loonchies239 reviews26 followersFollowFollowAugust 10, 2024สรุปก็อยู่ในสารบัญแล้วแหละ ~ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ How to (ปกดูไปแนว How to มาก ถถถ) แต่เป็นบทความอ้างอิงมาจากหลาย ๆ งานวิจัย/หนังสือ เพื่ออธิบายปรากฏการณ์/พฤติกรรมคนในสังคมในยุคที่อยากให้คน productive เหลือเกิน ตามฉบับผู้เขียน ซึ่งน่าสนใจดีมีประเด็นหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจนะ เช่น Meritocracy อันแสนหลอกลวง, Effective Altruism, Voluntourism, ชีวิตในยุค Attention economy ฯลฯ“เป็นทุกข์บ้างก็ได้ ไม่ต้องมีความสุขตลอดเวลา ขี้เกียจบ้างก็ได้ ไม่ต้องขยันตลอดเวลา นิ่งเฉยบ้างก็ได้ ไม่ต้องใจดีตลอดเวลา โง่บ้างก็ได้ ไม่ต้องฉลาดตลอดเวลา ใจเย็นบ้างก็ได้ ไม่ต้องรีบตลอดเวลาปล่อยวางบ้างก็ได้ ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปตลอดเวลา”แต่อ่านตอนไม่สบาย มันก็จะเนือย ๆ หน่อย—————ข้างล่างน่าจะสปอยล์เนื้อหานะ-เมื่อการบอกให้มุ่งมั่นอาจทำร้ายทุกคน…ทำไมอดทนขยันตลอดไปแล้วยังไม่สุขสบายอีกล่ะ?เพิ่งรู้จักไอเดีย Meritocracy (ระบบสังคมที่คนได้รับอำนาจหรือเงินจากความสามารถของตัวเอง) ที่มีความเชื่อ “หากเราทำดีตั้งใจพยายามขยันขยันเราย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับน้ำพักน้ำแรงของเรา” ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ โลกนี้มันเป็นระบบที่เอื้อผลประโยชน์ต่อคนบางกลุ่มเท่านั้น โลกกระทืบซ้ำคนที่ล้มเหลวโดยบอกว่าเค้าไม่พยายามมากพอทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลมากมาย เช่น ความซับซ้อนของระบบเศรษฐกิจและสังคม สภาพการเมืองและเศรษฐกิจแย่ ๆ สถานการณ์และความจำเป็นในชีวิต เราต่างมีต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน ไม่ใช่แค่คนที่สำเร็จที่พยายาม คนที่ล้มเหลวก็พยายามเหมือนกัน-อย่าเป็นคนดีแต่ไม่มีสติ…เมื่อความเห็นอกเห็นใจอาจไม่ได้ช่วยอะไรเสนอไอเดีย Effective Altruism เลือกทำดีและมีเมตตาผ่านการคิดคำนวณด้วยหลักฐานและเหตุผล มากกว่าการทำดีเพื่อความรู้สึกดีส่วนตัวแล้วจบไปเป็นครั้งคราว ไม่ใช่แค่หวังดีก็พอแล้วบางทีมันไม่พอ ~ เป็นอะไรที่สนับสนุนเรื่อง สิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำดีอาจไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป บางทีให้อาหารสัตว์จรจัด ให้เงินขอทาน อาจทำให้เกิดปัญหามากกว่า ปิดโอกาสที่จะทำให้ปัญหานั้นได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง //พูดถึง Voluntourism (การท่องเที่ยวเชิงอาสาที่ผู้จัดโปรแกรมชักชวนจูงใจคนหนุ่มสาวให้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำความดีในประเทศกำลังพัฒนา” กลายเป็น ความจนคือสถานที่ท่องเที่ยวอีกแบบนึงซะงั้น ~ อันนี้เราคิดตะหงิดในใจกับพวกโครงการอาสาสอนน้อง/แพทย์อาสาอะไรพวกนี้เหมือนกัน คือสงสัยในใจหนะ ว่ามันยั่งยืนไหมนะ🤔 ~ แต่ใด ๆ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็คงต้องทำ แต่ไม่ควรจะปล่อยให้มีสิ่งนี้เพื่อ compensate สถานการณ์ไปวัน ๆ มันต้องหาวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนควบคู่ไปด้วยมีส่วนอ้างอิงของหนังสือ Against empathy (Steven Pinker) ที่ว่า “แทนที่เราจะต้องรักเพื่อนบ้านและสตูให้เท่ารักตัวเอง เราไม่ต้องรักเพื่อนบ้านก็ได้ แต่เราเลือกได้ที่จะไม่ฆ่าและทำร้ายเขา” เออ เราไม่ต้องชอบกันก็ได้ แต่เราไม่ทำร้ายกันก็ได้ไหม //ก็เอามาใช้การเมืองได้นะเนี่ย เออ เราไม่ต้องรักกันก็ได้แต่มันต้องอยู่ด้วยกันอะ-เหนื่อยวันนี้ สบายวันหน้า ถ้าไม่ตายเสียก่อนพูดถึงไอเดีย Task Completion Bias คนทำงานเลือกทำของง่ายก่อนเพื่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยมีอะไรเสร็จ และเสพติดความรู้สึกดีนั้นจนเลือกทำแต่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จในระยะเวลาสั้น ๆ และปล่อยงานยาก ๆ ที่ต้องใช้เวลาเอาไว้ อาจทำให้ผลผลิตในระยะยาวลดลง “หากเลือกทำแต่ของง่าย ๆ เราอาจไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ของยาก ๆ และละเลยที่จะเข้าใจว่าโลกนั้นซับซ้อน”-ไม่ตายก็เก่งแค่ไหนแล้ว“ ในตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจอันโหดร้าย ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกเดินได้อย่างอิสระ สำหรับคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ มีความจำเป็นในชีวิต และภาระที่ต้องแบกรับ คำว่าแพสชั่นอาจแทบไม่มีอยู่จริง การมีชีวิตรอดได้ในภาวะเศรษฐกิจแย่แย่และความไม่แน่นอนการไม่กลายเป็นบ้าอาจจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว”-ไม่ต้องไว ไม่ต้องรีบ …คุณไม่ผิดที่จะขี้เกียจลัทธิความสุขอาจทำให้เราทุกข์ยิ่งกว่า ไม่เป็นไร หากจะเศร้าหมอง โกรธเคือง และกังวล”อย่าให้โลกกดดันจนเราต้องปฏิเสธความเสียใจและไม่ยอมรับความล้มเหลว“ในยุค Attention economy การไม่ทำอะไร ก็อาจเป็นการเอาคืนระบบที่แสวงหาผลประโยชน์จากความสนใจของเรา“ เราอยู่ในโลกที่คาดหวังให้เราต้องมีประโยชน์ และสร้างประโยชน์ตลอดเวลา เวลาและจิตใจของเรากลายเป็นทรัพย์สินมีค่า”-มาหัวเราะให้กับความไม่รู้ เมื่อเราต่างหยิบยืมความรู้มาจากผู้อื่น“จงยินดีที่คนเราไม่ต้องรู้และเข้าใจทุกสิ่ง จงยอมรับว่าเราไม่รู้บ้างก็ไม่เป็นไร จงพึ่งพาข้อมูลจากคนอื่น จงฝึกเสาะหาข้อมูล เปรียบเทียบ วิจารณ์และคัดกรองข้อมูล ไม่ให้เราโดนหลอกโดยง่าย จงอย่าเผลอทึกทักว่าความฉลาดของคนอื่นเป็นของเราเพียงแค่เราอาจเจอและยืมมา”
EARN67 reviewsFollowFollowNovember 14, 2023เล่มนี้เป็นเหมือนการรวบรวมแนวคิดที่มีต่อการทำงานและสังคมรอบข้างได้เป็นอย่างดี ทางผู้เขียนมีการนำ References จากหนังสือ บทความ และงานวิจัยต่างๆ มาย่อยให้อ่านง่าย ทำให้ได้ตระหนักถึงเรื่องนั้นๆมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวชอบหลายบทเลย แต่บทที่ชอบที่สุดคงเป็นเรื่อง Meritocracy หรือระบบสังคมที่คนได้รับอำนาจหรือเงินจากความสามารถของตัวเอง ทำให้เกิดค่านิยมว่าเราต้องพยายามมากๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จและการยอมรับ จนทำให้คนที่พยายามแต่ไม่ประสบความสำเร็จดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่จริงๆแล้วคือไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จได้ มันมีหลายปัจจัยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่หยุดพักบ้างระหว่างทาง จะเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่พยายามสักหน่อย ซึ่งมีประโยคนึงที่เราชอบ เป็นข้อมูลจากหนังสือที่ผู้เขียนอ้างอิงมาอีกที ก็คือ "โลกไม่ได้ให้รางวัลแก่ทุกคนที่พยายาม อย่างที่ใครเขาสัญญาและขายฝัน อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่คนที่สำเร็จที่พยายาม คนที่ล้มเหลวก็พยายามเหมือนกัน" ดีมาก อ่านแล้วจดไว้เลยแต่สิ่งที่เราติดก็คือในเล่มนี้จะมีการพูดถึงหลายแนวคิดแตกต่างกันไป แต่ก็เข้าใจว่าผู้เขียนคงอยากพูดหลายๆประเด็นที่นำมารวมกันแล้วเป็นแนวคิดที่นำไปสู่ชื่อเรื่อง No Hurry, No Worry แหละ พออ่านแล้วรู้สึกขบคิดถึงประเด็นต่างๆนะ แต่ด้วยความที่มันไม่ได้ specific ลงไปขนาดนั้น เลยทำให้เหมือนเป็นการรู้จักแนวคิดต่างๆแค่เบื้องต้นเท่านั้นเอง มันไม่สุด เลยทำให้ต้องไปหาหนังสืออ่านต่อตาม References ที่เขาให้ไว้อีกทีนึง
ANKO151 reviews16 followersFollowFollowMarch 18, 2022ปกติไม่ค่อยถนัดอ่านแนว ๆ นี้สักเท่าไร แต่เล่มนี้อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย ได้มุมมองชีวิต และความคิดที่กว้างขึ้นเยอะเล��
Duke Kittisiri9 reviews6 followersFollowFollowOctober 4, 2020ผู้เขียนตั้งคำถามเกี่ยวกับค่านิยม แนวคิด ความเชื่อของเราและของสังคมได้น่าสนใจ อีกทั้งหาข้อมูลและ references เพื่อตอบข้อสงสัยจากคำถามเหล่านั้นประมาณหนึ่งอาจด้วยเพราะคำถามหรือหัวข้อนั้นมีหลากหลาย จึงทำให้คำตอบของแต่ละคำถามมันไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ เป็นเหมือน concept หรือแนวคิดกว้าง ๆ ที่มีข้อมูลสนับสนุนในระดับหนึ่งอย่างไรก็ตาม ข้อมูลและเนื้อหาเหล่านั้นก็น่าสนใจและกระตุกต่อมคิดของเราได้อย่างดี ชวนให้เราขบคิด สงสัย และได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปจากสิ่งเดิม ๆสำหรับบางคนที่ชอบตั้งคำถามกับค่านิยมต่าง ๆ ของสังคม หนังสือเล่มนี้อาจช่วยให้คุณเจอคำตอบที่น่าสนใจมากมายส่วนคนที่ไม่ค่อยได้ เอ๊ะ? กับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หนังสือเล่มนี้อาจแง้มโลกของคุณให้กว้างขึ้นก็ได้นะ
Nuttawat Kalapat685 reviews48 followersFollowFollowNovember 8, 2021ดีจัง ผู้เขียนสามารถ รวบรวมงานวิจัย เกี่ยว กับ คน ชีวิต งานมาเล่าและย่อย ให้เราๆ อ่านได้ง่าย กระตุกต่อมคิดได้และ เขียนได้ค่อนข้างลื่นไหลเลยล่ะดีดว่าที่คิด
mayvira80 reviews8 followersFollowFollowDecember 23, 2024สุดท้ายปัญหาทุกอย่างก็มีต้นตอมาจากระบบทุนนิยม😔อ่านเพลินๆดี เป็นหลายๆประเด็นที่สนใจอยู่แล้วด้วย แต่ก็ไม่รู้วิธีจะแก้ปัญหา existentialism ของตัวเองอยู่ดี (ก็แน่สิ นี่มันชีวิตแก)มีแค่บางจุดที่รู้สึกว่าแปลจากอังกฤษทื่อไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
KaTe66 reviewsFollowFollowJune 8, 2022เป็นเรื่องที่อยู่รอบตัวเรา อ่านแล้วได้ฉุกคิดอะไรดีค่ะ ชอบตรงมีบทวิจัยต่างๆมา support ด้วย อ่านเพลินดี
Sura Siri346 reviews5 followersFollowFollowMarch 30, 2024แนวคิดของหนังสือเล่มนี้ เพื่อปรับปรุงความรีบร้อน/รีบเร่งของผู้คน ให้ผ่อนคลายคลาย โดยใช้ข้อมูลจากหนังสือและงานวิจัยมายืนยันให้เห็นว่า...เร่งรีบไปชีวิตก็ไม่ได้แตกต่าง