Jump to ratings and reviews
Rate this book

กษัตริย์ศึกษา #4

จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง: ศิลปะและศิลปินแห่งรัชสมัยรัชกาลที่ 9

Rate this book
สารบัญ

ภาค 1
บทที่ 1 แผ่นดินไทยใต้ร่มพระบารมี : อนุสาวรีย์อันเนื่องมาแต่การต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือตอนบนกับปฏิบัติการสร้างความทรงจำของรัฐไทย
บทที่ 2 จิตรกรรมเฉลิมพระเกียรติ : กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้
บทที่ 3 9 Land Art : นิเวศน์ศิลป์บนแผ่นดินของกษัตริย์ภูมิพล

ภาค 2
บทที่ 4 เกินแกง
บทที่ 5 Rupture รอยแตกข้างหลังภาพ
บทที่ 6 I’ll never smile again : แผ่นดินที่มีระนาบสายตาเดียวกันบางคนอยู่สูงกว่าความจริงเสมอ
บทที่ 7 ในกรงขังความเงียบ
บทที่ 8 อมพระมาพูดก็ต้องเชื่อ

ภาค 3
บทที่ 9 ปริเทวนาการ : นาฏกรรมของภาพในภาวะเปลี่ยนผ่านรัชสมัย

240 pages, Paperback

Published March 1, 2020

6 people are currently reading
74 people want to read

About the author

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
23 (56%)
4 stars
9 (21%)
3 stars
9 (21%)
2 stars
0 (0%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 - 11 of 11 reviews
Profile Image for สฤณี อาชวานันทกุล.
Author 82 books1,121 followers
December 28, 2020
หนังสือเล่มที่สี่ในซีรีส์ “กษัตริย์ศึกษา” จากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ควรค่าแก่การอ่านเช่นเดียวกับเล่มอื่นในซีรีส์ แต่เล่มนี้อ่านด้วยความเพลิดเพลินเป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปะ ในแง่ที่มันถูกใช้เพื่อสนับสนุนอุดมการณ์ราชาชาตินิยมซึ่งครอบงำสังคมไทยมาหลายทศวรรษ

ผู้เขียนนำเสนอลักษณะของความขัดแย้งในแวดวงศิลปะหลังรัฐประหาร 2549 และชี้ให้เห็นว่า ศิลปะแนว “เทิดพระเกียรติ” ในสังคมไทยนั้นนอกจากจะกลายเป็นขนบกระแสหลักของการทำงานศิลปะแล้ว ยังถูกผลิตออกมาอย่างฟูมฟายล้นเกิน กลายเป็นว่าสามารถการันตีรางวัล คำสรรเสริญเยินยอต่างๆ เพียงเพราะศิลปินทำงานในขนบนี้ ผู้เขียนชี้ชวนให้มองเห็นผลกระทบและผลพวง รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของศิลปินที่เข้าข้างอำนาจรัฐอย่างถึงพริกถึงขิง

บทความชิ้นหนึ่งที่ชอบมากในเล่มนี้คือการที่ผู้เขียนวิจารณ์บรรดาศิลปินที่ออกมาสนับสนุนรัฐภายหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แทนที่จะเห็นอกเห็นใจประชาชนผู้สูญเสียและเรียกร้องความรับผิด กลับร่วมมือกับรัฐผลิตซ้ำวาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง กระพือดราม่าเรื่องความเสียสละของทหารหาญ เรามารักกัน-สมานฉันท์กันเถิดนะ (โดยไม่ต้องคิดหรอกเรื่องความยุติธรรม) ผ่านงานศิลปะของตัวเอง

โดยรวม ผู้เขียนไม่ได้เสนอว่าการทำงานศิลปะเทิดพระเกียรติเป็นเรื่องที่ “ผิด” ในตัวมันเอง เพราะศิลปินเองอาจอยากทำงานแนวนี้เอง อาจถูกอุดมการณ์ราชาชาตินิยมฝังหัวมาตั้งแต่เล็กเลยแสดงออกได้แต่แนวนี้ หรือไม่ก็ “อยู่เป็น” เพราะรู้ว่าถ้าทำงานแนวนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะได้เงิน ผู้อุปการะ และคำชมเชยมากกว่างานแนวอื่นๆ

ทว่าในทางตรงกันข้าม ศิลปินที่ไม่สมาทานแนวนี้ อยากทำงานที่ตั้งคำถามหรือท้าทายรัฐ รวมถึงท้าทายอุดมการณ์ชาตินิยม กลับทำได้อย่างยากลำบากและไม่สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา ข้อเขียนของผู้เขียนชวนให้คิดว่า อุดมการณ์ราชาชาตินิยมอาจส่งผลให้ศิลปินเซ็นเซอร์ตัวเองหรือไม่ และศิลปะแนวอื่นๆ ที่เราไม่เห็นนั้น เป็นเพราะศิลปินเองกลัว อยาก “อยู่เป็น” หรือไม่เคยตระหนักในอุดมการณ์ที่ครอบงำวิธีคิดของตัวเองในระดับจิตใต้สำนึกกันแน่

ซึ่งไม่ว่าศิลปินคนไหนจะเป็นแบบไหนก็ตาม ผลลัพธ์ก็คือศิลปะสมัยใหม่ในไทยปัจจุบันขาดความหลากหลาย ไม่ท้าทายและแหลมคมอย่างที่ควรเป็น มิหนำซ้ำขนบกระแสหลักยังช่วยผลิตซ้ำอุดมการณ์ราชาชาตินิยม และหนุนเสริมวัฒนธรรมลอยนวลไร้ความรับผิดให้ดำเนินต่อไป
Profile Image for Tok.
222 reviews85 followers
July 17, 2021
3.5 - นึกว่าจะเป็นการเอาผลงานวิชาการเอามาตีพิมพ์รวมเล่ม แต่จริงๆ เป็นการรวมเล่มบทความที่เคยเขียนเกี่ยวกับศิลปะไว้ในที่ต่างๆ มากกว่า เลยทำให้เล่มนี้อ่านง่ายกว่างานวิชาการทั่วไป น่าสนใจในการยกงานแสดงศิลปะต่างๆ มาพูดถึงวงการศิลปะเป็นช่วงๆ ค่อนข้างมีความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเข้าไปเยอะ ซึ่งบวกกับสำนวนของผู้เขียน ก็ทำให้หนังสือเล่มนี้ฟาดๆๆ คนแถวๆ นี้ได้หลายคน แอบเสียดายที่สั้นไป(ไม่)หน่อย
Profile Image for Thanawat.
439 reviews
November 10, 2020
มันส์มาก โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังที่ผู้เขียนออกมาฟาดเหล่าศิลปินไร้กระดูกสันหลัง

หนังสือจวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่องเล่มนี้ เป็นร่วมเล่มในซีรีย์กษัตริย์ศึกษา ที่เพิ่มมุมมองให้ผู้สนใจได้เห็นองค์ประกอบสำคัญอีกหนึ่งอย่าง ที่เป็น soft power มาสนับสนุนอุดมการณ์ราชาชาตินิยม และ soft power นั้นก็คืองานศิลปะ มันน่าสนใจมากที่ทั้งสถาปัตยกรรม งานศิลปะต่างๆ ในยุคร่วมสมัยของเรา มี agenda ทั้งที่เปิดเผยและทั้งที่ซ่อนเร้นเป็นเรื่องกษัตริย์นิยม
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผู้เขียนเสนอและชี้ให้เห็นว่าศิลปะเฉลิมพระเกียรติ มีความเป็นกระแสหลัก และมีความ “ถูกเสมอ” ในตัวมันเอง
ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ศิลปะหัวข้ออะไร ถ้าศิลปินเลือกที่จะเกาะ หรือนำเสนอผ่าน theme ศิลปะเฉลิมพระเกียรติ ก็แทบจะการันตีรางวัล หรือไม่เช่นนั้น เหล่ากรรมการผู้ตัดสินก็แทบจะหารางวัลพิเศษใดๆ มารองรับให้ทันที
(ใครที่เคยทำงานส่งครูสมัยเป็นนักเรียนก็น่าจะเข้าใจดี)

ชอบมากที่ผู้เขียนวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่ออ่านแล้วเข้าใจได้เลยว่า concept ดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ยากจริงๆ ว่าศิลปะเฉลิมพระเกียรตินั้นเกิดขึ้นจากอะไร ไม่ว่าจะเป็น
1. ศิลปินตีโจทย์ศิลปะออก แต่หนทางที่จะนำเสนอไอเดียของตนได้ ก็มีเพียงคำตอบแค่หนทางเดียวเท่านั้น คือตอบผ่านศิลปะแนวเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเกิดขึ้นด้วยเจตจำนงอิสระ ไอเดีย ความสร้างสรรค์ของตัวศิลปินเอง
หรือ
2. อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ถูกฝังไปในจิตสำนึก จนทำให้ศิลปินบันดาลศิลปะออกมาได้แค่แนวเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น ไม่ว่าจะคิดอะไร จินตนาการอะไร ก็อยู่ได้ภายใต้กรอบของอุดมการณ์นี้ เพราะมันฝังรากลึกไปซะเรียบร้อยแล้ว
หรือ
3. อันนี้เลวร้ายที่สุด คือศิลปิน “เกาะ” กระแสศิลปะเฉลิมพระเกียรติ เพราะรู้ว่ามันเป็นงานที่การันตีรางวัล รู้ว่ามันปลอดภัย เรียกง่ายๆ ว่า ”อยู่เป็น”
ซึ่งคำตอบมันแทบไม่มีทางจะพิสูจน์ได้

ส่วนที่ชอบอีกส่วน คือการที่ผู้เขียนแสดงจุดยืนต่อการสลายการชุมนุมเสื้อแดง “เมษา-พฤษภา เลือด” แล้วออกมาฟาดเหล่าศิลปิน ที่พยายามจะผลักสาระสำคัญออกไปจากเรื่องความรุนแรงของรัฐต่อประชาชน แต่กลับไปส่งเสริม “วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล” สร้าง story สร้างดราม่าความสูญเสียของรัฐ ความแตกแยกของสังคม ความเห็นใจต่อเหล่าทหาร ผ่านงานศิลปะของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีเหตุผลไม่พ้นว่างานที่แสดงออกมาแนวนี้ “มันขายลูกค้าของเค้าได้” หรือไม่ก็มันสอดคล้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองของศิลปินเอง ที่อำพรางผ่านการ “แอ๊บกลาง” ทางศิลปะ

นอกจากนี้ ยังมีการเล่าเรื่องอนุสาวรีย์และงานศิลปะต่างๆ ที่ตอบโจทย์อุดมการณ์ราชาชาตินิยม รวมไปถึงการวิเคราะห์ “รูปที่มีทุกบ้าน” ที่เป็นกระแส mass ในช่วงหนึ่งของสังคม ซึ่งเนื้อหาที่ผู้เขียนนำเสนอเป็นอีกมุมมอง ที่ใช้ในการมองให้เห็นอุดมการณ์บางอย่างที่แฝงเอาไว้ในสิ่งใกล้ตัวอย่างยิ่ง อย่างงานศิลปะ

หนังสืออ่านได้ไม่ยาก แม้ว่าจะมึนนิดๆ ตอนที่ผู้เขียนกล่าวถึงทฤษฎีทางศิลปะ แต่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่นอน
และสำหรับคนนอกสายศิลปะ ไม่ต้องกังวลเลยว่าความยากทางทฤษฎีนั้น จะมาบดบังสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะนำเสนอ เพราะมันชัดเจนตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย

PS
ใครรู้จักผู้เขียน ผมขอฝากไปบอกหน่อยว่า “ฟาดมากแม่”
Profile Image for Peach P 📆📚.
105 reviews40 followers
May 7, 2021
ความเห็นส่วนตัว เราชอบเล่มนี้ที่สุดในชุดกษัตริย์ศึกษา หนังสือเล่มนี้เจาะจงไปที่บทบาทของศิลปะในการก่อร่างสิ่���ศักดิ์สิทธิ์ (the sacred) ที่ทรงพลัง กระบวนการ และนิเวศน์ทั้งหมดของมัน งานศิลปะเฉลิมพระเกียรติ ความแยบยลของอำนาจ สายตา ออร่า สุนทรียศาสตร์ และชี้ให้เห็นเลยว่าศิลปะมันคือการเมืองอย่างไร ตบหน้าเหล่าอาร์ตติสในนิเวศน์วงการศิลปะที่ยังผลิตภาพรับใช้ซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด สร้างอำนาจให้มัน จนสัญญะนี้มันยิ่งใหญ่กลายเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์เกินจะกล่าว เพราะมันให้รางวัลกับคนที่รับใช้มัน และกลายเป็นสิ่งที่ตีกรอบวงการศิลปะไทย

พิมพ์มาถึงตรงนี้ก็นึกว่าคงน่าสนใจดีถ้ามีเสวนาที่บิวด์ออนจากสิ่งนี้ไปพูดถึงศิลปะกับการรับใช้ political agenda ชัดๆ ทั้งในแง่ของงานวาด งานเขียน งานดนตรี ให้สาธารณชนเข้าถึงได้ง่ายๆ นึกภาพเป็นห้องใน clubhouse ก็น่าสนุกดี เพราะจำไดเว่าตอนเด็กๆอ่านงานทมยันตี ก็งงว่าทำไมเจ้าต้องเรืองแสงมลังเมลืองมองดูตรงๆไม่ได้ในงานของนางเฉยๆ กลับมาดูตอนนี้ก็ทึ่งใจในการภาษาที่สวยกินขาดในการเผยแพร่อุดมการณ์ของฝ่ายขวาไทย เป็นวรรณกรรมที่ถูก curated มาแล้วให้เป็นสิ่งนำและหล่อหลอมจิตใจคนไทย เราจะออกจากการเป็นถูกโน้มนำด้านความรู้และ aesthetics และปลดปล่อยอำนาจของความรู้ที่ถูกครองไว้โดยชนชั้นนำไทยยังไง ก็เป็นเควสชั่นที่น่าสนใจ และหนังสือเล่มนี้ก็ดึง operation ที่ชัดเจนของการที่งานศิลป์และสุนทรียศาสตร์รับใช้ political agenda ในช่วงยุคหนึ่งของไทย (สงครามเย็น) ออกมา บวกกับมองถึงการสร้าง the sacred image ขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจและน่านำไปพิจารณาต่อ

อาจารย์เขียนดีมากๆ ไม่ได้มีความรุ้อะไรในสายศิลป์ แต่คงต้องไปหางานเขียนของอาจารย์มาอ่านเพิ่มอีก

เขียนดีมาก
Profile Image for Wasin Waeosri.
203 reviews
September 4, 2022
เป็นเล่มที่อ่านจบไวที่สุดและชอบน้อยที่สุดใน series กษัตริย์ศึกษา ชอบในความตรงไปตรงมาและวิจารณ์ศิลปะที่ยอมอยู่ใต้การครอบงำอย่างเจ็บแสบ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความเดือดดาลของคนเขียน แต่ที่ชอบน้อยสุดเพราะว่าเป็นเล่มที่มีข้อมูลทฤษฏีต่างๆ เยอะมากๆ มากๆๆๆ จนบดบังพื้นที่การวิเคราะห์งานศิลปะหรือ event ที่เป็นเนื้อหาหลักไปหมดเลย

เป็น 3-3.5 ดาวที่แนะนำอยู่ดี
Profile Image for Gift  C.
18 reviews5 followers
August 14, 2020
“พื้นที่ทางศิลปะทุกประเภท ที่เปิดออกสุ่สาธารณะ ก็เป็นเวทีประเภทหนึ่ง ของการช่วงชิงพื้นที่แห่งการนำเสนอ”

เป็นหนังสือรวมบทความของอ.ธนาวิ ที่วิเคราะห์ถึงศิลปะไทยสมัยใหม่(ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2518-2560) ที่ยึดโยงและสะท้อนค่านิยมชองสังคมไทย

ต่อไปนี้เป็น quote บางส่วนของหนังสือที่ผู้อ่าน(ในฐานะคนที่สนใจงานศิลป์)คิดว่าผู้เขียนได้อธิบายสภาพสังคมไทยออกมาได้ตรงเผง จากมุมมองผ่านงานศิลป์ในไทย

————————

การขาดหายไปของศิลปะบางประเภทเป็นเพราะมันสำคัญจนต้องทำให้ถูกหายไป หรือไม่คิดจะถูกผลิตขึ้นมาแต่แรก ความกลัว จากการอยู่ภายใต้อุดมการณ์กษัตริย์นิยม นำศิลปินไปสู่การเซ็นเซอร์ตัวเองและปิดปากคนอื่น

ศิลปินไทยผลิตศิลปะประเภทสมานฉันท์ & เทิดพระเกียรติจำนวนมากมาย ซึ่งสวนทางกับปริมาณศิลปะที่นำเสนอความขัดแย้งทางการเมือง(โดยเฉพาะการเมืองที่นอกเหนือไปจากการด่านักการเมือง) และในจำนวนศิลปะที่นำเสนอเรื่องการเมืองนั้น... มักจะละเลยความสำคัญของประชาชนคนธรรมดา

วงการศิลปะมักตอบสนองต่อวิกฤตการเมืองที่มีการนองเลือดใน 2 แบบคือ
1. ผลงานแนวสนามฉันทท์-ปรองดอง-เรารักกัน, “ลืมเรื่องที่ผ่านมากันเถอะ” ก้าวข้ามมายาคติการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
2. ผลงานที่อาศัยแนวคิดทางพุทธศาสนาในการเทศนาสั่งสอน ไม่ว่าจะเป็นบุญญาบารมี คนดีมีศีลธรรม บ้านเมืองต้องปรองดองด้วยคนดี

- แต่คนตายอยู่ที่ไหน งานศิลปะทำราวกับคนตายไม่นับรวมกับความสูญเสีย
Profile Image for ReaddictTH review.
88 reviews11 followers
July 12, 2021
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง หนังสือแนววิชาการด้านศิลปะเล่มล่าสุดในชุดกษัตริย์ศึกษาของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ต้องยอมรับว่าในบรรดาหนังสือทั้งสี่เล่มของชุดนี่ จวบจันทร์ฯเป็นเล่มที่ผมสนใจน้อยที่สุดก็ว่าได้
.
อาจจะเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับศิลปะซึ่งให้ความรู้สึกเข้าถึงยากสำหรับผม และเชื่อว่าคนไทยหลายคนรู้สึกว่างานศิลปะกับคนไทยมีเส้นกั้นบางอย่างอยู่ เพราะเราติดอยู่ในวังวนของความวุ่นวายมานานแสนนานจนด้านศิลปะเราไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้
.
แต่หลังจากได้อ่านความคิดของผมก็เปลี่ยนไป เผลอๆแล้วจวบจันทร์อาจจะสามารถเข้าถึงผู้อ่านได้มากหนังสือวิชาการเล่มอื่นในชุดนี้ เนื่องจากคำอธิบายต่างๆถ่ายทอดผ่านอารมณ์ความรู้สึกความนึกคิดที่สามารถสัมผัสได้ แตกต่างจากเล่มอื่นที่เน้นการใช้หลักฐานทางประวัติศาตร์มาอธิบายจนผู้อ่านที่ไม่ชอบงานวิชาการอาจจะเบื่อได้
.
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง เป็นหนังสือรวบรวมบทความวิชาการของศิลปะสมัยรัชกาลที่ 9 เรียงตามลำดับช่วงเวลาตั้งแต่สมัยสงครามเย็นจนไปถึงพิธีถวายพระเพลิง เราจะได้เห็นพัฒนาการของศิลปะที่เน้นการยกย่องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์เติบโตเคียงคู่ไปกับพระราชอำนาจและการเมืองไทยและมีบทบาทสำคัญในการกล่อมเกลาคนไทยให้จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแยกไม่ออก
.
ไม่เพียงเท่านั้นหนังสือเล่มนี้ยังตั้งคำถามต่อจุดยืนของศิลปินที่เพิกเฉยหรือมีอคติต่อความรุนแรงทางการเมือง แถมยังนำศิลปะไปใช้เพื่อปกปิดความรุนแรง บ้างก็นำเสนอผลงานศิลปะแบบฉาบฉวยแต่ขาดความเข้าใจลึกซึ้งถึงปัญหาที่แท้จริง ซึ่งหนังสือได้เสียดสีศิลปินที่มักทำตัวสูงส่งได้อย่างเจ็บแสบสะใจ
.
นอกจากนี้หนังสือยังอธิบายถึงผลของกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ใช้กดขี่ผู้คนรวบถึงงานศิลปะทำให้ศิลปินไม่สามารถนำเสนอผลงานได้อย่างอิสระ แต่กลับทำให้ศิลปินต้องแสวงหาหนทางนำเสนอที่แยบคายน่าสนใจมีความลุ่มลึกยิ่งกว่างานศิลปะที่เน้นเทิดทูนเสียอีก
.
หนังสือจวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่องเป็นหนังสือที่เปิดเผยธาตุแท้ของศิลปะไทยด้านต่างๆทั้งศิลปกรรม ประติมากรรม การถ่ายภาพ ที่รับใช้, ผลิตซ้ำ, ไร้การสร้างสรรค์และจอมปลอมเพื่อมุ่งรับใช้สามสถาบันหลักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมและแน่นอนว่ามันแยกไม่ออกและไม่เคยอยู่เหนือการเมืองอย่างที่ศิลปินสมอ้าง
.
จุดด้อยของหนังสือเล่มนี้อาจจะทำให้คนที่ไม่ชอบบทความวิชาการรู้สึกอ่านยากอยู่สักหน่อย และราคาที่อาจจะสูงพอสมควรแต่สำหรับผมแล้วหนังสือเล่มนี้ควรค่าอย่างยิ่งหากมีโอกาสผมแนะนำให้หามาอ่าน และนับเป็นเล่มที่ 3 ของปีต่อจากขุนศึก ศักดินาและพญาอินทรีและโคะโคะโระที่ผมให้คะแนน ห้าดาวเต็ม
Profile Image for Pae Ponsiri.
112 reviews23 followers
August 1, 2023
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง เป็นหนังสือรวบทความการเมืองเรื่องวงการศิลปะไทยร่วมสมัย ช่วงรัชกาลที่ 9 โดย ธนาวิ โชติประดิษฐ อาจารย์​จากภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร
.
เนื้อหาในเล่มแบ่งออกเป็น 3 ภาค แต่ละภาคไม่ได้มีชื่อกำกับ แต่ผมขออนุมานว่ามันเรียงตามไทมไลน์ (แม้มันจะเหลื่อมกันอยู่หน่อย ๆ ) คือ ภาค 1.ช่วงสงครามเย็น ภาค 2.ช่วงสงครามระหว่างเสื้อสี กับ ภาค 3.ช่วงการสวรรคต รัชกาลที่ 9
.
(แต่ผมยังรู้สึกว่าเราจะอ่านมันในธีมนี้ได้ไหมว่า ภาค 1.เป็นศิลปะกับการสร้างความรับรู้ช่วงต้นรัชสมัย ภาค 2.เป็นศิลปะกับการทำลายความรับรู้ช่วงปลายรัชสมัย และภาค 3.คือความพยามสร้างความรับรู้จากสิ่งที่กำลังถูกทำลายในวันสุดท้ายของรัชสมัย)
.
อ่านเล่มนี้แล้วให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี ปกติผมคุ้นชินแต่กับงานการเมืองเพียว ๆ ไม่ก็แนว ประวัติศาสตร์การเมือง แต่เล่มนี้มันพูดถึงเรื่องการเมืองของวงการศิลปะไทยร่วมสมัย เล่มนี้ถูกเขียนด้วยภาษาที่อ่านง่าย รูปภาพและเนื้อหาช่วงต้นก็ตื่นตา และช่วงท้ายสะเทือนใจ คุณภาพรูปภาพในเล่มก็พิมพ์ออกมาได้ดี เนื้อหาน่าจะช่วยทำให้เข้าใจคนผลิตในวงการศิลปะ​มากขึ้น ช่วยให้เข้าใจชาวบ้านเวลาที่เขาเสพดูศิลปะด้วย
.
... ภาพหน้าปกที่ดูหลอน ๆ นั่น ทำให้ผมผมสงสัยอยู่ว่ามันคือรูปอะไร... พอได้อ่านที่มาของภาพนี้แล้วก็ชวนทำให้ผมรู้สึกหลอน ๆ ขึ้นกว่าเดิมอีก
Profile Image for belliophile.
27 reviews1 follower
May 22, 2024
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความที่ผู้เขียน (ที่เป็นนักปวศ.ศิลป์) เขียนขึ้นตั้งเเต่ปี 2553 ในภาคเเรก (หนังสือมีทั้งหมด 3 ภาค) ปูให้เห็นถึงจุดกำเนิดของคสพ.ระหว่างศิลปะกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ภาคที่สองทำให้เห็นถึงศิลปะกับการเมือง โดยเฉพาะ นิทรรศการศิลปะที่เกิดขึ้นเเละพูดถึงเหตุการณ์ พฤษภา 53 ทิศทางการจัดเเสดงของศิลปินว่าเป็นไปในทิศทางใด ความคำนึงนึกคิดของศิลปินที่มีต่อเหตุการณ์การชุมนุม ในภาคสุดท้าย เน้นพูดถึงเหตุการณ์การสวรรณคตของรัชกาลที่ 9 ในเชิงของพระเมรุมาศ หรือ เเม้กระทั้งข้อความอย่าง ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9

การจัดเรียงบทความนั้นสำหรับเรามันน่าทึ่งมากๆ เปิดมาด้วยบทความ อนุสาวรีย์ในยุคสงครามเย็น การความทรงจำของรัฐไทย ซึ่งในยุคสงครามเย็นเป็นช่วงที่เกิดการฟื้นฟูสถาบันอีกครั้ง เเละปิดจบด้วยบทความเกี่ยวกับพระเมรุมาศซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for vaela gulhasopha.
1 review
May 12, 2020
เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย ที่คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับรูปแบบงานศิลปะในการประกวดระดับประเทศได้มาก ทั้งยังแสดงถึงสิ่งที่คอบงำ กดทับ รวมถึงจุดบ่มความกล้าหาญในการสร้างสรรค์ของบรรดาที่ประกาศตนว่าเป็นศิลปินไทยตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมา
Profile Image for รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์.
Author 10 books108 followers
July 9, 2021
ก็โอเคนะ สนุกพอใช้ได้ แต่ยังไม่ค่อยเห็นภาพรวมเหมือนกับเล่มอื่นๆ ในซีรีย์นี้สักเท่าไหร่ เหมือนหยิบๆ มาด่าเป็นเรื่องๆ มากกว่า
Displaying 1 - 11 of 11 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.