่มนี้ทำได้ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับหลายช่วงตอนในเล่ม
Popsky275 reviews1 followerFollowFollowFebruary 2, 2019เป็นเล่มแรกที่ได้อ่านงานของพี่อุทิศ เหมะมูล บางเรื่องอบอุ่นแปลกๆบางเรื่องก็หนาวไปตามกับสภาพอากาศของสถานที่ที่ตัวละครเหล่านั้นไป เราจำได้ว่าอ่านบนรถไฟตอนกลับบ้าน เราเลยเหมือนได้เดินทางไปพร้อมๆกับบางตัวละคร เราชอบสำนวนในเล่มนี้นะ เราอ่านๆไปแล้วก็คิดว่านี่เรื่องจริงหรือเปล่า ทำไมมันเหมือนเอาเรื่องจริงมาเล่าเลย เป็นเล่มแรกที่อ่านแล้วก็ทำให้อยากอ่านเล่มอื่นๆของอุทิศ เหมะมูลต่อไป
Ann Sriwalee 15 reviews1 followerFollowFollowApril 11, 2019อุทิศมีความลุ่มลึกในการเล่าเรื่องมาก บางครั้งแม้อาจจะเดาตัวละครยากไปนิดอย่างเกียวโตซ่อนกลิ่น ซึ่งเราชอบมากๆ อุทิศคล้ายมีมนตร์สะกดบางอย่างที่ทำให้เราฟื้นคืนจากอดีต บางช่วงขณะก็กลับกลายไปมีตัวตนอยู่ในอดีต กว่าจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากอดีตในเงื้อมมือของอุทิศต้องอาศัยการตบหน้าตัวเองไปหลายฉาด
Tiabtawan Limjittrakorn121 reviews33 followersFollowFollowApril 27, 2018เหมือนอ่านไดอารี่ของนักเขียนบ่นๆ ที่อวดเบียร์ที่กิน กับเมืองที่ไปผิดหวังหน่อยกับเล่มนี้
Bighead_Monster338 reviewsFollowFollowJuly 4, 2023รวมเรื่องสั้นที่มีเมืองเป็นเซตติ้งหลัก ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ ปารีสโซล ไซ่ง่อน พาราณสี เกียวโต เล่มนี้ถือว่าเป็นกึ่ง ๆ บันทึกการเดินทางผสมผสานไปกับเรื่องความสัมพันธ์ กลายเป็นเรื่องสั้นลูกผสมที่มีทัศนียภาพของเมืองผสานเร้าไปกับทัศนียภาพใจของตัวละคร แต่ละตอนละเอียดอ่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกนักสภาวะติดที่ว่า คืออะไรบางอย่างในความรู้สึกของตัวละครในเรื่อง ติดอยู่ระหว่างบ้านเกิดหรือเมืองนั้น ๆ ติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก รักต่อหรือเลิกรา ติดอยู่ในอดีตคิดวนกับอนาคตความเป็นไป ผู้เขียนเก่งฉกาจในการเล่าผสมประสบการณ์เชื่อมโยงกับชีวิตตัวละครในเล่มหรืออาจตัวผู้เขียนเองก็เป็นไปได้ทั้งนั้นบรรยายสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมถึงข้าวของกับผู้คนได้ลึกซึ้ง ไม่จำเป็นต้องบิวต์อะไรมาก ไม่ต้องบอกชัดเจนจัดว่าที่เล่าคือที่ไหนแต่เราก็รู้สึกได้ อดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดมาจากเหตุการณ์จริงของคุณนักเขียน จะบอกว่าอ่านจบแล้วชอบทุกตอน มันได้ความรู้สึกต่างกันไปในแต่ละเมืองแต่ละเรื่องราวเล่มนี้ถ่ายทอดเสียงในใจของตัวละครออกมาได้ชัดดี ทั้งสภาวะจิตใจ+ความรู้สึก มีทั้งชีวิตรัก ความสัมพันธ์ ปมเรื่องครอบครัว ความรัก เรื่องเซ็กซ์-อิโรติก ตัวละครหลักมักเป็นนักเขียนภายใต้บรรยากาศต่างแดนบวกเรื่องวรรณกรรม เบียร์ การเมือง สอดแทรกผสานไปในสำนวนและบรรยากาศเป็นลายเส้นของคุณนักเขียน