HOME AWAY FROM HOME เกาหลีใต้ ที่เห็นและไปอยู่

by ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์

บันทึกการก้าวขาออกนอกประเทศครั้งแรกของ ‘ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์’ นักเดินทางกลับบ้านมืออาชีพ สู่เกาหลีใต้—ประเทศที่มีทั้งเพื่อนรักและเพื่อนใหม่รอต้อนรับ ก่อให้เกิดการออกตะลุยรอบโซล แวะไปเมืองหนังสือ ไปเยือนชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ความอบอุ่น รอยยิ้ม คราบน้ำตา พร้อมบทสนทนาเคียงคู่กับเบียร์ โซจู ไก่ทอด เพื่อพบว่าปลายทางของทริประยะยาวสี่ฤดู คือบ้านหลังใหม่อีกหลังหนึ่ง

Genres: Nonfiction, Travel

288 pages, Paperback

First published July 1, 2020

Reviews

[ดินสอ สีไม้ · Rating 3 out of 5]

เล่าประสบการณ์การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผู้เขียน
ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจ
ให้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลี (ไปไป - กลับกลับ) ราวหนึ่งปี
ชีวิตประจำวันที่นั่น อาจแสร้างแรงบันดาลใจ
ให้ผู้อ่านออกเดินทางบ้าง .. ไม่มากก็น้อย

[รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ · Rating 5 out of 5]

ผมรู้จักพี่ก็อต ปิยฤทธิ์ เพียงผิวเผิน และไม่เคยรู้มาก่อนว่าเบื้องหลังของความร่าเริงเก็บซ่อนอะไรไว้บ้าง

HOME AWAY FROM HOME คือบันทึกการเดินทางของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ก้าวเข้าไปสู่พื้นที่ที่ตนเองไม่สบายใจ มันไม่ใช่บันทึกท่องเที่ยว แทบไม่แตะต้องสถานที่ท่องเที่ยวเลยด้วยซ้ำ แต่เล่มนี้เปรียบเสมือนความเรียงคัดสรรที่ผู้เขียนแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้สึก ความสัมพันธ์ ความกลัว ความเจ็บปวด และความสุขให้กับคนอื่น ราวกับสะกิดบอกเบาๆ ว่า "กูทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้เว้ย"

ที่สำคัญ ปิยฤทธิ์หยิบสภาพแวดล้อมทั้งสังคมและวัฒนธรรมของไทยและเกาหลีมาทาบทับได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่การคัดแยกขยะ การสอบแข่งขัน ไปจนถึงการดื่มเหล้ากับคนที่อายุมากกว่า นี่คือความรู้ใหม่ที่เเราอาจเห็นบ้างในซีรีย์เกาหลี แต่อาจไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งผ่านแว่นตาของคนที่พูดภาษาเดียวกัน

แนะนำมากๆ ครับ อ่านเพลินๆ ไม่นานก็จบ รู้สึกคุ้มค่าและยินดีมากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ :)

[Thanawat · Rating 4 out of 5]

จากนักท่องเที่ยว ไปเป็นผู้อยู่อาศัย...

หนังสือแนวท่องเที่ยวบวกประสบการณ์ชีวิตนี่บิวด์ให้อยากออกเดินทาได้ดีจริงๆ

หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกการใช้ชีวิตในฐานะคนต่างชาติในเกาหลี ที่ไปเพื่อ “ใช้ชีวิต” จริงๆ ไม่ได้ไปเรียนหรือไปทำงาน

เปิดเล่มด้วยชีวิตปกติสามัญของผู้เขียนแต่กลับมีแรงบันดาลใจให้แพ็คกระเป๋า ติดสินใจออกเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อเปิดโลก และเป็นการออกสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก ใครที่กำลังจะออกจากพื้นที่ปลอดภัยไม่ว่าจะที่ใดๆ น่าจะเข้าใจอารมณ์ของผู้เขียน และในทางกลับกันผู้เขียนก็ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้ชัด

ไอ้จังหวะก้ำๆ กึ่งๆ จะทำไม่ทำนั่นแหละ ที่ผู้เขียนเลือกที่จะทำ

เรื่องเที่ยวเกาหลีใต้นี่คงมีหนังสือมากมายเล่าถึง แต่เล่มนี้ผู้เขียนเล่าแบบค่อนข้างจะ inside ด้วยความที่มีเพื่อนเป็นคนเกาหลีใต้ ระดับที่กินนอนร่วมกัน แถมไปๆ มาๆ ผู้เขียนยังไปเช่าห้องแบบเป็นเรื่องเป็นราว อยู่เป็นเดือนๆ เฉยเลย ชีวิตมันเลยดูเป็นชีวิตจริงๆ ไม่ใช่สไตล์นักท่องเที่ยวแบบฉาบฉวย
นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์สุด peak อย่างการเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ออกไปเที่ยวที่เขตแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ ไปจนถึงการร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนเกาหลี

นอกจากนี้ยังอ่านแล้วทึ่งในความสัมพันธ์

เพราะผู้เขียนมีความสัมพันธ์ในระดับที่เรียกว่าเพื่อนสนิทกับคนเกาหลีใต้ มันน่าจะเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกาหลีใต้ดูเหมือนเป็นบ้านอีกหลัง และเรื่องเล่าในเล่มนี้ ผมรู้สึกได้ว่าแกนกลางมันอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างคน ส่วนบรรยากาศ สังคมวัฒนธรรม มันมาโอบล้อมอยู่ภายนอกอีกที (เจอ culture การดื่มระดับที่ฉากดื่มเหล้านี่แทบจะมาแบบบทเว้นบทเลยทีเดียว)

ซึ่งมันน่าทึ่งนะ ไม่ใช่ว่าใครๆ จะเกิด click ความสัมพันธ์กับคนต่างชาติที่มันเหมาะเจาะระดับนี้ได้

หนังสือเล่มนี้อ่านได้เพลิดเพลิน ภาษาที่ใช้เป็นภาษาที่เล่าให้เพื่อนฟัง อ่านง่าย ออกจะเป็นวัยรุ่นหน่อยๆ
โดยที่ใช้ธีมฤดูกาลที่แตกต่างมาเล่า

ใครที่ชอบเกาหลีใต้ คุณก็จะได้ภาพของชีวิตที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว
ใครที่อยากไปเที่ยวเกาหลีใต้ คุณก็จะได้ไอเท็มให้เก็บเวลาเดินทางไปเที่ยว
ใครที่กล้าๆ กลัวๆ ที่จะออกไปสู่โลกกว้าง หนังสือเล่มนี้เล่าชีวิตรุ่นพี่ที่เอาชนะความกลัวได้ให้คุณฟัง

[Nattawat Supachawarote · Rating 5 out of 5]

หนังสือบันทึกประสบการณ์การเดินทาง ที่มีกลิ่นอายความเป็นนิยาย ว่าด้วยการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของ ก็อต ปิยฤทธิ์ ชายหนุ่มผู้ซึ่งห่างบ้านแล้วถึงขั้นต้องลงแดงกันเลยทีเดียว

เล่มนี้โดนป้ายยามาจาก Readery Podcast บวกกับกำลังหาหนังสืออ่านเพลินๆ ไม่หนักหัว พอมีโอกาสเดินผ่านร้านหนังสือเลยคว้าติดมือมาด้วย ตอนแรกกะว่าจะเอาไว้อ่านก่อนนอน จะได้ง่วงแล้วหลับไป ที่ไหนได้เล่นเอาไม่หลับไม่นอนเลย

เรื่องราวของก็อต หนุ่มที่ติดบ้านจัดๆ จะเรียกว่าบ้านเป็นอากาศสำหรับก็อตก็ว่าได้ ก็อตมีโอกาสได้ทำงานที่โฮสเทลแห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้พบปะกับผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรม อันเป็นที่มาในการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเขา โดยจุดหมายปลายทางครั้งนี้คือ เกาหลีใต้

เราจะได้เห็นเกาหลีใต้ในอีกมุมหนึ่งที่เราอาจจะไม่ค่อยรู้จักนัก ผ่านสายตาของก็อต มิตรภาพที่เกิดระหว่างการเดินทาง จุดหักเหที่เป็นที่มาของชื่อหนังสือจนทำให้เราต้องร้องว่า แบบนี้ก็ได้เหรอ ชีวิตมันไม่ต้องคิดอะไรมากอย่างนี้ก็ได้สินะ และบทเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจไปทั้งๆ ที่ยังกลัว

ผมชอบการเขียนของก็อตที่เขียนด้วยภาษาเป็นกันเอง เก็บรายละเอียด และใส่อารมณ์ขันแบบเสียดสีมาเป็นระยะให้ได้ขำ ได้ยิ้มอยู่ตลอด รวมถึงมีการสอดแทรกข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ กำลังดี ไม่มากจนเกินไป

อีกย่างที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าติดตามก็คือความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ที่ทำให้เรารู้สึกดี จนอดอิจฉาไม่ได้ในบางที และปัญหาที่ก็อตต้องเจอ ต้องแก้ ก็ทำให้เรารู้สึกสนุกไปด้วย

สรุปถ้าต้องการหนังสือฟีลกู้ดสักเล่มก็ขอแนะนำเลยครับ อ่านจบแล้วผมนี่อยากเปิดโฮสเทล กับอยากออกไปแบ๊คแพ๊คเดี่ยวสักครั้งในชีวิตเลย (แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว...)

[ANKO · Rating 4 out of 5]

อ่านจบแล้วเหมือนได้เดินทางไปด้วยเลย
อยากลองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศดูบ้างสักปีสองปี 😂

[Legendbooks · Rating 5 out of 5]

"เกาหลีใต้ที่เห็นและไปอยู่"

หนังสือเล่มแรกของก็อต​ ที่เขียนออกมาได้ดีเกินคาดดด ก็อตน่าจะไม่ใช่คนปกติ​ ฮ่าๆๆๆ แต่เป็นฟองน้ำที่ซึมซับทุกเรื่องราว​ เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด​ และเล่าเรื่องได้อย่างมีอารมณ์ขันสุดๆ​

ก่อนหน้านี้ เรารู้จักเรื่องเล่าของก็อตผ่านสเตตัสต่างๆ ในเฟซบุ๊ค ก็อตเป็นคนที่เล่าเรื��องธรรมดาได้อย่างไม่ธรรมดา ถ้าเปรียบเหมือนแรปเปอร์ การฟลิปโฟลว์ของก็อตมันมีความลงตัว แต่ในขณะเดียวกันก็มีการลงจังหวะที่เราคาดเดาไม่ได้ ดังนั้นเวลาที่อ่านเรื่องเล่าของก็อตแต่ละเรื่องจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล่าที่สดใหม่ตลอดเวลา

และในหนังสือเล่มแรกของก็อตก็เช่นกัน

หนังสือเรื่องนี้ไม่ได้บอกเล่าแค่เรื่องราวของชายหนุ่มที่ตัดสินใจหอบความกล้าขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศครั้งแรกเท่านั้น แต่มันเป็นหนังสือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ ที่บางครั้งเราไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลกจะมาพบเจอกันและสร้างความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นขนาดนี้ เราพบเห็นความเป็น "มนุษย์" ในตัวละคร(ที่มีอยู่จริง) ของก็อต ทั้งสไตจ์น หนุ่มดัตซ์ผู้เหมือนหลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซีหลุดโลก ผู้เชี่ยวชาญ สตรีทฟู้ดในข้าวสาร แก๊งคนบาปจากเกาหลี อย่างซูโอ ดงอิน เยอึน ผู้ทำให้เราเรียนรู้คำว่า Work Hard, Play Harder, บาร์ลับของจีฮโย สถานที่ที่รวมผู้คนประหลาดเอาไว้ด้วยกัน ฯลฯ มันทำให้เราอินไปกับ "ความบ้า" ของพวกเขา และหัวเราะไปกับวีรกรรมแสบๆ​ ที่บางครั้งเราก็อยากลุกมาทำเรื่องเพี้ยนๆ​ แบบนั้นบ้าง​ แต่ใจไม่กล้าพอ​ ฮ่าๆๆๆ

นอกจากหนังสือของก็อตจะเล่าเรื่องราวของ​ "ผู้คน" รอบตัวได้โคตรสนุกแล้ว​ เกาหลีใต้ผ่านสายตาของก็อตยังเต็มไปด้วยแง่มุมที่เราคาดไม่ถึง​ ทำให้รู้สึกว่าปูซานและโซลที่เราเคยไปนั้น​ ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะมาก​ และเรื่องเล่าของก็อตมันกระตุ้นการอยากเดินทางของเราอีกครั้ง

ก็อตเล่าเรื่องราวของเกาหลีในสายตาของ​ Resident Tourist​ ด้วยความแพรวพราว​ และมันทำให้เราตกหลุมรักตัวหนังสือของก็อตและอยากอ่านงานเล่มต่อๆ​ ไปของก็อตอีก

เราอ่านหนังสือเล่มนี้จบที่ท่ารถทัวร์​ ตอนกำลังเดินทางกลับบ้าน​ เหมือนคนเขียนหนังสือเล่มนี้ที่เป็นนักเดินทางกลับบ้านตัวยง​

หวังว่าก็อตจะได้ออกเดินทางอีกครั้ง​ และดูดซับเรื่องราวของผู้คนที่พบเจอ​ มาเล่าให้เราฟังอีก

ที่สำคัญ​ เกาหลีใต้เปิดประเทศเมื่อไหร่​ อยากให้ก็อตจัดทัวร์ตามรอยแก๊งทรชนตับสักแม็ตซ์​.... ฉันจะจองคิวเป็นคนแรกเลย

[Nottajorn K. · Rating 3 out of 5]

เรื่องน่าสนใจจะอยู่ช่วงครึ่งหลัง ช่วงแรกๆ ของเล่มรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ต้องเล่าก็ได้เยอะพอสมควร แต่ก็เข้าใจได้ เพราะเป็นหนังสือบันทึกประสบการณ์ เลือกอ่านเล่มนี้เพราะอยากรู้ว่าคนอื่นๆ ที่ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรกๆ รู้สึกยังไงบ้าง เพราะตัวเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว ส่วนเกาหลีใต้จากที่ได้ยิน ได้ฟัง และได้อ่าน ก็ไม่ได้เป็นประเทศที่น่าสนใจเท่าไหร่ ยกเว้นเมืองพาจู ที่เป็นเมืองผลิตหนังสือแบบครบวงจร พออ่านถึงบทนั้นแล้วก็ขนลุก คิดว่าคนที่ชอบหนังสือต้องอยากไปแน่ๆ

[Wasinee Nawanetiwong · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือที่ใช้เวลาอ่านไวมากกกกค่ะ สนุกอะ 555555
ตอนที่อ่านหนังสือเหมือนได้ฟังเพื่อนเล่าเรื่องชีวิต,มุมมอง แบบครบรส
เหตุการณ์อิหยังวะต่างๆที่ถ้าเราไปเที่ยวเอง ก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสแน่ๆ
อ๋อ เพราะว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่การไปท่องเที่ยวอะ ถ้าใครคิดว่าเป็นบันทึกการท่องเที่ยวนี่คิดผิดเลยน้า
"เกาหลีใต้ ที่เห็น และ ไปอยู่" จริงๆค่ะ , เปิดโลกเปิดมุมมองให้ตัวผู้อ่านได้เห็นอีกมุมของเกาหลีใต้เลย

โดยรวมแล้ว ประทับใจค่ะ คิดว่าจะอ่านซ้ำอีกรอบด้วย
เปนกำลังใจให้ผู้เขียน เขียนหนังสือมาอีกนะคะ รออ่าน :)

[Nathanan · Rating 5 out of 5]

รับรองว่าได้อะไรจากการอ่านเล่มนี้แน่นอน
หลังจากอ่านจบอย่างน้อยเราก็ได้ตั้งคำถามกับตัวเองในสิ่งที่เรากำลังกลัวหรือไม่กล้าจะทำอะไร ว่าทำไมไม่ทำมันซักทีนะ รออะไรอยู่!! ในฐานะนักอ่านฝึกหัด ขอแนะนำให้ลองอ่าน อ่านง่ายเหมือนมีนักเขียนมาพูดอยู่ข้างๆ เพราะมันคือสไตล์การพูดของเขาที่แท้ ฮ่าๆ เนการเล่าถึงเกาหลีในแบบฉบับที่ไม่ใช่ไกด์นำเที่ยว แต่คือตามชื่อเลย ที่เห็นและไปอยู่ ความสัมพันธ์ สังคมและวัฒนธรรม (อื่นๆ) สลับสับช่วงกันไป มอบเยี่ยม น่าอ่าน ไม่หลับ อ่านได้ทุกที่ อิ_อิ

[Chattamon Chutrakul · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือที่ดึงความกล้าได้อย่างทรงพลังมากๆ
ดูถูกสีปกซอฟต์ ใส สีแคนดี้ไม่ได้เลย

ผู้เขียนหลอกเราตั้งแต่ปก ไปถึงเนื้อหาในเล่ม
แต่หลอกในที่นี้คือเป็นพลังบวกนะ 55555
หลอกด้วยสีปกสีสดใส
เล่าเรื่องผ่านฤดูกาลเหมือนพลอทซีรี่ย์เกาหลี อบอุ่นหัวใจ
ถ้าคิดว่าอบอุ่น คุณคิดผิด!!

พอเริ่มเปิด เราหยุดอ่านมันไม่ได้
อ่านจบ อยากจะกดตั๋วไปเกาหลีซะเดี๋ยวนี้

ป.ล. ใครอ่านแล้ว มาพูดคุยกันหน่อย เราอยากรู้ว่าคุณจัด Category หนังสือเล่มนี้ไว้ในหมวดไหน
สำหรับเรายกให้เป็นหนังสือในดวงใจอีกเล่มในปีนี้เลย ❤️

[Kelly Jiang · Rating 5 out of 5]

Best of 2020!

[Aei Rojtrakul · Rating 5 out of 5]

บอกตามตรงว่า ถ้าถ้าเพื่อนรอบตัวไม่ยุคือไม่หยิบมาอ่าน แต่ก่อนบอกเลยว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี 1. ชอบซื้อหนังสือและ judge by cover จริงๆ คือเป็นคนชอบเสฟ artwork ผ่านหน้าปกจริงๆ ทำให้หนังสือที่ซื้อมาแต่ละเล่มอ่านไม่เคยจบ เรียกว่าเป็นกองดองตั้งๆ แต่เล่มนี้หน้าปกสวยจริง แต่ก็ยังไม่สะดุดตา เพราะติดที่ว่า มันเป็นหนังสือที่ไปเที่ยวเกาหลี

นิสัยไม่ดีที่ 2. คือมีmindset ที่คิดว่าคนไปเที่ยวเกาหลีจะต้อง เป็นคนที่ไม่ติ่งบ้าเกาหลีก็ต้องเลือกที่ๆง่ายที่สุด ที่คนไทยไปเยอะที่สุด

แต่หนังสือเล่มนี้ พี่ก้อตได้ใช้ไม้เรียวตีความนิสัยไม่ดีของเราซะแตกกระเจิงแบบไม่เหลือสิ้นดี แบบผิดทุกข้อที่คิดไว้

ซ้ำยังเป็งเหมือนแรงกระตุ้น แบบคนมีมาเขกมะเหงกที่ทำให้เราฉุกกลับมาคิดถึงตัวเองว่า ความจริงแล้วนั้นเรากล้าได้ครึ่งหนึ่งของเขาหรือป่าว ทั้งๆที่ภายนอกตัวเราดูเป็นคนที่ใจกล้าหน้าด้านมาก มั่นใจมากเพราะไปมาหลายประเทศ แต่ดั๊นมายอมจำนนให้กับหนังสือเล่มนี้เลยจริงๆ ยอมให้กับคนที่ไม่เคยออกไปไหนเลย และรวบรวมความกล้าของตัวเองด้วยการตัดสินเดินทางไปเกาหลี และไม่ใช่แค่ไปเที่ยวนะ ไปอยู่ การไปอยู่ มันคือ a whole new world to me มาก ความกล้าพวกนี้

และเล่าม��มมองของประเทศนี้ในแบบที่คนอื่นที่ขี้ตัดสินแบบเรา ต้องเปลี่ยนความคิด หรือกลับมามองดูว่าความจริงที่เกาหลีที่เราไปมาตั้งหลายครั้งนั้น เรากลับชอบมันที่สุดเลยนี่หน่า และเพื่อนซี้ต่างขาติที่ซี้ที่สุดก็อยู่ที่นั่น เหมือนที่พี่บอกในหนังสือ มันอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ไป ความจริงแล้ว มันคือคนไปพบเจอและความประทับใจต่อคนพวกนั้นต่างหาก
วิธีการเล่าของพี่ทำให้อ่านต่อได้เรื่อยๆเลยอ่ะ เหมือนเป็นการเล่าสู่กันฟัง สนุกเป็นกันเองสุดๆ คำหยาบก็มีนี่คือสิ่งที่ชอบ

ถึงแม้ว่าจะอ่านได้ช้ามากๆ เพรา��เพิกเฉยการอ่านมานาน แต่ก็พกไปทุกที่จริงๆ เห็นได้จากคราบกาแฟ หนังสือเล่มนี้เคยขึ้นเครื่องไปปฏิบัติงานบนฟ้ากับฉัน ไปเล่นเซริฟด้วยกัน และประกอบกับเป็นคนไม่ระวังก็เป็นแบบนี้ แต่มันทำให้วางไม่ลง ไม่ใช่เพราะอยาก achieve ความนิสัยไม่ดีของตัวเอง (นั่นก็อาจจะส่วนนึง) แต่เพราะ มันช่วยเราได้มาก มันช่วยให้คนที่รู้สึกสิ้นหวังในจิตใจ มีความหวังอีกครั้งนะ ไม่มากก็น้อย จากการที่เคยเป็นคนมั่นใจมากๆๆๆ แต่ความจริงแล้วมันทำให้เอยรู้จักกับ การสารภาพต่อจิตใจของตัวเอง ว่า เรามีความกลัว กลัวขึ้นสมอง และหนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึกว่าไม่กลัวที่จะมีความกลัวอีกต่อไป
และวันนึงเราจะเริ่มต้นการผจญภัยคนเดียวของเราบ้าง

ขอบคุณมากจริงๆ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ถึงเขียนให้ที่หน้าปกว่า “จงอย่ากลัวที่จะมีความกลัว” เราทุกคนล้วนมีความกลัวเป็นิจจริงๆ
ขอบคุณที่เข้ามาเปิดอกเปิดใจที่แคบและขี้ติดสิน ขี้ hypocris เพราะคิดว่าตัวเองดีเสียเหลือเกิน ขอบคุณตัวเองว่ะที่กล้าเขียนอะไรแบบนี้ด้วย ขอบคุณที่ทำให้กลับมาอ่านได้อีกครั้ง

ทุกครั้งที่มีความกลัวเราสามารถมาเติมกำลังใจให้กันและกันได้นะ

[Nune · Rating 5 out of 5]

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางที่เล่าโดยประสบการณ์ของผู้เขียนเล่มแรกที่เคยอ่านหนังสือเดินทางมาเลยค่ะ มีบางที่เคยอ่านหนังสือท่องเที่ยว แต่มักเป็นคู่มือการเที่ยว แต่ยังไม่เคยอ่านจากประสบการณ์ของผู้เคยเลย หนังสือ เกาหลีใต้ที่เห็นและเป็นอยู่ เป็นหนังสือที่น่าปกราบเรียบ แต่เนื้อหาไม่เหมือนกับน่าปกเลย เราโดนหนังสือเล่มนี้ตกจากคำโปรย และจากที่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศของผู้เขียน อ่านแล้วเหมือนได้รู้จักกับผู้เขียนไปด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกันเลย ได้เห็นถึงความเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนง่าย และคลิ๊กกับคนอื่นๆถึงแม้ไม่รู้จักกันมาก่อน หรือคนต่างประเทศได้ง่ายมากๆ การเขียนเรื่องก็เหมือนเราได้อ่านเรื่องราวของพี่ ของคนรู้จักมาเล่าให้ฟัง เพราะการเขียนเล่าของผู้เขียนเป็นกันเองมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกอ่านแล้ววางไม่ลง อาจเพราะชอบด้วยมั้งคะ เลยอ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย นอกจากหนังสือจะสนุก อ่านไปทำให้นึกภาพตามได้ ถึงแม้จะไม่ไปเคยเกาหลีเลยสักครั้ง แต่ผู้เขียนก็ยังเขียนเล่ามุมมองต่างๆของเกาหลี ที่คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คงไม่รู้ลึกเท่านี้เช่นกัน หรืออาจจะบางคนที่ไม่รู้ เช่น ลัทธิศาสนา การเรียนที่หนักมากกก หรือการสอบของเกาหลี คิดว่าประเทศไทยเรียนหนักแล้ว มาอ่านที่ผู้เขียนเขียนให้คือยอมเกาหลีเลยจริงๆ แต่มันก็มีทั้งข้อดีและเสีย แต่ส่วนใหญ่ก็อิจฉาคนเกาหลีในหลายๆอย่าง ที่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง เช่น เรื่องเมืองหนังสือ ก็อยากให้ผู้นำประเทศไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของหนังสือ้หมือนประเทศอื่นๆบ้าง การโดยสารสาธารณะที่ถึงแม้ประเทศเขาจะเคยเป็นเผด็จการมาก่อน แต่ผู้นำเขาก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของประชาชน คือการโดยสารสารธารณะของเขาดีมากๆๆๆ แม้กระทั้งมีทางขึ้นลงให้กับรถวีลแชร์ ทำให้พวกเขาไปไหนมาไหนได้ โดยไม่ต้องพึ่งผู้ดูแล เป็นต้น นอกจากอ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนเป็นคนที่เป็นที่รักของคนอื่นๆพอสมควรเลย ที่ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ก็จะมีคนส่งข้อความ โทรมาถาม เช่น กรณีแผ่นดินใหว ก็มีเพื่อนคนเกาหลีส่งข้อความมา โทรมาถามไถ่ รู้สึกว่าผู้เขียนเจอมิตรภาพดีๆรอบตัวเลยค่ะ สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่รู้สึกชอบ และเปิดมุมมองหลายๆอย่างในเกาหลีที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เห็นว่านี่เป็นผลงานเล่มแรกของผู้เขียนเลย ถือว่าทำได้ดีมากๆเลยค่ะ และอยากอ่านจะผลงานเล่มอื่นๆอีกต่อเลยค่ะ :-)

[Sukitta Visitsara-At · Rating 5 out of 5]

พออ่านจบไปดูรีวิวหลายๆคนบอกว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้กล้าจะออกเดินทาง
แต่สำหรับเรา หนังสือเล่มนี้เหมือนวรรณกรรมเยาวชน เพียงแต่เนื้อเรื่องนั้นคือประสบการ์ของคนเขียนจริงๆ
ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในหมวดวรรณกรรมเยาวชน แต่หนังสือเล่มนี้ราวกลับว่าปลุกความเป็นเด็ก ความสงสัย ความคร่ำครวญความคิด ความรู้สึกของตัวเองออกมาใหม่ในร่างผู้ใหญ่ที่ไร้จุดหมาย ชวนให้ออกเดินทางตามหาความรู้สึกที่อยู่ข้างใน ก่อนจะทำให้เราเลือกจะออกเดินทางไปไหนซักแห่งหรือลองทำอะไรใหม่ๆด้วยซ้ำ เลยอาจจะไม่แปลกที่ทำให้หลายท่านที่อ่านรู้สึกอยากจะออกเดินทางกะเค้าบ้างจากหนังสือเล่มนี้
ถึงเราเท้าเราจะไม่ได้ขยับไปไหน แต่หนังสือเล่มนี้ก็พาเราออกเดินทางตั้งแต่หน้าแรกที่อ่าน ผ่านความเป็นไปของผู้เขียนกับประสบการณ์เดินทางของเค้าในช่วงสองปี
เหมือนปิยฤทธิ์ ที่ออกเดินทาง โดยไม่แน่ใจว่าปลายทางคืออะไร ออกสำรวจ และใช้ชีวิตกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เผชิญกับความกลัว และทำให้เราพร้อมจะออกไปจัดการกับมัน ด้วยซักวิธีนั้นแหละ ในแบบปิยฤทธิ์ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือท่องเที่ยว หรือหนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือวิจารณ์การเมือง หรือหนังสือให้ความบันเทิงซะทีเดียว เพราะหนังสือเล่มนี้คือทุกอย่างที่กล่าวมา
ท่าทางการเขียนของปิยฤทธิ์ ก็บอกให้รู้แล้วว่า ถ้าเค้าเป็นเพื่อนคนนึงในแก็งค์ เค้านี่แหละที่จะเป็นคนที่ทำให้แก็งค์นั้นไม่มีวันน่าเบื่อ จังหวะโบ๊ะบ๊ะ ที่ทำให้รู้สึกอย่างกับเพื่อนที่เจอกันวันแรกก็เข้าขากันมาเป็นสิบๆปี
ไม่คิดว่าจะใช่ทุกคนที่ชอบหนังสือแนวๆนี้ มันอาจจะราบเรียบเกินไปสำหรับบางคน แต่สำหรับคนที่กำลังตามหาบางสิ่งในชีวิต แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไร มาลองดูวิธีการตามหาและบรรยายในแบบของผู้เขียนท่านนี้ดู อาจจะพบว่าการใช้ชีวิตเนิบช้า แล้วหยุดทบทวนสิ่งที่อยู่ข้างใน อย่างเด็กช่างสงสัยในความรู้สึกของตัวเอง มากว่ารับฟังสิ่งรอบตัว ที่หมุนไวเสียจนลืมไปแล้วว่าวัยเด็ก เคยตื่นเต้นกับสิ่งที่แสนธรรมดามากๆไปได้ยังไง หนังสือเล่มนี้อาจทำให้ปลุกความรู้สึกทำนองนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็วิเศษณ์ไม่เบา จากการอ่านหนังสือเล่มหนาๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากรู้การเดินทางของผู้เขียนในแต่ละวันไวๆ เอาเป็นว่าถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นอาหารซักจาน ก็คงไม่ใช่โอมากาเซะ แต่เป็นกะเพราะไก่ไข่ดาว ที่ไม่ใช่แค่ประทับใจ แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกไปแล้ว
ใจจริงไม่อยากเขียนหยิบยกส่วนตอนที่สนุก ทั้งอยากจะพูดให้ฟังแทบแย่ แต่อยากให้อ่านเพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น ด้วยตัวเองเสียมากกว่า แล้วอยากให้มาพูดคุยกัน แต่ละท่านที่อ่านประทับใจในเรื่องราวใดและมองสิ่งนั้นในมุมไหน
ทุกนิทานย่อมมีบทสรุป แต่บทสรุปของปิยฤทธิ์ในหนังสือเล่มนี้ มีแทบจะล้านเรื่องราวที่อาจจะสรุปแล้ว หรือทำให้อยากให้ข้อสรุป หรือแม้กระทั่งคิดต่อไป ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คิดว่าคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ อาจจะได้เจอทั้งคำถาม และคำตอบ ในสิ่งที่คิดว่าไม่พร้อม ในความรู้สึกที่เคว้งคว้าง ในความกลัว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ตามหา ที่บังเอิญเจออยู่ในข้อความที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ไม่มากก็น้อย
สำหรับเรามันกลมกล่อมกำลังพอดี เบาๆแต่ก็เอาเรื่อง ที่เป็นนักเขียนอีกท่าน ที่เราจะเกาะติดผลงานถัดจากหนังสือเล่มแรกของเค้าเล่มนี้ ต่อไปเรื่อยๆค่ะ

[Sitanan Fahsai · Rating 5 out of 5]

‘ทำไปทั้งๆที่ยังกลัวนี่แหละ’ บ้านอีกหลังอาจจะกำลังรอเราอยู่ หนังสือเล่มนี้ทำให้เราอยากออกเดินทางอีกครั้ง บ้านหลังใหม่กำลังรอให้เราไปเรียนรู้ :)

ในคราวแรกที่ได้หนังสือมา ไม่ได้มีความคาดหวังมากกับหนังสือเล่มนี้ แต่เลือกที่จะอ่านเพราะมีความคิดถึงประเทศเกาหลีเป็นทุนเดิม จากที่เคยไปเที่ยวมาก่อนช่วงโควิด 19 ระบาด
แต่พออ่านเล่มนี้จบ กลับรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเพื่อน ที่ทำให้หลุดออกจาก safe zone การเดินทางได้ รวมไปถึงความรู้สึกอบอุ่นและห่วงใยต่อเพื่อนๆ และความสัมพันธ์รอบตัวผู้เขียน

การเปิดเรื่องทำให้เราเริ่มรู้จักตัวละครหลักอย่างคุณก๊อตทีละเล็กทีละน้อย และกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ คุณก๊อต ตัดสินใจค้นหา ‘บ้าน’ อีกหลังที่อยู่ห่างออกไป ด้วยภาษาที่กวนๆ แอบจะซึ้งในบางครั้ง จุดนี้ที่ทำให้เราอยากออกเดินทางหา บ้าน อีกหลังเช่นกัน

ภาษาที่เขียน เข้าใจง่ายมาก เหมือนนั่งฟังเพื่อนมาเล่าเรื่องให้ฟังเลย หลายๆบทยังมีการแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เกร็ดความรู้ รวมไปถึงการเมืองและ วัฒนธรรม ที่ไม่ใช่แค่ผิวเผิน แต่เป็นมุมมองที่มองลึกเข้าไปข้างในแล้วสะท้อนกลับออกมาให้หวนนึกถึงประเทศเราอยู่บางคราว ไม่ว่าจะเป็น สวัสดิการของผู้พิการ ความใส่ใจในการเดินทางไปจนถึง การเข้าสังคม วัฒนธรรมการดื่มและการสอบเข้า ที่ทำให้เราทั้งดีใจ อบอุ่นและเศร้าใจในคราวเดียวกัน

ความสัมพันธ์ของคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่รู้จักที่ โฮสเทล, ร้านเหล้า หรือร้านขายหนังสือ ล้วนทำให้หนังสือเล่มนี้ น่าสนุกขึ้นไปอีก คุณก๊อตได้เขียนเล่าเรื่องราวที่ได้อยู่ร่วมกันกับ เพื่อน หรือกลุ่มคนที่ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ บ้าน ได้มีหลายมิติ เท่าที่มนุษย์คนนึงจะมีและสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ในแง่ทั้ง ความบ้า5555 ไปจนถึง การจากลา(ที่จะมาพบกันใหม่) ผ่านทุกฤดู

จริงๆ หลังจากอ่านเล่มนี้จบแล้วอบอุ่นหัวใจมากๆ จากที่คิดถึงเกาหลีอยู่แล้ว ก็คิดถึงมากไปอีก อาจจะเป็นเพราะว่า มีความรู้สึกร่วมที่เราเห็นด้วย หรืออาจจะเจออะไรมาคล้ายกันบ้าง แต่ส่วนหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะฝีมือผู้เขียน

หนังสือเล่มนี้ถือว่าครบรส และอยากให้ทุกคนได้อ่านจริงๆ เพราะไม่เพียงแค่เราจะรู้จักเกาหลีมากขึ้น แต่เราอาจจะได้แรงบันดาลใจ รวมไปถึงความคิดถึงและความอบอุ่นของบรรยากาศที่ถามโถมเข้ามาอย่างคาดไม่ถึง :)

[Pattaraporn Wiwattanakarn · Rating 5 out of 5]

Home Away from Home ของก๊อต ปิยฤทธิ์
เป็นเล่มที่เราตั้งใจมากว่าจะต้องซื้อให้ได้ในงาน ABC BookFest เพราะเราอยากอ่านเรื่องราวของนักเดินทางกลับบ้านที่จะออกไปหาบ้านหลังใหม่ (ตามคำโปรยหน้าปกน่ะแหละ) มันน่าจะได้ฟีลเหมือนๆตอนที่เราย้ายออกจากกทม.มาอยู่เมืองเหนือ มาหาที่ทางของตัวเอง อะไรทำนองนั้น
แต่หลังจากเปิดอ่านๆๆ รวดเดียวจบในเวลาห้าชั่วโมง..
เราว่า หนังสือเล่มนี้ ไม่ควรถูกจัดอยู่ในหนังสือท่องเที่ยวตามที่ร้านหนังสือจัดหมวดให้เลยนะ
แต่ละตอนมันมีความจุก ความกระแทก หวดเราด้วยอารมณ์เหงาๆเคว้งๆ ของคนที่เป็น "นัม" และไม่มี "จ็อง" แบบเรามาก
แล้วเราดันไปเก็ทอารมณ์ของคนที่พอได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมสักแห่งที่เรารู้สึกได้ว่า เอ้อออ!! นี่แหละ มันน่าจะใช่ที่ของเรา แต่เราก็ดันอยู่ตรงนั้นไม่ได้ตลอดไปอีก..
เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ใช่บ้าน พอชีวิตมันต้องเดินทางไปถึงเวลาที่จะต้องจากที่นั่นมา มันให้อารมณ์ที่โคตรเศร้าลึกๆ
หลายบทหลายตอน ก๊อตเขียนให้เราหัวเราะ แต่หลายตอนก็ทำเราน้ำตาไหลออกมาเฉย จนต้องย้อนกลับไปอ่านว่า นี่ชั้นร้องเพราะบรรทัดไหนวะ
ใครจะบอกว่าหนังสือนี้เป็นสารคดีท่องเที่ยว ก็ว่าไปตามนั้น แต่สำหรับเรา มันเป็นหนังสือที่บอกเล่าอารมณ์ของมนุษย์ที่ไขว่คว้าหามิตรภาพ มนุษย์ที่พยายามมองหาเพื่อนสักคนสักกลุ่ม ที่จะเข้าใจในความเป็นเราจริงๆ และมองหาตำแหน่งแห่งที่สักแห่งบนโลกใบนี้ที่เราจะอยู่ได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยกเป็นอื่น
อย่าเชื่อกับปกสีหวานๆ ลองไปหามาอ่าน แล้วมาเล่าให้ฟังด้วยว่าเรื่องราวของ "มนุษย์ฟองน้ำที่มีพลังซึมซับระดับมงกุฎเพชร" อย่างก๊อต บอกอะไรคุณบ้าง
แต่เราเชื่อตามคำนิยมนะ
"ชีวิตไม่เคยปล่อยให้เราเป็นคนเดิมตลอดไปหรอก"
และเราก็มั่นใจว่า..หลังจากเริ่มก้าวแรกของการเดินทางแล้ว
ก๊อตเองก็คงไม่มีวันเหมือนเดิมตลอดไปเช่นกัน..
ขอบคุณก๊อต..ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา Gott Piyarith
"Home Away from Home" โดย ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์
ทริปขนาดยาวของนักเดินทางกลับบ้านกับการออกไปหาบ้านหลังใหม่ของตัวเองที่เกาหลีใต้

[Jindaporn Jayangkura · Rating 5 out of 5]

ความหนาไม่ใช่อุปสรรคของการอ่านหนังสือเล่มนี้สำหรับเรา เราชอบหนังสือหนาๆ เพราะถ้าดีเราจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ และคำนิยมในไม่กี่หน้าแรกของ ‘Home Away From Home เกาหลีใต้ ที่เห็นและไปอยู่’ ก็ไม่ได้มีใครเยินยออะไรเกินจริง

เป็นบันทึกการเดินทางที่ทำเราขำจนน้ำตาไหล (ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนขำง่ายอยู่แล้วด้วยไหม) นี่มันทริปอะไร สนุกตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทาง เราไม่เคยไปเกาหลีใต้ในหน้าร้อนเลย ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่ก๊อต ผู้เป็นเจ้าของบันทึกการเดินทางเล่มนี้ กลับทำมันอย่างหน้าตาเฉย คนไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศแต่กลับเลือกเกาหลีใต้เป็นเป้าหมาย เขาอาจตอบคำถามใครๆ ที่ว่า “จะไปทำไมเกาหลี ไปญี่ปุ่นไม่ดีกว่าหรอ” ได้ด้วยหนังสือเล่มนี้

นอกจากหัวเราะ นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำให้เราร้องไห้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ครั้งล่าสุดจำได้ว่าเป็นนิยายรักเกาหลีที่อ่านตอนมัธยม /พระเอกตาย

ทุกฤดูของก๊อตเต็มไปด้วยเรื่องราวหลากหลายที่ทำให้เราทั้ง อย่างที่บอกไปว่าหัวเราะ ร้องไห้ และบางทีก็อุทานออกมาเบาๆ ว่า เชี่ย! เราชอบฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สุด ไม่ได้หมายถึงในชีวิตจริงนะ หมายถึงในหนังสือเล่มนี้เรื่องราวมันเข้มข้นทางความรู้สึก

หนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือที่เราแนะนำให้คนที่ไม่เข้าใจว่าจะไปทำอะไรที่เกาหลีใต้อ่าน คนที่อยากเข้าใจที่มาที่ไปของคัลเจอคนเกาหลีใต้แบบไม่เบื่อ ค่อยๆ ซึมซับมันลงไปก่อนไปเจอด้วยตัวเอง คนที่ไม่ได้ชอบคาเฟ่ เ���ื่องสำอาง ซีรี่ส์หรือฟังเพลง

เราว่าเกาหลีใต้ต้องการคนที่เปิดใจ เพราะไม่อย่างนั้นถึงจะไปเหยียบแผ่นดินนี้อีกสักกี่ครั้ง ก็ยังมองไม่เห็นโลกที่กว้างขึ้นอยู่ดี

[Elle Danvivat · Rating 5 out of 5]

เป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือแต่เล่มนี้อ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆเลยค่ะ ตัวหนังสือเยอะก็จริงแต่มีเรื่องราวให้น่าติดตามทำให้อยากอ่านต่อ
หนังสือมีครบทุกอารมณ์ บางครั้งอ่านแล้วเผลอยิ้มตามโดยที่ไม่รู้ตัว
อ่านมาเรื่อยๆถึงตอนใกล้จบ รู้สึกหวิวๆไม่อยากให้จบเลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนเรากำลังฟังเพื่อนเล่าเรื่อง แล้วพอเล่าจบก็ต้องแยกย้ายกันมันเลยมีเศร้าเล็กๆ

Home away from home เป็นหนังสือเล่มแรกที่อ่านจบ ��ละตั้งใจอ่านจริงๆ ผู้เขียนเล่าเรื่องได้ทั้งน่ารัก ตลก เศร้า หลอนด้วยนิดๆ มีครบทุกอารมณ์จริงๆ บวกกับเรื่องราวเกี่ยวกับเกาหลีใต้แบบ insight สุดๆ ทำให้หนังสือน่าสนใจขึ้นมากเลยค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณก๊อต และจะคอย support ผลงานต่อๆไปอีกนะคะ
รอติดตามเล่มต่อไปแล้วค่าา :)

[Napassakorn Petchsaitip · Rating 5 out of 5]

หนังสือเล่มนี้.. มันไม่ใช่แค่การรีวิวประเทศเกาหลีใต้ แต่มันคือการเล่าจากมุมมองคนที่ไปอยู่จริงๆ อะไรที่เราไม่ได้ไปสัมผัสตอนที่เราไปเที่ยว พี่ก็อตได้ใส่มาหมดแล้ว เหมาะกับทุกคนไม่ว่าจะเคยไปต่างประเทศ หรือยังไม่มีช่วงเวลาเหมาะเจาะให้ได้ไปก็ตาม หนังสือเล่มนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้อยากจะลองก้าวออกไปเป็นครั้งแรก หรือไม่.. ก็ก้าวออกไปอีกครั้ง

พี่ก็อตเขียนได้สนุกมาก ใช้ภาษาอ่านง่ายที่อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก บางตอนก็ขำชิบหาย บางตอนร้องไห้เป็นเผาเต่า ถ้าปกติไม่ได้อ่านหนังสือ แล้วกำลังจะเริ่มอ่าน แล้วไม่รู้จะอ่านอะไร .. เล่มนี้จะเป็นเล่มแรกที่ดี เรารับรอง อิ้อิ้

[Medu · Rating 3 out of 5]

หนังสือเล่าสนุกมาก ค่อนข้างเจาะลึกข้อมูลแบบอินไซต์ อ่านเพลินดี ประทับใจ
ชอบตอนพูดถึงเรื่องสอบซูนึงมากๆ
มีหลายตอนที่อ่านจบแล้วต้องหยุด ให้เวลากับความคิดตัวเองสักพัก

ไม่ค่อยชอบบางมุกที่ใส่เข้ามาช่วง intro โดยเฉพาะตอนเจอตม.
มันเหมือนคุณก๊อต judge สิ่งรอบตัวด้วยไม้บรรทัดของตัวเองมากเกินไป หรือได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างว่า ให้มองสิ่งนั้นๆ เป็นแบบนี้ๆๆๆๆ นะ พออ่านแล้วมองคนละมุมกันเลยทำให้รู้สึกแปลกๆ

[JaOa M · Rating 5 out of 5]

ช่วงแรกฮามาก ช่วงกลางไปจนจบ หม่น เหงาซะงั้น
ชอบการอ่านที่เหมือนกำลังฟังเพื่อนเล่าเรื่องราว เวลาสนุกก็สนุกด้วย เวลาเศร้าก็เศร้าด้วย มีฉากสะเทือนใจ จุกๆ อยู่พอประมาณ กลมกล่อมดี

คนไม่เคยไปเกาหลี อ่านแล้วคงอยากไป
คนเคยไป อ่านแล้วยิ่งโหยหา อยากกลับไปอีก
ถ้าได้ไปอีกครั้ง คงมองเกาหลีด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

ป.ล. ปกสวยมาก กระดาษหอมมากกกก

[Catlovesbooks · Rating 4 out of 5]

เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนที่ไปๆ กลับๆ เกาหลีใต้ทั้ง 4 ฤดูกาล ผู้คนที่พบเจอ สถานการณ์ต่างๆ ในเกาหลี พร้อมมีประวัติศาสตร์สอดแทรกหน่อยๆ แต่กว่าจะเข้าเรื่องก็อ่านไปแล้วหลายสิบหน้า ยังแนะนำชีวิตส่วนตัวไม่เสร็จเลย - -“ จากที่อ่าน คิดว่าผู้เขียนน่าจะเป็นคนอัธยาศัยดีมากๆ เป็นเพื่อนกับคนได้เกือบทุกรูปแบบ เลยงงๆ นิดนึงตรงที่บอกว่าเป็นคนติดบ้านมากกก แต่ดื่มเก่ง ตั้งวงเก่ง ไรเก่ง 555

[saru · Rating 5 out of 5]

บังเอิญเจอหนังสือเล่มนี้
บังเอิญต้องเดินทางไปเกาหลีคนเดียว
และบังเอิญหยิบไปเล่มนี้ไปเกาหลีด้วยกัน

โชคดีที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเนื้อหาเลย
เลยได้เริ่มต้นแบบช้าๆ ทีละหน้า ทีละบท
อ่านไปไม่นานก็จบ เพราะเขียนสนุกจนวางไม่ลง

อาจเพราะเรื่องราวที่เขียนในตอนนั้น
มีประสบการณ์ร่วม ณ เวลานั้นๆ พอดี
เลยยิ่งเพิ่มอรรถรสในการอ่าน แถมรู้สึกว่า
เหมือนได้มี “เพื่อนคนหนึ่ง” อยู่จริงๆ (แต่อยู่ในหนังสือ)

ใครจะไปคิดว่าหนังสือเพียงเล่มเดียว
จะส่งแรงสะเทือนกับชีวิตเราได้มากขนาดนี้
หนังสือเล่มนี้ช่วยตอกย้ำว่า
รสชาติการเดินทางมันเติมเต็มชีวิตเราได้อย่างไร

ปล. ชอบภาษาสำนวนของผู้เขียนมากๆ รู้สึกละมุนแต่ลึกซึ้ง

ขอบคุณความบังเอิญ
ที่พาเราได้มาพบกัน :-)

และยินดีกับทุกการเดินทางเสมอนะคะ 🌷

[Nuchanaat · Rating 4 out of 5]

ในปีที่ solo trip เล็กๆ ของตัวเองล่มไปแล้ว การได้อ่านบันทึก solo trip ของคนอื่นทำให้รู้สึกถูกเยียวยานิดนึง..😆 เคยได้ยินมั้ยที่มีคนบอกว่า เรื่องราวชีวิตพวกเราแต่ละคนก็ควรค่าแก่การนำมาสร้างเป็นหนังทั้งงั้นแหละ เล่มนี้ก็รู้สึกแบบนั้นเลยฮะ ขอบคุณที่เขียนนะ

[Pemika Thamwankul · Rating 5 out of 5]

💕 ใจเต้น​ลุ้นหน่วงสงบตบท้ายด้วยใจพองโต ฤดูที่มาถึงกับอารมณ์และความรู้สึกก็เข้ากันดี​ ตอนอ่านจะได้ครบเกือบทุกฟีล อ่านเข้าใจง่าย​ หนังสือเที่ยวที่ภาพประกอบดี​สบายตา​ รวมๆ "สนุกหมดจดครบทุกซีซั่น"

[Jariya Wongpichet · Rating 5 out of 5]

ชอบมาก เขียนสนุก กวน สาระ มีทุกสิ่ง อ่านแล้วต้องหัวเราะ หึ หึ ตาม เป็นเล่มที่วางไม่ลง เพราะสนุกมาก แต่ก็อยากอ่านช้าๆ เพราะกลัวมันจบ

[Pairinmas Buasomboon · Rating 5 out of 5]

อ่านแล้วเหมือนไปเกาหลีแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน สนุกจนวางไม่ลง รู้สึกอยากหาบ้านใหม่ในที่ๆใช่กว่านี้

[Pakpinya Chinanon · Rating 5 out of 5]

สนุก ครบรส แทรกสาระและประวัติศาสตร์ ได้ข้อคิด
ดีมากค่ะ รู้สึกเหมือนผู้เขียนพาเดินชมบ้านพร้อมความทรงจำดีๆ ทำให้อยากลองออกเดินทางบ้าง

[Krit Visetketgarn · Rating 5 out of 5]

ชอบมาก พี่ก๊อตเล่าเรื่องสนุกมากครับ ได้ครบรสทั้งสุข ซึ้ง สะใจ มันส์
(จากใจคนที่คอยตามอ่านสเตตัสพี่ในเฟซบุ้คเป็นประจำครับ)

[Loyd Sueblokk · Rating 5 out of 5]

สนุกมากกกกกกกกกกกก