Jump to ratings and reviews
Rate this book

ย่องเบาเข้าญี่ปุ่น

Rate this book
สารคดีกึ่งนิยายของ "โตมร ศุขปรีชา" ที่จะพาไปค้นหาตัวตนของญี่ปุ่น ทำความรู้จักผ่านคำบอกเล่าของบุคคล บันทึกประวัติศาสตร์ และศิลปะวัฒนธรรม ท่ามกลางการเดินทางสุดผจญภัย ที่มีปริศนาแลละเรื่องลึกลับอยู่ตามรายทาง

256 pages, Paperback

First published January 1, 2008

4 people are currently reading
29 people want to read

About the author

12 เรื่อง ที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ โตมร ศุขปรีชา

1. เขาเป็นคนเกลียดกลัวแมลงสาบอย่างยิ่ง เพราะค่ำคืนหนึ่ง มีผู้ทำกระป๋องยาฆ่าแมลงหกลงไปในกล่องลึกลับใกล้ห้องนอน ในกล่องนั้นเป็นที่สิงสถิตของแมลงสาบ พวกมันจึงกรูกันออกมาในยามค่ำคืนขณะที่เขานอนหลับ พวกมันไต่หน้า แขน ตัว ยั้วเยี้ยอยู่ในความมืด เขาต้องเอาผ้าห่มมาคลุมตัว แล้วร้องตะโกนให้คนมาช่วย

2. หนังสือเล่มแรกของเขา มีชื่อว่า 'กาแฟและชา หมาและแมว' รวบรวมงานเขียนยุคแรกของเขาเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนหน้าจะมาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร GM อยู่นานถึง 13 ปี

3. เขาชอบการเดินทางและสังเกตสังกาชีวิตผู้คน หนังสือที่เขาเขียนจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางอยู่หลายเล่ม อาทิเช่น 'ผู้ปูโต๊ะกับลมหมอ : การเดินทางธรรมดาในห้าทวีป' 'เดินทางระหว่างหู' แต่ในบรรดาหนังสือที่เขาเขียนทั้งหมด มีเพียงเล่มเดียวที่เขียนขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นสารคดีกึ่งเรื่องแต่งที่พาไปสำรวจวิธีคิดของคนญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น ชื่อ ‘ย่องเบาเข้าญี่ปุ่น’

4. งานเขียนที่เขาชอบเขียนอีกประเภทหนึ่ง คืองานว่าด้วยชีวิต จึงมีหนังสืออย่าง 'Mailbox' ที่เขาเขียนจดหมายถึงผู้คนมากมาย หรือ 'วาระสุดท้าย' ที่พาผู้อ่านไปสำรวจช่วงสุดท้ายในชีวิตของผู้คนและสิ่งต่างๆ นอกจากชีวิตผู้คน เขายังชอบสังเกตชีวิตสัตว์ และมีผลงานรวมเล่มสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์อย่าง 'โลกใหญ่ใบมด' ที่เคยได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 หนังสือดีในทางวิทยาศาสตร์ด้วย

5. Genderism เป็นงานเขียนอีกเล่มหนึ่งที่ผู้อ่านหลายคนชื่นชอบ งานชุดนี้เกิดขึ้นเพราะคำท้าทายของบรรณาธิการอย่างอธิคม คุณาวุฒิ ว่าเขาจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆของสังคมไทยโดยผ่านกรอบการมองเรื่องเพศได้ไหม เขารับคำท้านั้น จึงก่อให้เกิดคอลัมน์ชื่อเดียวกัน และกลายมาเป็นหนังสือชื่อเดียวกัน

6. ดูเหมือนเขาจะเขียนงานแนว Non Fiction มามาก ในบรรดาหนังสือที่เขาเขียนทั้งหมด มีเพียงเล่มเดียวที่เป็นรวมเรื่องสั้น มีชื่อว่า ‘หญิงสาวผู้ตกหลุมรักฯ’ ชื่อเต็มๆของหนังสือเล่มนี้คือ หญิงสาวผู้ตกหลุมรัก 'พระพุทธเจ้าฯ' ซึ่งหมายถึงหญิงสาวผู้ตกหลุมรักหนังสือชื่อ The Buddha of Suburbia อันเป็นหนังสือของฮานิฟ คุเรชิ โดยเนื้อหาของเรื่องสั้นในเล่ม เกี่ยวพันกับความรักต้องห้ามอันหลากหลาย

7. นอกจากงานเขียน เขาทำงานแปลมากเล่ม ตั้งแต่ผลงานเล่มแรกอย่าง Kitchen Confidential ของเชฟแอนโธนี บอร์เดน, South of the Borders, West of the Sun (การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก) ของฮารูกิ มุราคามิ, One Flew Over the Cuckoo's Nest (ข้ามผ่านพันธนาการ) ของเคน คีซีย์, An Edible History of Humanity (ประวัติศาสตร์กินได้), Onward (ถอยไปข้างหน้า) ของโฮเวิร์ด ชูลทซ์, The Sense of an Ending (ณ ที่สิ้นสุดของบางสิ่ง) ของจูเลียน บาร์นส์ เป็นต้น

8. เขาไม่เคยตอบได้เลยว่าชอบทะเลหรือภูเขามากกว่ากัน เขาเคยคิดว่าถ้าตายไป อยากถูกฝังเอาไว้บนภูเขาที่มีหน้าผาอยู่ติดกับทะเล แต่เขารู้ว่ามันคงไม่อาจเป็นจริงได้ เนื่องจากที่ดินประเภทที่ว่า คงราคาแพงมหาศาล

9. เขาคิดว่าชีวิตนั้น ยิ่งอยู่ก็ยิ่งตระหนักว่ามันมีเหตุผลในตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ แต่บางเหตุผลที่ยังเหลืออยู่ คือการมีชีวิตอยู่เพื่อเล่นบอร์ดเกม

10. ช่วงขวบปีหลังๆ เขาหันมาทำงานโทรทัศน์ อย่างรายการ 'วัฒนธรรมชุบแป้งทอด' ทางช่อง ThaiPBS ซึ่งได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ทำให้บางครั้งเขาก็คิด-ทำหนังสือมาทั้งชีวิต แทบไม่เคยได้รับรางวัลอะไรเลย เป็นแต่กรรมการ (เช่น รางวัลวรรณกรรมเยาวชนแว่นแก้ว, รางวัลเซเวนบุ๊คส์, รางวัลซีไรต์) แต่พอทำโทรทัศน์เพียงปีเดียว ก็ได้รับรางวัลเลย เช่นนี้หมายความว่า...

11. กีฬาที่เขาชอบที่สุด ไม่ว่าจะเล่นหรือดู คือเทนนิส นักเทนนิสที่เขาโปรดปรานมากที่สุด คือกุยเยร์โม คอร์เรีย ชาวอาร์เจนตินา เป็นนักเทนนิสที่เก่งคอร์ตดินที่สุดในยุคก่อนนาดาล เฟรนช์โอเพ่นปี 2004 คือฝันร้ายของเขา เพราะคอร์เรียเข้าชิงกับแกสตอง เกาดิโอ ทุกคนในโลกเชื่อว่าคอร์เรียชนะแน่นอน เขาถ่างตาดู แต่แล้วคอร์เรียก็เจ็บ ทำให้พ่ายแพ้ไป คืนนั้นเขานอนไม่หลับ ถ้าหลับเมื่อไหร่ก็ฝันร้าย เขาจึงหลับๆตื่นๆจนถึงเช้า และเสียใจยิ่งนักที่คอร์เรียมา ‘แขวนแร็กเก็ต’ ด้วยการเล่นที่เมืองไทย แต่เขาไม่รู้ข่าว เลยไม่ได้ไปดู แต่แอบเชื่อว่าที่คอร์เรียเลือกมาแขวนแร็กเก็ตที่เมืองไทย เพราะเขาเคยเขียนอีเมลไปให้กำลังใจและบอกว่าเป็นแฟนเทนนิสจากไทย แต่ที่จริงคอร์เรียอาจอยากมาเที่ยวพัทยาก็ได้ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้เขาใช้จักรยานเป็นยานพาหนะ เลิกใช้รถยนต์ และหันมาวิ่งอย่าง (ค่อนข้าง) จริงจัง

12. ตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาไม่ชอบเชียงใหม่เลย แต่ตอนนี้ เขากลับปลูกบ้านไว้ที่นั่น (โดยไม่รู้ว่าบ้านอยู่ใกล้กับแนวรอยเลื่อนของแผ่นดินไหว) อยากไปนั่งๆนอนๆอยู่ที่นั่น แต่พอไปแ

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
14 (26%)
4 stars
19 (35%)
3 stars
17 (32%)
2 stars
2 (3%)
1 star
1 (1%)
Displaying 1 - 6 of 6 reviews
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
July 7, 2018
โกรธตัวเองที่เพิ่งหยิบออกมาอ่าน

ย่องเบาเข้าญี่ปุ่น ตอบคำถามที่อยากรู้มานานตั้งแต่บทแรก

“ตัวตน” ของญี่ปุ่น เป็นอย่างไร ถูกหล่อหลอมมาจากไหน และเมื่อไหร่ หนังสือเล่มนี้ เล่าด้วยภาษาที่ช่วยให้เข้าใจได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ ยังเล่าเกร็ดทางภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี จนต้องขอจัดหมวดหมู่ให้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายสารคดี

ที่สำคัญ หนังสือเล่มนี้เดินเรื่องผ่าน “ผม” ตัวเอกของเรื่องเช่นเดียวกับการเล่าเรื่องของมูราคามิ

หญิงสาวลึกลับ คนหาย ชายปริศนา และนาโอโกะ
ขาดอย่างเดียวที่ไม่โผล่มาคือ แมว

ไม่แน่ใจว่ามีการดำเนินเรื่องแบบ magical realism อยู่ด้วยหรือไม่ แต่ที่ต่างจากมูราคามิแน่ๆ คือท้ายเล่ม มีการขมวดปม สรุปข้อสงสัยที่มึนๆ ทึมๆ ที่ดำเนินมาตลอด และเฉลยปริศนาบางอย่าง

ที่ขัดใจ และไม่เข้าใจ คือตัวหนังสือสีส้ม บนพื้นหลังสีส้ม นี่แหละ ปวดตาเป็นที่สุด
(หนังสือเวอร์ชั่นที่อ่านคือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2, SALMON)
Profile Image for top..
510 reviews116 followers
May 8, 2018
มองจักรวาลในสระบัว -นันเซ็นจิ

ได้เล่มนี้มาจากแผงหนังสือเก่าแถวอนุสาวรีย์ฯ เห็นชื่อคนเขียนก็เลยจั่วมา ส่วนตัวไม่ค่อยชอบการเล่าเรื่องกึ่งนิยายของเล่มนี้เท่าไร อ่านแล้วอึดอัดอยากให้จบๆ ไปซะที เราว่าตัวนิยายกับกลุ่มข้อมูลมันไม่กลมกลืนกัน ฝั่งข้อมูลหลายๆ อันที่วิจารณ์โน่นนี่ หรืออย่างที่ถกกับตัวละครเรื่องความชอบธรรมในการล่าวาฬนั่นเราชอบเลยนะ แต่พอมันวกกลับมาเข้าฝั่งนิยายเรื่องตามหานายโดอิ เจ๊จอยอะไรนี่อยากพับหนังสือแล้ววางยาว

ชอบช่วงแรกที่ให้โดอิเปรยเรื่องอุระ-โอโมเตะ แล้วใช้มันเป็นคีย์เวิดอธิบายทุกอารยธรรมของญี่ปุ่นในตลอดทั้งเล่ม, บทความข้อมูลต่างๆ ที่แยกออกมาจากส่วนเรื่องแต่ง ตลอดจนบันทึกของคุณตานั่นก็น่าหาอ่านต่อ มีเรื่องน่าสนใจเยอะทีเดียว

เกลียด เอ้ย รำคาญการใช้อัศเจรีย์แบบฟุ่มเฟือยในช่วงต้นมาก ทำลายอรรถรสในการอ่านสุด
Profile Image for รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์.
Author 10 books108 followers
July 25, 2018
ขอเรียกว่าหนังสือสไตล์จินตสารคดี คือเรื่องเล่าจากจินตนาการที่ผสานเป็นเนื้อเดียวกับสารคดีอย่างแยกไม่ออก

ถามว่าสนุกไหม ก็สนุกดี แต่ผมชอบงานสไตล์ที่เป็นผู้ใหญ่ของคุณโตมรมากกว่า เพราะรู้สึกว่างานสไตล์นั้นอ่านแล้วได้น้ำได้เนื้อมากกว่าสไตล์นี้ แต่ก็ถือว่าเป็นการอ่านเอาความบันเทิง มากกว่าอ่านเอาเรื่อง (ก็ได้เรื่องนิดหน่อยแหละ ฮาๆ)

Profile Image for Olé Vorawee.
65 reviews
August 28, 2018
ย่องเบาเข้าญี่ปุ่น เพิ่งเคยอ่านสารคดีกึ่งนิยายครั้งแรกด้วยเล่มนี้ เป็นการสอดแทรกความรู้ที่เพลินดี แม้ว่าหลายๆ ช่วงจะดูเกินจริงไปมาก ตัวเนื้อหาบางช่วงก็ดูยัดเยียดความรู้มากเกินไป ส่วนสำคัญที่หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จคือ ปลูกฝังแนวคิดโอโมเตะ-อุระ แม้จะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เป็นการจุดประกายให้ศึกษามากขึ้น [ต่อไปนี้เกี่ยวกับ edition สำนักพิมพ์ Salmon] ขอติช่วงตัวหนังสือที่เป็นสีส้ม อ่านยากมาก ใช้สายตาเยอะมาก ยิ่งพื้นกระดาษเป็นสีเหลืองอ่อนๆ แนวถนอมสายตา ยิ่งทำให้ต้องเพ่งในการอ่านเพิ่มขึ้นไปอีก
Profile Image for Pumsish.
340 reviews53 followers
August 7, 2009
ประเด็นที่เป็นหัวใจของหนังสือเล่มนี้เรื่อง โอโมเทะ/อุระ (ข้างนอก/ข้างใน) ของญี่ปุ่นนั้นน่าสนใจมาก
แต่บางอย่างผู้เีขียนก็ดูราวกับคิดมากไปเอง
ถ้าไม่นับเรื่องนี้ที่รบกวนจิตใจเวลาอ่าน(กับอีกเรื่องที่หมกมุ่นถึงแต่มูราคามิ) ก็นับว่าเพลิดเพลินดี
1 review15 followers
September 18, 2012
สนุกมาก อ่านแล้วเพลิน เชื่อเลยจริงๆว่าเรื่องบางเรื่องไม่รู้จริงหรือหลอก
แต่ก็เชื่อหมด เทคนิคการเล่าเรื่องดี
Displaying 1 - 6 of 6 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.