Jump to ratings and reviews
Rate this book

Thuyết Tán Tỉnh Cậu

Rate this book
“Lăng nhăng như mày mà cũng muốn kết hôn hả?”
“Thì tao hết lăng nhăng rồi nên mới muốn kết hôn, từ lúc đẻ ra đến giờ chưa kết hôn lần nào nên muốn thử. Mà đám cưới phải có cô dâu thiệt là dễ thương nè, tổ chức tiệc mời cả nghìn bàn luôn, nếu mời được Thủ tướng đến làm chủ hôn thì còn oách hơn nữa.”
“Mày ảo tưởng nó vừa thôi.”
“Không thích hả?”
“Không.”
“Thích đám cưới theo phong cách nào?”
“Đơn giản, có lẽ chỉ tổ chức trong gia đình thôi?”
“Ok, để tao gọi điện báo cho mẹ.”
Bộ phim ăn khách Theory of Love đã làm mưa làm gió bao nhiêu trái tim người xem thì nay tiểu thuyết đã chính thức được ra mắt.
Chàng trai ăn chơi cũng phải dừng lại trước người mà cậu yêu. Nhưng đó không phải chuyện dễ dàng. Yêu mà không biết mình yêu, thương mà cứ băn khoăn.

600 pages, Paperback

Published January 1, 2019

113 people are currently reading
1815 people want to read

About the author

JittiRain

55 books345 followers
Associated Names:
* JittiRain (English)
* ジッティレイン (Japanese)

JittiRain is a writer from Chiang Mai, Thailand. She held a degree in Education (Biology major) from Naresuan University. Before becoming a full-time writer, JittiRain had worked as a biology teacher.

As an author, she is well-known for her slice of life, and feel-good mlm stories. Most of her notable works have been adapted into popular BL dramas, i.e. 2gether, Fish Upon the Sky, Theory of Love, Vice Versa etc.

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
363 (52%)
4 stars
193 (28%)
3 stars
83 (12%)
2 stars
26 (3%)
1 star
20 (2%)
Displaying 1 - 30 of 66 reviews
Profile Image for น้อนเว่ย.
79 reviews2 followers
September 23, 2018
จังหวะจะโคนคือ เพราะเราคู่กัน แต่ความอินเหลือ40% นั่นคงเป็นเพราะว่า จิตติเขียนเรื่อง เพราะเราคู่กันนั้น ดีเกินไป ดีมากจนไม่ควรอ่านเป็นเรื่องแรกในผลงานของจิตติ แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่ดีนะ เรื่องนี้ก็ดี แต่ไม่เท่าเรื่องเพราะเราคู่กันอ่ะ
Profile Image for อุ้มสม.
20 reviews24 followers
April 6, 2019
ปีนี้เป็นปีที่เราอ่านนิยายวายจบไปหลายเรื่อง มากกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา (แต่ก็ยังถือว่าน้อยนิด ถ้าเทียบกับหนุ่มวายสาววายตัวจริงเสียงจริง) แต่การอ่านนิยายวาย แนวชายรักชายบางเรื่อง สำหรับเราแล้วก็ถือเป็นงานดี มีคุณภาพ พอกับนิยายรักชายหญิงเลยละ…ทฤษฎีจีบเธอ เรื่องนี้ก็เช่นกัน

.

เราอ่าน “ทฤษฎีจีบเธอ” ด้วยความคาดหวัง เพราะมีนักอ่านรอบตัวหลายคนมาก-ก-ก-ก ที่แนะนำเรื่องนี้ ทั้งเรื่องได้กลิ่นอายดราม่าแบบที่เราชอบ ทั้งเรื่องสำนวนภาษาของ JittiRain ผู้เขียนที่บิลด์อารมณ์ได้ดี อ่านแล้วอิน ซึ่งพออ่านจบแล้วก็ไม่ผิดหวัง เป็น “นิยายรัก” อีกเรื่องที่น่าหยิบมาพูดถึง

.

ว่าด้วยเรื่องราวความรักของ “ค่าย” กับ “เติร์ด” สองหนุ่มนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ ปีสาม จุดเริ่มต้นจากการที่ฝ่ายนายเอก คือเติร์ดรู้สึกดีกับเพื่อนสนิทของตนเองมากกว่าคำว่าเพื่อน ซึ่งก็คือค่าย หนุ่มหล่อที่มีสาวมาติดพันมากมาย แอบรักเพื่อนสนิทว่าเศร้าแล้ว เป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ชอบผู้ชาย เป็นเพื่อนสนิทที่มีสาวๆ มาให้เลือกมากมาย และเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่เคยรักใครจริงนอกจากตัวเอง นั่นยิ่งทำให้เติร์ดไม่สามารถบอกความในใจให้ค่ายรู้ได้

.

เนื้อหาหลักของเรื่อง ไม่รวมตอนพิเศษ มี 18 ตอน ซึ่งเราขอแบ่งเป็น 3 พาร์ต

.

พาร์ตแรก (1-6) เติร์ดเป็นผู้เล่า เรื่องราวรักข้างเดียวที่ยากจะเผยใจ นำมาซึ่งความขัดแย้งต่อหัวใจตัวเอง และต่อคนที่เติร์ดรัก สิ่งที่ค่ายทำกับเติร์ด มันเจ็บจนยากจะลืม ยากที่แม้แต่จะกลับมาเป็นเพื่อนกัน…มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม

.

พาร์ตสอง (7-12) ค่ายเป็นผู้เล่า เมื่อค่ายคิดว่าตัวเองรักเติร์ด เมื่อค่ายเลือกที่จะทำตามหัวใจมากกว่าเหตุผล แต่เมื่อนั้น…คือช่วงที่เติร์ดบอกกับตัวเองว่าจะต้องตัดใจจากค่ายให้ได้ เพื่อที่จะไม่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องเดิมๆ การจะที่ค่ายจะจีบเติร์ดจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

.

พาร์ตสาม (13-18) เติร์ดเป็นผู้เล่า ความไม่แน่ใจในตัวค่าย ค่ายรักเขาจริงหรือ หรือแค่เห็นเป็นของแปลกใหม่ ถ้าเติร์ดกลับไปรู้สึกกับค่ายแบบเดิม นั่นหมายความว่าความเสียใจ ความเจ็บปวดกับเรื่องของค่ายจะวนลูปกลับมาเหมือนเดิมหรือเปล่า ? มันยากที่เติร์ดจะตัดสินใจ

.

สามพาร์ต ให้อารมณ์ ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งสามพาร์ตร้อยเรียงเป็นหนึ่งเดียว ทำให้นิยายรักเล่มหนาเรื่องนี้สนุก และชวนติดตาม แค่เรื่องราวการแอบรักของผู้ชายคนหนึ่ง การพิชิตใจคนที่เคยชอบเราของผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่กลับทำให้เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นนิยายเล่มหนาที่น่าติดตาม ไม่มีจุดไหนน่าเบื่อ หรือเดดแอร์สำหรับเรา

.

เสน่ห์ของ JittiRain ที่ทำให้เราชอบมาก และไม่ลังเลในการหยิบเรื่องอื่นๆ ของผู้เขียนมาอ่าน คือสำนวนภาษา การบรรยายอารมณ์ ความรู้สึกของคนแอบรัก ที่ให้ความรู้สึกหน่วง เศร้า เหงา ซึน ใช้ถ้อยคำธรรมดา แต่มีชั้นเชิง มีลูกเล่น ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมตามได้ไม่ยาก

.

ยกตัวอย่างเช่นซีนนี้เลย

.

“มึงไม่ต้องทำดีกับกูขนาดนี้ก็ได้เว้ย ถ้ามึงจะรักใครก็เลือกได้เลย ไม่กลับไปแล้ว”

กลับไปก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจ็บอีกเท่าไหร่ สูญเสียอีกมากแค่ไหน เพราะขนาดคนที่ร่าเริงมาตลอดอย่างผมยังสูญเสียภูมิต้านทานของตัวเองไปจนหมด

หากวันนี้มันเลือกแล้ว ก็ไม่มีเหตผลที่จะหลอกตัวเองอีก

“โอเค”

“ไอ้ค่าย”

“…”

กูรักมึง…

“แฟนมึงน่ารักดีนะ”

กูรักมึง…

“ขอบใจ”

กูรักมึง แต่พูดออกไปไม่ได้เลย…

.

ให้ตายเถอะ เราหลงรักสำนวน และชั้นเชิงการบิลด์อารมณ์ดราม่าของผู้เขียนจริงๆ

.

แต่เดี๋ยวก่อน ! เรื่องนี้ก็ไม่ใช่นิยายแนวดราม่า หนักหน่วงทั้งเล่ม “ทฤษฎีจีบเธอ” ยังมีความน่ารัก ความคอเมดี้ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนอ่านได้จากการเล่าเรื่อง บทสนทนาและการกระทำของทั้งพระนางและตัวประกอบ แต่ขึ้นชื่อว่า “การแอบรัก” ยังไง้ยังไง มันก็ต้องมีความเจ็บปวดตามมานั่นแล

.

พูดถึงเรื่องสำนวนของผู้เขียน ที่ถึงแม้เราจะชอบมาก แต่เราก็มองว่าสำนวนของผู้เขียนเป็นเหมือนดาบสองคม เพราะมีบางจุดที่อาจจะทำให้คนอ่านบางคนไม่ชอบ

.

ทั้งเรื่องบทสนทนาที่มีลูกเล่น น่าสนใจ ชวนอ่านก็จริง แต่บทสนทนาส่วนใหญ่ในเรื่อง ตัวละครสองตัว (โดยเฉพาะค่ายกับเติร์ด) จะคุยกันยาว แล้วไม่มีคำบรรยายนอกเครื่องหมายคำพูดมาคั่น ให้ถ้าอ่านเร็วๆ อาจมึนงงได้ว่าใครพูดประโยคนี้ ใครพูดประโยคนั้น แต่ก็ยังให้อภัยได้

.

แต่อีกจุดหนึ่งที่เรามองว่านักอ่านที่อ่านนิยายรักชายหญิง หรืออ่านงานเขียนนักเขียนรุ่นใหญ่มามากอาจจะรับไม่ได้คือเรื่อง คำสรรพนาม คำหยาบในเรื่อง ที่เจอทั้งบทสนทนาและบทบรรยาย ด้วยความที่ “ทฤษฎีจีบเธอ” บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย อีกทั้งการเล่าเรื่องโดยใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ทำให้มีคำหยาบ คำสบถมากมายปรากฏในเรื่อง เช่นคำว่า “เหี้ย” คำนี้เจอเยอะมาก ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่รับไม่ได้ เพราะอาจจะอ่านเรื่องนี้ด้วยความขัดหูขัดตาขัดใจ แล้วไม่มีความสุขแน่ๆ แต่สำหรับเรา ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่น และสบถคำหยาบกับเพื่อนสนิท (จริงๆ) ค่อนข้างบ่อย ทำให้เรารับได้ แต่ก็แอบอยากให้ลดลงบ้าง โดยเฉพาะบางช่วงที่มีคำว่า “ฆ_ย” (แต่ก็มีน้อยมาก) ซึ่งเรารู้สึกว่าผู้เขียนมีความโดดเด่นเรื่องสำนวนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำหยาบพร่ำเพรื่อ คนอ่านอย่างเราก็ยังชอบและอินกับเรื่องราวของผู้เขียนอยู่ ถ้าตัดออกไปบ้าง ก็จะทำให้เรื่องนี้มีความงดงามทางวรรณศิลป์มากขึ้น เพราะคอดราม่าอย่างเรา ถูกใจโทนเรื่อง อารมณ์ในนิยายเรื่องนี้มาก

.

ตั้งแต่เริ่มอ่าน เรารู้สึกว่านอกจากเรื่องสำนวนแล้ว การลำดับเรื่อง การเล่าเรื่องของผู้เขียนก็ยังมีเสน่ห์ ชวนให้ติดตาม ทำให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของค่าย เติร์ด และเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนตั้งแต่เริ่มต้น คือสนิทกันมาก รู้ใจกันมาก (แต่ค่ายไม่เคยรู้ใจเติร์ด) ซึ่งมันยากที่เติร์ดจะเผยใจให้ค่ายรู้

.

สำหรับใครที่ชอบอ่านนิยายไปด้วย ฟังเพลงที่เข้ากับเนื้อเรื่องเพื่อบิลด์อารมณ์ตัวเองไปด้วย ช่วงแรกที่เติร์ดแอบรักค่าย เราแนะนำให้���ังเพลง “ความลับ” ของ พอร์ช ประกอบ จะยิ่งอินและเข้าใจความรู้สึกของเติร์ดมาก

.

“ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว

มันยากเหลือเกินจะเก็บ ซ่อนความรักเอาไว้

และความลับในใจของเธอมีฉันอยู่บ้างไหม

โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ”

.

ช่วงแรกที่สองหนุ่มทะเลาะกันรุนแรง เราก็รู้สึกว่าผิดทั้งคู่ โดยเฉพาะค่าย เป็นพระเอกนี่น่าตี น่าเตะ น่าต่อย และหน้าโง่มาก! การกระทำของค่ายที่เป็นจุดพีค เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เติร์ดผิดใจกับค่ายอย่างรุนแรง เป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจเติร์ด และไม่แปลกใจที่เติร์ดจะโกรธ จะเสียความรู้สึกกับค่ายจนไม่สามารถกลับไปแม้แต่จะเป็นเพื่อน “เหมือนเดิม” ได้

.

ส่วนเติร์ด ก็ออกแนวงี่เง่า น่ารำคาญอยู่บ้าง เพราะในความเป็น “เพื่อน” ค่ายไม่เคยทำหน้าที่เพื่อนต่อเติร์ดได้บกพร่องหรือทำไม่ดี แต่ที่พอจะให้อภัยเติร์ดได้ก็เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวก่อเรื่อง โพล่งออกมาไม่ทันได้คิดเพราะเมา อีกอย่างช่วงพาร์ตแรกเติร์ดเป็นคนเล่าเรื่อง ถึงจะไม่ชอบใจแต่ก็ยังเข้าใจเติร์ด

.

พาร์ตสองพาร์ตสามนี่เริ่มดราม่าที่ตัวค่ายแล้ว เรียกได้ว่านายเอกเรื่องนี้ใจแข็งมาก อารมณ์คนเจ็บมาเยอะ ไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิมแล้ว ค่ายเลยต้องใช้พลัง ใช้ความพยายามในการเอาชนะใจเพื่อนสนิทอย่างเติร์ดมาก โดยเฉพาะดราม่าเรื่องทริปไปเที่ยวประจวบ ซึ่งเป็นอะไรที่ตลกร้ายมาก ตอนแรกเราขำ แต่สุดท้ายก็อดที่จะสงสารค่ายไม่ได้ ต่อให้ค่ายจะโง่ จะร้าย จะทำตัวน่าเกลียดแค่ไหน พอมาถึงจุดที่เจอกับเหตุการณ์นั้น พระเอกของเราก็เรียกคะแนนความน่าสงสารได้ท่วมท้น

.

สิ่งที่ทำให้นิยายเล่มนี้หนาปึก คือรายละเอียดปลีกย่อยที่ใส่มาแล้วเรื่องมีความสมบูรณ์ ไม่ใช่การยัดเยียด ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของสี่หนุ่มแก๊งโหด ความสัมพันธ์ของกลุ่มนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ การทำละครเวที ชีวิตในมหาวิทยาลัย กิจกรรมต่างๆ ทำให้ “ทฤษฎีจีบเธอ” กลายเป็นเรื่องราวความรักของคนสองคน ที่มีผู้คนอีกมากมายเข้ามาในวงจรชีวิตของทั้งคู่

.

ทั้งนี้ทั้งนั้น “ทฤษฎีจีบเธอ” ยังบอกเล่าประเด็นความรักได้อย่างน่าสนใจและทำได้ดี เพราะ ความรักไม่ได้จำกัดแค่หญิงต้องคู่กับชาย ความรักก็คือการตกหลุมรัก การรู้สึกดี และอยากใช้ชีวิตกับใครสักคน การเปรียบเทียบความรักกับการดูหนังสักเรื่อง (เข้ากับสังคม ชีวิตของตัวละครในเรื่อง ที่เรียนนิเทศศาสตร์) หนังแนวที่เราไม่ชอบ ไม่เคยคิดจะดูสักครั้ง บางครั้งอาจเป็นหนังที่ใช่ เป็นหนังที่ถูกใจเราที่สุด และที่สำคัญที่สุด คือการจะรักใครสักคนต้องใช้ทั้ง “สมอง” และ “หัวใจ”

.

“ร่างกายของคนเรามีกลไกการป้องกันตัวของตัวเอง เหมือนมนุษย์ไงที่มีความแข็งแรงไม่เท่ากัน ทนความเจ็บปวดได้ไม่เท่ากัน ความเสียใจจากการเฝ้ารอเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้สมองได้รับบาดเจ็บ ทนได้แสดงว่ารอได้ แต่ถ้าทนไม่ได้นั่นคือร่างกายรับไม่ไหว ตอนนั้นแหละที่มึงจะรู้ว่าควรรอต่อไป หรือตัดใจซะ”

.

“ทำไมต้องใช้สมองวะ คนเราไม่ได้ใช้หัวใจในการตัดสินเหรอ”

“เอาอย่างนี้นะ ถ้าสมมติมีคนจ่อปืนมาที่มึง สมองสั่งการให้มึงวิ่งหนีและมีชีวิตรอด แต่หัวใจไม่ใช่อย่างนั้น มันแค่สั่งการให้สูบฉีดเลือดเร็วขึ้น ขณะที่เท้ามึงยังยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอให้กระสุนปลิวมาเจาะ”

“ดังนั้นสมองจึงสอนให้มึงรู้จัก ‘เอาตัวรอด’ จากความเจ็บปวด ขณะที่หัวใจแค่สอนให้มึง ‘รู้จัก’ กับความเจ็บปวดเท่านั้น”

.

นี่คือคำสอนของตัวละครสำคัญอีกตัวในเรื่องอย่าง “พี่เชนทร์” เรียกได้ว่าเป็นตัวละครให้คำปรึกษา ที่คอยช่วยเหลือค่ายกับเติร์ดมามาก ช่วยให้สองหนุ่มเห็นทางสว่าง ทางที่ความรักของทั้งคู่จะสมหวังและมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันวีรกรรมของพี่เชนทร์ที่ทำกับค่าย จนสร้างความวุ่นวายไปถึงเติร์ดและลามไปถึงคนอื่น มันก็น่าตื้บจริงๆ (แต่เราขำนะ ฮา…)

.

ชอบตอนพิเศษเรื่องของคู่รอง ที่เป็นเสมือนความสัมพันธ์แบบลับๆ เปิดเผยมาทีนึง ทำเอาคนอ่านอย่างเราคาดไม่ถึง ส่วนเรื่องของค่ายกับเติร์ดในตอนพิเศษ ที่เติร์ดบังคับให้ค่ายเปลี่ยนสรรพนามเวลาเรียนเติร์ด อันนี้มองว่าเป็นการกระทำที่เยอะไป ก็เป็นแบบนี้มาแต่แรกแล้ว จะเปลี่ยนให้ยุ่งยากวุ่นวายทำไม ไม่สมกับที่เป็นเติร์ดเลย

.

ถ้าชมทั้งบ่น แต่ “ทฤษฎีจีบเธอ” ก็เป็นนิยายรักอีกเรื่องที่เราชอบ แนะนำอย่างยิ่งสำหรับนักอ่านที่มองข้าม มองผ่าน หรือรับได้กับคำหยาบ คำสบถในเรื่อง และชอบเรื่องราวดราม่าที่มาจากการแอบรักเพื่อนสนิทตัวเอง…เรื่องนี้ทำได้ดี

.

เหนือสิ่งอื่นใด เรารู้สึกว่าการที่ค่ายได้รักเติร์ด มันคือการที่ค่ายได้เห็นความงดงามของความรัก มันไม่ใช่แค่รักที่มีความใคร่นำหน้า แต่เป็นรักที่บริสุทธิ์ รักที่เป็นรักจริงๆ

.

แต่การจะได้มาซึ่งความรักนั้น ขอเพียงแค่มีการกระทำที่ซื่อสัตย์ และจริงใจ ย่อมสำคัญกว่าทฤษฎีใดๆ ในโลกนี้
Profile Image for Uminaka16.
421 reviews45 followers
June 15, 2019
เริ่มต้นจากนายเอกเป็นฝ่ายแอบรักเพื่อน เลยถูกพระเอกทำร้ายจิตใจจนคิดตัดใจ แต่พระเอกดันมารู้ความจริงทีหลังว่าถูกเพื่อนแอบรัก แล้วก็เพิ่งมารู้ใจตัวเองว่าที่จริงก็รักเพื่อนแหล่ะ เลยกลับมาเป็นฝ่ายตามจีบนายเอก เรื่องทั้งหมดมีแค่นี้

ช่วงแรกๆ สนุกดี แม้จะเอียนคำหยาบไปบ้าง แต่พอพระเอกกลับมาเป็นฝ่ายตามจีบบ้างนี่ออกจะน่าเบื่อ เนื้อเรื่องวนไปกับการอ่อยวนไปเรื่อย และบทสนทนาที่ไม่จำเป็นเยอะมาก บุคลิกพระเอกที่เดิมเป็นเพลย์บอยไม่น่าเปลี่ยนมาเป็นคนติงต๊องง้องแง้งแบบครึ่งหลังได้เลย เลยรู้สึกไม่ค่อยอิน แต่ชอบความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนสนิท มีอะไรก็ให้อภัยกันได้

Profile Image for Madalyn Atherton.
7 reviews1 follower
February 1, 2019
The story was a lot of fun and very sweet. Tropes everywhere, but I love stuff like that. Would've been a 4.5 or 5 stars, except...

The thing that docked 2 stars were 1) after the first POV shift, things got a little repetitive and bogged down in the middle. I felt like we were going over the same things every chapter and there was no plot or emotional progression.

2) There was a lot of casual discussion about sexual assault and dubious consent. I know a lot of Thai BL books are like that, but it definitely turned me off a lot and made me uncomfortable at times. If you don't like discussions surrounding those topics, this is a book to avoid. I would've docked more stars for this, but I was trying to understand that it's written for a different audience than me.
Profile Image for Kuroi Ann.
171 reviews6 followers
October 28, 2023
En su momento lo ame y me gusto, no sé si ahorita lo vería igual, pero lo recuerdo como un buen libro.
Profile Image for Or_O.
436 reviews108 followers
December 17, 2018
เพื่อนรัก รักเพื่อน เพียงสลับตำแหน่ง ความรู้สึกก็ต่างไปจากเดิม

ด้วยกลัวว่าจะสูญเสียแม้แต่ตำแหน่งเพื่อนสนิท เติร์ดจึงไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงต่อค่าย เฝ้าแต่กักเก็บไว้ คอยมองเพื่อนเปลี่ยนคู่ควงคนแล้วคนเล่า

เจ็บทุกครั้ง แต่ไม่เข็ดสักครั้ง

ความรักที่ห้ามแล้วไม่ฟัง ช่างไม่รักดี

+++

เกริ่นมาเหมือนจะเศร้า แต่โทนเรื่องด้วยรวมค่อนข้างตลก ไม่จริงจัง มีช่วงปล่อยมุกเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นมุกขำขัน หรือมุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียดนี่ก็แล้วแต่จะรู้สึกกัน ดราม่าในเรื่องก็มีมาเรื่อย ๆ เหมือนกัน เป็นดราม่าเรื่องความเข้าใจผิด เข้าใจไม่ตรงกัน ไม่ฟังที่อีกคนพูด ไม่เชื่อในตัวอีกคน และไม่ยอมพูดปรับความเข้าใจกันตั้งแต่ต้น

การดำเนินเรื่องจะเป็นแบบสลับมุมมองแบบไม่มีแบบแผน เริ่มแรกด้วยนายเอก เติร์ด เป็นคนเล่าประมาณ 30% ของเรื่อง ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นมุมมองของค่าย ถึง 50% แล้วกลับมาเป็นของเติร์ดอีกครั้งจนจบ ตอนพิเศษเริ่มที่มุมมองค่าย เปลี่ยนเป็นเติร์ดและกลับมาเป็นค่ายอีกครั้ง

ตัวละครหลัก

นายเอก เติร์ด เป็นฝ่ายแอบรักเพื่อนก่อน รักแล้วก็ไม่กล้าบอก เป็นคนจริงจัง เข้มงวดต่อตนเองและคนรอบข้าง ชอบคิดมาก ค่อนข้างเอาแต่ใจพอสมควร

พระเอก ค่าย หน้าตาดี ชอบหลีหญิง คบใครไม่เคยยืด เปลี่ยนแฟนบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนชุด ไม่ฉลาด ชอบทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ ใช้อารมณ์มากกว่าสมอง

ตัวละครประกอบ ทูกับโบน สองเพื่อนซี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันของพระนาย เปลี่ยนหญิงเป็นว่าเล่น เพราะฉะนั้นในกลุ่มจะมีเติร์ดคนเดียวที่เป็นพ่อพระ คอยเอ็ดเด็กไม่รักดีที่เหลือ

ตัวละครอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัย เรียนนิเทศศาสตร์ เอกฟิล์ม ในเรื่องก็จะมีพูดถึงภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ประปราย

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องวุ่นวายของพระนายและผองเพื่อน เรื่องความรักที่ไม่ลงตัว

ภาษาที่ใช้เป็นภาษาวัยรุ่น มีคำหยาบและภาษาวิบัติพอสมควร


นึกข้อเท็จจริงไม่ออกแล้ว เอาเป็นว่าเริ่มที่ความคิดเห็นเลยละกัน


ตัวอย่างที่โอยกมาจะเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน ขอเตือนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย


อย่างที่โอโพสต์ในเพจไปก่อนหน้าแล้ว ว่าตัวเองไม่โอเคกับเรื่องนี้


อย่างแรก โอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ตัวหนาเน้นประโยค (ที่คิดว่า) เด่นหรือดี ในเรื่อง

โอเกลียดการเน้นตัวหนาแบบนี้มาก

โอไม่เห็นถึงข้อดีของการทำแบบนี้เลยสักอย่าง

หนึ่ง เพราะมันดึงสายตา หน้ากระดาษสีขาว ตัวหนังสือปกติ ถ้ามีตัวหนา คุณเห็นทันทีที่เปิดหน้าแน่นอน ถึงพยายามจะไม่อ่าน แต่เรารู้ล่วงหน้าแล้วว่ามีอะไรสักอย่างรออยู่ จังหวะที่ควรจะเป็น ลำดับที่ค่อย ๆ ใส่มา ที่คนอ่านควรจะรู้สึก จะถูกเปลี่ยนไปหมดเลย เพราะเราอยากจะรู้เร็ว ๆ ว่าประโยคที่เน้นนั้นคืออะไร หรือ ถ้าคุณเป็นคนอ่านเร็ว และข้อความที่ถูกเน้นหนานั้นสั้นพอ คุณจะกวาดสายตาไปเจอประโยคนั้นโดยอัตโนมัติ อะไรที่ควรจะลุ้น ควรจะรู้สึกเมื่อถึงเวลา ก็จะไม่รู้สึกอีกต่อไปแล้ว

เราอ่านนิยาย เพื่อซึมซับความรู้สึก ค่อย ๆ รับรู้เรื่องราว การทำอย่างนี้เท่ากับทำลายอรรถรสที่ควรจะได้รับจากตัวนิยาย

การรับรู้ความสำคัญของข้อความเป็นเรื่องของคนอ่าน

ถ้าประโยคนั้นดี ข้อความนั้นเด่น มันจะดีและเด่นได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องชี้นำ

สอง เมื่อคุณทำตัวหนาให้ข้อความของคุณ เท่ากับคุณพยายามบอกเราอ้อม ๆ ว่านี่ ประโยคนี้ของฉันนั้นเด็ดนะ เธอลองอ่านดู ซึ่งจะทำให้เกิดความคาดหวังต่อข้อความนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าทำดี เสมอตัว ถ้าไม่ดี ติดลบนะคะ และความรู้สึกที่โอมีต่อทุกข้อความ ทุกประโยคที่เน้นตัวหนา คือติดลบทั้งหมด ไม่มีประโยคใดดี หรือจี๊ดพอเลย


อันดับสอง บทสนทนาอ่านยากว่าใครเป็นคนพูด ผู้เขียนชอบเกริ่นลอย ๆ ผ่านไปสี่ห้าประโยคถึงพอเดาออกแล้วต้องอ่านทวนย้อนกลับ ถึงจะเข้าใจว่าใครพูดประโยคใด ซึ่งในแง่ของกลวิธีการเขียนไม่ได้ผิด คุณจะเขียนแบบไหนก็ได้ เป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์ของมันเป็นไปในทางที่ไม่ดีมากกว่า โอจึงอยากให้พิจารณาปรับแก้ใหม่ เมื่อคนอ่านไม่เข้าใจประโยคทันที ทำให้สารที่สื่อออกมาคลุมเครือและไม่มั่นคง โดยเฉพาะข้อความที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก เมื่อไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนพูด อารมณ์ที่ได้ แทนที่จะ ตึ๊ง เข้ามาในใจทันที กลับเป็น เอ นี่ใครพูดนะ เดี๋ยวขออ่านก่อน อ่านทวนย้อนใหม่ อืม อ๋อ คนนี้พูด แล้วถึงค่อยเข้าใจใจความที่ต้องการสื่อออกมา อารมณ์ที่ได้รับจะช้าและไม่ตอบโจทย์ ณ ตอนนั้นแล้ว ซึ่งบทสนทนาอ่านยากนี่ไม่ได้เป็นแค่บางช่วง แต่เป็นแทบทั้งเรื่องเลย คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าใครเป็นคนพูดทุกคำ แต่ต้องไม่น้อยพอที่จะเดาไม่ออกในประโยคที่สองหรือสาม ลักษณะบทสนทนาที่ผู้เขียนชอบใช้ นอกจากการเกริ่นลอย ๆ แล้วก็มีบทสนทนาล้วนที่ไม่มีคำอธิบาย บางครั้งยาวเป็นหน้า เลยหน้าก็มี เมื่อหมดหน้า บางทีโอไม่รู้ละว่าหน้าที่แล้วจบที่ใคร หน้าใหม่เริ่มต้นที่ใคร อารมณ์ผู้ชายพูดกันต่างจากพูดกับผู้หญิง คุณจะไม่มีทางเดาได้เลยว่าใครพูดถ้าไม่มีคำใบ้หรืออะไรบ่งชี้ บางครั้งบทสนทนาไม่ใช่สลับหนึ่งต่อหนึ่ง แต่เป็นสลับแบบหนึ่งต่อหนึ่งต่อสอง คุณก็จะไม่มีทางรู้อีกว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนพูด นอกจากเดาจากเนื้อความ

อันดับสาม คือเรื่องภาษา สำหรับโอ ภาษาเรื่องนี้ไม่ผ่าน การเรียบเรียงประโยค การเลือกใช้คำยังไม่ดี

มีการใช้คำวิบัติและศัพท์วัยรุ่นจนเฝือ โอไม่ได้ว่าใช้ไม่ได้ แต่ถ้ารักษาระดับที่พอดีได้ ก็หมายความว่ากลุ่มคนที่อ่านได้จะมีมากขึ้นเช่นกัน ขอให้เข้ากับตัวละคร เข้ากับเนื้อเรื่อง เป็นธรรมชาติก็พอ บางคำเป็นคำหยาบ แล้วจงใจสะกดคนละแบบให้วิบัติเพื่อเลี่ยงคำนั้น ซึ่งสำหรับโอไม่เห็นต้องเลี่ยงเลย คำหยาบเมื่ออยู่ในนิยายก็เป็นคำคำหนึ่ง เมื่อจะใช้แล้วก็ใช้ไปเลย ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงให้วิบัติไปกันใหญ่ คำเขียนที่วิบัติโอว่าน่าอายกว่าอีก ส่วนวิบัติเพื่อเสียงอะไรนั่นโอไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในรูปแบบคำพูด ตัวละครก็อาจพูดอะไรก็ได้ ขอให้เสียงถูกต้อง สื่อใจความได้เท่านั้น

อีกปัญหาที่พบคือ ผู้เขียนเลือกคำที่ไม่ปกติ เพื่อจงใจให้สวยงาม มาใช้ในประโยคธรรมดา ระดับของคำจึงไม่เท่ากัน และใช้ไม่ตรงความหมายในบางครั้ง

โอจดคำที่ผู้เขียนมักใช้มาด้วย สับเท้า ม่านสายตา ร่างสูง หนา บาง ขาว มือหนา บาง ขาว

ถ้าสามารถเปลี่ยนไปใช้คำที่หลากหลายได้มากกว่านี้ก็จะดี โดยเฉพาะศัพท์สูง หนา บาง


อันดับสี่ จังหวะ เรื่องนี้จะมีจังหวะตลก ๆ อยู่บางช่วง

อย่างตอนที่อยู่ ๆ โบนก็วิ่ง (มาจากไหนไม่ทราบ) เข้ามากอดเติร์ด
นึกภาพตาม ดูหนังรักเรื่องหนึ่ง พระนางกำลังมีปัญหากัน อยู่ ๆ ตัวประกอบก็โผล่มาจากไหนไม่ทราบวิ่งมากอดนางเอก แล้วก็วิ่งหายไปจากจอ

อันดับห้า ตัวละคร นอกจากพระนาย ตัวละครประกอบหลักอย่างเพื่อนสนิททั้งคู่ โบนกับทู สองคนนี้แทบหาความแตกต่างไม่เจอเลย พวกเขาแทบจะเป็นตัวละครฝาแฝดในแบบที่คนหนึ่งสนิทกับอีกฝั่งหนึ่งมากกว่า ซึ่งมันแบนมากไป เรารู้จักพวกเขาได้น้อยเกินไปมาก เมื่อเทียบกับความสำคัญในแง่ของเพื่อนซึ่งปรากฏในนิยาย หรือในแง่ของคนคนหนึ่ง หรือในแง่ที่เทียบกับความหนาของนิยาย

อันดับหก ตรรกะ ในเรื่องจะมีตรรกะประหลาด ๆ ของตัวละคร ที่เราจะไม่พบในชีวิตจริง

อย่างตอนที่เติร์ดโดนเพื่อนยุให้สารภาพรักกับค่าย แล้วก็เลยตกลงไปสารภาพโดยเลียนแบบฉากหนัง ตอนแรกโอไม่ติดฉากนี้เพราะจังหวะการเล่าเรื่องเป็นแบบปล่อยแก๊ก คือเล่าแบบตลก ไม่จริงจัง คราวนี้พออยู่ ๆ เรื่องก็บิดมาเข้าดราม่า โอก็เฮ้ย มันไม่ใช่แก๊กแล้วอะ ใจความมันเป็นของจริง คราวนี้โอรู้สึกติดขัดทันทีเลย เพราะ อยู่ ๆ คนที่แอบรักมาตั้งนาน โดนเพื่อนยุทีเดียวก็ไปสารภาพ มันยาก ไม่เท่านั้น สารภาพโดยเลียนแบบฉากหนังมันเป็นอารมณ์ที่ไม่ตั้งต้นมาจากความจริงจังอยู่แล้ว

หรือตอนที่ค่ายแกล้งเมาจูบเติร์ดแล้วเอ่ยชื่อแฟนเก่าก็ประหลาด กลัวเสียเพื่อนเลยไม่คุยตรง ๆ แต่ไปจูบกับเพื่อนที่ตัวเองคิดว่าไม่มีวันรักเนี่ยนะ คิดว่าจูบกับเขาแล้วจะไม่เสียเพื่อนเหรอ ทำไมต้องทำให้ยาก ให้ยุ่ง

หรือตอนที่เติร์ดจูบโบนประชดก็เหมือนกัน

หรือการที่อยู่ ๆ ค่ายก็เปลี่ยนใจไปจีบเติร์ด แต่แทนที่จะพูดจากันให้เข้าใจตั้งแต่ต้นว่าตัวเองเปลี่ยนความรู้สึกแล้วนะ ก็มาแอบหาทางจีบลับ ๆ ล่อ ๆ ขวางคนนั้น โกรธคนนี้

เหมือนตัวเรื่องจริง ๆ ไม่ได้ดราม่า แต่ผู้เขียนกำลังสร้างบทเหนือจริงเพื่อให้เกิดเรื่องดราม่าขึ้น ส่งผลให้ตัวละครมีตรรกะที่ประหลาด ซึ่งโอจะโยงไปถึงอันดับที่เจ็ด

อันดับเจ็ด เรื่องไม่ตั้งอยู่บนความจริง ฉากทุกฉาก เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ เป็นการสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดดราม่า ให้เกิดฉากรัก หวังให้เกิดความประทับใจ แต่กลับไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้น อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครนั้นไม่มีอยู่จริง บทคำพูดก็ไม่ใช่บทที่มาจากความรู้สึกตัวละคร แต่เป็นบทที่ตั้งใจใส่ไว้ ไม่ธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลในตัว

นิยายทุกเรื่องเป็นเรื่องราวสมมติ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราเชื่อมโยงกับนิยายได้คืออารมณ์ความรู้สึก ที่มาจากตัวละครและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลั่นออกมาเป็นคำพูด เชื่อมโยงเป็นความคิด ส่งเสริมสนับสนุนกันและกัน ไปพร้อมกัน

ในเมื่อทุกสิ่งเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นแม้แต่อารมณ์ความรู้สึก แล้วจะเหลือความจริงอะไรให้ยึดเหนี่ยว

ความรู้สึกจริงหรือไม่จริงเชื่อมโยงกับความคิดพื้นฐาน เป็นไปได้หรือไม่ พอจะเป็นไปได้หรือไม่ หรือไม่มีทางเป็นไปได้เลย โอพบว่าเหตุการณ์ในเรื่องเป็นไปในทิศทางที่ไม่เชื่อมโยงกับความจริง

โอยกตัวอย่างเดอะเฟซซีซันสาม ดราม่าในซีซันนี้ไม่น่าเชื่อถือ เรารู้สึกว่ามันเป็นบท อยู่ ๆ คนนี้ก็โกรธ คนนั้นก็โมโห เหวี่ยงใส่คนนู้นคนนี้ ทั้ง ๆ ที่เราดูอยู่ทางบ้านไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรให้เป็นสาเหตุให้โกรธหรือโมโหเลย มันเป็นดราม่าสร้างซีน แต่เป็นซีนที่ไม่มีเหตุมีผลรองรับเพียงพอ ผลที่ได้แทนที่จะทำให้คนเกิดอารมณ์ร่วม กลับกลายเป็นรู้สึกว่าเป็นซีซันที่เหลวไหลออกนอกลู่ออกนอกทาง ทุกคนเล่นใหญ่แบบไม่มีสาเหตุ เป็นเพียงตลกฉากหนึ่งเท่านั้น

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เป็นความเล่นใหญ่แบบไม่มีเหตุผลรองรับที่เพียงพอ อยากจะให้ตัวละครมีการกระทำที่โอเวอร์เกินจริงก็ได้ แต่คุณต้องใส่อะไรที่ทำให้เชื่อว่าเขาสามารถพอจะทำ

ฉากค่ายขับรถเร็วแล้วรถล้ม แต่ยังลากร่างเดินมาหาเติร์ด เป็นฉากที่ตลกมาในความรู้สึกโอ เหตุผลที่คุณขับรถเร็วคืออะไร โกรธเติร์ดใช่หรือไม่ เหตุผลที่คุณกลับมารับเติร์ดคืออะไร กลัวเขาไม่มีคนรับกลับเหรอ เหตุผลรองรับไม่เพียงพอเกินไป ไม่สอดคล้องกันเกินไป

ฉากรอเพื่อนที่ชานชาลาก็เหมือนกัน สำหรับโอมันคือฉากที่ตลก เป็นดราม่าสร้างซีนเรียกร้องความสนใจซีนหนึ่ง

จริง ๆ ความผิดพลาดอาจเริ่มตั้งแต่แรก

เรื่องเริ่มด้วยความเป็นมุกแก๊ก เติร์ดเอ่ยถึงความรักสลับปล่อยมุก เขาเล่าด้วยคำพูดที่ให้น้ำหนักกับความรักที่เขามีได้ไม่น่าเชื่อถือเกินไป ดราม่าที่พยายามดันเข้ามาในฉากต่อไปจึงไม่น่าเชื่อถือ

โอนึกสงสัยว่าทำไมนิยายเรื่องอื่นถึงสามารถทำให้เกิดดราม่าจริง ๆ ผสมกับหัวเราะท้องแข็งโดยไม่รู้สึกขัดได้ คำตอบแรกที่โอมี คือ มุกตลกที่เขาปล่อย ฉากตลกที่เขามี ไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของตัวละคร หรือถ้าเป็นไปในทางนั้น ก็จะเป็นเสียดสีจิกกัดตัวเองแบบตลกร้าย กัดแต่เจ็บปวดข้างใน

แต่ความรู้สึกของเติร์ดไม่ได้ไปในทางนั้นแต่แรก โอเลยรู้สึกไม่จริงกับความรักของเขาเช่นกัน

ความรู้สึกของค่ายก็เหมือนกัน โอไม่รู้สึกถึงความรักจากเขาเลย

การที่เขาจะเปลี่ยนใจมันต้องใช้หลายอย่างบ่มเพาะ มากกว่าเวลาไม่กี่วันแล้วอยู่ ๆ มาตามตื๊อ หาวิธีบ้า ๆ มาตามจีบเขา มันต้องใช้ความรู้สึกที่มากพอที่จะเปลี่ยน

อันดับแปด สองคนนี้ไม่ใช่ตัวละครในแบบที่ตัวโอจะชอบเลย มีความเป็นเด็กสูงมาก ไม่ฟังคนอื่น เอาแต่ใจตัวเอง ทำตามใจตัวเองโดยไม่สนคนรอบข้าง ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยุ่ง สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ไม่ให้เกียรติคนรัก ไม่มีเหตุผล ไม่รู้จักพูดจาปรับความเข้าใจ ใช้ตัวเองเป็นหลักในการแก้ปัญหา

โอเกลียดฉากจูบในเรื่องมาก

ครั้งแรกจูบจงใจให้เลิกรัก
ครั้งที่สองแอบจูบตอนหลับ (ในมหาวิทยาลัยด้วย)
ครั้งที่สามจูบต่อหน้าเพื่อน ๆ ในห้องซ้อม (ในมหาวิทยาลัยเช่นกัน)

มันเป็นจูบที่เห็นแก่ได้ และน่ารังเกียจที่สุด

โอเกลียดตัวละครแบบค่าย ที่แสดงความเป็นเจ้าของคนที่แม้ตนจะรัก แต่ตอนนั้นยังไม่มีสิทธิ์ แบบเห็นแก่ตัว

โอเกลียดตัวละครแบบเติร์ด ที่ไม่ยอมพูดจากัน เจอปัญหาก็เอาแต่หลบหลีก แถมยังเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ตัดสินใจแทนคนอื่น

นิสัยและการกระทำของตัวละครที่โอจะสามารถหงุดหงิดได้ มารวมอยู่ในตัวสองคนนี้ทั้งหมด

และโอไม่ชอบการจูบในสถานศึกษาเลย ไม่ใช่ที่ที่คุณควรจะมาประกาศให้โลกรู้นะ รักกันก็ทำให้ถูกที่ ถูกเวลา อย่างเหมาะสม


อันดับเก้า จุดมุ่งหมายของเรื่องนี้คืออะไรคะ

โอเรียงลำดับสิ่งที่โอคิดออกเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ และเป็นน้ำหนักส่วนใหญ่ในเรื่อง

มั่วหญิง เหล้า นม คนโง่ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ผองเพื่อนชวนวุ่น ละครเวที หนัง เรียน

แต่จริง ๆ มันควรจะเป็น

หนัง เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ผองเพื่อนชวนวุ่น ละครเวที เรียน ที่เหลือควรเป็นส่วนประกอบย่อยหรือเปล่า

ให้น้ำหนักผิดไปไหม

ทำไมพอเป็นเรื่องวัยมหาวิทยาลัยทีไรต้องมีแต่เหล้ากับมั่ว เพราะมีแต่เรื่องนี้ หรือเราไม่มองสิ่งอื่น ไม่ยอมนำเสนอสิ่งอื่นกันแน่


อันดับสิบ การดำเนินเรื่องยังสับสน ซ้ำซ้อน ไม่กระชับอย่างที่ควร

การสลับมุมมองในเรื่องโอไม่พบว่าเกิดประโยชน์อะไรนอกจากค้นพบความไม่มั่นคงของผู้เขียน ตอนสลับเป็นค่าย แล้วเปลี่ยนเป็นเติร์ดอีกครั้ง เติร์ดคราวนี้มีความดิบของค่ายติดมา และความตลกแบบช่วงต้นหายไป กลายเป็นผู้ชายอารมณ์ร้อน ๆ ร้าย ๆ

จังหวะที่สลับมุมเปลี่ยนจากเติร์ดเป็นค่ายครั้งแรก ผู้เขียนเล่าเหตุการณ์ซ้ำโดยไม่จำเป็น มันคือฉากเดิมที่เปลี่ยนคนเล่า ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก การเล่าฉากเดิมซ้ำทำให้เรื่องน่าเบื่อ และซ้ำซาก


น่าจะหมดแล้ว พูดรวม ๆ อีกที โอรู้สึกว่า 30% หลัง ทำได้ดีกว่า 70% แรก แต่ก็ดีเพราะช่วงแรกนั้นไม่ดีอย่างมาก เมื่อไรก็ตามที่เอ่ยถึงดราม่าหรือความรัก โอรู้สึกว่าเรื่องนี้���ม่จริงทุกครั้ง เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถให้ความรู้สึกที่แท้จริงแก่โอได้ เมื่อไรที่เป็นมุกตลก เรื่องนี้ทำได้ในเกณฑ์ปกติ ไม่ดีไม่แย่ เพราะมุกตลกไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้สึก แต่จังหวะที่ปล่อยมุกก็ยังไม่ค่อยดี เมื่อไรที่เป็นคำพูดธรรมดา เมื่อนั้นโอเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ตัวละครที่เริ่มเผยออกมา

และ โอชอบตอนพิเศษของทู นี่แหละธรรมชาติที่โอพิมพ์มาแทบตายตอนต้น เรื่องที่มีอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร เรื่องที่ตัวละครมีส่วนร่วมได้เล่าเรื่อง บทสนทนามาเองโดยไม่ต้องจับยัด ไม่ต้องพยายามจนล้น ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องให้มีดราม่าถึงจะดี เป็นแค่ผู้ชายสองคนที่มีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน (แต่ถึงงั้นโอก็เกลียดตัวหนาในตอนพิเศษนี้อยู่ดี)


1 ดาว แต่อย่างที่ทุกคนรู้ หรือถ้าไม่รู้ก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลย ความเห็นของโอไม่ใช่คว��มเห็นของคนทั้งโลก และแน่นอนว่าไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกอย่าง

มีที่ยกตัวอย่างจากในเรื่องเล็กน้อย ถ้าเกิดใครอยากอ่านเพิ่ม อ่านในบล็อกนะคะ คลิก
Profile Image for Lanmreading.
100 reviews50 followers
March 30, 2020
Vì nam chính học chuyên ngành điện ảnh nên mỗi chương truyện sẽ gắn liền tên của một bộ phim, và chủ đề phim ảnh cũng là chất liệu chính để kết nối nội dung cùng tuyến tình cảm của nhân vật trong cuốn này. Tuy tấu hài nhiều nhưng tình yêu đơn phương cũng đau buồn nhiều nên đọc nhiều đoạn cũng thương bé thụ lắm. Nói chung cá nhân mình thích truyện hơn phim dù phim khai thác tuyến tình cảm của các nhân vật phụ nhiều hơn.
Profile Image for Maria.
829 reviews104 followers
March 28, 2020
I think the novel is funnier and sweeter than the series :D

Aaand Un and Too <3 I wish there was more of them!
Profile Image for M L.
92 reviews3 followers
August 12, 2021
[3.5] creo que haber visto primero el bl me dejó con muchas expectativas sobre el libro... hay algunas cosas más/distintas en la historia original que me Encantaron, la baja que el libro solo sea third llorando por khai y viceversa, en un punto fue medio Cansador ya que el bl te deja conocer más a otros personajes y sus problemas etc etc, además de que el libro tiene escenas donde khai es una completa basura, imperdonable, malo, odiable, etc. Anywwways le subo 1 estrella porque los Extrañaba y porque me hizo sufrir mucho (yo Amo sufrir) .
18 reviews
June 1, 2019
เรื่องของเพื่อนที่แอบรักเพื่อน ซึ่งก็ดูไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ แต่ภาษาเขียนของ JittiRain ที่ทำให้แตกต่าง การเล่าเรื่องที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แถมแทรกส่วนขำๆมาตอนที่เราไม่นึกว่าจะมาในบางที แต่การเขียนของ JittiRain ก็ทำให้ร้องไห้เป็นเผาเต่าได้เหมือนกัน เอาจริงๆ ถ้าด้วยพล็อตและอื่นๆ เราอยากให้สาม แต่ effect ของการทำให้เราร้องไห้ได้เป็นบ้านเป็นหลังทำให้เราปรับเป็นสี่ดาวค่ะ
Profile Image for Nattapan.
2,366 reviews75 followers
December 5, 2018
Interesting! This story has many good things that should have in a Y fiction.

p.s: After watching the teaser, I am looking forward to watching this upcoming series.
Profile Image for Misneach.
251 reviews4 followers
August 31, 2020
Didn't know this was in Goodreads but I should have known.

As I saw a review say, toxic...

it actually is but for some reason you can't help but love it.
Profile Image for Paweechaya Yuyen.
9 reviews
June 3, 2019
เรื่องนี้อยากอ่านอยู่นานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่คุณจิตติลงรายตอนอยู่ในเว็บ ดองไปดองมาจนซีรีย์จะออนถึงได้อ่าน เป็นเรื่องราวความรักในรั้วมหา'ลัยที่สุขเศร้าเคล้าน้ำตาซะเป็นส่วนใหญ่ ผิดไปจากลักษณะเรื่องของคุณจิตติอยู่สักหน่อยจริงๆ (เมื่อขึ้นบทนำว่าอินทะโลดักฉัน)

เรื่องราวของเติร์ด ผู้แอบรักเพื่อนสนิทอย่างค่ายมาสามปี และเมื่อทู เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มค้นพบ ก็ช่วยผลักดันให้เติร์ดสารภาพรัก และไขว้คว้ารักมาเป็นของตัวเอง แต่ปัญหาก็คือ ค่าย ที่เจ้าชู้มากรัก และโง่เง่าซะเหลือเกิน

จริงๆ เรื่องนี้สนุกดีนะคะ เราอ่านในตอนที่อารมณ์ไม่ปกติ ซีนร้องไห้ของเติร์ดเราก็นั่งร้องไปด้วยเสียเลย

ตัวละคร เติร์ด มีความอ่อนไหว และเจ็บช้ำกับความรัก จนเรียกได้ว่าบอบบางทางความรู้สึกมาก กระทั่งว่าบางครั้งก็เกือบจะรู้สึกว่าบอบบางเกินไป

ตัวละคร ค่าย เป็นผู้ชายหล่อรวยโง่ๆ ที่เกือบจะเสียสิ่งสำคัญไปจากการกระทำของตัวเอง ตอนอ่านก็คือโมโห แต่เพราะว่าซื้ออีบุ๊กมาอ่านรวดเดียวจบ ทำให้อ่านๆ ไปก็พลอยเห็นใจขึ้นมาหน่อยๆ และไม่ได้เกรี้ยวกราดอย่างกระแสในทวิตเตอร์ช่วงที่นิยายกำลังลงรายตอนอยู่

สรุป เป็นเรื่องราวที่ดี ให้เกร็ดความรู้เรื่องคณะนิเทศฯ การถ่ายทำภาพยนตร์สั้น หรือการทำละครเวที อ่านได้เพลินๆ ไม่เสียดายเงิน แต่ก็ไม่ได้ประทับจิตประทับใจไม่ลืม
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for ThePausis.
168 reviews10 followers
December 16, 2019
Theory of love nos cuenta la historia de dos amigos muy cercanos (Third y Khai, ambos estudiantes de cine), tanto que uno cae perdidamente enamorado de otro y es desgarrador como nos cuenta todo lo que siente y como atraviesa el amor no correspondido.
Tanto la serie como la novela estan llenas de referencias a películas populares y es todo muy entretenido de leer.

Third rompió mi corazón un montón de veces durante la historia. Pensé que despues de ver a Gun Attapham como protagonista sería más facil atravesar la trama escrita, pero no. Duele y mucho.

Si alguien quiere iniciar la lectura, espero que este al tanto de que esta historia no es un cuento de hadas.
.
.
.
Supe de esta novela cuando estrenó el teaser de la serie Theory Of Love de la productora GMMTV. Vi la serie y apenas me enteré de que se publicaría y estaría disponible internacionalmente la novela en inglés, no dudé en obtenerla. Si bien, OFFGUN llevó la química de los personajes muy bien a la pantalla, para los fans de las historias LGBT tailandesas el tener acceso a las historias originales es otro mundo.

Espero que esta traducción y la de Blue Kiss sean las primeras de muchas.
Profile Image for ปลาทู คือแมว.
66 reviews1 follower
May 15, 2020
เป็นนิยายที่พลอตดี วัตถุดิบดี แต่ตัวละครแม่งโคตรเฟล

เติร์ด(นายเอก) ไปรักไอ้ค่ายเอง เจ็บเอง เสียใจเอง คิดแต่มุมของตัวเอง ในสมองตรองแค่ว่าตัวเองทุ่มเทแล้วได้รับแต่ความเสียใจ อิหยังมาก แค่แอบรักใครมานานก็ถือว่าทุ่มเทแล้วเหรอ? แล้วคนที่ไม่รักตอบนี่คือคนผิด? คืออ่านจนจบเล่มเรายังไม่เข้าใจเลยว่าค่ายมันทำอะไรผิด

รักของเติร์กมีแต่ทิฐิ เงื่อนไข ความคาดหวังที่สูง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ช่างจดช่างจำความผิด และไม่เชื่อใจ กลายเป็นค่ายต้องพิสูจน์ตัวเองแทบทั้งเรื่อง โดยที่ตัวเติร์ดมีโจทย์แค่ว่าตัวเองจะพร้อมเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งมันแฟร์เหรอ?

นิสัยใจคอเติร์ดแทบไม่ต่างกับเพศหญิงที่ฝันหวาน หลงรักคนหล่อที่เจ้าชู้ แต่อยากให้เขาหยุดกับตัวเองคนเดียว ดีกับตัวเองคนเดียว อยากให้เขายอม ยอมแม่งทุกอย่าง ถึงแม้เติร์ดจะไม่ได้ยืนอยู่บนเหตุผลก็ต้องยอม แล้วไอ้ค่ายก็โง่ไง ยอมบ้าจี้ตามไปด้วยอีกคน

ถ้ามีสตินั่งทบทวนสักนิด จะเห็นว่าตอนที่ค่ายเป็นเพื่อน ก็เป็นเพื่อนที่ดี ตั้งแต่ที่ตามจีบก็ไม่เคยทำผิดอะไรกับเติร์ดเลย (ช่วงรอยต่อที่เอาพลอยมาหลอก นั่นก็เพราะเติร์ดคิดไม่ซื่อก่อนนะ?) ทำไมเติร์ดถึงไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้าง ว่าตัวเองดีพอ��รือยัง?

ความรักแบบนี้มันเหมือนกับการตั้งคำถามกับคนที่รักเราว่า
“ระหว่างชีวิตฉัน กับชีวิตเธอ เธอจะเลือกอะไร”
นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ ยังไม่นับความสองมาตรฐานที่ค่ายไม่ได้ตั้งใจจูบชิงชิง แต่เติร์ดกลับขุดมาเป็นประเด็นความผิดในอดีตของค่ายรัวๆ มันใช่หรือวะ? แล้วที่เติร์ดจงใจจูบโบน จนทำให้เพื่อนต้องต่อยกันเองล่ะ? ปล่อยผ่านแบบนี้ก็ได้เหรอ?

คนแบบเติร์ดอะ คิดถึงแต่ตัวเอง รักแต่ความรู้สึกตัวเอง ไม่แคร์ความสัมพันธ์ของเพื่อนเลยสักนิด ระบบความคิดพัฒนาแบบ 0.5 ต่อ 100 หน้ากระดาษ กว่าจะรู้ตัวว่าไม่เคยเปิดใจฟังไอ้ค่ายเลยก็ราวๆ หน้าที่ 400

ช้ากว่าชาวี 20km/h ก็สมองเธอนี่แหละ หงุดหงิดชิบ...
และที่หงุดหงิดขั้นกว่าคือ เรื่องจบลงโดนที่เติร์ดไม่ต้องแก้อะไรเลยจร้าาาาา ชีวิตดี๊ดี~ กุมขมับแปบ การเรียนรู้อยู่ที่ไหน!!?
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for ˗ˏˋ ꒰ ♡  Alex  V ♡ ꒱ ˎˊ˗.
131 reviews9 followers
September 15, 2021
Cuando empecé a leer tenía más esperanza en que la toxicidad de Khai bajara, ví la serie antes y al inicio de esa Khai es más idiota, cosa que en el libro hasta podía entender porque Third se enamoró de él pero el problema es cuando narra Khai y me doy cuenta que realmente sí es una basura.

Khai es un maldito, no tiene consciencia de sus acciones, no sabe controlarse y llega a un punto donde hay abuso, por muchos argumentos que los demás digan pero Khai cometió varios abusos hacia Third, con solo decir que él tenía planeado emborrachar a Third para tener relaciones.

No lo recomiendo a menos que solo quieras entretenimiento y realmente seas una persona que de verdad sepa diferenciar ficción y realidad para que nada de esto le afecte en sus relaciones.
Incluso recomendaría mejor la serie, siento que esta mejor llevada y de alguna manera es más "friendly".
Profile Image for Gilliam Li.
227 reviews1 follower
September 24, 2020
This book has been a roller coaster of emotions, one moment you laugh and the next you are suffering, in some chapters you love some characters and in others you hate them, and so on. It caused me conflict many times even though I already knew how the story ended, because I have already seen the drama; but I quite enjoyed it anyway. JittiRain built amazing characters, albeit a bit bipolar, but I think that's what makes them human, sometimes we don't even understand our own feelings. I think the only thing that keeps me from giving him 5 stars is that sometimes I wanted to hit Third to get him to react.
Profile Image for Ana Bar.
174 reviews4 followers
July 25, 2021
Me he enamorado.

Amo que fue contado desde la dos perspectivas de Third y Khai.

Amo porque conoces mucho más la historia.

Creo que fue muy afortunado como colocaron la historia, el sufrimiento de Third, el enamoramiento de Khai, la aceptación.

En la serie, creo que se vio más cruel, la cuestión de la conquista de Khai.

Y cuando Third cierra su corazón, envidiable su entereza.

Sin duda es hermosa la historia, llena de altibajos.

PD 1: La pandilla fue divertida y muy leal.

PD 2: La historia de P'An y Too, fue linda.
Profile Image for Mari.
78 reviews2 followers
November 3, 2019
ปกติชอบงานเขียนของจิตติมากนะ แต่เรื่องนี้รู้สึกไม่อินพระเอกเลยไม่รู้ว่าทำไม มีความรู้สึกส่วนตัวว่าพระเอกแค่เป็นคนหวงของอะ ไม่ได้รักนายเอกจริงๆ มีหลายๆตอนที่ทำให้เรา อ่านแล้ว เอ้ะในใจว่าทำไมเป็นแบบนี้ อธิบายความรู้สึกยังไม่ค่อยถูกเลย แต่เรื่องดีมากนะ รู้สึกอินไปกับเติร์ดเลย อ้อ อาจจะเป็นเพราะตอนเปลี่ยนเป็นพระเอกบรรยายด้วยละมั้ง ความรู้สึกมันแปลกๆ เหมือน เอ้ะ แล้วก็ผ่านไป เอ้ะแล้วก็อ่านต่อ (//อาจจะอ่านซ้ำอีกรอบเพื่อเก็บอารมณ์)
Profile Image for asigoddamnit.
15 reviews
July 25, 2022
"Because you're not a movie, you're the reality."

A wonderful antithesis of romance movies. Very painful, but also very real and worth the read.

There are certain things that put me off (mostly the slut-shaming and victim-blaming of men and some dubious consent) and I know some of them come with the genre, but because of them I couldn't really give the book 5 stars.

P.S. Khai is my son and I love him.
Profile Image for Nes Lin.
200 reviews
May 29, 2024
Very similar to the tv series and I have to admit, I enjoyed the tv series more. The book felt very dragged and Khai's flirting was so cheesy and unoriginal. But I did like Third's cold cautious characterisation. I love that he held out for so long and didn't go dick crazy.
What I don't understand is why Jittirain always lets the bottom get sick with a fever after the first time they sleep together, does she think that's how it works? Very bizarre.
1 review
January 2, 2022
Downloaded for extra scenes

I wanted to read this for the extra scenes, but I was appalled by the 18+ scene. Which should have been a nice moment was just literally painful and selfish. I’ve read better fanfiction. There is no reason that a person can’t control themself nor that their first time should be painful.
Profile Image for Daizelitha.
10 reviews
July 4, 2019
Una historia muy bonita, que logró que me identificara con los personajes. Algo interesante que me paso al leer estos tomos fue que de odiar a un personaje pase a amarlo y a odiar al otro jajaja. Pero enserio es un buen libro, que entretiene y es muy recomendable!!!
Profile Image for Thamires Moura.
9 reviews1 follower
April 16, 2020
Ok, essa novel é realmente fantástica, eu sofri junto com todos os personagens, a história tem um desenvolvimento abalante, porém são sensações maravilhosas, pois você se imagina naquele universo, fora que abordam assuntos e temas fantásticos.
Profile Image for Bel Ibañez.
37 reviews
January 20, 2022
Es bastante llevadera mantiene casi al mínimo lo tóxico pero ahí está
hay momentos en que quisiera golpear a los protagonistas
Con respecto a su serie es bastante fiel y los cambios que hubieron fueron para mejor .
Displaying 1 - 30 of 66 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.