รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 4

รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ #4

by Meng Xi Shi, เมิ่งซีสือ, เซียงเซียง (Translator)

อันที่จริงการไม่ต้องเป็นขุนนางแล้วก็มีข้อดีมากมาย
หนึ่งในนั้นคือมีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป

ด้วยเหตุนี้ถังฟั่นจึงถือโอกาสว่างเว้นจากหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด
เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานชายที่ออกเรือนไปอยู่ต่างเมือง
เพียงเพื่อที่จะพบว่าพวกนางแม่ลูกหาได้มีชีวิตที่อบอุ่นอภิรมย์
ที่แท้หลังถังอวี๋แต่งเข้าสกุลเฮ่อต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างกัน
ถังฟั่นซึ่งบัดนี้ไม่มียศศักดิ์อำนาจแล้วจะช่วยเหลือนางได้กี่มากน้อย

ทว่า... เรื่องในบ้านสกุลเฮ่อยังหาทางออกที่เหมาะสมไม่ได้
พวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตายในคฤหาสน์คหบดีประจำอำเภอ

เมื่อผู้ต้องสงสัยว่าสังหารบุตรีคนเล็กของคหบดีผู้นั้น
คือหลานชายวัยเพียงเจ็ดขวบของถังฟั่น!

Genres: Yaoi, China, Boys Love, Mystery, Historical

296 pages, Paperback

Published July 1, 2018

About the author

Associated Names:
* Meng Xi Shi (English)
* 梦溪石 (Chinese)
* เมิ่งซีสือ (Thai)

Reviews

[Patrawan Dear]

#รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ (เล่ม 4/7)

อ่านมาจนจบเล่ม 4 ก็เท่ากับว่ามาเกินครึ่งทางแล้ว แม้เรื่องราวจะยังคงสนุกสนานชวนติดตาม แต่ต้องยอมรับว่าเรายังมองภาพใหญ่ของเรื่องได้ไม่ชัดเจน เหมือนผู้เขียนอยากเล่าอะไรก็เล่าไปเรื่อย ๆ จึงมีความย้วยในบางช่วงตอน ลัทธิบัวขาวที่คิดว่าจะเป็นปมหลักก็ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เดี๋ยวมีสัตว์ประหลาด เดี๋ยวขัดแข้งขัดขากันในหน่วยงาน เดี๋ยวไปรบกับต่างแคว้น ตัวละครแว่บไปมา หนูตงหายไป เด็กจื๋อกลับมา ดูแล้วชีวิตน้อย ๆ ของน้องฟั่นคนงามนี้ช่างมีแต่ความไม่แน่นอน

ความแน่นอนประการเดียวที่เราสัมผัสได้ก็คือพี่ใหญ่สุยนั่นเลย ปมอะไรไม่สนใจแล้วก็ได้ค่ะ... แค่ช่วยขยับเข้าไปใกล้กันอีกนิดก็พอ :)

[Ning · Rating 4 out of 5]

ช่วงแรกของเล่มสนุกดีค่ะ มีคดีเล็กๆ มีครอบครัว มีแก้ปัญหา บรรยายไม่เยอะ อ่านเพลินมาก

พอเข้าช่วงหลัง กลับเมืองหลวง บรรยายก็มา ก๊กโน้น ก๊วนนี้ มึนอีกแล้ว แพ้บรรยาย

จบเล่มที่โดนให้ออกจากเมืองหลวง ทั้งคู่ ไปร่วมก๊วนกับขันที น่าลุ้น น่าติดตาม

อ่านเล่มต่อไปทันที

[Uminaka16 · Rating 5 out of 5]

ครึ่งแรกถังฟั่นจัดการปัญหาครอบครัวของพี่สาว สนุกดี ครึ่งหลังไปชายแดนช่วยวังจื๋อ

เล่มนี้กรี๊ดสุยโจวมาก แสดงท่าทีหลายอย่าง ทั้งหวง ทั้งห่วง ทั้งเนียน ทั้งมึน แต่อนิจฉาใต้เท้าถังยังคงพาซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่นั่นเอง

เราชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้มากเลย แบบมองตาก็รู้ใจ มีฉากหนึ่งท้ายเล่มสุยโจวกลับที่พักมาตอนดึกสภาพอ่อนล้า ถังฟั่นอยากรู้ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เห็นสุยโจวเหนื่อยก็บอกแค่ว่า พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน น่ารัก ♡

ฉากถังฟั่นเข้าใจว่าสุยโจวติดหญิงแล้วแอบงอน เลยแกล้งคุยหยอดแม่หญิงนางนั้น กลายเป็นฝ่ายสุยโจวที่เห็นแล้วขัดตาจนต้องแยกถังฟั่นไปห่างๆ ก็น่ารัก ถังฟั่นอาจจะไม่รู้ตัวว่าหึง แต่สุยโจวนี่ตั้งใจแน่นอน

แล้วก็ชอบความสัมพันธ์ของวังจื๋อกับถังฟั่นด้วย ฉากถังฟั่นโดนตบนี่เราชอบมาก นับถือวังจื๋อ นางเป็นคนจริง 5555

[Kamon SecondAccount · Rating 4 out of 5]

ฉากหลัก-สกุลเฮ่อกับเรื่องราวครอบครัวของพี่สาวถังฟั่น
ยังคงมีคดีให้สืบ แต่ไม่ใช่คดีน่าหวาดหวั่นแบบที่ตัวเอกต้องเสี่ยงอันตรายแบบเล่มก่อน โดยรวมแล้วก็อ่านเพลินๆ โดยเฉพาะตรงฉากกุ๊กกิ๊กของตัวเอก
.
เล่มนี้ดอกท้อเริ่มเบ่งบานให้เห็น สุยโจวแสดงท่าทีชัดเจนกว่าเล่มอื่นเยอะ โดยเฉพาะบทสนทนาหนึ่งที่ถังฟั่นบอกว่าถ้าเจ้าเป็นสตรีข้าคงแต่งเจ้าเป็นอนุแล้ว สุยโจวถามกลับว่าทำไมไม่ใช่ภรรยาเอก ถังฟั่นบอกข้าจะรับอนุเยอะๆ เจ้าทำให้ข้าสบายตัวสบายใจได้ก็จะเลื่อนตำแหน่งให้ สุยโจวตอบว่าข้าทั้งทำครัว ช่วยเรื่องราชการ ฯลฯ เจ้าจะหาสตรีไหนดีกว่าข้าได้อีก ถังฟั่นเลยจนมุม >> คือกรี๊ดมากกับหน้านี้ โดยเฉพาะคำ "สบายตัว" เอ็งเสร็จแน่ถังฟั่น!
ยังมีฉากสุยโจวแกล้งเมาเข้าไปกอดและแปลงชื่อรุ่นชิงของถังฟั่นเป็นชิงเหนียง มีฉากสุยโจวก้มลงไปจะลักหลับถังฟั่น มีฉากสุยโจวหยอกถังฟั่นโดยแกล้งเรียกชื่อเล่นเหมาเหมาหลายครั้ง น่ารักอ่ะ!
.
* * จัดว่าสปอยล์นะ * *
(ข้างล่างนี้เอาไว้จำเนื้อเรื่องคร่าวๆ)
เล่มนี้ถังฟั่นอาศัยช่วงที่ถูกถอดยศ (ตกงานนั่นแล) เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวที่แต่งเข้าสกุลเฮ่อจนมีลูกชายแปดขวบแล้วถังฟั่นก็ยังไม่เคยได้เจอเสียที เมื่อไปถึงก็พบว่าพี่เขยเฮ่อหลินจากที่เคยเป็นอดีตอัจฉริยะวัยเด็ก ตอนนี้กลายเป็นคนมีปมในใจเพราะสอบบัณฑิตเลื่อนขั้นไม่สำเร็จเสียที จะไปสอนหนังสือตามบ้านก็ห่วงหน้าตา ค้าขายก็ยิ่งไม่ได้ กลายเป็นว่าพี่สาวถังฟั่นต้องนำสินเดิมมาขายจุนเจือภาระทางบ้านบ่อยๆ โดยที่สามีก็ไม่ได้ปลื้มหรือชื่นชมอะไร
ประจวบกับเกิดคดีบุตรสาวสกุลเหวยเสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยคือหลานชายของถังฟั่น เฮ่อหลินพี่เขยลงโทษบุตรชายทันทีเพราะห่วงหน้าตาตนเองมากกว่าคิดถึงลูก ถังฟั่นเลยได้แสดงฝีมือการสืบสวนจนพบเงื่อนงำการตายที่แท้จริง แต่คดีกลับบานปลายเกิดศพที่สอง สุดท้ายสาวไปสาวมา คดีนี้ถึงกับย้อนไปถึงอีกคดีเมื่อยี่สิบปีก่อน คดีหนึ่งคลื่นกระทบสามตลบนี้กลายเป็นคดีดังสร้างชื่อเสียงให้ถังฟั่น บวกกับได้ขันทีวังจื๋อช่วย สุดท้ายฮ่องเต้ก็ประทานตำแหน่งใหมให้กับเขา แถมยังทำให้พี่สาวของเขาตัดใจจากสามี เดินทางตามน้องกลับมาอยู่ด้วยกันในเมืองหลวง ถังฟั่นนับว่ามีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขในช่วงนี้
แต่ในขณะเดียวกัน ศัตรูทางการเมืองฝ่ายวั่นก็ได้อำนาจกลับมาเช่นกัน และเริ่มวางแผนจนสำเร็จ ฮ่องเต้ส่งสุยโจวกับถังฟั่นไปเมืองชายแดนเพื่อช่วยวังจื๋อที่กำลังมีปัญหากับการปราบปรามพวกต๋าต๋าในช่วงหลัง

[Chompoo Choti · Rating 5 out of 5]

หลังจากที่เล่ม 3 ใต้เท้าถังถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะดันไปทำให้หัวหน้าไม่ชอบหน้าแล้วก็เลยถือโอกาสไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานที่แต่งงานไปอยู่กับครอบครัวอื่นที่อยู่ไม่ไกลกับเมืองหลวงนักและตอนนั้นเราก็บอกว่ากลิ่นมันคงมีคดีแน่นอนแล้วก็ใช่เลยค่ะ เพราะถังฟั่นใต้เท้าหน้าหวานไปทางไหนก็มีคดีเช่นเคยแล้วคดีนี้ก็เกี่ยวข้องกับครอบครัวของพี่สาวและหลานชายตัวน้อยๆ งานนี้คดีซ้อนไปสองคดีและคดีเก่าด้วย แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่ว่าก็หนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ความเก่งให้เป็นประโยชน์ในการไขคดี

เรื่องนี้ใต้เท้าถังที่ถูกเตะออกจากตำแหน่งหน้าที่การงานได้กลับเข้าเมืองหลวงอย่างมีงานการทำอีกครั้งแถมยังได้กระโดดข้ามขั้นไปอีกด้วยเรียกว่าพิเศษกว่าเดิมอีกค่ะ และเล่มนี้เองที่พี่สุยโจวนายทหารพูดน้อยต่อยหนักเริ่มอ่อยตัวเองขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะแอบมีความหวานมาเรื่อยๆ หยอดมันไปเรือ่ยๆ แต่เพียงแค่ว่าใต้เท้าถังนั้นก็ยังไม่รู้อะไรนักแต่ก็มีหน้าแดงวิ้งๆ บ้างแล้วเช่นกัน คงเป็นอารมณ์สลับไปเรื่อยๆ ค่ะ

เกือบท้ายเล่มวังจื๋อกงกงตัวแสบที่ผันตัวเองมาอยู่เมืองหน้าด่านสำหรับการทำศึกกับชนเผ่าอื่นก็เผชิญปัญหากับความลับรั่วไหลไปกับไส้ศึก ทั้งใต้เท้าถังแล้วก็สุยโจวก็ได้รับพระบัญชาให้มาดูแลด้วย งานนี้เลยต้องมีการวางแผนและการร่วมมือกันของดาวเด่นหลายตัวค่ะ

สำหรับเราเล่ม 4 อ่านมาแล้วยิ่งอ่านมาเรื่อยๆ ส่วนตัวยิ่งชอบนะ บางคนอาจจะบอกว่าเนิบด้วยเรื่องราวปลีกย่อย สำหรับเราเองก็คิดว่าใช่ค���ะเห็นด้วยนะแต่กลับไม่น่าเบื่อเลยเพราะมันยิ่งทำให้เราเห็นภาพรวมของเรื่องราวได้มากขึ้นแบบไม่เลื่อนลอยดี ยิ่งอ่านยิ่งชอบเลยล่ะค่ะ อีกนิดกับความรู้สึกในช่วงการอ่านเรื่องราวของแวดวงคนมีอำนาจถ้าเปรียบกับนักการเมืองบ้านเรานี่ก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ อำนาจที่อยากได้ ความใจคด และการฉกฉวย อ่านแล้วมือสั่นใจสั่นจริงๆ นะ 55

[Nattapan · Rating 4 out of 5]

It is a blessing to have someone you can lean on in your life.

An interesting quote from this book:
"...ชีวิตคนแสนสั้น ผู้อื่นไม่กำนัลความสุขแก่ท่าน ท่านต้องหัดเสาะหาความสุขด้วยตนเอง เช่นนี้ชีวิตจึงจะมีรสชาติ" (ถังฟั่น)

[Cinnamon · Rating 5 out of 5]

เล่มนี้ฟินมากกกกกกก ฉากโรแมนติกชวนจิ้นเยอะขึ้นนิดนึงเหมือนคืนกำไรให้คนอ่าน ความรู้สึกของใครบางคนนับว่าชัดเจนแน่แล้ว ส่วนอีกคนยังทึ่มทื่ออยู่เหมือนเคย ฉลาดก็แต่เรื่องไกลตัว น่ารักมากจริง ๆ การเมืองก็เข้มข้นเพราะคลื่นใต้น้ำของความขัดแย้งและการขัดแข้งขัดขา ภารกิจใหม่ก็ท้าทายไม่เบา รอลุ้นต่อเล่ม 5 ว่าแต่... จูบกันสักทีเหอะ!!!

[Chanyaku · Rating 5 out of 5]

เล่มนี้สนุกกกก ชอบปัญหาทางบ้านพี่สาวของนายเอก มีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มสีสัน ส่วนท่าทีของสุยโจวกับใต้เท้าถังก็ชัดเจนขึ้นทุกที หุหุหุ // แต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่าบทเข้าคู่พระนางน้อยไปอยู่ดี ไอนี้ดมอร์!!!

[Natt · Rating 4 out of 5]

ใต้เท้าถังฟั่นถูกปลดจึงมาเยื่ยมพี่สาว กลายเป็นว่าได้มาช่วยให้พี่สาวสามารถ "แบ่งทรัพย์และแยกบ้าน" กับสามีได้ แล้วยังช่วยนายอำเภอคลี่คลายคดีฆาตกรรมลูกสาวและลูกชายสกุลหยางอีก ซึ่งสองคดีนี้ ก็เป็นเหตุให้สามารถล้างมลทินให้แก่ผู้ตายในคดีเมื่อยี่สิบปีก่อน ทำใก้เมื่อกลับคืนตำแหน่งชื่อเสียงถังฟั่นก็กลายเป็น "เทพผู้ไขคดี" ไปแล้ว
ส่วนใต้เท้าสุยโจว ก็ค่อยรุกคืบแตะเนื้อต้องตัว แกล้งกอดรัดหยอกล้อ.... น่ารักน่ามึนและน่าหมั่นไส้
ชีวิตเริ่มปกติสุข ทั้งสองก็ต้องรับราชโองการไปตรวจราชการที่ต้าถัง พบกับวังจื่อและศึกเป่าต๋าต๋า...

[น้อนเว่ย · Rating 5 out of 5]

เทียนอ่า! เล่ม4นี้ เป็นเล่มที่แสดงความสามารถการใช้คำเชิงเปรียบเทียบและสำนวนของผู้เขียนได้อย่างโจ่งแจ้งมาก แ้ลวก็เป็นเล่มที่แสดงให้เป็นว่าผู้แปลมีคลังคำค่อนข้างเยอะใช้ได้เลยทีเดียว นับถือ นับถือ เนื้อเรื่องยังสนุกเหมือนเดิม ดอกท้อก็ยังค่อยๆผลิบานไม่หวือหวา แต่น่ารักและอ่านแล้วยิ้มไปกับตัวละคร นี่คือสิ่งที่เราชอบมาก ท้ายเล่มผู้อ่านจะเห็นว่ามีความง้องอนนิดๆแบบที่เราก็อินไปด้วย แต่ปิดเล่มแบบนี้เอามีดมาปล้นเงินเราไปเลยเหอะ สั่งเล่ม5ไปเมื่อวันศุกร์รีบๆมานะจ๊ะ 555

[Cherry Sawanya Munkongsujarit · Rating 5 out of 5]

เล่ม 4 พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2561

โปรยปกเล่ม4 :
อันที่จริงการไม่ต้องเป็นขุนนางแล้วก็มีข้อดีมากมาย
หนึ่งในนั้นคือมีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป
ด้วยเหตุนี้ถังฟั่นจึงถือโอกาสว่างเว้นจากหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด
เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานชายที่ออกเรือนไปอยู่ต่างเมือง
เพียงเพื่อที่จะพบว่าพวกนางแม่ลูกหาได้มีชีวิตที่อบอุ่นอภิรมย์
ที่แท้หลังถังอวี๋แต่งเข้าสกุลเฮ่อต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างกัน
ถังฟั่นซึ่งบัดนี้ไม่มียศศักดิ์อำนาจแล้วจะช่วยเหลือนางได้กี่มากน้อย
ทว่า... เรื่องในบ้านสกุลเฮ่อยังหาทางออกที่เหมาะสมไม่ได้
พวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตายในคฤหาสน์คหบดีประจำอำเภอ
เมื่อผู้ต้องสงสัยว่าสังหารบุตรีคนเล็กของคหบดีผู้นั้น
คือหลานชายวัยเพียงเจ็ดขวบของถังฟั่น!

คำนำสนพ. เล่ม4 :
เชื่อว่าหลายคนที่อ่านรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่มสามจบ ต้องเกิดอาการ "หัวร้อน" แทนถังฟั่งกันบ้างล่ะ มีอย่างที่ไหนทำดีไม่ได้ดี โดนกลั่นแกล้งจนถูกปลดจากตำแหน่ง ต่อให้ภายหลังคนขี้อิจฉาพวกนั้นจะถูกสุยโจวแก้เผ็ดคืนแล้วก็เถอะ เอาเป็นว่าเราก็ทำใจให้สบายเหมือนอย่างใต้เท้า.. เอ๊ย คุณชายถังดีกว่าค่ะ แล้วมาติดตามเขาไปเยี่ยมพี่สาวแท้ๆ กัน เหน็ดเหนื่อยตื่นเต้นกับคดีสุดอลังการอย่างสุสารจักรพรรดิโบราณมาแล้วของพักชมคดีชาวบ้านๆ สักเล่มน่าจะดีโดยชาวบ้านที่ว่าก็นับเป็นคนใกล้ตัวถังฟั่นนี่เอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สกุลเฮ่อและในอำเภอเซียงเหอที่ซึ่งถังฟั่นเดินทางมาพำนักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในเล่มนี้รับรองว่า "มันส์" ไม่แพ้หลายคดีก่อนหน้าเลยล่ะคะ แต่ไม่ต้องห่วงว่าสุยโจวจะมีบทบาทเจือจางนะคะ เขาน่ะปล่อยถังฟั่นให้ห่างไกลสายตานานๆ ไม่ได้หรอก ขอเคลียร์งานแป๊บแล้วจะรีบตามไปหาเองนั่นละค่ะ
สำนักพิมพ์เอเวอร์วาย

แนะนำตัวละครเล่ม4 :

ถังฟั่น : มีชื่อรองว่า "รุ่นชิง" เวลานี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นขุนนางก็แต่เพียงในนาม ทว่าตัวเขากลับไม่เดือดเนื้อ ร้อนใจ ยังคงสมถะเรียบง่าย พอใจในสิ่งที่ตนมี พิถีพิถันก็แค่กับเรื่องอาหารการกิจเท่านั้น

สุยโจว : มีชื่อรองว่า "ก่วงชวน" องครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เงียบขรึมพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์พื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับพระพันปีองค์ปัจจุบัน

ถังอวี๋ : พี่สาวของถังฟั่น แต่งกับเฮ่อหลินซึ่งเป็นบุตรคนรองของเฮ่ออิง ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อเฮ่อเฉิง ถังฟั่น เรียกหาว่า "เจ้าเจ็ด"

เฮ่ออิง : ท่านผู้เฒ่าสกุลเฮ่อ ผู้นำตระกูลขุนนางท้องถิ่น ในอดีตเคยเป็นถึงขุนนางขั้นสาม และเป็นสหายสนิทของบิดาถังฟั่นกับถังอวี๋ จึงหมั้นหมายให้ทายาทของสองตระกูลแต่งงานเกี่ยวดองเป็นญาติ

เล่ม4 :

หลังจากที่มาถึงอำเภอเซียงเหอเป็นเวลาที่บุตรชายคนที่สามของเฮ่ออิงสอบได้จวี่เหรินกำลังจัดงานเลี้ยงพอดี ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าถังฟั่นถูกปลดจากตำแหน่ง ถังฟั่นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรยังคงให้เหยียนหลี่และเฉียนซันเอ๋อร์ไปสืบเรื่องราวของพี่สาวมาเพราะนางไม่บอกความจริงด้วยตัวเอง ทำให้รู้ว่าเมื่อแรกแต่งงานยังดี แต่พอนานไปเฮ่อหลินก็ยังสอบจวี่เหรินไม่ติด ทั้งพี่ชายน้องชายต่างได้ดีกว่าตนนานวันเข้าก็เป็นปมในใจ ถังอวี๋คิดว่าเพื่อเฮ่อเฉิงจึงอดทนต่อมา ตอนนี้ถังฟั��นได้รู้เรื่องราวคิดให้พี่สาวหย่าโดยสมัครใจแต่ลำบากที่หลานชายต้องพากลับเมืองหลวงไปด้วยให้ได้
พอดีเหวยเช่อบิดาของเหวยซื่อภรรยาเอกของเฮ่อเซวียนบุตรชายคนที่สามสกุลเฮ่อเพิ่งมีบุตรชายอายุครบเดือนจึงจัดงานเอิกเกริก เชิญถังฟั่นไปร่วมงานด้วย ในงานถังฟั่นได้พบวังจื๋อที่มาหาจึงออกไปด้วยกัน วังจื๋อคิดจะช่วยถังฟั่นและเล่าเรื่องที่ตอนนี้ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัยไหวเอินที่สนับสนุนรัชทายาทแล้ว และบอกวิธีช่วยเหลือรัชทายาทกับวังจื๋อ ระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องกับเฮ่อเฉิง ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคน��ลักเหวยจูเหนียงตกบ่อน้ำตาย เรื่องนี้ทำให้ถังอวี๋คิดได้ว่าไม่สามารถทนต่อไปอีกจึงคิดพาบุตรชายจากไปเพราะเฮ่อหลินช่างไร้ความสามารถไร้ความเป็นธรรม ถังฟั่นช่วยสืบคดี และระหว่างนั้นก็ยังเกิดคดีซ้อนมีคนตายอีกคนคือบุตรชายอายุครบเดือนของเหวยเช่อ เรื่องราวมากมายที่ตอนแรกยังสืบไม่ได้แน่ชัด แต่เพราะต่อมาสุยโจวตามมาทั้งยังบอกว่ามาเรื่องงานครึ่งหนึ่ง เรื่องงานก็คือมาบอกเรื่องราชโองการแก่ถังฟั่นว่าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้าย ขั้นสี่เต็มขั้นด้วยเพราะวังจื๋อช่วยเหลือเร็วกว่าสุยโจวหนึ่งก้าว ทำให้ทุกคนในสกุลเฮ่อตกใจ และไม่อยากให้เฮ่อหลินหย่ากับถังอวี๋ แต่ถังฟั่นมีสุยโจวที่ช่วยจัดการให้ ในที่สุดก็ตกลงกันได้ที่ทั้งสองจะแยกบ้านแบ่งทรัพย์ และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าในคดียังมีเรื่องราวในอดีตของเหวยเช่ออยู่อีกด้วยเพราะการสืบของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเหยียนหลี่และกงซุนเยี่ยน ทำให้รู้ความเกี่ยวโยงในอดีตของเหวยเช่อ ผลปรากฏว่านางหูซื่อยอมรับความผิดทั้งยังเล่าต้นสายปลายเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เหวยเช่อยากจนเป็นญาติห่างฝั่งมารดาของนางหูซื่อไม่ได้เป็นคนอำเภอเซียงเหอเคยอยู่เมืองต้าหมิงบิดานางหูซื่อ หูฮั่นอินได้รับเป็นบิดาบุญธรรมจากนั้นถึงสอบได้ซิวไฉ่จากนั้นถึงเกิดคดีฆาตกรรมที่นางหูซื่อบอกว่าบิดาตายอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อขอให้ใต้เท้าทั้งหลายช่วยล้างมลทินให้บิดา ถังฟั่นตกลงแม้จะยากในที่สุดก็สามารถล้างมลทินให้บิดานางหูซื่อได้ แต่ไม่อาจบอกได้ว่าเหวยเช่อนำสมบัติสกุลหูมาตั้งตัวได้หรือไม่แต่ชาวบ้านก็ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคดีนี้ทำให้ถังฟั่นเป็นที่โด่งดังไปทั่วเรื่องเล่ากลายเป็นนิทานที่ชาวบ้านชอบจนจักรพรรดิเฉิงฮว่าให้ความสำคัญด้วยไม่น้อย
หลังจากกลับมาเมืองหลวงก็ได้ไปทำงานที่ใหม่ซึ่งไม่มีการขัดแข้งขัดขาเหมือนในกรมอาญา บรรยากาศในที่ทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิง วันเกิดครบห้าสิบปีของวั่นทงได้เชิญขุนนางที่มีตำแหน่งขั้นห้าขึ้นไปมาร่วมงานในงานทั้งอาจารย์ชิวจวิ้นและถังฟั่นล้วนโดนวั่นทงกลั่งแกล้งแต่ถังฟั่นก็สามารถผ่านมาได้อย่างดี วั่นทงแค้นที่สุดคือวังจื๋อ สุยโจว และถังฟั่น ถังฟั่นจัดการง่ายสุดแต่ก็ยังไม่มีโอกาส ตอนนี้กลุ่มอำนาจวั่นทำเอา วังจื๋อกลับมาเมืองหลวงไม่ได้ ทั้งยังยุบสำนักประจิม ต่อมาส่งผู้แทนไปก็ขัดแข้งขัดขาวังจื๋อ กับแม่ทัพหวังเยวี่ยตลอด จนเกิดเรื่องประหลาดทหารหายไปติดต่อกัน วั่นทงจึงเสนอให้ถังฟั่นและสุยโจวไปสืบคดีที่ต้าถง เพื่อกำจัดทั้งคู่และจัดระเบียบในกองปราบฝ่ายเหนือใหม่ แต่สุยโจวก็กันเอาไว้แล้ว จึงเดินทางไปอย่างสบายใจ
ที่เมืองต้าถงถังฟั่นได้ฟังเรื่องราวจากวังจื๋อที่บอกว่าน่าจะเกี่ยวกับลัทธิบัวขาวและน่าจะมีไส้ศึกคอยส่งข่าวจึงวางแผนให้วังจื๋อและหวังเยวี่ยแตกคอกันเพื่อล่อคนร้ายออกมา ทั้งยังแนะนำวังจื๋อถึงเรื่องให้ราชสำนักจัดตั้งหน่วยงานเก็บภาษีขนส่งทางทะเล เพื่อให้วังจื๋อเลิกคิดเรื่องสำนักประจิม
วังจื๋อกับหวังเยวี่ยทำตามแผนการทะเลาะกันต่อหน้ากัวทัง พอถังฟั่นมาไกล่เกลี่ยกับวังจื๋อยังโดนวังจื๋อตบหน้ากับทำศอกหลุดอีกจะได้สมจริงไปเลย ถังฟั่นไปร้านยาจ้งจิ่งที่เผอิญได้เจอกับสุยโจวที่กำลังสืบเกี่ยวกับร้านยาพอดี สุยโจวทำเป็นตีสนิทตู้กุยเอ๋อร์เพราะร้านยาจ้งจิ่งผูกขาดการค้ายากับกองทัพ ระหว่างนั้นถังฟั่นก็สังเกตเห็นสิงเส่าจื่อที่มาซื้อยากกับตู้กุยเอ๋อร์ และออกไปที่โรงรับจำนำ และเห็นพ่อบ้านหวังของจวนแม่ทัพจึงติดตามไป ต่อมาถูกคนปล้นชิงทรัพย์เข้าอีกทำให้สุยโจวและถังฟั่นสงสัยขึ้นมาแล้วเพราะคนร้ายได้ตายซะแล้ว

หลังอ่านเล่ม4:
ในเล่มนี้ถังฟั่นที่โดนปลดออกจากตำแหน่งได้เดินทางไปเยี่ยมพี่สาว ก็ยังเกิดคดีที่หลานชายของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องจนต้องออกโรงช่วยไขคดี จนทำให้จากหนึ่งคดีได้กลายเป็นสามคดีคดีซ้อนคดี ที่ขุดลึกไปถึงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่สุยโจวอยู่ห่างจากถังฟั่นได้ไม่นานก็ต้องตามมาแล้ว เพราะว่าวังจื๋อและสุยโจวคิดเหมือนกันคือต้องคืนตำแหน่งให่ถังฟั่นโดยเร็ว แต่สุยโจวยังช้ากว่าวังจื๋อไปหนึ่งก้าว
เพราะคดีนี้ทำให้ถังฟั่นโด่งดังไปทั่วจนผู้คนเรียกกันว่าเทพผู้ไขคดี เลยโดนใช้ให้ไปไขคดีแก้ยากที่ต้าถงซะเลย กลุ่มอำนาจวั่นจะได้จัดการทีเดียวทั้งสามคนวังจื๋อ สุยโจว ถังฟั่น
ความสัมพันธ์ระหว่างถังฟั่นกับสุยโจวก็ก้าวหน้าขึ้นมาก แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว มีฉากน่ารักๆเยอะทีเดียว สุยโจวไม่ยอมปล่อยให้ใต้เท้าถังคลาดสายตาหรอกนะ

[Lionthelast · Rating 5 out of 5]

รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 4 - เรื่องครอบครัว
เล่มนี้เรื่องราวเกือบทั้งหมดจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ถังฟั่นเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว พี่สาวถังฟั่นมีนามว่าถังอวี๋ ออกเรือนแต่งงานกับบุตรชายขุนนางเก่าแก่ในท้องถิ่นซึ่งเป็นคนสกุลเฮ่อ
และก็ตามปกติของนิยายสืบสวน ตัวเอกเดินทางไปที่ไหน ที่นั่นมักจะมีคนตาย
แต่เมิ่งซีสือไม่ได้เขียนนิยายเล่มนี้เป็นนิยายสืบสวนเพียงอย่างเดียว เสน่ห์ของรัชศกฯ คือ นิยายเรื่องนี้ให้น้ำหนักกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวมาก
คราวนี้คนที่ตายนั้น เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ และที่น่าสงสารก็คือบุตรชายของถังอวี๋ที่มีอายุแค่ 7-8 ขวบ ดันไปมีเรื่องทะเลาะกับเด็กที่เสียชีวิตเป็นคนสุดท้าย
ถังอวี๋โชคร้ายได้แต่งงานกับผู้ชายไม่ได้ความ และผู้ชายที่ไม่ได้ความคนนั้นกลับโกรธเกรี้ยวบุตรตัวเองว่าเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เอาไม้พลองมาตีเด็กตัวเล็กๆ ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว โดยไม่มีแม้แต่จะไต่ถามพิจารณาที่มาที่ไป
มนุษย์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นยอดคนทุกคนเสมอไป คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน อาจจะมีบางคนโชคร้ายที่ไร้พรสวรรค์ กระทำการใดก็ไม่สำเร็จ สามีของถังอวี๋ก็เป็นคนจำพวกนั้น อายุปาเข้าไป 30 ปีแล้วก็ยังสอบได้แค่ซิ่วไฉ แต่สอบให้ได้ขั้นจวี่เหรินซึ่งเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่จะรับราชการก็ไม่ได้สักที เมื่อไม่สมปรารถนาก็ไม่ทำงานทำการ ไม่คิดจะหันเหไปลองทำอย่างอื่น ลอยชายอ่านหนังสือไปมา สอบครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติด
คนเราทำงานไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร....ทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผิดพลาดทำตัวเป็นสามีที่เลวทราม พ่อที่ชั่วช้า มนุษย์จำพวกนี้ก็ยิ่งหาความดีใดๆ เจอไม่ได้
ในเล่ม 4 นี้ถังฟั่นต้องปวดหัวอยู่หลายเรื่องพร้อมๆ กัน
อย่างแรก ถังฟั่นต้องหาตัวฆาตกรใจเหี้ยมที่ฆ่าเด็ก แล้วไม่ได้ฆ่าแค่คนเดียว แต่ฆ่าถึง 2 คน แถมคดีฆ่าเด็กนี้ ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีใส่ความผู้บริสุทธิ์เมื่อ 20 ปีก่อนซะด้วย ซึ่ง ถังฟั่นไม่ใช่แค่ช่วยสืบหาฆาตกรฆ่าเด็กเจอ เขายังสามารถล้างมลทินของผู้ที่ถูกใส่ความเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้อีก!
อย่างที่สอง ถ���งฟั่นต้องช่วยพี่สาวทำเรื่องหย่ากับสามีที่เป็นลูกตระกูลขุนนาง ไม่ใช่หย่าเปล่าๆ ถังฟั่นต้องเอาลูกชายของพี่ถังอวี๋กลับไปเมืองหลวงด้วย ธรรมเนียมจีนโบราณสะใภ้ไม่ใช่คนในตระกูล แต่บุตรชายผู้สืบสกุลนั้นคือคนของตระกูล ถึงลูกชายเขาจะเป็นคนไม่ได้ความ แต่อย่างไรด้วยศักดิ์ศรีของตระกูลขุนนางเก่าแก่ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ถังฟั่นพรากเอาบุตรชายสืบสกุลไปได้���น่ๆ
แต่ถังฟั่นเป็นพระเอก อุ๊ย ไม่ใช่ นายเอกอ่ะครับ เค้าก็ต้องสามารถพาพี่สาวกับหลานชายไปอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวงหนีครอบครัวสามีซังกะบ๊วยได้สิ
ก็...ผมไม่ขอเล่านะครับ ว่าถังฟั่นทำอย่างไร แต่ก็แค่เหมือนกับทุกๆ เล่ม นิยายเรื่องนี้อ่านสนุก อ่านไว และต้องอ่านทุกตัวอักษร
สุดท้าย ส่วนพี่สุยโจวของเรานั้น ยิ่งนับวัน ก็ยิ่งออกนอกหน้า ไม่เก็บอาการ บอกชัดจนไม่รู้จะชัดยังไง แต่ถังฟั่นของเราผู้รอบรู้ทุกสิ่ง กลับไม่รู้ว่าสุยโจวคิดยังไงกับตัวเอง!
//ตบเข่าฉาด!

[Jinnie · Rating 4 out of 5]

เล่มนี้สั้นจังแต่เต็มไปด้วย SLOW BURN BABY BUUUUUURN ❤️‍🔥 หลังเรื่องราวเดิมถังฟั่นเดินทางไปหาพี่สาวเลยต้องเกี่ยวพันเข้าช่วยเหลือพี่หญิง ชอบถังอวี๋นะ เมิ่งซีสือเขียนตัวละครบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ออกมาดีจริงๆ เพราะแต่ละตัวละครไม่ได้กระโดดมาจากน้ำหมึกอย่างเดียวแต่ยังอิงความจริงและบริบทรอบข้างด้วยเสมอ ยังมีคดีให้สางอีกคดีก่อนจะกลับเมืองหลวงแล้วพาไปช่วยเหลือคนคุ้นเคยผู้หนึ่งในเล่มหลัง

*คำเตือน* เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง



มีคดีเกิดตามปกหลังเป็นคดีแบบเราเรียกเองว่า Local หลังจากอ่านมา 4 เล่มจะเห็นว่าถ้าเป็นคดีเกี่ยวพันกับหนี้แค้นครอบครัวใดๆ จะต้องอื้อฉาวปูมหลังเรียกว่าโศกนาฏกรรม การจบคดีค่อนข้างพยักหน้ายอมรับกับการเขียนเพราะไม่ใช่ว่าแค่รู้ความจริงทุกอย่างก็จะไปได้สวย จบสวยเสมอไป ส่วนคดีที่ต้องออกไปสืบนอกพื้นที่แบบไม่ใช่บ้านใครตระกูลไหนจะค่อนข้างอันตรายเลย

ยังคงมีฉากคนดูแคลนอยากลองของกับถังฟั่นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แน่นอนว่าคนพวกนั้น 'นับเป็นตัวอะไร' ถังฟั่นปลดล็อกสมองทองคำไปแล้วเรียบร้อย ต่อเนื่องจากเล่มก่อนจะเห็นว่า 'จักรพรรดิ' มี ปั ญ ห า ตรงไหน ไม่เหมือนโอรสสวรรค์ นี่คือคนธรรมดาแค่บังเอิญเข้าเซิร์ฟถูกเลยได้เป็นเชื้อพระวงศ์ชัดๆ เมิ่งซีสือไม่ด่าตรงไปตรงมา ปัญญาชนมิทำเช่นนั้น 55555 ใช้การถมถุยทางอ้อมแทน

จักรพรรดิเฉิงฮว่ารู้สึกเจ็บใจแทนหูซื่อ "เช่นนี้ไยมิใช่ปล่อยคนชั่วลอยนวลคนดีตายเปล่า"
ตัวพระองค์เองก็กระทำเรื่องเลอะเทอะเลอะเลือนไม่น้อย แต่ยามนี้ฟังเรื่องผู้อื่นกลับเดือดดาลแค้นในความไม่เป็นธรรมขึ้นมา

เล่มนี้สุยโจวฝากตัวกับพี่หญิงเรียบร้อย เรียกพี่หญิงเองด้วยยังไม่มีใครด้วยบอกนะ สมู้ทททททท

ถังฟั่นกวาดสายตา เห็นสุยโจวในโต๊ะที่สามเงยหน้ามามองพอดีเช่นกัน
สายตาสองคู่สบประสาน ต่างส่งยิ้มน้อยๆ

เล่มนี้จะขยับมาสกินชิปละ มันจะแตะก็ไม่แตะแต่ตำแหน่งที่แตะโดนก็เอาหายใจหายคอลำบาก คำว่ามองตารู้ใจคือคิดว่าทั้งสองคงรู้กันแล้วล่ะว่าความสัมพันธ์มันมากกว่าสหายแต่แค่ยังไม่มีใครพูดออกมาเป็นคำ ถังฟั่นเขินอ้อนอย่างนี้มีเยอะในเล่มนี้แต่ก็ตลกตอนเห็นแม่นางตู้ คราวนี้ถังฟั่นไม่หลบเหมือนตอนญาติสุยโจวมาแต่เข้าไปแอบดูต่อหน้า แล้วก็ไปดุ๊กดิ๊กแซวอยู่ตรงนั้นเลย เหมือนจะโกรธหรือก็ไม่โกรธ แต่สุยโจวดูออกว่าโกรธแปลว่าคงเป็นการแสดงความโกรธแบบถังฟั่นนั่นแหละ จะอย่างไรก่วงชวนก็รู้ใจเหมาเหมาดีสุดใช่หรือไม่ น่ารักดี เราเบื่อฉากเข้าห้องหอมากๆ อยากอ่านอะไรที่มันมีลูกเล่นแพรวพราวมากกว่าอยู่พอดีเลยชอบนะ

'ข้าไม่โอ๋เจ้าจะไปโอ๋ใคร'

ฮึ พระเอกเขาก็ชัดเจนมานานแล้ว

[Rada Chalapipat · Rating 5 out of 5]

จบท้ายเล่ม3 เป็นช่วงเวลาว่างงานของ #รุ่นชิงหรือถังฟั่น ที่เคลียร์คดีค้ามนุษย์สำเร็จแต่ถูกร้องเรียนฎีกาว่าเป็นสาเหตุทำให้ขุนนางลูกน้องเสียชีวิตจึงต้องตกงานแต่ยังไม่ถูกถอดยศเพราะ #ก่วงชวนหรือสุยโจว พระเอกของเรื่องผู้เป็นญาติและองครักษ์เสื้อแพรคนโปรดของฮ่องเต้ได้ทูลขอเอาไว้

ถังฟั่นเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวที่ได้แต่งเข้าบ้านขุนนางท้องถิ่นเพราะคำสัญญาจากรุ่นพ่อแล้วพบว่าพี่สาวและหลานชายวัย 8ขวบต้องมีชีวิตภายใต้ความกดดันเพราะพี่เขยเป็นบัณฑิตสอบตกที่ไม่รู้จักคิดทำตัวเองแย่แล้วดีแต่โทษคนอื่น ลูกเมียกลายเป็นคนเก็บกดโดนดูแคลน ซ้ำพี่สาวยังต้องควักสินเดิมเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะสามีไม่ทำงาน ในความไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวังหลวงแต่เล่มนี้กลับสร้างชื่อนายเอกของเรื่องมากกว่าที่แล้วๆมาเพราะผลงานไขคดีที่เริ่มต้นจากหลานชายของถังฟั่นถูกกล่าวโทษว่าเป็นฆาตกรฆ่าคุณหนูของตระกูลคหบดีแต่สุดท้ายเป็นคดีซ้อนคดีในวันเดียวกันเมื่อมีเด็กตายถึง 2คนแล้วยังเกี่ยวข้องกับคดีที่ปิดไปแล้วเมื่อ 20ปีก่อน

เราชอบวิธีการเคลียร์บทของตัวละครสมทบในเรื่องนี้ เมื่อจบคดีข้างต้นก็จะเป็นการสรุปความถึงชีวิตของพี่สาวและหลานชายนายเอก สถานะของอาตง หรือแม้แต่ตัวประกอบรองอย่างลูกน้องพระเอกและโจรกลับใจที่ติดตามถังฟั่นมาตั้งแต่เล่มสามทำให้ไม่ต้องจำตัวละครสมทบมากเกินไป ครึ่งเล่มหลังคือเหตุการณ์หลังจากนายเอกกลับมาได้ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมเพราะฝีมือ #วังจื่อ แต่แล้วก็ถูกหาเรื่องจากฝ่ายตัวร้ายในวังหลวงให้คู่พระนายออกไปช่วยวังจื่อวางแผนการรบที่ชายแดนหลังจากต้าถงต้องพ่ายแพ้บ่อยขึ้นเพราะมีไส้ศึกคอยส่งข่าวและข่าวลือเรื่องภูตผีที่ทำให้ทหารฝ่ายต้าถงหายตัวไปอย่างลึกลับ

ท่ามกลางความเข้มข้นของการสืบคดี สุยโจวของเราโผล่มาช้าแต่ออร่าสีชมพูชัดเจนขึ้นได้อีก ความหวงนั้นคงที่แต่หลังจากเคยร่วมเตียงกันมาในเล่มสามดูเหมือนการเนียนถึงเนื้อถึงตัวของป๋อสุยจะแพรวพราวขึ้น ขำมากกับฉากเมาไซ้คอชินเหนียงหรือฉากชมตัวเองที่ทำให้บุคลิกมาดแมนภายนอกของผู้กองสุยนั้นมีความเป็นศรีภรรยาอยู่เต็มเปี่ยม ในขณะที่ฝ่ายรุ่นชิงหน้าสวยและบอบบางน่าทะนุถนอมเริ่มมีอาการกินน้ำส้มให้เห็นบ้างแต่นางยังคงมีนิสัยเด็กน้อยตะกละและไม่รู้ความนัยน์ที่สุยโจวแสดงให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายวังจื่อซึ่งเข้าสู่ช่วงตกอับยังคงมีบทเด่นไม่น้อยในการเป็นตัวเชื่อมระหว่างนายเอกและฮ่องเต้ วังจื่อเป็นสหายที่เรียกได้ว่าถึงจะร้ายมักใหญ่ใฝ่สูงแต่ตรงไปตรงมาและยังไม่เลวถึงขั้นทรราชย์ ยังรู้จักการสำนึกบุญคุณและจงรักภักดี ต้องรอดูกันต่อไปว่าชีวิตของวังจื่อจะโลดโผนไปอีกมากน้อยแค่ไหน

[Tippy Chee · Rating 5 out of 5]

เล่มนี้สนุกมาก !!
ได้เจอพี่สาวของใต้เท้าถังแล้ว ชอบนางอ่ะ นางน่ารัก แต่ตกใจนะกับความรัายกาจของสองพี่น้องนี้ที่แบบ โอ้ ความโมโหแล้ววาจาร้ายกาจเพิ่มสิบเท่านี้ !! พูดจนแทบจะเชือดคนให้ตายคาที่กันเลยทีเดียวนะ อย่างร้ายยยอ่ะ
ชอบคดีบ้านสกุลเหวยช่ว���ครึ่งแรก หนุกๆๆ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอีก ใต้เท้าถังเลยได้แสดงฝีมือซะเต็มที่เลยย
ในส่วนของเรื่องวุ่นวายของบ้านพี่อวี๋ จริงๆ แอบสงสาร สามีของพี่อวี๋อยู่นะ โดนวางยาซะเละเลย ใต้เท้าถังโหดมากกกจริงๆ กับตอนนี้งะ
วังจื๋อกลับมาแล้วช่วงครึ่งหลัง ทำได้ดีมาก ! โอเค นิสัยดีขึ้นละ ไม่เกลียดแล้วก็ได้ ฮาๆ พอสนิทกับถังฟั่นแล้ว สองคนก็เริ่มเกรงใจกันน้อยลงไปท���กที ถ้าวังจื๋อไม่ใช่ขันที ต้องมีคนชิปคู่นี้แน่ๆ แหละ 😋

กล่าวถึงโมเม้นสุยถัง เล่มนี้ถึงจะมีไม่เยอะ ไม่บ่อย แต่โผล่มาทีไร ดาเมจแรงร้อยริคเตอร์อยู่นะ ว่าไปปป ทำเอาผู้ชมอย่างเรา อิจฉาจนบึนปากเป็นรอบที่ล้าน 5555 แล้วก็ที่อยากกรีดร้องแบบสุดๆ คือ ใต้เท้าถังโดนเอารัดเอาเปรียบแล้ววว กี๊ดด งานเรียกชื่อเล่น งานแกล้งเมาแล้วซุกไซ้ซอกคอ งานถลกเสื้อทายาพันแผลให้ก็มาาา พี่สุยอย่างร้ายยย อ่ะ >///< ตายยย อิจฉาจนควันขึ้นหัวหมดแล้วว ชูป้ายไฟเชียร์พี่สุยแล้วนะ เล่มหน้าต้องเปิดตัวแน่ ๆๆ

[Kamons · Rating 4 out of 5]

พูดถึงเนื้อหาในเล่มก่อน คดีในเล่มนี้เป็นคดีชาวบ้าน แต่ผู้ต้องสงสัยกลับเป็นหลานชายวัยแค่ 7 ขวบของถังฟั่น ใต้เถ้าถังเลยต้องพยายามอย่างสุดฝีมือพร้อมกับช่วยเหลือพี่สาวที่โดนครอบครัวสามีรังแก ซึ่งพอคลี่คลายคดีนี้ได้ใต้เท้าถังถึงกับได้รับคำเล่าลือว่าเป็นเทพไขคดีเลยทีเดียว ตอนท้ายเล่มถูกส่งไปยังชายแดนที่วังจื๋ออยู่พร้อมด้วยใต้เท้าสุย เย้ๆ วังจื๋อโผล่มาแล้ว

ส่วนที่เราแอบกรี๊ดก็คือ เล่มนี้ใต้เท้าสุยเริ่มอยู่ไม่สุขแล้วนาจา น้องถังกลับบ้านไปไม่นานก็รีบสะสางงานการแล้วรีบไปหา แอบเปรยๆ ว่าเมื่อไหร่น้องถังจะมาขอบ้างละ พอน้องถังเผลอ พี่สุยก็แอบเนียนๆ แต๊ะอั๋ง แกล้งเมาแล้วเรียกชิงเหนียงบ้าง จะแอบลักหลับน้องถังบ้างล่ะ
แต่ที่ยังเหมือนเดิมคือพี่สุยยังหวงโหดเหมือนเดิม ใครห้ามมาแหยมกับน้องถัง พี่สุยจำฝังใจแล้วเดี๋ยวคิดบัญชีให้แทน
ส่วนน้องถังนั้น เหมือนจะเอะใจกับท่าทีพี่สุย (บ้าง) แต่นับว่ายังซื่อบื้อเหมือนเดิม

[Chinchin · Rating 4 out of 5]

ตอนแรกที่เริ่มอ่านเพราะได้ยินรีวิวดี มีความสืบสวนสอบสอนและมีความวาย ซึ่งตัวเองชอบทั้งสองแนว เลยคามหวังไว้มากๆ แต่พออ่านไปรู้สึกว่าไปไม่สุดซักทาง มีความเนิบช้า พรรณนา เริ่มมีความเบื่อและคิดจะเลิกอ่านอยู่

แต่พออ่านไปก็เริ่มเห็นข้อดีของความเนิบช้า ชีวิตก็งี้แหละใครจะตื่นเต้นได้ตลอดเวลา 555 ตอนหลุงตัวร้ายเริ่มเก่งมากข้ึนก็มีความตื่นเต้ามากขึ้นนิดนึง และประทับใจที่ได้เรียนรู้ขนบสังคมของต้าถังทั้งในวังนอกวัง สำนวนจีนต่างๆ

happy สุดเวลาที่นายเอกและพระเอกอยู่ด้วยกัน ประทับใจตอนสุดท้าย จำwording เป๊ะๆไม่ได้ แต่พระเอกพูดกับนายเอกว่า ชีวิตข้าผ่านอะไรมามากมาย (แน่นอนหละตั้ง 7เล่ม) ทั้งสุข ทุกข์ ขอบคุณที่เทออยู่ข้างกันมาตลอด ❤️

[B. Sutthida · Rating 5 out of 5]

ครึ่งเล่มแรกและครึ่งเล่มหลังล้วนสนุก แต่สนุกกันคนละแบบ ครึ่งเล่มแรกถังฟั่นต้องจัดการปัญหาภายในครอบครัวของพี่สาว มาถึงจุดนี้เห็นได้ชัดว่าการเป็นคนมีอำนาจและมีคนหนุนหลังนั้นดีขนาดไหน อันว่าคนมีความรู้ความสามารถจึงจะเจริญในหน้าที่การงาน ความจริงแล้วเส้นสายและคนอุ้มชูก็สำคัญไม่แพ้กัน...

ส่วนครึ่งเล่มหลังนั้นเปลี่ยนไปรบทัพจับศึกแล้ว รบกับศัตรูอย่างเดียวก็แล้วไป นี่กลับต้องเล่นการเมืองกันด้วยอีกต่างหาก ซึ่งในเล่มนี้เราจะได้เห็นฝีไม้ลายมือในเกมส์การเมืองของสุยโจวมากขึ้น ...ไม่ใช่ว่าใช้ไม่เป็น แค่ปกติไม่ได้ใช้เท่านั้น

[Wanmata · Rating 3 out of 5]

พระเอกเริ่มแสดงออกชัดเจน มีฉากเข้าใกล้กันมากขึ้น น่ารักดี

นายเอกมาสืบคดีเล็กๆ แต่ดันชื่อเสียงโด่งดัง ชีวิตเลยดีขึ้น

เรื่องนี้เกือบๆ จะให้เป็นชาย-หญิง ไม่ต้องวาย ก็ได้
เพราะบุคลิกนายเอกก็แอบจะแก่นแก้ว บันทึกปิ่นเบาๆ

แต่ก็นะ ผู้หญิงจะออกไปสืบสวนนั่นนี่ก็ไม่ได้อีก
สภาพทางสังคมไม่ได้ น่าเสียดาย

[orangejasmine · Rating 4 out of 5]

ช่วงไขคดีในช่วงแรกๆ สนุกดีค่ะ น้องถังนี่โดนสั่งพักงาน นึกว่าจะได้พักสมอง พอไปเยี่ยมพี่สาวดันไปเจอคดีแถวละแวกบ้านไปอีก สรุปก็ไม่ได้พัก แต่อย่าคิดว่าน้องเขาจะไปคนเดียวเชียว ก็ไปคนเดียวแหละ แต่ก็แบบมีคนทนคิดถึงไม่ไหว ตามไปหาจนได้

ช่วงหลังเป็นช่วงเปิดอีกคดีหนึ่ง รอบนี้น้องถังโดนส่งออกชายแดนไปช่วยวังจื๋อที่กำลังเจอปัญหาทหารออกไปรบแล้วหายไปไหนไม่รู้ เทพเจ้าแห่งการไขคดีอย่างถังฟั่นเลยต้องออกโรงตามไปช่วย ส่วนรอบนี้พี่สุยไม่ต้องไปตามหา เพราะโดนส่งออกชายแดนแบบแพ็คคู่ คดีหลังนี้ปูไว้ดูน่าสนใจ ดูซิว่าจะมีแฟนตาซีอะไรแทรกมาเหมือนเล่มสามมั้ย

ลัทธิบัวขาวที่เหมือนจะเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งนี่หายไปอีกแล้ว เดี๋ยวเล่มห้าน่าจะกลับมาแหละ

ในเรื่องความหวาน พี่สุยก็ยังหวานหนักๆ ใส่น้องเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือทั้งโลกรู้หมดแล้ว แต่น้องถังก็ยังคงทำเป็นซึนไม่รู้เรื่องอยู่ดี แถมยังไปขายอ้อยใส่เขาไม่รู้ตัว ขำที่บอกว่า ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิงนี่ขอแต่งงานไปแล้ว พี่สุยก็ใช่ย่อย ต่อมุกกับน้องไปอีก คนอ่านจะเหลือเรอะ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นใจพี่สุย อิน้องมันยังชอบของกินมากกว่าอยู่เลย แต่เล่มห้านี่น่าจะมาแล้วล่ะ

[Curio Pun · Rating 4 out of 5]

น่าจะเป็นbridgeของเรื่องมั้ง มันหลายสิ่งหลายอย่างหล่ยเรื่องราวมาก
ทั้งไขคดี ทั้งช่วยพี่สาวแยกบ้าน
พอกลับมารับตำแหน่ง ไม่นานก็ถูกสั่งให้ออกไปทำงานชายแดน
แล้วก็เล่มนี้ได้เจอวังจื๋อที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นละ ไม่น่าหมันใส้มากเท่าแรกๆ

[Wkd · Rating 4 out of 5]

- เจอบทบรรยายยาวๆ ทีไรเป็นอ่านข้ามทุกที สายตาก็กวาดหาแต่เครื่องหมายคำพูด จะได้ไปอ่านต่อตรงนั้น แล้วด้วยความที่เวลาบทสนทนาขึ้นย่อหน้าใหม่ เขาไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดเปิด นี่ก็มีงงเหมือนกัน

- สุยโจวชัดเจนขึ้นทุกวัน แต่ชิงเหนียนของเรานั้น... ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

[หลังอ่านของน้ำฝน · Rating 3 out of 5]

จากสถานะผู้พิพากษากลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าคนตาย สืบไปสืบมาคดีนี้ไม่เล็กอย่างที่คิด พัวพันไปอีกหลายคดี และยังพามิตรภาพที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทที่ทำให้ปวดหัว(ใจ)มาให้เขาด้วย

#หลังอ่านของน้ำฝน → https://wp.me/p6yYEv-2Lm

[Lunae Enciel · Rating 5 out of 5]

ชอบเล่มนี้มาก ไม่ต้องสืบคดีใหญ่โตอะไร แค่หาทางแก้ปัญหาในครัวเรือนก็สนุกเพียงพอแล้ว

[ベスBest✨ · Rating 4 out of 5]

ส่วนหรับเล่มนี้สืบสวนคดีไม่ใหญ่แต่รายละเอียดการสืบคดีไม่น้อยลงเลย แต่อ่านได้เพลินๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสุยโจวกับถั่งฟั่น ซึ่งมีความน่ารักแทรกมาตลอด อ่านแล้วหวีดไปหลายรอบเลย

[addie · Rating 2 out of 5]

(3/10) boring as fuck

[pn · Rating 5 out of 5]

(4.75/5)

[Isabella Nut · Rating 5 out of 5]

เล่มสี่นี้เหมือนจะมีความคืบหน้าของลัทธิบัวขาวขึ้นบ้าง แต่ก็ยังน้อยอยู่ค่ะ ไม่เข้าเรื่องสักที ฮ่าๆ แต่ว่าเล่มนี้จะว่ายังไงดี มีหลายจุดให้ขำมากกว่าเล่มก่อนๆ อาจจะไม่ได้ขำแบบเรี่ยราด แต่สังเกตตัวเองตอนอ่านเล่มนี้ขำบ่อยกว่าเดิม

ถังฟั่นก่อนหน้าโดนปลดออกจากตำแหน่ง เล่มนี้ได้ตำแหน่งคืนแล้วนะคะ แถมได้เลื่อนขั้นขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นด้วย ต้องขอบคุณวังกงกงเขาแหละค่ะ

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ น้องถังกับพี่สุยเนี่ย เหมือนคู่แต่งงานอย่างที่ถังอวี๋ พี่สาวของถังฟั่นว่าจริงๆและค่ะ อยู่ห่างกันได้ไม่นาน จากกันไม่กี่วัน พี่สุยถึงกับขนาดนำราชโองการแต่งตั้งน้องมาบอกน้องด้วยตัวเอง แถมแกล้งหยอกน้องด้วยการเรียกชื่อเล่นน้องอีีก แหมม ไม่ค่อยเลยนะคะ

คดีในเล่มนี้จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่รู้ว่าจะแยกเป็นหนึ่งหรือสองคดีดี เอาเป็นว่าคดีที่เกิดขึ้นทั้งสองคดีนี้เป็นสับเซตของคดีตระกูลโหยวแล้วกันค่ะ

คดีแรก : เป็นคดีการตายของบุตรี คดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนเลยค่ะ ฆาตกรทำไปเพราะร้อนตัวไปเอง แต่หลานชายของน้องถังดันกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปซะได้ อ่านไปก็ได้แต่โมโหเฮ่อหลิน พ่อของหลาน (ความจริงคือจำชื่อไม่ได้) ที่ไม่ยอมปกป้องลูกตัวเองเลยแม้แต่นิด มีแต่ถังฟันกับถังอวี๋ที่คอยปกป้องน้อง สงสารหลานจริงๆค่ะ เป็นแค่เด็กแท้ๆ กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้่

คดีสอง : เป็นคดีการตายของบุตรชายคนเดียวในสกุลนี้ค่ะ เป็นคดีที่ค่อนข้างซับซ้อนทีเดียวค่ะ เนื่องจากเบาะแสที่มีน้อยมากๆ อีกทั้งคดีนี้เกี่ยวโยงไปกับอีกคดีหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กว่าจะปิดคดีได้ก็ยืดเยื้อพอสมควรเลยค่ะ

พูดถึงสกุลเฮ่อนี่ก็ยังไม่หายโมโหเฮ่อหลินเลยค่ะ เรื่องราวของพี่สาวที่เกิดในสกุลเฮ่อดูไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่คราวนี้ถังฟั่นกลับมาถูกเวลาจริงๆ คนอย่างเฮ่อหลินนี่สมควรอยู่คนเดียวจนตายจริงๆ ถังฟั่นเลยแก้ปัญหาโดยการพาพี่สาวมาอยู่ในเมืองกับตัวเองนี่แหละค่ะ

วั่นทงหาเรื่องแกล้งถังฟั่นอีกแล้วค่ะ แถมยังแกล้งวังจื๋อด้วยการปิดสำนักประจิมอีก ส่งถังฟั่นกับพี่สุยไปชายแดนที่วังจื๋ออยู่ ใช้แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว

ตั้งแต่เล่มสามแล้ว ไม่รู้พี่สุยจะสังเกตสังกาไหมว่าเริ่มมีความรู้สึกหรือสายสัมพันธ์บางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเขากับถังฟั่นแล้ว ไหนจะตอนที่ถังฟั่นถูกทำร้ายจนเลือดอาบก็ดูแลน้องอย่างดี ไหนจะตอนที่น้องโดนวังกงกงตบหน้าก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า

เล่มนี้เกิดอะไรขึ้นหลายๆอย่างเลยค่ะ บางอย่างก็ทำให้เราสะเทือนใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเล่มถัดไปจะเป็นยังไงต่อ ขอให้สิ่งที่ทั้งคู่เผชิญอยู่เป็นไปได้ดีแล้วกันนะคะ