知識を操る超読書術

by Mentalist DaiGo, メンタリストDaiGo

การเตรียมตัวก่อนอ่านหนังสือส่งผลต่อประสิทธิภาพของ output มากถึง 70% สุดยอดเทคนิคการอ่านหนังสือจากไดโกะ นักอ่านใจชื่อดังของญี่ปุ่น ผู้อ่านหนังสือวันละ 10-20 เล่ม

แนะนำเทคนิคการอ่านหนังสือที่จะทำให้ผู้อ่านสามารถจดจ่อกับหนังสือที่อ่าน จดจำและนำความรู้ที่ได้ไปใช้พัฒนาตัวเองได้จริง ผู้เขียนจะเริ่มดำเนินเรื่องโดยเน้นการปรับทัศนคติเกี่ยวกับการอ่าน และการเตรียมตัวก่อนการอ่าน เช่น กำหนดเป้าหมายการอ่านให้ชัดเจนว่าทำไมเราถึงอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ อยากเรียนรู้อะไรจากหนังสือเล่มนี้ หลังจากอ่านแล้วเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร จากนั้นระหว่างอ่านละหลังอ่านก็จดโน้ตสาระสำคัญที่ได้จากการอ่านไว้ และสุดท้ายคือสร้างเอาท์พุตเล็กๆ เช่น พูดคุยกับคนอื่น หรือเขียนบล็อก เป็นต้น

Genres: Self Help, How To, Nonfiction

Unknown Binding

About the author

Associated Names:
* Mentalist DaiGo (English)
* メンタリストDaiGo (Japanese)

Reviews

[Pawarut Jongsirirag · Rating 3 out of 5]

คู่มือการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ 101

ถ้าเคยอ่านหนังสือพวกการอ่านหนังสือที่ดีทำยังไง หรือ วิทยาศาสตร์สมองที่เล่าถึงการรับรู้ข้อมูล ความจำ อะไรพวกนี้ เนื้อหาในเล่มจะไม่มีอะไรใหม่เลย อาจจะมีใหม่ในเเง่ของการนำเสนอ รวบรวมจัดหมวดหมู่ใหม่ อธิบายเเบบเนื้อๆไม่มีน้ำ ทำให้อ่านได้เร็วกระชับฉับไว เอาไปใช้ได้เลย ใครอยากทบทวนเทคนิคในเรื่องนี้อีกครั้งก็เอามาอ่านอีกได้ครับ ไม่นานก็จบเล่มเเล้ว

ถ้าไม่เคยอ่านหนังสือเเนวนี้เลย ก็ขอเเนะนำอย่างหมดใจว่า เล่มนี้เล่มเดียวพอเลยครับ ไม่ต้องไปอ่านอันอื่นเเล้ว เล่มนี้รวบรวมเทคนิควิธีการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพไม้ครบถ้วน เช่น การสกิมก่อนอ่านเพื่อให้เห็นภาพรวมเนื้อหาของหนังสือก่อน หรือ การตั้งเป้าหมายในการอ่านว่าเราอยากได้อะไรจากเล่มนี้ เเล้วอ่านเพื่อให้ได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้ พูดง่ายๆว่า การอ่านที่ดี คือเหมือนเล่นเกมตีบอสให้สำเร็จนะครับ ศึกษาเส้นทาง วางเเผน รู้เขารู้เรา ก็จะทำให้ตีบอสได้ไม่ยากเย็นนัก ส่วนการนำความรู้ไปใช้ นี่ก็ชัดเจนว่าคือฝึกการนำเสนอสิ่งที่ได้รับมาเพื่อเป็นการทบทวนและเรียกความทรงจำในเนื้อหาส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ จะช่วยให้เราจำเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

ในภาพรวมเลยเป็นหนังสือที่เล่าถึงเทคนิคการอ่านหนังสือที่ครอบคลุม ชัดเจน กระชับ สามารถเอาไปใช้ได้เลยทันทีครับ

ปล.เนื้อหาจะพูดถึงเทคนิคการอ่านหนังสือเเนว Non-Fic แทบทั้งหมดนะครับ ไม่ได้แตะพวกนิยายเลย ใครคิดว่าจะเจอเทคนิคการอ่านนิยายยากๆหนาก็ต้องบอกว่าท่านคงไม่เจอในเล่มนี้แน่นอนนนน

[Le Gongdong Blur · Rating 5 out of 5]

ตอนแรกอ่านเพราะอยากรู้ว่า
คนเขียนอ่านหนังสือวันละ 10 - 20 เล่มได้ยังไง 😂

เป็นหนังสือที่บอกเทคนิคการอ่านตามปกเลย
ถึงจะมีหลักวิทยาศาสตร์ แต่ก็เข้าใจง่าย
ตรงประเด็นไม่เวิ่นเว้อ อ่านแปบๆ ก็จบละ
ชอบที่มีเทคนิคการอ่านหนังสือยังไงให้จบ
วิธีอ่านแบบสกิมมิ่งไวๆ ก็ยังเข้าใจ จำเนื้อหาได้
วิธีอ่านให้มีประสิทธิภาพ นำไปต่อยอดได้
ไม่ใช่อ่านแบบเอาเป็นเอาตาย
เสียเวลา แถมจบแล้วจับประเด็นไม่ได้
ไม่เข้าใจอะไรเลย (แงแปบ)

เหมาะกับคนชอบอ่าน และชอบดองหนังสือดี 5555

[Mook Woramon · Rating 5 out of 5]

อ่านง่าย แป๊บเดียวจบ สรุปสั้น ๆ ชัด ๆ ไม่เวิ่นเว้อ นำไปใช้ได้จริง รู้สึกมีแรงในการอ่านหนังสือยาก ๆ เพิ่มขึ้น 😂😂

นักอ่านหลายคนคงมีวิธีการทลายกองดองในแบบของตัวเองอยู่แล้ว
การอ่านเล่มนี้เหมือนมาช่วยเสริม สรุปเทคนิคการอ่านให้เห็นภาพชัดขึ้น สามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ทุกวิธีพร้อมกันก็ได้ เลือกที่ชอบ ๆ

เทคนิคที่ชอบคือ ตั้งคำถามก่อนอ่านว่าอยากรู้อะไร จะได้อะไรจากการอ่าน เชื่อมโยงกับประสบการณ์ตนเอง อ่านจบแล้วจะนำไปใช้อย่างไร
ถ้าเมื่อไหร่หลุดโฟกัสจากหนังสือให้ย้อนกลับมาดูเป้าหมายอีกครั้ง ✌️✌️

[Aom Ruka · Rating 5 out of 5]

ชอบเล่มนี้มาก เล่มเล็ก สั้น ได้ใจความไม่เวิ่นเว้อ เอาไปใช้ได้จริงในทีเดียว
คืแเล่มนี้อะ สอนทลายกองดอง คือแบบเค้ามีเทคนิคอ่านหนังสือยังไงให้จบ ซึ่งเราคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่มีกองดองเยอะ ก็เพราะอ่านมันไม่จบนี่แหละ อ่าวแล้วทำไมอ่านไม่จบ ก็มันไม่มันส์ ไม่เข้าใจ อ่านไม่รู้เรื่อง อ่านไม่สนุก บลาๆ ซึ่งเล่มนี้แหละสอนเทคนิคใ่าต้องทำยังไงบ้าง
ซึ่งเทคนิคอ่านให้จบ ก็น่าจะปาเข้าไป 2 ใน 3 ส่วนของทั้งเล่ม ส่งนที่เหลือก็สอนจดบันทึก สอนเทคนิคการอ่าน ประมาณนี้อะ

โดยรวม ชอบมากๆ แนะนำให้อ่านเปิดโลกเลย อ่านง่าย เข้าใจง่าย ใช้เวลาแป๊บเดียวจบ เข้าใจ ปฏิบัติได้จริง (แต่เรื่องให้ท่องจำบางเรื่องก็เครียดไปนะ ขอไม่ทำตามหนังสือ)

[ボート • lilbbtpinbookland · Rating 5 out of 5]

เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการอ่าน ประทับใจนะ เราซื้อเล่มนี้มาอ่านเพราะว่า เผื่อจะได้เทคนิคอะไรเพิ่มไปใช้สำหรับการทำงาน เพราะทุกวันนี้เราต้องอ่านหลายอย่างมากและจำนวนเยอะมาก ในเล่มก็มีเทคนิคหลายอย่างที่เราใช้อยู่แล้ว แต่เขาทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าที่ทำอยู่ควรเพิ่มหรือลดตรงไหน หรือปรับยังไง ชอบมากที่เขายกตัวอย่างงานวิจัย และการอธิบายเกี่ยวกับการทำงานของสมอง มันทำให้เราเห็นภาพ เขาแปลดีด้วยทำให้เข้าใจง่าย และก็ได้เทคนิคใหม่ๆ ไปด้วย เช่น เทคนิคการนอนเพื่อช่วยให้จำแม่น อันนี้คือไม่เคยทำเลย น่าสนใจทดลองดูเหมือนกัน

[Larp · Rating 4 out of 5]

ตามชื่อหนังสือเลย หนังสือมีเทคนิคการอ่านและการจำมากมาย แทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในท้ายบท บางเทคนิคก็รู้อยู่แล้ว บางเทคนิคก็แปลกใหม่และน่าสนใจมากๆ มีอ้างอิงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ

โดยส่วนตัวเทคนิคที่ชื่นชอบและคิดว่า​ตัวเองเอาไปใช้ได้ไม่ยากคือการตัังคำถามกับตัวเองก่อนอ่าน และการตัังคำถามกับหนังสือและผู้เขียนระหว่างและหลังอ่านโดยใส่อารมณ์ความรู้สึกร่วมไปด้วย

เหมาะสำหรับนักอ่านทุกคน แล้วแต่ว่าเราถนัดจะเอาเทคนิคไหนไปใช้ แต่ได้ประโยชน์แน่ๆ

ให้ 4.6/5 ขอลองเอาเทคนิคไปใช้สักเดือน แล้วจะมา revise คะแนน

[Krisada Visoodsak · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสืออีกเล่มของผู้แต่งที่ติดตาม และเอาเทคนิคมาใช้ได้จริงรวมทั้งมีคำอธิบายในเชิงของวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการทำงานสมอง และหลักการเตรียมตัว ก่อนอ่าน ระหว่างอ่าน และหลังอ่าน ต้องเก็บไปหนังสือติดมือไว้ฝึกหัดใช้ได้เลย
โดยเฉพาะมีประโยชน์สำหรับเด็ก หรือนักศึกษา ด้วยที่
มีผู้แต่งรวบรวมถ่ายทอดให้ 👍👍👍 (จะเอาไปถ่ายทอดต่อ)
ขอบคุณสำนักพิมพ์ 🙏 ที่มีหนังสือดีดี แปลมาให้อ่าน จะได้ช่วยคนไทยจะได้เก่งกันเยอะขึ้น

[Freeread · Rating 5 out of 5]

ไม่มีประโยชน์
1.อ่านเร็วไม่มีประโยชน์ เพราะเราก็อ่านข้ามๆผ่านๆจำอะไรไม่ได้
2.อ่านเยอะไม่มีประโยชน์ เพราะมีแต่ปริมาณ คุณภาพไม่มี ไม่เข้��ใจ ไม่เชื่อมโยง เอาไปใช้ไม่ได้
3.เลือกอ่านมากไปไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่รู้จริงว่าเล่มไหนดีไม่ดี เลือกแต่ที่ชอบๆ กลายอ่านแนวเดียว หนังสือดีได้ความรู้ หนังสือไม่ดีก็ติมัน ตั้งคำถาม ทำไมไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ มันจะซึมเข้าสมองได้อะไรจากการอ่าน

เตรียมตัวก่อนอ่าน
1.แผนที่ความคิด เขียนเหตุผลที่อ่าน ทำไมอ่าน อยากได้อะไร อ่านจบเห็นตัวเองเป็นแบบไหน อ่านสารบัญ เขียนเหตุผลที่อ่านบทนี้ๆ เขียนใส่ที่คั่นหนังสือ มันคือการทำทำให้เราสนใจแบางอย่างมากขึ้น เช่นสนใจสีฟ้า ก็เจอรถสีฟ้า คนใส่ชุดสีฟ้ามากขึ้น
2.ความอยากรู้ พอเราได้รู้ เหมือนได้รางวัล สมองจะพอใจ ให้เขียนเรารู้และไม่รู้อะไร พออ่านจบได้รู้อะไรเพิ่มบ้าง อ่านเหมือนกำลังคุยกับผู้เขียน เจอแล้วอยากคุยอะไรกับเขา ถามอะไร
3.ทดสอบตัวเอง ขาดแรงใจให้เริ่มอ่านทีละนิด ขาดสมาธิแบ่งช่วงอ่านสั้นๆ อ่านเร็วไม่ได้ก็ปกติ เพราะอ่านไปเราแค่ไว้คัดหนังสือและเนื้อหาที่สนใจ รู้คำศัพท์ไม่พอจดสิเว้นระยะอ่านทวน ไม่รู้โฟกัสอะไรให้อ่านสกิมมิ่งหาจุดสนใจ ไม่เข้าใจให้ลองเชื่อมโยงกับที่รู้ผสมกับหาข้อมูล จับประเด็นไม่ได้ให้อ่านบทนำบทสรุป เชื่อไม่ลงก็อ่านแล้วหาข้อมูล ไม่ถนัดไม่เคยรู้ก็หาความรู้พื้นฐานก่อน

วิธีอ่าน
1.ก่อนอ่านให้คาดเดาเรื่องราว อ่านสารบัญเดาว่าบทไหนชอบมีประโยชน์ ตั้งเป้าหมาย และเทียบก่อนหลังว่าตรงที่คาดไหม
2.อ่านแบบเห็นภาพ ทำเป็น Minnd Map หาคำหลักมาสร้างภาพให้เจอ
3.เชื่อมโยงกับหนังสือที่เคยอ่าน ยิ่งเป็นภาคต่อกันยิ่งดี เชื่อมง่าย เชื่อมกับตัวเองประสบการณ์ที่เจอ เชื่อมกับเหตุการณ์ในโลก
4.จับประเด็น สกิมมิ่งแต่ละบทบอกอะไร บทไหนสำคัญกับเราจัดลำดับ แล้วอ่านตามความสำคัญ แล้วสรุปด้วยคำพูดของเราเอง
5.ตั้งคำถามก่อนอ่าน พออ่านจับเอาไปตอบคำถาม ได้ไม่ได้อีกเรื่อง มันจะทำให้เวลาอ่านเราหาคำตอบเสมอ จดจำได้ง่าย

ถ่ายทอดความรู้
1.ด้วยศัพท์เทคนิค แล้วอ้างอิงแหล่งน่าเชื่อถือ
2.อธิบายด้วยหลัก spice
-simplify คำง่ายๆสั้นๆ
-perceived seft-interest มีประโยชน์
-incogruity ประหลาดใจ
-confidence เชื่อมั่น
-empathy รู้สึกร่วม
เสริมพูดเรื่องเดิมซ้ำๆด้วยวิธีพูดและคำต่างกันจะยิ่งได้ผล
3.อ่านทั้งหนังสือข้อคิดและวิทยาศาสตร์ ทำให้เรามีความรู้ในการอธิบายมากขึ้น หนังสือข้อคิดเน้นพวกคลาสสิก ส่วนวิทยาศาสตร์เน้นใหม่เพราะมีอัพเดทอยู่เสมอ วิธีอ่านหนังสือคลาสสิก อ่านสกิมมิ่งจับประเด็น แล้วอ่านซ้ำส่วนสำคัญ จบด้วยอ่านสรุปเป็นคำพูดตัวเอง ของดีต้องอ่านซ้ำหลายรอบ เพราะหนังสือใหม่ๆก็เอามาจากคลาสสกิไปเรียบเรียงเพิ่มเติมทั้งนั้น

เทคนิค
1.อ่าน 1 หน้าแล้วปิด นึกเนื้อหาให้ออก ทำได้ลอง ที่ละหัวข้อทีละบท
2.อ่านทวน 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน
3.ฝึก working memry from Dual N-Back Test
4.ตั้งชื่อหนังสือแบบของเราให้คิดว่าแนะนำคนอื่นจะเรียกอะไร
5.นอนช่วยให้จำได้ง่าย ทดลองคนเรียกแล้วนอนกลางวัน เรียนรู้เรื่องมากกว่า ไม่มีเวลาแค่หลับตาเงียบสักพักก็พอ
6.เดินไปอ่านไปทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น สมองทำงานดี เราก็อ่านได้ดีขี้น

[Supachok Chuphanitsakun · Rating 4 out of 5]

สิ่งที่ได้จากการอ่าน
1. อ่านง่าย
2. มีหลักฐานรองรับ แหล่งอ้างอิงชัด ตามแบบการถ่ายทอดความรู้แบบ ใช้ศัพท์เทคนิค
3. น่าเอาไปใช้ได้จริง เพราะจากประสบการณืเคยใช้วิธี แบบทดสอบย่อย และทวนแบบเว้นระยะมา ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้จำได้นาน
4. ได้ใช้สมองเยอะ
5. ได้วิธีพัฒนาสองเยอะขึ้น ทั้งเกมส์ นอน ช่วงเวลาแห่งการทำลายล้าง การเดิน
6. อารมณืร่วม สำคัญในการอ่านหนังสือ

ข้อเสีย
1. อาจจะมีบางจุดแปลงงๆอยู่ ต้องอ่านซ้ำถึงเข้าใจ

[Phubet Chitapanya · Rating 5 out of 5]

“คุณเคยฝึกหรืออยากที่จะเป็นคนอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นหรือเปล่า? หลายครั้งคุณจะพบว่า ยิ่งคุณอ่านเร็วขึ้นเท่าไหร่ คุณกลับจับอะไรในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้เลย นอกจากบอกกับตัวเองและคนอื่น ว่าหนังสือดีนะ แต่ไม่รู้ว่าดีอย่างไร?”

สำหรับสรุปหนังสือของผม ผมเขียนไว้ลงที Medium ตามลิ้งด้านล่างครับ
shorturl.at/xzO35

[Jaruwat Jrs · Rating 5 out of 5]

หากนั่งอ่านหนังสือในห้องปิดตาย แล้วสมองตื้อๆ ให้เดิน อ่าน หรือ เดินไปนั่งในที่โล่งแจ้ง สมองจะ สดชื่นขึ้นอีกครั้ง

[specialday · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือที่พูดถึงเทคนิคในการอ่านหนังสือ
ดีมาก รู้สึกประทับใจ
เอาไปปรับปรุงกับการอ่านได้เยอะเลย
คนอ่านหนังสืออยู่แล้ว ต้องอ่านเลยเล่มนี้

[A. · Rating 3 out of 5]

The book refers to many pieces of research but did not give where the research is from and research references. The book is tiny and you can carry on and read/complete it within one day.

[Mickey Rasika · Rating 5 out of 5]

ได้เนคนิคการอ่าน ตามที่หวังเน้นๆเลยค่ะ ตามคำเคลม ตามไปซื้อของนักเขียน นักจิตวิทยาคนนี้แบบรัวๆ

[CHALIDA · Rating 5 out of 5]

เนื้อหาดี อ่านง่าย มีงานวิจัยอ้างอิง อ่านสนุก ทำตามได้เลยค่ะ

[Surattikorn · Rating 5 out of 5]

ชอบเล่มนี้นะ เหมือนป็นการรวมทุกอย่างของ "How-to อ่านหนังสือ" ไว้ครบในเล่มเดียว

[Phanitchaphon Nakamsri · Rating 5 out of 5]

เข้าใจง่ายครับ สามารถนำไปใช้ได้จริง

[Pairody · Rating 4 out of 5]

เนื้อหาไม่ใหม่ แต่อ่านง่ายกว่าหนังสือแนวเดียวกันที่เคยอ่านเยอะ
ใช้เทคนิคอ้างอิง แยกหัวข้อเป็น3,5 ข้อย่อยตลอดเล่ม น้ำไม่เยอะ

[Sansarun Amornchai · Rating 5 out of 5]

10/10

“ยกเครื่อง การอ่าน”

เทคนิคการอ่านให้เอามาใช้ได้เลย
Mentalist Daigo
ธาลินี โพธิ์อุบล แปล

ในวันหยุดธรรมดา ผมเดินเตร่ใน Kino ที่พารากอน เกิดสะดุดตาหนังสือเล่มนี้เข้าเพราะ ในใจลึกก็คิดว่าเราก็อยากจะอ่านหนังสือไม่ใช่แค่มาก แต่เร็ว และมีประสิทธิภาพ ผมจึงคว้าเล่มนี้มาชำระเงินอย่างไวว่อง และอ่านรวดเดียวจบในเวลาอันสั้น

ส่วนตัวผมเดิมค่อนข้างปรามาสหนังสือ how to อยู่พอควร ว่ามันค่อนข้างแห้ง หยิบยกเทคนิคมาอ้างฉาบฉวย ไม่มีน้ำหนัก เล่มนี้แม้จะถูกเขียนออกมาในลักษณะกระชับ สั้นๆ แต่มันกลับอัดแน่นไปด้วยหลักการ เหตุผล นำสู่การปฏิบัติจริง ได้ดีอย่างน่าทึ่ง

เอาเข้าจริงหลายอย่างเรานั้นรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะ การอ่านแบบ skimming, การทำ mind map, … แต่ผู้เขียน เอาเทคนิคทั้งหมด มาเขย่า และเล่าเป็นเทคนิคที่เขาค้นพบและย่อยออกมา ดู convince และน่าเอาไปทำตาม

มากไปกว่านั้นผู้เขียนยังตั้งคำถามกับเราอีกมากให้เรามีสติ เช่น อ่านเยอะ ไม่เท่ากับ ฉลาด อ่านเร็วใช่ว่าจะดี อ่านไม่เข้าทำไมต้องฝืน ต้องอ่านทุกหน้าจริงหรือ … อันนี้เป็นส่วนนึงที่ผมได้และเชื่อว่าเพื่อนคงเจอสิ่งที่ถูกใจไม่แพ้กัน

การอ่านพร้อมคำถาม จดบันทึกด้วยภาษาของตัวเอง หลักคำถาม 17 ข้อ ของ Hacettepe University Turkey เป็น quick note ที่ผมประยุกต์และได้ประโยชน์ทันที และคิดว่าถ้าเพื่อนๆได้อ่านคงมีประโยชน์ไม่น้อย

ชวนอ่านต่อกันนะคร้าบบบ ;)

[kiranguyen2512 · Rating 5 out of 5]

やっとこの本を手に入れた。これで本棚にはDAIGOの本が6冊ある。

「1日20、30冊読んでいる」と言ったメンタリストDAIGO。これを初めて聞いたときにめっちゃ驚いた。一日20冊っというのは1時間やく2冊って感じかな。やばい。

超読書術。タイトルはDAIGOらしい。超習慣術、超集中力、超勉強法、なんでも「超」を入れてる。この本を読めば、DAIGOの効果的な本の読み方を間違いなく手に入れるはずと思った。

そして、「初めに」の部分と目次を読んで、意外な発見を見つけた。

DAIGOは速読を否定している。NANI?

「え、じゃ1日20冊ってなんなん？」と思わず疑う私。こうやって、本にもっと興味を持ち始めた。

50倍の生産性が手に入れる読書のリサイクル

1．本を読む準備をする
2．本の読み方を知る
3．本から得た知識をアウトプットする

というサイクルが書かれている。

本を読む前に自分がとても知りたかったのは2番。しかし、本を読み始めたら、一番にもっと興味を持つようになった。

「重要なのは、あなたが読書の前に得たい知識を明らかにすることです」とDAIGOは言った。なるほど、ある本のタイトルを読んで、どんな内容なのかを確認し、その内容が自分にとって本当に大切か、こういった、読書前のマインドセットが必要。

DAIGOによると、非科学的な読書術は3つある。「速読」、「多読」、そして「選読」。

速読：早く読む　→　内容が置き去りになる（おきざり）
多読：色々なジャンルの本を読む　→　目的を見失う
選読：いい本を選んで読む　→　自分の都合のいい本ばっかり読む

「え？じゃどうすればいいの？」

「だって、多読ダメだったら選読じゃん。目的をもって本を読むというのは自分の好きなジャンルだけ読むっていうわけじゃん」

私はそう思った。疑問はすでにあるものの、だからこそ、この本を読む価値がある。

DAIGOの本はいつもエビデンスがはっきりされているから、信頼できる。

[songdejc · Rating 4 out of 5]

เนื้อหามีไม่เยอะ เน้นเทคนิคการอ่าน แต่ตรงประเด็นและเอาไปใช้ได้จริงๆ