みかづき

by Eto Mori

昭和36年。放課後の用務員室で子供たちに勉強を教えていた大島吾郎は、ある少女の母・千明に見込まれ、学習塾を開くことに。この決断が、何代にもわたる大島家の波瀾万丈の人生の幕開けとなる。二人は結婚し、娘も誕生。戦後のベビーブームや高度経済成長の時流に乗り、急速に塾は成長していくが…。第14回本屋大賞で2位となり、中央公論文芸賞を受賞した心揺さぶる大河小説、ついに文庫化。

Genres: Japanese Literature

624 pages, Kindle Edition

Published November 25, 2018

About the author

Eto Mori has been a literary star in Japan for over thirty years. She has won numerous major awards in Japan including the Naoki Prize, one of Japan’s most prestigious awards for popular fiction. Colorful has been translated into seven different languages, and adapted into three films. Colorful is her first novel to be translated into English. She lives in Tokyo, Japan.

Reviews

[EARN · Rating 4 out of 5]

ปกติไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับแวดวงการศึกษาของญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกที่ปลูกฝังค่านิยมทางการทหารเข้าไปกับการศึกษาด้วย จนไปถึงยุคที่การศึกษาเป็นแบบประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเรื่องจะเล่าผ่านตัวละครของโอตามะ โกโร ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่รักการสอนเด็กๆจึงแอบสอนเด็กที่เรียนไม่ทันหรือเด็กหัวช้าในห้องภารโรงเล็กๆ ซึ่งได้พบกับชิอากิ ผู้ที่ไม่ชอบและคับแค้นใจต่อกระทรวงศึกษาธิการที่มีความไม่เป็นธรรม ทำให้เด็กๆได้รับการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันในยุคนั้น ซึ่งต่อมาโกโรกับชิอากิก็ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชาและก็ได้แต่งงานกัน ทำให้มีการดำเนินเรื่องในพาร์ทครอบครัวอีกด้วย และด้วยความที่ครอบครัวเกิดขึ้นจากการเป็นนักการศึกษาทั้งคู่ รุ่นลูกและรุ่นหลานก็ได้รับอิทธิพลด้านการศึกษากันมาเช่นกัน แม้ว่าจะมีการแสดงแนวคิดที่ต่างกันไปบ้าง แต่สุดท้ายก็มีจุดมุ่งหมายที่อยากให้เด็กได้รับการศึกษาที่ดี โดยแต่ละบทก็จะมีการดำเนินเรื่องที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงทางด้านความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว จากการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยต่างๆ รวมถึงได้เห็นมุมมองของคนญี่ปุ่นที่มีต่อโรงเรียนกวดวิชาในสมัยก่อนจนมาถึงยุคศตวรรษที่ 20 ด้วย

[Uminaka16 · Rating 3 out of 5]

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแวดวงการศึกษาของญี่ปุ่น โดยเน้นไปที่สถานะของโรงเรียนกวดวิชาในสังคม ไล่ยาวตั้งแต่ยุคไทโช (หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง) ยาวมาถึงยุคเฮเซ ผ่านเรื่องราวของครอบครัวโอชิมะตั้งแต่รุ่นคุณยายถึงหลาน

เนื้อหาจะแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ สลับกันไปมา ส่วนแรกคือเรื่องราวการต่อสู้ของโรงเรียนกวดวิชาในสังคมญี่ปุ่น ตั้งแต่ยุคบุกเบิก ยุคเฟื่องฟู ยุคถดถอย นอกจากต้องแข่งขันกับโรงเรียนกวดวิชาอื่นๆ ก็ยังต้องสู้กับกระทรวงศึกษาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน

ชิอากิ เหมือนจะเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมด เธอเป็นคนที่เริ่มต้นก่อตั้งโรงเรียนกวดวิชาเล็กๆ จนขยับขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ผ่านอุปสรรคมากมาย จนถึงตอนที่ส่งต่อให้แก่คนอื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องประคับประคองครอบครัวที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสามีที่เผลอนอกใจ และบรรดาลูกๆ ที่มีปัญหากันไปคนละแบบ ซึ่งคือเนื้อหาส่วนที่สอง ซึ่งโรงเรียนกวดวิชาซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัวแบบแยกกันไม่ออก

เรื่องราวเป็นการเล่าไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา มีผู้คนที่ผ่านเข้ามาและจากไป เนื่องจากเป็นการเล่าเรื่องราวที่ยาวนานหลายสิบปี จึงมี Time Skip ระหว่างบทหลายครั้ง ประมาณว่าอ่านเรื่องของตัวละคร A อยู่ดีๆ พอเปิดมาอีกบท ตัวละครนี้ก็ตายไปแล้ว ดังนั้นตลอดการอ่านเลยเหมือนการอ่านเรื่องเล่า ดูความเป็นมาเป็นไปของครอบครัวนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดพีก แต่ถึงแบบนั้น ท้ายเล่มก็เสียน้ำตาอยู่ดี

หลังจากอ่านจบ ไม่แปลกใจเลยที่เรื่องนี้ได้รับการสร้างเป็นซีรีส์ทางช่อง NHK เพราะซีรีส์ช่องนี้ชอบเล่าเรื่องตัวละครตั้งแต่เด็กจนแก่ซะจริงๆ

[Froggie · Rating 3 out of 5]

Surprisingly engrossing. It took you through Japanese cram school history and Japanese education philosophy from Showa Era to Heisei Era. Sometimes it read oddly like a semi-non-fiction. I didn't care much about the plots and characters. However, I ended up liking the unlikable Chiaki who reminded me of some strong women I've met in life.

Anyway, after reading this book, I looked back to our country's education system and can only sighed.

3.5 stars

[Tare Naiyana · Rating 5 out of 5]

อ่านสนุกมากค่ะ เล่มหนาวางไม่ลงเลยเพราะอยากรู้ว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นแล้วจะพาไปตอนจบที่ตรงไหน เป็นเล่มที่เราไม่เปิดไปดูตอนจบก่อนอ่านเลยค่ะ

[Yumiko Hansen · Rating 5 out of 5]

5 stars and more! 🌟

[Sura Siri · Rating 4 out of 5]

นิยายดราม่าที่เกี่ยวกับระบบการศึกษาในประเทศญี่ปุ่นเล่มหนา ที่เชื่อมโยงชีวิตตัวละครตั้งแต่เริ่มเป็นผู้ใหญ่จนอายุเจ็ดสิบ เนื้อเรื่องลากผ่านช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่สองไปจนถึงยุคหลังปี ค.ศ.2000