Jump to ratings and reviews
Rate this book

可以善良,但你要有底線不當好人:人際關係斷‧捨‧離,勉強自己和別人好,不如找人真心對你好

Rate this book
「他人の目」を気にせずに、「自分の意思」でラクに生きる方法を示す自己啓発書。著者は、クビ同然で会社を辞め、転職先では疲弊して体を壊し、会社を立ち上げては撤退し、苦しみ抜いた末に自由な生き方を手に入れた午堂登紀雄氏。

208 pages, Paperback

First published December 1, 2016

37 people are currently reading
153 people want to read

About the author

午堂 登紀雄

57 books2 followers
English: Tokio Godō

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
20 (14%)
4 stars
57 (41%)
3 stars
39 (28%)
2 stars
17 (12%)
1 star
5 (3%)
Displaying 1 - 25 of 25 reviews
Profile Image for Mirai.
590 reviews127 followers
January 20, 2019
"มันไม่ใช่การเลิกเป็นคนดี แต่มันคือการกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง"

ชื่อหนังสือฟังดูโหดร้ายมากค่ะ 55555 เหมือนชักชวนให้ทุกคนทำตัวผิดศีลธรรมแล้วตัวเองจะมีความสุขมากขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว เนื้อหาด้านในไม่ได้เป็นเช่นนั้น

"คนดี" ตามคำนิยามในหนังสือ คือการเป็นคนเอาอกเอาใจสังคมจนลบเลือนความเป็นตัวของตัวเอง คือคนที่ไม่กล้าทำนู้นทำนี้ เพียงเพราะกลัวว่าสังคมจะแบนหรือติเตียน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คนที่ยอมทำตามความต้องการคนอื่น เพราะกลัวคนอื่นไม่รักนั่นเอง

หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือให้เรามี "ความกล้า" ค่ะ กล้าที่จะออกจาก Safe zone ของตัวเองเพื่อทำตามใจตัวเองมากขึ้น เพราะเชื่อว่าการได้ทำตามความต้องการของตัวเองที่แท้จริงจะนำไปซึ่งความสุขของเราได้ (แต่ไม่ได้หมายความว่าการทำตามใจตัวเองเป็นเรื่องที่ถูกต้องทุกเรื่องไปนะคะ อันนี้ต้องดูแล้วแต่บริบทเป็นกรณีๆ ไป)

คะแนน 3/5
ถามว่าเล่มนี้โอเคมั้ย เราก็ว่าโอเคอยู่ เนื้อหาอ่านง่าย เพราะแบ่งเป็นหมวดๆ แต่ละตอนก็ส้ั้นๆ อ่านไม่นานก็จบ แต่คงเหมาะเฉพาะกับคนที่มีความกลัวและไม่กล้าในระดับที่ "สูง" กว่าคนอื่นมากๆ เท่านั้นที่จะอ่านเล่มนี้แล้วจะได้รับประโยชน์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่ติดนิสัยเกรงใจคนอื่นมากเกินไป คิดถึงแต่คนอื่นมากเกินควร (ทั้งที่คนอื่นไม่ได้ต้องการขนาดนั้น) จนสร้างความทุกข์และความลำบากให้ตัวเอง เราเลยรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่เหมาะกับบริบทและวัฒนธรรมของคนไทยเท่าไหร่ (เล่มนี้ผู้เขียนเป็นชาวญี่ปุ่นค่ะ) เพราะเรารู้สึกว่าคนไทยมีความสตรองและความเป็นตัวของตัวเองในระดับนึงอยู่แล้ว อีกทั้ง คำแนะนำในบางเรื่องมันดูโหดสุดตรีนเกินไปสำหรับคนไทยเหมือนกัน 555555
Profile Image for Pairash Pleanmalai.
400 reviews31 followers
May 7, 2019
ก่อนอื่นเลย คำว่า คนดี ในที่นี้หมายถึง คนที่แคร์สายตาคนอื่น กลัวคนไม่รัก เลยต้องทำอะไรฝึนใจเพื่อคนอื่น
ไม่กล้าแตกต่าง
อ่านๆไป มันเหมือนอารมณ์สังคมของญี่ปุ่นเองสะมากกว่า
พาร์ทแรกๆ จะประมาณอย่าแคร์สังคมให้มาก
พาร์ทหลังๆ เรื่องความรัก จะบอกประมาณว่าคนที่แคร์คนรักมากเกินไป เอาใจเขาไปเสียทุกอย่าง ก็จะถูกเอาเปรียบ
จะมีบางบทที่ทะแม่งๆเหมือนกัน เช่น ฝ่าไฟแดงบ้าง
ถ้าสำหรับใครที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ได้แคร์ใครมากมาย แสดงว่าคุณก็ทำตัวเหมือนกับที่หนังสือบอกอยู่แล้ว

ดังนั้นเล่มนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่ชีวิตยึดติดอยู่กับผู้อื่นมากเกินไป แคร์คนอื่นมากเกินไป คนที่สังคมจ๋าๆมากเกินไป
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
August 5, 2019
หนังสือเล่มนี้บอกให้ "รักตัวเอง" เข้ากับเทรนด์ของยุคสมัยที่ต้อง work-life balance
ผ่านแก่นหลัก 2 เรื่อง คือ การมีความนับถือตนเอง และการจัดการความสัมพันธ์
เป็นการแนะนำแบบแหวกแนว แถมยังฮาร์ดคอร์นิดๆ เรียกได้ว่าฉีกขนบ How-to ด้านความสัมพันธ์ไปเลยทีเดียว

ก่อนอื่น ต้องบอกเอาไว้ให้ชัดเจนว่า การเลิกเป็น “คนดี” ไม่ได้แปลว่าให้เป็น “คนชั่ว”
เพราะหนังสือเล่มนี้วางตำแหน่งแห่งที่ นิยามความเป็น “คนดี” เอาไว้ชัดเจน

“...คนดี ในที่นี้หมายถึง คนที่ทำให้ตัวเองเป็นที่นิยมชมชอบไม่ให้ถูกเกลียด จนกลายเป็นความกดดันตัวเอง เพราะใช้ชีวิตโดยแคร์สายตาผู้อื่นตลอดเวลา”
“...คนดีมักเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก เป็นคนคิดดีและทำเพื่อผู้อื่น และทนไม่ได้หากมีใครคิดต่างจากตัวเอง”

ความฮาร์ดคอร์นิดๆ ของเล่มนี้ไม่ใช่เพราะหยาบคาย แต่เป็นสไตล์ตอบตรง ชัดเจน แบบไม่ต้องถนอมน้ำอกน้ำใจกันทั้งสิ้น
รู้สึกเหมือนว่า how-to ของชาวมินิมอลิสต์ (minimalist) ที่มาในรูปแบบเรื่องของความสัมพันธ์ และการเลือกคบคน
หมั่นตระหนัก และทบทวนให้ชัดว่า ความสัมพันธ์แบบไหนกับใครควรรักษาเอาไว้
ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น ถือว่าเป็นส่วนที่เกินความจำเป็น ใครที่ส่งผลต่อชีวิตเราน้อยมาก แต่มาตักตวงผลประโยชน์จากเรา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำสิ่งขัดกับความรู้สึก เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกเกลียด
ขอยืนยันว่าหนังสือไม่ได้ยุให้ทำลายความสัมพันธ์ แต่แนะให้รู้จักตัดบท รู้จักปฏิเสธ ไม่นำความเป็นคนดี มาค้ำคอตัวเองจนเกิดความทุกข์

หลายๆ ตัวอย่าง หลายๆ คำแนะนำนั้น “ตรง” มาก จนประหลาดใจว่านี่เป็นหนังสือฝีมือนักเขียนชาวญี่ปุ่นหรือนี่
ขอให้ลองนึกภาพซารารี่มัง (Salartman) ของญี่ปุ่น ที่กล้าตัดบทไม่ไปเลี้ยงฉลองหลังเลิกงาน เพราะมีธุระทางบ้านดูสิ หรือนึกถึงภาพคุณภรรยาชาวญี่ปุ่นที่ลุกขึ้นมาเถียงสามีดูสิ
แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยใช่มั้ย
แต่หนังสือของผู้เขียนชาวญี่ปุ่นคนนี้จัดเต็ม

ผู้เขียนส่ง message ถึงผู้อ่านโดยตรงให้มี "ความนับถือตนเอง (self esteem)"
เราเป็นของเราอย่างนี้ มาตรฐานของเราคืออย่างนี้ และคุณค่าของเราคือแบบนี้
ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปกังวลเรื่องความนิยมชมชอบจนต้องต้องไปพินอบพิเทา ทำตัวให้คนอื่นพึงพอใจ
ไม่ต้องกลัวว่าเป็นคำแนะนำนามธรรมลอยๆ
หนังสือเล่มนี้ เป็น How-to แบบ หนึ่ง-สอง-สาม-สี่
ที่สอนให้เราวางมาตรฐานการใช้ชีวิตของตัวเองไว้ ทั้งงาน และความสัมพันธ์ ยืนหยัดในตัวตนของตนเอง ถ้าหลุดจากมาตรฐาน ก็ให้ปฏิเสธ บอกทางออก call-for-action ให้แบบเสร็จสรรพ

ท้ายที่สุด หนังสือเล่มนี้ยังช่วยให้เปิดใจ มี empathy เข้าอกเข้าใจคนอื่นที่ "ไม่ได้เป็นคนดี” ว่าที่เค้าตอบ เค้า response ออกมาอย่างนี้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเค้าขวางโลก หรือต่อต้านสังคมอะไรหรอก เค้าเป็นของเค้าอย่างนี้แหละ
มันมีความทันยุคทันสมัยมาก ล้อไปกับลักษณะของมนุษย์ generation ปัจจุบัน ที่ค่านิยมเปลี่ยนไปจริงๆ
Profile Image for Rachanont.
51 reviews9 followers
January 22, 2019
หนังสือเล่มนี้สอนให้เราเปลี่ยนตัวเองโดยเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ต้องสนใจระเบียบแบบแผนในสังคม แต่ก็ไม่ใช่การทำผิดศีลธรรมหรือกฎหมาย ทำให้เราได้ชีวิตที่มีความสุขกว่าเดิม โดยแลกกับการออกห่างจากสังคม ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้บอกว่าการทำแบบนี้ดีกว่า เพียงแต่บอกว่ามันเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะคนเรามีความหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตตามที่สังคมคิดว่าดี สุดท้ายขึ้นกับตัวเราที่ต้องเป็นคนตัดสินใจว่าอยากจะเชื่อและทำตามเรื่องไหน
Profile Image for Puripakorn Yordjan.
7 reviews1 follower
July 9, 2020
ความเกรงใจ ความรู้สึกไม่อยากถูกเกลียด จากเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ครอบครัว หรือคนแปลกหน้า ทำให้เราจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “คนดี” ทำให้การแสดงออกของคนดีเป็นไปโดยไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริง จริงอยู่การเอาแต่ใจตัวเองทุกอย่างไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในทางบวกเสมอไป อาจเป็นส่วนน้อยเสียด้วยซ้ำไปที่เอาแต่ใจแล้วจะทำให้สถานะการณ์โดยรอบดีขึ้น
.
คนดีจะมีชีวิตที่อึดอัดและถูกมองว่าเป็ฯคนไม่น่าเชื่อถือ เพราะตามใจผู้คนรอบข้างไปเสียทุกอย่างจนขาดจุดเด่นหรือเรียกว่าเป็นคนที่ไม่มีเส้นแบ่งพื้นที่ส่วนตัว พวกเขามักถูกเอาเปรียบ ไขว่คว้าการยอมรับจากผู้อื่น เป็นคุณค่าหลักในการดำเนินชีวิตของเขา
.
แต่ไม่ต้องตระหนกไปนะครับ ผมว่าใครๆ ก็เป็นกัน คนส่วนน้อยนักที่จะเป็นคนในแบบตรงกันข้ามกับคนดี หนังสือเล่มนี้ได้ให้แนวคิดที่ออกจะสุดโต่งในเรื่องการเลิกใส่ใจความคิดและการชี้นำคนรอบข้าง ซึ่งแท้จริงแล้วผมคิดว่าเราจะเอาแต่ใจได้เบอร์นั้นเราน่าจะต้องอยู๋ในตำแหน่งที่สูงเพียงพอเสียก่อน มีฐานะมั่งคั่ง ถึงจะเลิกรับความช่วยเหลือจากใครต่อใครได้
.
80% ของเนื้อหาในเล่ม ผมคิดว่าเอามาปรับใช้ในสังคมแบบไทยๆ ยากมาก ตอนใกล้จบเล่มเนื้อหาก็จะดูเบาลงหน่อย อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนได้บอกว่านี่คือความคิดความรู้สึกส่วนตัวของเขา ไม่มีสิ่งใดถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับการปรับใช้ตามแต่สถานการณ์ กระนั้นเองผมก็มีข้อคิดที่ชอบอยู่มากๆ ในหนังสือเล่มนี้ คือ “การได้ทำตามความต้องการของตัวเอง จะทำให้ไม่รู้สึกแย่และค้างคาใจในภายหลัง” ซึ่งข้อนี้จริงที่สุด ผมไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนทำชั่ว หรือเอาแต่ใจ แต่บางครั้งเมื่อโอกาสมาถึงอย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไปเพียงเพราะว่า ไม่กล้าแสดงออกหรือกระทำในสิ่งที่ต้องการ ด้วยความเกรงใจ อาย กลัวโดนมองว่าไร้สาระ
.
คนดีช่างน่าเบื่อหน่าย แม้ผมจะรู้สึกแปลกๆ กับข้อความนี้แต่ลองไตร่ตรองจากประสบการณ์ดูแล้วมันจริง การที่เรารู้ว่าคาแรคเตอร์ของใครเป็นอย่างไรมันทำให้เราสบายใจกว่าเวลาที่คบหาด้วย เช่น คนนี้ไม่ชอบให้พูดหยาบ คนนี้มักให้ข้อคิดเป็นที่ปรึกษาที่ดีแต่เป็นคนเจ้าชู้ คนนี้ชอบกินฟรีแต่ถ้ามีงานที่ต้องใช้แรงกายถ้าออกปากแล้วเขาไม่เคยปฏิเสธเลย จะยังดีเสียกว่าที่คบคนดีตามใจเราทุกอย่างแต่เรามองไม่ออกถึงคาแรคเตอร์ ที่แท้จริงของเขาเลย ทำให้คนดีพวกนี้โดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครวางใจ
.
คนดีจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงเพราะกลัวถูกเกลียด ถ้าเป็นคู่รักกันก็จะเป็นความจืดชืด เพราะมีแต่คำพูดว่า “แล้วแต่คุณ” บางครั้งเป็นการดีเสียยิ่งกว่าที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของทั้งคู่ออกมาในเดทแรก ฝ่ายชายอาจเลือกร้านเหล้าแบบธรรมดาไม่ได้หรูหรามากนัก ก็จะทำให้เห็นอาการของอีกฝ่ายได้ เช่นเดียวกันฝ่ายหญิงอาจแสดงตัวออกไปว่าไม่ชอบการทำงานบ้านเลย เพื่อรอดูว่าฝ่ายชายจะว่าอย่างไร จะได้ไม่ต้องเสียเวลาซึ่งกันและกัน โดยการแกล้งเป็นคนดี เพราะเมื่อกินอยู่ด้วยกันไปแล้วความผูกพันธ์จะเป็นสายใยที่ตัดขาดยากกว่าความรักแบบหนุ่มสาวถึงตอนนั้นการเลิกรากันคงไม่ใช่เรื่องง่าย
.
ความสัมพันธ์ ทางกายของฝ่ายหญิงที่จะให้กับฝ่ายชายผู้เขียนได้กล่าวว่า ฝ่ายชายจะมีกระบวนการทำให้ความรักของเขาสุกงอมอยู่มันเป็นเหมือนการไต่ระดับขั้นบรรได เช่น เดทแรกกลับบ้านด้วยความประทับใจโทรหากันทุกวัน นัดเดทอีกครั้งมีกิจกรรมอื่นๆ ข้างนอกบ้าง บางครั้งงอนกัน ร้องไห้ ง้อกัน กลับมาคืนดี คิดถึงอยากเจออยากคุยด้วย นัดเดทอีกครั้ง ความรู็สึกที่มีต่อกันเพิ่มมากขึ้น ความประทับใจ ถ้านานพออาจได้เรียนรู้ข้อเสียของทั้งสองฝ่ายออกมาบ้าง จนทั้งคู่เริ่มรู็สึกถึงคำว่าชีวิตคู่ ขาดกันและกันไม่ได้ อยากที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน แล้วตามด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกที่และถูกเวลา จะยิ่งสร้างความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นหลายเท่าตัว
แต่ถ้าความรู็สึกของฝ่ายชายยังไม่มาถึงจุดนี้ ฝ่ายหญิงก็จะมีโอกาสที่จะโดนทิ้งเพราะความรู้สึกที่ว่านั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ฝ่ายชายได้สำเร็จเป้าหมายอันสูงสุดไปแล้วเขาก็จะตีจากไปหาคนใหม่ๆ ผู้เขียนบอกว่าเวลา 1 เดือนเป็นอย่างน้อย หรืออาจตั้งเกณฑ์ อื่นๆ มาช่วยก็ได้ เช่น เดท 10 ครั้ง เดือนแรกจะไม่ให้สัมผัสตัว เป็นต้น
.
จริงอยู่มีคู่รักมากมายที่มีเพศสัมพันธ์กันในเวลาไม่กี่วันและเป็นคู่แต่งงานที่มีความสุข คู่เหล่านั้นเป็นคู่ที่อาาจเก่งในเรื่องการแสดงความต้องการของตัวเอง และนอกเหนือจากเรื่องบนเตียงแล้วสิ่งที่เขาทำด้วยกันอย่างอื่นเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ฉันอยากใช้ชีวิตคู่กับเธอ หรือเขาคนนั้น ไม่ใช่แค่ว่ายอมนอนด้วยเพราะอยากถูกรัก
.
ปัญหาแบบนี้สะสมมาตั้งแต่วัยเด็ก ผู้ใหญ่ที่ต้องการคำชม หรือคำพูดดีๆ หรือมักจะโหยหาความรัก ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ ไม่ได้หมายถึงครอบครัวแตกแยกกันนะครับ ครอบครัวที่สมบูรณ์ก็สามารถทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ได้รับความรักได้เช่นกัน เช่นรู้สึกว่าพ่อแม่รักน้องสาวมากกว่า รู้สึกว่าพ่อแม่ชมแต่ลูกคนอื่นว่าเก่ง เมื่อทำผิดพลาดก็มักจะโดนเปรียบเทียบกับลูกๆของเพื่อนบ้านเสมอ จนกระทั้งถึงวัยรุ่น
.
วัยรุ่นหรือวัยต่อต้าน เป็นสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติเด็กจะมีความคิดเห็นต่างเป็นตัวของตัวเอง ถ้าดูแลและชี้นำได้อย่างถูกต้องแล้วก็จะทำให้ความคิดต่างหรือเป็นตัวของตัวเองนั้นเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของเขา การได้ลองทำสิ่งท้าทายสิ่งใหม่ หรือสิ่งที่พ่อแม่ไม่ได้สอน แต่มันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ถือว่าเป็นการฝึกให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้
.
แต่ถ้าไปจำกัดกักขังความคิดของเขาเอาไว้ในช่วงวัยต่อต้าน ก็จะให้ผลเสียมากกว่า เพราะจะทำให้ลูกรักเป็นคนดีที่ไม่กล้าเถียงใครอีกเลยเพราะกลัวจะถูกเกลียด ทั้งชีวิตของเขาต่อไปจากนี้จะเป็ฯการพึ่งพาคนอื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็ฯหรือคิดริเริ่มอะไรเลย แม้แต่ในฐานะของคู่รักก็มักจะโดนเอาเปรียบเสมอ
.
ฝึกการถกเถียงและทะเลาะแบบผู้ใหญ่ กล้าบอกความต้องการ ไม่ใช่ยอมรับข้อเสนอทางธุรกิจทั้งๆที่ไม่เต็มใจเพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของพ่อ กล้าจะบอกพนักงานเสิร์ฟว่าทำอาหารมาให้ผิดและคุณอยากเป็นเป็นเมนูที่คุณสั่งเท่านั้น กล้าปิดบริษัทหรือเลิกกิจการเมื่อรู้แล้วว่ามันไม่มีทางไปรอดเสียยังดีกว่าดันทุรังทำต่อทั้งๆที่ขาดทุนเพราะเสียดายกิจการที่เคยลงทุนลงแรงไปแล้ว
.
หากท่านผู้อ่านจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้กับใครส่วนตัวผมแนะนำว่าขอให้เป็ฯผู้ใหญ่จะดีกว่าครับ เพราะถ้าอ่านและทำความเข้าใจแบบครึ่งๆ กลางๆ ก็จะทำให้เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนอยากจะสื่อสารผิดพลาดไปได้ และใครที่เริ่มอ่านแล้วก็ขอให้อ่านให้จบไวๆ จะได้ครี่คลายประเด็นที่ยกไว้อย่างสุดโต่งของผู้เขียน อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ดีแน่นอนครับ แค่ออกจะ Hardcore/Extreme ไปบ้างในบางบท ขอให้สนุกกับการเป็นนักอ่านนะครับ
Profile Image for Poom Bhamoraputr.
5 reviews1 follower
December 7, 2020
เป็���หนังสือที่แนะนำแบบสุดโต่งไป อ่านไปโมโหไปเพราะมันไม่มีทางทำได้ถ้าคุณยังอยากมีที่ยืนในสังคม
หนังสือไม่ได้พยามบอกให้เลิกเป็นคนดี เพราะแต่ละอย่างที่ทำก็ไม่ใช่สิ่งที่หมายถึงคนดีเค้าทำกัน แต่หนังสือพยามจะสื่อว่าอย่าแคร์โลก จงเทคนอื่นแล้วรักตัวเอง ทำอะไรที่อยากทำ
ฟังเหมือนจะดีนะครับ แต่สำหรับสังคมบ้านเรา ย้ำว่าสังคมไทยไม่ได้มีความตึงเครียดเหมือนที่ญี่ปุ่น ซึ่งหนังสือนี้เขียนมาสำหรับสังคมคนอยู่ญี่ปุ่นที่ต้องคอยรักษาภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูดี ซึ่งไทยไม่ใช่!!
เพราะฉะนั้นตามความเห็นผมคือเป็นหนังสือที่แทบจะไม่ได้ประโยชน์เลย เว้นแต่อ่านเอาความสะใจอย่างเดียว ซึ่งไม่บันเทิง
Profile Image for ภูมิ 3 รวย.
38 reviews3 followers
July 21, 2019
ขอเพิ่มเติมครับ
สมองส่วนสัญชาตญาณทางอารมณ์
การเป็นสัตว์สังคม
ต้องการเป็นที่ชื่นชอบ
ต้องการได้รับการยอมรับ
- มันถูกโปรแกรมหรือฝังอยู่ในสมองเราทุกคนเพื่อช่วยให้เราอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ผ่านระบบการให้สารรางวัล reward system
- มันทำงานได้ดีใน(สิ่งแวดล้อมยุคหิน)ที่มันถูกวิวัฒนาการสร้างมาผ่านกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติ
- มันถูกส่งต่อพันธุกรรมมารุ่นแล้วรุ่นเล่ามาจากบรรพบุรุษ

หลายพฤติกรรมจึงดูโง่ใน(สิ่งแวดล้อมใหม่)ได้ถ้าไม่เพิ่มข้อมูลให้กับสมองส่วนเหตุผล
เช่น
- อยากดูรวยจึงแสร้งรวยผ่อนซื้อข้าวของที่จ่ายไม่ไหวจนเป็นหนี้
- อยากได้รับการยอมรับจึงแสดงบุคลิก(คนดี)ตามที่หนังสือเล่มนี้บอก

บุคลิก/ทัศนคติ มี3แบบ
แบ่งตามความเข็มแข็งทางจิตใจ
1.คนอ่อนแอ
เป็น beta male ภาวะความเป็นผู้นำต่ำไป
หรือเรียกผิดกันว่า(คนดี) nice guy/nice girl
2.คนก้าวร้าว
เป็น alpha male ภาวะความเป็นผู้นำสูงไป
หรือเรียกว่า jerk/bad boy/bad bitch
3.คนเข็มแข็ง
เป็น alpha male ภาวะความเป็นผู้นำแบบพอดี
หรือเอาแต่ข้อดีของบุคลิกทั้ง2แบบมาใช้
หรือเรียกว่า nice jerk/nice bitch

ดังนั้น
ชื่อหนังสือที่ถูกต้องควรเป็น
เลิกเป็น(คนไม่ดี)คนอ่อนแอ/คนก้าวร้าว
ให้เป็น(คนดีที่แท้จริง)คนเข็มแข็ง
แล้วจะมีความสุข

ด้วยการพัฒนาตนเองผ่านการ
- เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง(ประสบการณ์) และ
- เรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น(เสพข้อมูลดีๆจากสื่อต่างๆ)
เพราะมันคือการเพิ่มข้อมูลให้กับ(สมองส่วนเหตุผล)เพื่อไปเปลี่ยนทิศทางแรงขับทางอารมณ์ให้ไปใช้ในทางที่ฉลาดกว่า
เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมปัจจุบันมากกว่า
Profile Image for Taa.
12 reviews
January 9, 2022
The book may be appropriate for persons who have a lot of weaknesses and need a guideline to help them adjust their attitude toward being in a society where they are encouraged to always seem nice. If one needs to apply these methods to their lives, they should do it with caution because the book encourages readers to focus too much on themselves. The author stated that his methods may be too strong for certain people and that those who adopt them must embrace the consequences, which is interesting to me. If he can explain or offer more to the outcome of his actions based on his real-life experiences, he may be able to provide a more complete picture of the situation.
Profile Image for Supachai Chavitranuruk.
18 reviews2 followers
November 22, 2019
คำว่า "คนชั่ว" กับ "คนดี" ในที่นี้หมายถึง การที่เราเปลี่ยนจาก "คนดี" คนในแบบที่ต้องการให้คนอื่นยอมรับแต่ทรมานจิตใจตัวเอง เป็น "คนชั่ว" คนในแบบที่เราเป็นจริงๆ เมื่อเป็นแล้วไม่รู้สึกทรมานหรืออึดอัด หรือกล่าวได้ว่า หนังสือเล่มนี้จะแนะนำให้เราเลิกทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราเองเพื่อเอาใจคนอื่น และหันมาเป็นตัวของเราเองจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในที่ทำงาน หรือในที่ต่างๆ
เช่น หากมีปาร์ตี้ในบริษัท แต่เราไม่ต้องการจะไปด้วย (เพราะอยากรีบกลับบ้าน) แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะว่ากลัวจะโดนมองในแง่ลบ จึงจำใจต้องเข้าร่วมทั้งๆที่ไม่อยากเข้า โดยหนังสือจะแนะนำแนวทางว่าหากไม่ไปแล้วจะเป็นเช่นไรต่อไป เป็นต้น
8 reviews
July 21, 2021
讀完這本書後,我能釐清自己的優缺,確立自己,面對與接受自己的不完美,進而思考出適合自己持續往前的方向。對他人與事物更有氣度去接納與自己不同的人事物,能夠尊重差異,把心情放寬放輕鬆,或許很多事情因此迎刃而解。我曾經是個停不下來,喜歡忙碌充實的生活,然而當我逐漸從練習慢活中發現,

停下腳步並不會讓自己停止轉動,訓練讓自己沉著思考,將周遭的人事物排列組合、歸類、紀錄這些將成為你腦中資料庫有用的資訊,接著當你繼續往前走時,資源將成為你重要的投資。

這本書提到的觀念是“表明立場”,引用書中一段話:『當你有辦法表明立場,爛人就會因為『這個人好麻煩』而離開,或者一開始就不會想接近你,擁有自我的人,會散發一種爛人勿近的氣質;爛人的離開緊緊抱住只是讓你邁向幸福,避免人生損失的過程,所以你完全不需為此難過。』

作者說的爛人,我稱之為 ”不適合與我們相處的人“,

這類的人,也有想挑戰的時候,會積極迎合你的喜好,會擬出攻心策略,

有個觀念我覺得很重要:以前的我認為眼見為憑,

後來想到另一個反向觀念:會不會我們看到的...其實就是對方刻意表現或營造情境,要讓我們看到的樣子呢?

所以,觀察顯的非常重要,不要單一思考,有些事也不是只是單一事件。

Profile Image for Jay Chatree.
28 reviews3 followers
January 1, 2019
หนังสือแปลจากญี่ปุ่น เล่มนี้อาจจะมีสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกเราบ้าง แต่ในบางส่วนก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาปรับใช้ได้ ข้ามสิ่งที่ขัดกับเราไปก็ได้ สิ่งที่ผู้เขียนแนะนำ และถือว่าน่าสนใจจริงๆ เช่น เลิกกลัวการอยู่คนเดียว เลิกเอาใจทุกคน เลิกการปฏิเสธไม่เป็นซะ เลิกเกรงใจจนเกินเหตุ เลิกประเมินตนเองต่ำไป เลิกยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เลิกทำ อื่นๆ อ่านแล้วลองประยุกต์ใช้ ปีนี้เราก็จะดีกว่าเดิม
62 reviews2 followers
August 26, 2019
เป็นหนังสือที่ปลุกพลังความเชื่อมั่นในตัวเอง ให้กล้าคิด กล้าทำ หากสิ่งที่ทำไม่ได้เดือนร้อนใคร ก็อย่าได้ไปแคร์สายตาหรือคำพูดคำอื่น เราเลือกสังคมเองได้ ต้องกล้าย้านตัวเองไปยังสถานที่ที่เหมาะกับตัวเรา ตัวเราเองสามารถเลือกได้ที่จะมีความสุขหรือไม่
Profile Image for Pimsucha.
62 reviews
May 21, 2021
ครึ่งแรกของหนังสือจะน่าเบื่อนิดๆ จนคิดว่าสงสัยเราไม่ใช่คนดี 555 แต่ครึ่งหลังดีมาก เกี่ยวกับเรื่องเงิน/ความรัก/productivity ซึ่งค่อนข้างตรง
ส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะดังเพราะญี่ปุ่นอาจจะเป็นสังคมที่ต้องแสดงออกแบบขี้เกรงใจ/และช่างติ เลยต้องเขียนให้คนเลิกฝืนตัวเองและเลิกคิดมาก
Profile Image for Torpong Poempol.
12 reviews
January 19, 2019
ค่อนข้างชอบๆ หลายๆประเด็นสุดโต่งไปหน่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราเอามาเลือกใช้
Profile Image for Srijantra.
38 reviews
February 19, 2019
เป็นข้อคิดที่สามารถนำไปใช้ได้ อาจไม่ใช่ทุกเรื่องแต่ทำให้เราได้สะท้อนสิ่งรอบๆตัว และสะท้อนตัวเองในการรับมือกับเรื่องต่างๆแบบใด
Profile Image for S T.
4 reviews
July 5, 2019
ชอบ สไตล์การเขียน การมองอีกมุม และการเป็น Introvert เล็กๆของผู้เขียน
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Nancy Tu.
9 reviews
July 21, 2019
人要確立自己,是需要獨處的。
「獨處」就是在「思考」
我們需要人際關係,同時也需要有自我的時間。
不要害怕獨處,不要害怕不一樣,找到內心安定才是最重要的
Profile Image for Menett.
26 reviews2 followers
August 25, 2019
หนังสือที่แนะนำแบบสุดโต่งและเหมารวม แต่อาจเป็นเพราะสภาพสังคมของญี่ปุ่นที่มีความกดดันมาก
อ่านแล้วขมวดคิ้วเป็นระยะๆ
แต่ก็ได้ข้อคิดบางอย่าง ไม่ถึงกับแย่ซะทีเดียว
Profile Image for Meez Estella.
35 reviews
October 27, 2021
จริงๆ​ มันก็แล้วแต่สถานการณ์นะ​ บางครั้งเราก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้เรามีความสุข​ ถ้านำมาใช้แบบพอดีๆ​ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป​ ผ่านการคิดและกลั่นกรองก่อน​ ก็จะเป็นสิ่งที่ดี​ 😀
Profile Image for ANKO.
151 reviews16 followers
January 23, 2022
อืม it’s me มีหลายเทคนิคเลยที่จดไว้ จะลองนำไปปรับใช้ดู
หลาย ๆ เรื่องก็ดูค่อนข้างยากที่จะเริ่มทำ 😂

เนื้อหาทั้งเล่มก็คือตามชื่อหนังสือเลย เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข
Profile Image for The BookTeller.
68 reviews40 followers
March 4, 2022
หนังสือที่มีหลักคิดอันเรียบง่าย
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ท่ามกลางสังคมที่เป็นอยู่
ในแบบที่ไม่ต้องลำบากใจมากนัก
Profile Image for  itsmekwang.
14 reviews1 follower
July 26, 2023
บางอย่างแอบรู้สึกว่ามันสุดโต่งเกินไป ไม่เหมาะกับสังคมไทยเท่าไหร่ แต่ก็มีข้อคิดบางอย่างที่เอามาใช้ได้อยู่บ้าง ไม่ถึงกับแย่ซะทีเดียว
Profile Image for xinyi xiao.
18 reviews
September 11, 2024
ทนอ่านไม่จบจริงๆ อ่านแล้วเถียงไป อ่านแล้วโมโห เสนอแนวคิดแค่ในมุมของตัวเอง งงมากติดชาร์จขายดีได้ไง พูดแล้วเซ็ง
Displaying 1 - 25 of 25 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.