เทคนิคจำแบบไม่ต้องจำที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ

by Zion Kabasawa, ปาวัน การสมใจ (Translator)

暗記不要、努力も不要！記憶力が良くない人ほど効果が出る、「覚えずに覚える」記憶術。１５万部突破のベストセラー、『読んだら忘れない読書術』の著者、最新刊の登場です！インターネット、検索全盛期の今の時代、従来型の「暗記力」「記憶力」は、試験を受ける人は別として、普段のビジネスマンの仕事においては必要ないと著者はいいます。それよりも、どこにどんな情報があるのかを早く引き出し、活用することのほうが重要です。本書では、精神科医でもあり、ＳＮＳの超プロでもある著者が、これからのインターネットの時代に対応した「全く新しい記憶活用術」をお伝えしていきます。暗記不要、努力も不要、「覚えない」でいつの間にか記憶に残る。そんな「覚えない記憶術」を本書で身につけてみませんか？＊目次より第１章　精神科医の「覚えない記憶術」で得られる３つのこと第２章　無理に詰め込まなくてもいい～精神科医の「アウトプット記憶術」第３章　記憶力に頼らずに成果を最大化する～精神科医の「記憶力外記憶術」第４章　感情が動くと記憶も強化される～精神科医の「感情操作記憶術」第５

Genres: Nonfiction, Self Help, Psychology

312 pages, Paperback

Published January 1, 2020

Reviews

[Jerawan Meesangnilverakul · Rating 5 out of 5]

เต็ม 10 ให้ 11 คะแนนเลยค่ะ
หนังสืออ่านแล้ว มีประโยชน์มากๆ

เทคนิคในหนังสือเป็นเทคนิคที่สามารถทำได้ง่ายๆ และสามารถทำได้ผลจริง
เพราะจริงๆแล้ว ก่อนที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ก็เคยใช้เทคนิคแบบนหนังสือมาแล้ว โดยที่เราไม่รู้มาก่อนว่ามันจะเป็นเทคนิคในการจำแบบหนึ่ง
เมื่อก่อนเราเคยสงสัยว่าทำไมเราทำไมถึงจำเหตุการณ์ตอนที่เราเศร้า สนุกได้ดีกว่าตอนที่เราอ่านหนังสือสอบ
พออ่านหนังสือเล่มนี้เลยเข้าใจว่า เราจะจำสิ่งที่เรามีความรู้สึกร่วมด้วย
หนังสือได้แนะนำวิธีการจำในแต่ละสถานการณ์อีกด้วย เช่น การอ่านหนังสือสอบ เป็นต้น
และขยายความเรื่องเทคนิคการจำต่างๆที่เราอาจเคยเข้าใจผิดมาก่อนและปัจจัยที่เกี่ยวกับความจำ เช่น การอ่านหนังสือโต้รุ่ง

ถ้าคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้อะไรใหม่ๆเกี่ยวกับระบบความจำมากมาย บางทีอาจเป็นเรื่องที่คุณรู้อยู่แล้ว อาจเป็นเรื่องที่เราสงสัย อาจเป็นเรื่องที่เราเข้าใจผิดมาก่อนเกี่ยวกับความจำ และอาจเป็นเทคนิคใหม่ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที

"เทคนิคจำแบบไม่ต้องจำที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ" เป็นหนังสือที่ควรค่าต่อการอ่านมากค่ะ

[Kanthida Ann · Rating 5 out of 5]

หนังสือเล่มที่ 3 ของคุณ Kabasawa ที่เราได้อ่าน
ต่อจาก The power of Output /Input

เนื้อหามีซ้ำกันบ้าง
แต่เราโอเคมากเลย เพราะมันเหมือนได้อ่านทบทวน จัดระเบียบเรื่องให้เอาไปใช้ง่ายขึ้น

เราชอบ Output มากกว่า Input
แต่ทั้งสองเล่มรายละเอียดเยอะมากๆ การจะเอามาใช้ทั้งหมดคงต้องอ่านซ้ำหลายรอบ

แต่เล่มนี้ เทคนิคจำแบบไม่ต้องจำที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ
เหมือนสรุปย่อๆมาให้อีกที สารบัญของ คุณ Kabasawa ยังทำได้ดีเหมือนเดิมเสมอ
เป็นสรุปเนื้อหาของทั้งเรื่องให้เราแล้ว

หนังสือจะแบ่งออกเป็น 7 บทย่อย
มีรายละเอียดเทคนิคต่างๆที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการจำ แต่แนะนำการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันให้เราด้วย

เราเริ่มฝึกทำ output หลังจากอ่านหนังสือของคุณ Kabasawa จริงๆ คิดว่าที่ทักษะพัฒนาในหลายๆด้านเพราะเริ่มเขียนรีวิวให้จริงจังขึ้น บังคับตัวเองว่าอ่านหนังสือจบแล้วต้องมาเขียนใน goodreads ให้ได้ทุกเล่ม ปีนี้ทำได้อย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าฝืนด้วย
สิ่งที่ได้เพิ่มเติม คือ
-เทคนิคการแต่งเรื่องด้วย 5W1H
-เปลี่ยนความรู้สึกให้เป็นถ้อยคำ
-มองภาพใหญ่เป็นอันดับแรก
-การปรับทุกข์ไม่ได้ช่วยให้เครียดน้อยลง***

เรื่องการปรับทุกข์ นี่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้เลย ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่งเจอเหตุการณ์ของคนรอบตัวมา พูดซ้ำๆเรื่องแย่ๆจิตใจของทั้งคนพูดและฟังก็ห่อเหี่ยวไปด้วย แทนที่จะรู้สึกดีขึ้นแต่แย่กันไปทั้งสองฝ่าย ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งหน้าเราคิดว่าคงต้องดึงตัวเองออกมาให้เร็วขึ้น

ผู้เขียนจะชมตัวเองบ่อยมากๆในหนังสือ อ่านไปเราก็ขำไปนะ5555555 เป็นคนเก่งที่รู้ตัวเองว่าเก่งและชมตัวเองเก่งมากๆ

สุดท้ายของรีวิวนี้เราขอแนะนำคนที่กำลังอยากจะลองอ่านหนังสือของคุณ Kabasawaว่า อ่านเถอะ ลองอ่านเล่มไหนดูก็ได้ ในหนังสือหลายร้อยหน้าที่อ่าน ต้องมีสักอย่างที่เราได้อะไรจากเค้า ขอแค่ลองเอาไปใช้เราว่าก็ได้กำไรจากการอ่านหนังสือแล้วแหละ พอเราเอาไปใช้จนเป็นนิสัยเรียบร้อยค่อยกลับมาอ่านใหม่แล้วเอาเรื่องอื่นไปใช้ต่อ หรือจะซื้อเล่มใหม่ไปอ่านทวนก็ได้ 55555

[Aom Ruka · Rating 5 out of 5]

ชอบเล่มนี้ เพราะสรุปเทคนิคสั้นๆ ทำให้เข้าง่าย เห็นภาพ และรู้สึกว่านำไปใช้ได้จริง เช่นว่ารีบอ่านก็รีบเอาออกมาใช้ ลองอ่านส่วนสำคัญๆก่อนแล้วส่วนอื่นๆจะเข้าใจและจำได้ง่ายมากขึ้น ลองมองภาพรวมแล้วจะจำได้ง่าย อาจจะเอาความรู้สึก เอาประสบการณ์เข้าไปเอี่ยว ยิ่งทำให้จำง่ายขึ้น และเทคนิคอื่นๆ ซึ่งดูเอาไปใช้ได้จริง เลยชอบมาก

[Freeread · Rating 5 out of 5]

เลิกจำแต่ส่งออก อายุเท่าไหร่ก็พัฒนาสมองได้

เขียนให้จำ แก้โจทย์ดีกว่าท่อง
ทำบัตรคำสุ่ม จัดระเบียบอันไหน จำได้แล้ว อันไหนยัง อันไหนจำไม่ได้เลย แล้วทวนอันที่ยังไม่ได้ จนกว่าจะไปอยู่จำได้
จดไว้คอยลืม เปลี่ยนความรู้สึกเป็นถ้อยคำจดลงไป
จำดรรชนี เหมือนสารบัญเห็นก็นึกออก
อ่านออกเสียง อ่านอำพราง เขียนอำพราง
แต่งเรื่องแทนท่อง คำพ้องเสียง
เจออะไรก็เล่าไป สอนคนอื่นไป จับกลุ่มติว
มองภาพใหญ่ อ่านสารบัญ โฟกัสจุดสำคัญ 20/80 เก็งข้อสอบไปเลยตรงไหนสำคัญ
ไปอมรมเรียนย่นเวลาได้มากกว่า
จัดระเบียนเสมอ ให้จำง่าย ดึงมาใช้ง่าย
ใช้ความคิดตอนเช้า จำก่อนนอนให้ติดแน่น ห้ามอดนอน
งีบหลับช่วยได้ การนอนคือการเซฟข้อมูล เหมือนปิดคอมพิวเตอร์
ทบทวน 1 3 7 วันให้ติดแน่น ยิ่งทบทวนสมองมองว่าสำคัญจะจำได้นาน
แบ่งส่วนจำ ไม่จำรวดเดียว อ่านไปพักไป อย่าฝืน
เครียดพอดีช่วยให้จำได้ โพสลงโชเซียล สอบจำลอง
นั่งร้านกาแฟติวเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
จับเวลา แต่ไม่ควรมากไปจะทำให้แย่แทน
จดความสุขทำให้อารมณ์ดี ก็จะจำได้ดีขึ้น
รู้สึกยังไงจดมา ผูกความจำกับความรู้สึก
สิ่งสำคัญความสมดุลรับเข้าออก เข้าน้อยออกเยอะก็มีแต่เรื่องเดิม ไม่พัฒนา

เพิ่มความจำ ไม่ทำงานหลายอย่าง คาใจเขียนให้หมด ไม่ทำงานค้าง งานย่อยทำให้หมดไม่เปลืองเวลามาคิดใหม่ คิดเร็วทำเร็วใน30วิ ปิดมือถือตัวรบกวนความคิด ทำรายการสิ่งที่ต้องทำตอนเช้าดีกว่ากลางคืนเพราะนึกไม่ออกต้องมาเขียนเช้าใหม่อยู่ดี ทำให้มีสมาธิ สมองทำงานเป็นโฟลว์ ลบรายการทิ้งเหมือน tetris ทำให้กระตุ้นความพอใจ

วิธีป้องกันสมองแก่ ออกกำลังกายไป 100 ลบ 3 ไปเรื่อย fight do ออกกำลังกายผสมศิลปะต่อสู้กับเต้นเปลี่ยนเพลงไป
ออกลังกายเน้นกระตุ้นให้หัวใจเต้นสมองได้ประโยชน์เลือดไปเลี้ยง อารมณ์ดี ไม่เครียด ออกไปฝึกสมองไปได้2อย่าง

[PunJaa · Rating 4 out of 5]

เขียนสั้นกระชับ อ่านเพลิน เหมือนมีคนมาเล่าเรื่องให้ฟัง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่าย และปฏิบัติตามได้จริง พร้อมกับไฮไลท์ส่วนสรุปของเนื้อหาในหัวข้อนั้นๆไว้ให้ด้วย เผื่ออ่านจบแล้วยังสรุปไม่ได้ว่าต้องการจะสื่ออะไร
การที่ผู้เขียนเป็นจิตแพทย์ ทำให้ได้ฟังแง่มุมเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับทรงความจำด้วย เช่น โรคซึมเศร้ากับการนึกถึงแต่เรื่องทุกข์ใจ
การยกประสบการณ์ของผู้เขียนเองมาเป็นตัวอย่าง และพูดว่าผู้เขียนนั้นก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่คนที่เก่งอะไร��ต่ก็ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาปรับปรุงแก้ไข จนสามารถทำให้ความจำสิ่งต่างๆได้ดีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าตัวเองก็สามารถเป็นได้เหมือนกับผู้เขียน
ไม่เพียงแต่การจำ ผู้เขียนยังสอนให้รู้เรื่องการลืมด้วย สอนให้รู้ว่าเมื่อจำไปแล้วและยังไม่ได้ใช้ควรจะจัดการยังไงกับมัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อเสียเพียงไม่กี่อย่างของหนังสือเล่มนี้ คือบางหัวข้อถึงชื่อหัวข้อแตกต่างกันแต่มีเนื้อหาใจความ ไปในทางเดียวกัน บางทีอาจจะทำให้น่าเบื่อและดูเวิ่นเว้อจนเกินไป
โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงสอนว่าทำอย่างไรจึงจดจำได้ยาวนานเท่านั้น แต่ยังสอนถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปกับความทรงจำด้วย หากสมองเปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการจดจำ หนังสือเล่มนี้คือการสอนวิธีใช้เครื่องมือ ตลอดจนการบำรุง และดูแลรักษาอย่างยั่งยืน

[My Lifelong Journey · Rating 4 out of 5]

เทคนิคจำแบบไม่ต้องจำ จากผู้แต่งเทคนิคอ่านไม่ให้ลืม
หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเล่มอ่านให้ไม่ลืมตรงที่ เนื้อหาส่วนมากพูดถึง 'ความจำ' มีเทคนิคหลายอย่าง หลายๆ เทคนิคก็น่าสนใจ นอกจากจะช่วยให้จำได้ดีแล้ว ยังช่วยให้บริหารเวลาได้ดียิ่งขึ้นด้วย
.
มีการสอดแทรกเรื่องโรคความจำเสื่อม และการออกกำลังกายมาด้วยซึ่ง ช่วยกระตุ้นให้อยากออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น แถมช่วยให้ความจำดีขึ้นอีกด้วย
.
อย่างไรก็ตาม บางประเด็นเป็นบริบทสำหรับผู้ใหญ่ อย่างเช่น เรื่องบางเรื่องเราไม่ต้องจำแต่ใช้ internet และ social network เป็นตัวช่วยได้ ตัวเราซึ่งกำลังเรียนอยู่ ไม่สามารถใช้ส่วนนี้ได้ เพราะต้องจำเก็บไว้ในสมองให้ได้จริงๆ ค่อนข้างคาดหวังว่าผู้เขียนจะบอกวิธีจำเนื้อหาอันแสนมหาศาลในการเรียนคณะแพทย์ ให้เรานำมาประยุกต์ปรับใช้ได้ แต่เนื้อหาส่วนนี้ยังไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจนมากนัก

[Chanwit Chaimeesuk · Rating 4 out of 5]

ยังคงชอบผลงานเล่มก่อนของผู้เขียนท่านนี้อย่าง "เทคนิคอ่านให้ไม่ลืม ที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ" ที่พูดถึงการอ่าน หรือการนำเข้าข้อมูล
สำหรับเล่มนี้เปรียบเหมือนภาคต่อที่พูดถึงการจำ ถึงชื่อหนังสือจะบอกว่าจำแบบไม่ต้องจำ (ฮ่า ๆ) การจำในเล่มนี้พูดถึงเทคนิคการจำที่ไม่ใช่การท่องจำแต่เป็นกระบวนการความทรงจำ จัดระเบียบและส่งออกข้อมูล ซึ่งก็เคยมีกล่าวไว้ในผลงานเล่มก่อนตามคาด แต่เล่มนี้ก็ได้มาอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ผมได้เข้าใจมากขึ้น จากนี้ก็จะใช้เทคนิคเหล่านี้่ต่อไปครับ

[The BookTeller · Rating 5 out of 5]

เทคนิคจำแบบไม่ต้องจำที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ
เป็นหนังสือที่รวบรวมเทคนิคทั้งในเรื่องของการจำ การทำงาน และการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคภายในเล่มเป็นเทคนิคที่เข้าใจง่าย เรียบง่ายตามสไตล์คนญี่ปุ่น
ไม่ต้องวุ่นวายทำอะไรเยอะแยะ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหาวิธีพัฒนาตนเอง
โดยหัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจ-ส่งออก-จำ-ทบทวน
.
หนังสือเน้นที่การรับข้อมูลและการส่งออกข้อมูลที่ต้องสมดุลกัน
แนะนำให้อ่านเทคนิคอ่านให้ไม่ลืมที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ
จะทำให้เข้าใจเนื้อหาและเชื่อมโยงกันได้ง่ายมากขึ้น

[Mam Yanisa · Rating 5 out of 5]

ชอบ​ อ่านง่ายมาก​ เขียนชัดเจน​ แต่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเราต้องเอาไปทำต่อเองนะ​ ชอบตรงที่เล่มนี้เน้นเรื่องการส่งออกความรู้หรือข้อมูลให้กับคนอื่นแล้วมันจะทำให้เราจำได้​ ผู้เขียนอธิบายถึงกลไกสมองว่าทำไมเราถึงจำบางเรื่องได้​ แต่จำอีกเรื่องไม่ได้​ อะไรบ้างที่เป็นปัจจัยกระตุ้นความทรงจำ​ การใช้สมองจำแบบมีประสิทธิภาพ​ อ่านแล้วอยากรีบไปพัฒนาสมองตามที่หนังสือบอกเลย​ เป็นจุดเริ่มต้นของปี2021ที่ดีจริงๆ

[Luc]

Easy to read, but limited jn width and depth

Still, some useful tips are:
Journaling about the day before yesterday (positive events for reinforcement)
Write down details with emotion/impact after media consumption
Written to do list for flow

[Chaipat Choo · Rating 5 out of 5]

ดีมากๆ แนะนำๆ ตามอ่านงานของ ชิอง ทุกเล่มครับ

[KaTe · Rating 5 out of 5]

ดีมากๆค่ะ เข้าใจง่าย นำไปทำได้จริง ชอบค่ะ

[ตรัง สุวรรณศิลป์ · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือจากนักเขียนที่ชอบ จากเล่มที่แล้วชื่อ เทคนิคอ่านไม่ให้ลืมเหมาะมากกับนักเรียน หรือ คนที่อยากพัฒนาความจำ

จริงๆเนื้อหาโดยรวมก็เหมือนกับเล่มที่แล้ว แต่ลงรายละเอียดเรื่องการจำมากกว่า ในขณะท่ีเล่มที่แล้วมีเทคนิคเรื่องการอ่านเยอะกว่าหน่อย

................................

สิ่งที่ผมได้จากเล่มนี้

1) เคล็ดลับในการจำคือการส่งออก
การส่งออกคือ พออ่านแล้ว ให้ส่งออกนอกด้วยการ สอนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเล่าให้เพื่อนฟัง สอนคนอื่น หรือ กระทั่งเขียนสรุปลง Social ... เทคนิคนี้ดีนะ โดยเฉพาะการเขียนลง Social เพราะทำให้เวลาอ่าน เราจะพยายามสรุป และ จับประเด็นตลอดเวลาว่า เล่มนี้จะสรุปยังไงดี ซึ่งช่วยให้เข้าใจและตั้งใจอ่านมากขึ้น

2) ใช้ Social
โดยปรกติ เราจะเป็นคนดู Social แต่หนังสือแนะว่า ให้ลองเป็น “คนที่ถูกดูใน Social” ซึ่งคือ การสร้าง content ให้คนอื่นอ่าน เช่น การสรุปสิ่งที่อ่าน เขียนสิ่งที่อยากจำ ข้อนี้จะล้อกับข้อที่แล้ว เพราะ การเขียนลง Social ก็เหมือนการสอน ที่เราได้ส่งออกข้อมูล โดยไม่ต้องเรียกคนมานั่งฟัง 55 และ แนะให้รอก่อน 2 วันค่อยเขียน เพราะการเขียนถึงอดีตจะช่วยให้การรื้อฟื้นความจำซึ่งจะช่วยให้จำได้ดีกว่า อ่านจบแล้วเขียนเลย แต่อย่าทิ้งนาน เดี๋ยวลืม

ที่สำคัญคือ Social มันจะเตือนเราทุกๆปี ว่าเราเคยโพสอะไรไว้ การได้เห็นซ้ำจะช่วยเตือนใจและทำให้ลืมได้ยากขึ้น

นอกจากนี้หนังสือบอก การเขียน Social อยากให้เขียแต่สิ่งดีๆ เพราะทุกปีมันจะเตือนซ้ำๆ ทำให้มีความสุขได้ซ้ำๆ แต่ถ้าเขียนเรื่องทุกข์ มันก็จะตอกย้ำเราทุกปีเช่นเดียวกัน

3) จดด้วยการวาด (Visual Note Taking)
เวลาจดบันทึก แนะให้ลองวาดรูปดู ไม่ต้องวาดสวยก็ได้ เพราะก���รวาดจะช่วยให้เราใช้ประสาทสำผัสมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น

4) การเพิ่ม Memory ให้สมอง
จริงแล้วคือการจัดการข้อมูลมากกว่า เพราะว่า ถ้ามีข้อมูลมากมาย สับสน มันจะจำได้ยาก วิธีที่หนังสือ ให้ทำงานทีละอย่าง การ multitasking จะให้เราต้องจัดการข้อมูลหลายอย่างพร้อมกัน เปลืองพลังสมอง และ จะจำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งถ้าปิดมือถือระหว่างทำงานได้เลยก็ดี จะได้ไม่มีอะไรมากวน

การจด Todo list ช่วยได้ เพราะเป็นกัน dump เรื่องราวที่ยังไม่สำคัญออกไปจากสมอง

แล้วการฟังเพลง ไปด้วยระหว่างทำงานถือว่าเป็น multitasking มั้ย? จากการวิจัยบอกว่า การฟังเพลง จะช่วยให้ทำงานได้คึกคัก สนุกสนาน ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ว่าไม่ได้ช่วยให้จำ หรือ เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น

................................

ส่วนตัวนี่ชอบคนเขียนมากตั้งแต่เล่มที่แล้ว ขนาดไป follow YouTube Twitter ของคนเขียน แต่ก็ฟังภาษาญี่ปุ่นเค้าไม่ออกอ่ะนะ 55
ลุงแกอ่านหนังสือได้วันละเล่ม โพส Youtube Twitter ทุกวัน ... อย่างโหด

[pary coral · Rating 4 out of 5]

เป็นเทคนิคการจำที่สามารถนำไปใช้ได้เลย แต่ต้องแอบฝึกให้เป็นนิสัยนิดนึง มีความรู้ทางประสาทวิทยามาเสริมบ้างทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ผู้เขียนเป็นคนเก่งมากเพราะเขาฝึกจากวิธีการในหนังสือนี่แหละ หนังสืออ่ะอ่านง่าย แต่จะทำให้เป็นนิสัยอ่ะยาก