Mirai590 reviews127 followersFollowFollowApril 21, 2023เมื่อสองพ่อลูกที่ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่มีเหตุให้ทั้งคู่ต้องพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียว จึงก่อให้เกิดเรื่องราวและความทรงจำดีๆ มากมายเป็นหนังสือที่ดีกว่าที่คิดมากๆ เล่มนี้เป็นเล่มที่น้องชายเราเลือก(สุ่ม)ให้เราอ่านเองค่ะ ตอนเลือกให้อ่านก็ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเรานะ ตอนเปิดอ่านก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะพล็อตฟังดูธรรมดาๆ แต่กลายเป็นว่า เล่มนี้มีอะไรที่ดีกว่านั้นมากเป็นเรื่องราวของ 'คางาโนะ มาซาคิจิ' ลุงนักเขียนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบสุดแสนจะสันโดษ... ไม่ดิ ต้องพูดว่า ลุงคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวแบบไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับใคร เก็บตัวเขียนงานอยู่แต่ในบ้าน นานๆ ครั้งถึงออกมานอกบ้านเพื่อซื้อของหรือติดต่อทีมบก. นอกจากคนขายของและคนร่วมงาน ลุงก็ไม่คุยกับใครเลยจ้าาาา เพื่อนข้างบ้านเอย คนละแวกบ้านเอย รวมไปถึงพ่อแม่ตัวเองที่พักอยู่อีกแห่งก็ไม่ติดต่อไปจ้าาาา 😂แน่นอน รวมไปถึง 'นางาฮาระ โทโมะ' ผู้เป็นลูกชายด้วย ลุงก็ไม่ได้ติดต่อไป ทำเพียงแต่นั่งดูรูปลูกชายสมัยเด็กๆ ในอัลบั้ม และก็เก็บอัลบั้มเข้าที่เหมือนเดิม แล้วหันไปเขียนงาน ชีวิตวนลูปอยู่แต่แบบนั้นจนวันนึง เจ้าลูกชายที่ว่าเติบใหญ่ขึ้นมา มีงานมีการทำ และมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าลุง เพื่อขอพักอาศัยร่วมบ้านเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลเรื่องงาน ลุงก็ยอมนะ เพราะเห็นว่าเป็นลูกชาย แม้จะเป็นเด็กที่มีสายเลือดลุงอยู่ แต่ก็เกิดจากความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ลุงไม่เคยคิดจะรักเท่านั้น เราชอบอะ ชอบดูพัฒนาการความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกที่ดูยังไงๆ ก็ไม่ปกติสักนิด ฝืนสุดๆ โดยเฉพาะคนพ่อ 55555 ส่วนเจ้าลูกชายก็สุดดีด พยายามเข้าหาลุงแบบวัยรุ่นดีดๆ อ่านแล้วเพลินๆ ดีค่ะ ชอบจังหวะโบ๊ะบ๊ะ ชอบบทสนทนาของสองพ่อลูก ชอบการที่ลูกชายพยายามให้พ่อรู้จักเปิดโลกมองโลกในมุทกว้างและให้หัดเข้าสังคมแถวบ้านบ้างไรบ้าง เหมือนโผล่มาเพื่อเติมสีสันให้ชีวิตพ่อที่จืดชืด เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ 🥺bibli-publishing family favorites ...more
Pawarut Jongsirirag699 reviews138 followersFollowFollowJuly 31, 2022พล็อตเรื่องแนว คนที่ไม่คาดคิดเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปนี่ต้องยอกให้ญี่ปุ่นเขาจริง ๆตัวเอก มาซาคิจิ เป็นนักเขียนชื่อดัง และ โทโมะ ลูกชายที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของมาซาคิจิกับหญิงสาว เมื่อ 26 ปีก่อน ตลอดระบะเวลาที่ผ่านมา มาซาคิจิ ไม่เคยเลี้ยงดู หรือไปหา โทโมะเลยเพียงแต่ส่งค่าเลี้ยงดูให้กับแม่ของโทโมะตลอด 20 ปีไม่ขาด โดยมาซาคิจิจะได้รับรูปของโทโมะทุกเดือนและจดหมายระบุว่าได้รับเงินแล้ว แต่ผ่านไป 26 ปี วันหนึ่ง โทโมะมาลูกชายมาขอมาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว แล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นเดินหน้านับแต่นั้นอ่านเรื่องย่อแล้ว ผมคิดว่าบางคนน่าจะพอเดาเนื้อเรื่องต่อไปได้ ว่าจะเป็นยังไง (ซึ่งจริงๆก็เป็นไปตามนั้นแหละครับ) ทุกหน้ากระดาษที่พลิกผ่านไปคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองขอวงมาซาคิจิ จากนักเขียนหัวใจตายด้าน ค่อยๆเห็นอะไรในชีวิตและรับรู้ว่าชีวิตเขาขาดหายอะไรไปกว่า 20 ปี อ่านแล้วก็อมยิ้มไปกับพัฒนาของตัวลุงแกนะครับ เพราะแกเด๋อด๋าแทบไม่รู้อะไรเลยในสังคมในความพลังบวกของเรื่องผมก็พบว่าเรื่องมันดูดีเกินไปหน่อย ยัดเยียดอะไรมากไปนิดและดูจะเป็นนิยายยยยยมากจนแทบจะโยนทิ้งความเป็นจริงไปเลย ลองคิดเล่นๆว่าถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง มาซาคิจิได้โดนโทโมะต่อยตั้งแต่ตอนเจอหน้าแล้ว ซึ่งในจุดนี้อ.ไมโกะเองก็รู้ดี แกเลยแซวนิยายตัวเองในเนื้อเรื่องไปด้วยเลย ซึ่งตลกร้ายมากแต่ดันทำให้ช่องโหว่นี้ดูเป็นจุดขายไปในตัวแทน (อันนี้ต้องขอตบมือชม)ตัวนิยายพยายามบอกเราว่าคนเรามันเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ขอเพียงเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ถูกต้อง เหมือนกับมาซาคิจิที่ได้เจอโทโมะในเวลาพอดิบพอดี และโทโมะได้มาเจอมาซาคิจิในช่วงเวลาที่อีโก้ของเขาลดลงไปมากแล้ว และทุกๆคนมีโอกาสแก้ตัวจากความผิดพลาดในชีวิต หากเราคิดจะแก้ไขมัน
Mook Woramon897 reviews200 followersFollowFollowJanuary 5, 2023รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมา เพราะโลกแห่งความจริงแม้จะโหดร้าย แต่ยังมีแง่งามและความหวังซ่อนอยู่เสมอ 💕💕ผู้เขียนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านครอบครัวที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้า เป็นครอบครัวที่แปลกพอดูถ้าเทียบกับบรรทัดฐานทั่วไปพ่อเป็นนักเขียนนิยายมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงแบบ one night stan แม่ตัดสินใจเลี้ยงลูกเอง โดยพ่อจะส่งเงินให้ทุกเดือนแลกกับรูปลูกหนึ่งใบ แล้วจู่ๆลูกชายวัน 25 ปีก็โผล่มาหาพ่อ ชีวิตของชายวัยห้าสิบปีก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากคนที่ไม่มีสังคม ไม่รู้จักใคร ไม่สนใจโลกภายนอก ก็ได้เปิดรับลูกชายและคนอื่นเข้ามาทีละนิดละหน่อย 🤝🤝เพราะการอยู่ร่วมกับคนอื่นคือความเสี่ยง เสี่ยงที่จะเสียใจ เสี่ยงที่จะทำให้ผู้อื่นผิดหวัง การอยู่คนเดียวบางครั้งอาจง่ายกว่าแต่ตอนนี้คุณพ่อได้รู้แล้วว่าการมีคนร่วมยิ้ม ร่วมหัวเราะ ร่วมร้องไห้ มันมีความสุขกว่าที่เคยเป็นมาแม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่าเหลือเกินอาจจะดูโลกสวยไปซักหน่อย แต่นาน ๆ ทีได้อ่านเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังก็ดีเหมือนกัน 🙃🙃ป.ล. เล่มก่อนหน้าของนักเขียนคนนี้ที่เคยอ่าน ‘ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง’ ก็แนวนี้เลยThis entire review has been hidden because of spoilers.
ดินสอ สีไม้1,070 reviews180 followersFollowFollowMay 24, 2024ปกเล่มนี้ดูเหงาๆ เศร้าๆแต่เนื้อเรื่องเบา และบวกมากกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะเนื้อเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีจุดพีค จุดพลิกผันอะไรแต่ก็เขียนสนุกให้เราอ่านได้เรื่อยๆพล็อตเรื่องนี้ดึงดูดเราให้ติดหนึบตั้งแต่หน้าแรกมันเป็นหนังสือที่อ่านง่าย และผู้เขียนเล่าเรื่องได้สนุกดีทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยจะสมจริงแต่เรากลับเชื่อในทุกๆ ตรรกะของผู้เขียนเราชอบบทพูดและความตีเนียนของโทโมะ เจ้าลูกชายแต่ยากจะเชื่อว่าคนแบบนี้จะมีตัวตนอยู่จริงการที่จะมาเจอพ่อที่ส่งแค่ค่าเลี้ยงดูมาให้แต่ไม่เคยอยากมาเจอหน้าเราเลย มันต้องใช้ความกล้าขนาดไหนและเมื่อได้เจอแล้ว จะทำตัวได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้เลยหรือจะยอมรับความไม่สนมนุษย์ของพ่อได้ขนาดนี้เลยหรือจริงๆ ก็มีอะไรอีกหลายอย่าง ที่มันดูแปลกไปหมดแต่กลับชอบแล้วยังชอบองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องด้วยที่มันทำให้เรื่องนี้ไม่ว่างเปล่าทำให้มันอบอุ่น และฟีลกู๊ดไปมากขึ้นอีก(ชอบซีนจะไปขอบคุณเพื่อนบ้านที่ให้ผักมาแต่ดันได้ทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำอาหารกลับมาอีกกระบุงโกยเป็นฉากที่น่า���ักและตลกมากเลย)2024 thai
Eve Wanus34 reviews1 followerFollowFollowJanuary 24, 2023สนุกมากจนแทบวางไม่ลงเลย เนื้อหาดีต่อใจมาก เติมแต่งวันที่ไร้ชีวิตชีวาให้ดีขึ้นแบบเกินคาด เป็นหนังสือสร้างพลังใจในวันที่อ่อนล้าได้มากที่สุดเล่มหนึ่งเลย ขอบคุณค่ะ
Siwabhorn Anothaisintawee542 reviews64 followersFollowFollowAugust 20, 2022นักเขียนนิยายที่วันหนึ่งก็มีลูกชายวัย 25 ที่ไม่เคยพบกันเลย มาเคาะประตูบ้านเพื่อขออาศัยด้วย นาซาคิจิ นักเขียนนิยายแนวหม่นหมองประคองอารมณ์ ผู้ใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านหลังใหญ่มาหลายปี จู่ๆ ก็ต้องมีคนมาร่วมชายคาบ้าน แถมยังปฏิเสธไม่ได้ เพราะคนนั้นคือโทโมะ ลูกชายแท้ๆ ของเขาที่ไม่เคยได้พบหน้าเลยมาตลอด 25 ปี เขาต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับการที่มีคนอยู่ด้วย และค่อยๆ ทำความรู้จัก นิสัยใจคอของลูกชาย นอกจากนี้โทมะก็ค่อยๆ พาเขาออกจากบ้าน ผูกมิตรและทำความรู้จักกับคนในชุมชน และทำอีกหลายๆ สิ่งที่เค้าไม่เคย และไม่คิดว่าจะทำมาก่อน การได้พบ และใช้ชีวิตร่วมกับโทโมะครั้งนี้ ทำให้นาซาคิจิเปลี่ยนไปหลายๆ ทั้งรูปแบบการกิน การดำเนินชีวิต วิธีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบด้าน รวมไปถึงแนวทางการเขียนนิยายของเขา จากแนวมืดหม่นก็เริ่มเปลี่ยนไป เซโอะ ไมโกะ ผู้เขียน ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดี บอกไว้เลยว่าเล่มนี้เป็นนิยายโลกสวย เพราะเต็มไปด้วยผู้คนดีๆ อาหารดีๆ เหมือน 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง' ที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ และทำให้น้ำตาซึมได้ ต้องขอบอกว่าตอนจบของเล่มนี้ดีมากกก เหมือนปลดล็อกอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของตัวเอก อ่านจบแล้วต้องอมยิ้มด้วยความอิ่มเอมในหัวใจ Goodreads ให้ 4.5 แหนะ ส่วนเราให้ 5 เต็ม 5 ไปเลยจ้าาา
วิภว์ บูรพาเดชะ11 reviews22 followersFollowFollowDecember 12, 2022พล็อตฟีลกู๊ดสูตรสำเร็จ แต่เขียนได้ลื่นไหล อ่านเพลิน มีรายละเอียดน่าสนใจ เหนืออื่นใดคือประเด็นเรื่องที่ว่า ‘วรรณกรรม’ ควรเป็นอย่างไร อันนี้ชวนคิดทบทวนกันมากๆ …อยากให้คนที่สนใจเรื่องวรรณกรรมลองอ่านเล่มนี้ครับ
Look A Breathe117 reviews7 followersFollowFollowAugust 1, 2022รีวิวหนังสือเรื่อง นิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถึงตอนจบหนังสือเรื่อง นิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถึงตอนจบ“ความจริงคืออะไรเริ่มได้เขียนถึงนิยายนั้นชีวิตนั้นมีความสำคัญไฉนนั้นคือสิ่งดีที่จริง” หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวฟีลกู๊ดมากๆ เพราะเราได้หนังสือเล่มนี้แล้วมาเริ่มอ่านก็พบว่า สนุก น่าติดตาม และเริ่มคิดว่า ลูกชายคือใครนะเนี่ย ลูกชายมีจริงไหม เพราะเรื่องราวมักทำให้คนอ่านเข้าใจผิดได้โดยง่าย เพราะเมื่อไหร่ที่ชีวิตของคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกคนหนึ่งให้ค่อยดีขึ้นได้ตามลำดับ เฉพาะคนๆนั้น มีความสัมพันธ์กันในฐานะลูกชายและพ่อแล้วด้วย ยิ่งทำให้เราเห็นถึงความสวยงามนั้นได้อย่างไม่น่าแปลกใจ“ครอบครัวคือสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด”ภาพหน้าปกฉบับญี่ปุ่น สวยและน่ารัก เนื่องจากความผิดพลาดในอดีตที่ “ผม” มีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ มิตสึกิ จนเธอท้อง และเธอมาบอกกับผมว่า เธอท้องลูกของผม ผมได้ส่งเงินให้เธอกับลูกเป็นเงินจำนวนเเสนเยนในทุกๆเดือน ส่วนเธอจะส่งรูปภาพลูกเขามาให้ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่เธอตัดสินใจไม่รับเงินของผมแล้ว และอยู่ดีๆวันหนึ่ง โทโมะลูกชายของผมขอมาอยู่ด้วยกันกับผมสักพัก เพราะเขาต้องมาทำงานที่ Lawson ที่ใกล้บ้านผม และลูกชายของผมบอกผมว่า เขาจะกลับบ้านของเขา หลังจาก Lawson อีกสาขาหนึ่งที่ใกล้บ้านตัวเองเปิดก่อน และหลังจากนั้น เมื่อของผมเข้ามาอยู่ ชีวิตเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ เพราะผมยังใช้ชีวิตหมกตัวอยู่ในห้องเขียนนิยายต่อไป แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกเขาเริ่มให้ผมได้เรียนรู้ว่า การอยู่กับคนอื่น คุยกับคนอื่น ได้รับการแบ่งปันจากคนอื่น และแบ่งปันของให้คนอื่นก็เป็นสิ่งสนุกและนี้เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของผมเช่นกัน จนกระทั่งถึงวันที่ลูกของผมจะกลับบ้าน ผมขอให้ลูกอย่าเพิ่งกลับ และอยู่กับผมก่อน จนในไม่ช้า ผมรู้จากปากลูกว่า ที่ลูกมาหาผม เพราะกลัวว่า “ผมจะฆ่าตัวตาย” เนื่องจากงานเขียนของผมให้ตัวเอกฆ่าตัวตายสองเรื่องติดแล้ว ลูกชายกับภรรยาเลยเป็นห่วงและอยากมาช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย และสุดท้าย “ผม” ตัดสินใจไปหาพ่อแม่ผมโดยผมไม่ได้ไปหานานหลายปี พ่อแม่ผมบอกว่า ภรรยาของผมได้มาหาพ่อแม่และช่วยแก้ต่างแทนผม ถึงงานที่ผมทำ พ่อแม่ก็เข้าใจได้ว่า ที่แท้ที่ผมไม่ได้กลับบ้านยี่สิบปีเพราะอะไร และในไม่ช้า “ผม” ตัดสินใจไปหามิตสึกิ (ภรรยา) และ โทโมะ (ลูกชาย) ของผมหนังสือหลังปกเรื่อง นิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถึงตอนจบ หนังสือเล่มนี้จบแบบดีเท่าที่หนังสือชีวิตเล่มหนึ่งจะจบให้รู้สึกฟีลกู๊ดได้ดีขนาดนี้ และเราก็คิดว่า สุดท้ายทั้งสามคนพ่อแม่ลูกอยู่กันอย่างสุขในที่ๆหนึ่งและทุกคนเข้าใจกันอย่างดี“ครอบครัวคือพื้นฐานของความสำคัญของการเข้าใจกัน รักกัน มีสุขและทุกข์ด้วยกัน”Look A Breathe
chapterly17 reviews1 followerFollowFollowNovember 19, 2025จริง ๆ ตอนหยิบเล่มนี้ขึ้นมา เชปเตอร์ก็เฉย ๆ มากนะ เพราะพลอต “พ่อ–ลูกที่ไม่เคยเจอกันต้องมาอยู่บ้านเดียวกัน” มันฟังดูธรรมดาเกินจะร้องว้าว แต่พออ่านไปแล้วกลับรู้สึกเหมือนมีคนค่อย ๆ เปิดหน้าต่างในห้องที่ปิดมืดมานาน ให้ลมอุ่น ๆ พัดเข้ามาแบบไม่รู้ตัว เรื่องราวของลุงมาซาคิจิ—นักเขียนที่ใช้ชีวิตแบบ “ขออยู่กับตัวเองก็พอค่ะ ขอบคุณค่ะ” และโทโมะ—ลูกชายสุดดีดที่โผล่มาพร้อมพลังบวกแบบงง ๆ มันน่ารักกว่าที่คิดเยอะมาก ความต่างระหว่างคนที่ปิดใจจนแข็งเป็นหิน กับวัยรุ่นที่หัวใจยังอ่อนนุ่มและอยากเข้าหาโลก ทำให้ทุกซีนระหว่างพ่อ–ลูกมีเสน่ห์แบบที่อ่านแล้วเผลอยิ้ม by default เลยค่ะสิ่งที่เชปเตอร์รักที่สุดคือการดูลุงค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองไปทีละนิด—ชนิดที่ตัวลุงเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “อ้าว ทำไมวันนี้ฉันยอมคุยกับเพื่อนบ้านแล้วล่ะ?” หรือ “ทำไมไม่รำคาญเสียงเด็กหนุ่มนี้เหมือนวันแรก?” มันเป็นการเติบโตที่นุ่มมาก เหมือนต้นไม้ที่อยู่ในที่แห้งแล้งมานานจนลืมไปแล้วว่าตัวเองชอบแสงแดด และโทโมะก็คือแสงแดดก้อนโตที่เดินเข้ามาเคาะหน้าต่างบ้านเฉย แล้วบอกว่า “ขออยู่ด้วยนะครับ”ความจริงของชีวิตอาจจะไม่ง่ายและอบอุ่นเท่านี้ แต่นิยายไม่ได้โกหกเรานะ มันแค���บอกว่าคนเรามีโอกาสแก้ตัวเสมอ ถ้าใจเราพร้อมเปิดให้ใครสักคนเข้ามา แม้ว่าจะกลัว กล้าไม่เสมอ แต่การมีใครสักคนยื่นมือมาให้เราเริ่มต้น “ครั้งแรก” อีกครั้ง มันก็คุ้มค่ามากแล้ว“บางครั้งคนที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ…กลับเป็นคนที่ทำให้เรารู้ว่าบ้านที่แท้จริงคือการมีใครสักคนนั่งกินข้าวด้วยกันทุกวัน”หรืออีกประโยคที่ใช่น้องเชปเตอร์มาก ๆ:“พ่อไม่ได้เป็นคนอบอุ่น แต่ลูกก็ไม่ได้ขอไฟ—เขาแค่ขอให้พ่อเปิดประตูให้ลมผ่านก็พอ”fiction
Parinn5 reviewsFollowFollowApril 6, 2023เรื่องราวของชายนักเขียนที่ไม่ได้เจอกับลูกชายตัวเองมาตลอด 25 ปี!!! แต่แล้วจู่ๆ!? ลูกชายก็โผล่มาที่หน้าบ้านแล้วมาขออาศัยอยู่ด้วย ทำให้ชายนักเขียนที่ปกติมีชีวิตแค่เขียนนิยายอยู่บ้านคนเดียว และนอน ชีวิตวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมีลูกชายมาสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชีวิตเขา เรื่องราวต่างๆมากมายที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย ทำให้เขารู้สึกตกใจกับความรู้สึกในการมาขออาศัยอยู่ของลูกชาย ...คำถามต่างๆที่มีมากมายอยู่ในหัวของชายนักเขียน จะได้ถูกไขข้อสงสัยมั้ย? และเรื่องราวก่อนมีลูกชายและหลังมีลูกชายจะทำให้ชีวิตชายนักเขียนคนนี้เปลี่ยนไปขนาดไหน ต้องไปหามาลองอ่านกันนะทุกคน แล้วจะเข้าใจว่าเหตุผลอะไรทำไมเราถึงทำแบบนั้นในตอนนั้นมากยิ่งขึ้น🤍
Rin Rin1 reviewFollowFollowJuly 21, 2023ชอบเล่มนี้มากๆ นอกจากสำนวนการเขียน(และเพราะความดีงามของนักแปลด้วย) และการเดินเรื่องไวแล้วที่โดนใจอาจจะเพราะเราอินเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คน การออกไปพบว่าโลกนี้มีคนดีๆมีความรักมากกว่าที่คิดนะเพราะครั้งนึงเราก็เคยปิดกั้นตัวเองเหมือนตลค.หลักในเรื่องเลยมีใครอยากแนะนำเล่มอื่นๆที่ฟีลกู้ดมากๆแบบนี้อีกไหมคะ
Nopadol RomphoAuthor 4 books388 followersFollowFollowMarch 23, 2024เป็นนิยายแปลญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงนักเขียนคนหนึ่งที่ไม่เคยได้เจอหน้าลูกและภรรยามากว่า 20 ปี แล้ววันหนึ่งลูกชายก็มาหาที่บ้าน และก็เรื่องก็ดำเนินไป อ่านสบาย ๆ เล่มไม่หนา และดีต่อใจครับfiction
Chama86 reviews3 followersFollowFollowJanuary 25, 2025ชอบมากt—t♥ เป็นเล่มโปรดที่สุดในตอนนี้เลยอ่า อ่านแล้วประทับใจไปหมด มันแบบเอ็นดู ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงให้ถ่ายทอดครสประทับใจต่อหนังสือเล่มนี้เรื่องราวของนักเขียนนิยายแนวความหม่นหมองของชีวิต ‘ความเรียลๆ’ ของชีวิตมนุษย์ ต้องเจอความมืดหม่น ทุกข์ทรมานจากก้นบึ้งใดๆ ที่จู่ๆก็ได้มาเจอกับลูกชายที่ไม่เคยพบหน้า—จริงๆ จะเรียกว่าเจอก็ไม่เชิง ไม่เคยพบหน้าก็ไม่ใช่แบบนั้น ต้องเรียกว่า ลูกชาย หรือลูกที่เกิดจากผู้หญิงคนหนึ่งที่นักเขียนคนนี้ไปมีเพศสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนขึ้น แล้วชีก็ตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกคนเดียว โดยให้นักเขียนช่วยจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูมาทุกๆเดือนก็แล้วกัน โอ้ ก็แฟร์ๆดีอยู่มั้ยนะ มันก็เข้าใจได้กับเรื่องของความรักมันไปกันไม่ได้ ความสัมพันธ์ การต้องลงหลักปักฐานกับคนคนหนึ่ง เหตุผลมันต้องไม่ใช่แค่เพราะลูก (ตอนที่เห็นว่าให้แสนเยนทุกเดือน นี่ก็ไปเสิชหาเลยว่ามันเยอะหรือน้อยสำหรับค่าใช้ชีวิตที่ญป แบบว่าถึงแม้จะเป็นอะไรที่เอ้อ ก็ดีอะ ตกลงกันแบบนี้ แต่มันออกจะ นักเขียนแกก็ได้ค่าลิขสิทธิ์นิยายใดๆเยอะแยะ แล้วปกติใช้ชีวิตก็ไม่ได้ฟุ้งเฟ้ออะไร ทำไมไม่ให้มากกว่านี้คะคุนพี่