Jump to ratings and reviews
Rate this book

Actually, I’m an Introvert

Rate this book
"คนชอบเก็บตัวต้องรวบรวมความกล้าห้าครั้งถึงจะชวนคนอื่นคุยได้ คนชอบเข้าสังคมก็ต้องอดทนอดกลั้นห้าครั้งเพื่อที่จะไม่พูดสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป"

Actually, I'm an Introvert เจาะลึกเข้าไปในจิตใจของคนที่ชอบเก็บตัวได้อย่างลึกซึ้ง และสะท้อนมันออกมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ผ่านสถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่เราเจออยู่ทุกวัน ชีวิตของคนที่ชอบเข้าสังคมซึ่งตรงข้ามกับคนที่ชอบเก็บตัว อะไรๆ ช่างดูง่ายดายไปเสียทุกเรื่อง พวกเขาเข้ากับผู้คนได้ง่ายมาก ปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามสถานการณ์แปลกใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง งานที่ยากยิ่งสำหรับคนชอบเก็บตัว ซึ่งเป็นคนพะวักพะวงในทุกเรื่อง คนชอบเข้าสังคมกลับทำได้สบายๆ ราวกับแค่หายใจ

อย่างไรก็ตามการขัดเกลาตัวตนทั้งคนที่ชอบเข้าสังคมและคนที่ชอบเก็บตัว ต่างเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม สำหรับคนที่ชอบเก็บตัว ต้องรู้จักปลดกลอนประตูที่ปิดอยู่ออก ส่วนคนที่ชอบเข้าสังคมก็ต้องเรียนรู้ ที่จะล็อคกลอนประตูลงเสียบ้าง

ในหนังสือจะพาเราเข้าสู่หลายเรื่องราวของคนชอบเก็บตัว หลายคำถามที่กระทั่งตัวเราเองก็อาจจะเคยขบคิดอยู่เช่นกัน อาทิ วิธีเรียนรู้ในการเปิดปุ่มเข้าสังคม, ศัตรูโดยธรรมชาติของคนชอบเก็บตัวคืออะไร, คนที่อ่อนไหวง่ายคนนั้นเป็นคนชอบเก็บตัวหรือเปล่า, การคบคนแบบแคบและลึกเป็นอย่างไร, เหตุผลที่คนชอบเก็บตัวถูกโฉลกกับแมว, เวลาที่คนชอบเก็บตัวร้องไห้ก็ควรให้เขาได้อยู่กับตัวเอง, คนชอบเก็บตัวแต่ก็อยากมีชีวิตคู่นะ ฯลฯ

272 pages, Unknown Binding

Published January 1, 2019

42 people are currently reading
284 people want to read

About the author

Nam In-Sook

8 books5 followers
Associated Names:
* 남인숙 (Korean)
* Nam In-Sook (English)
* นัมอินซุก (Thai)

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
54 (14%)
4 stars
97 (26%)
3 stars
129 (35%)
2 stars
56 (15%)
1 star
25 (6%)
Displaying 1 - 30 of 75 reviews
Profile Image for nana🐱.
95 reviews36 followers
November 22, 2020
แบบว่า รู้สึกอ่านแล้วไม่ได้อะไรจากเล่มนี้555555 คิดว่าตัวเองก็เป็น คนค่อนข้างเก็บตัวนะ แต่อ่านแล้วคงเป็นคนละแบบจากที่คนเขียนนิยามไว้ ไม่รู้สึกอินหรือได้รับการปลอบโยนอะไรเท่าไหร่ เหมือนอ่านที่คนเขียนระบายมากกว่า แต่ประเด็นคือเราไม่ได้อะไรจากในนั้นเลย บางพาร์ทก็ดีแต่หลายพาร์ทอ่านแล้วมันก็ขัดใจ ที่ได้มากที่สุดก็คือเข้าใจมากขึ้นแหละอินโทรเวิดมันมีหลายเลเวลมากๆเลยนะ สรุปคือไม่ชอบ55555555 / คนแปลไม่อธิบายคำศัพท์แปลกๆเพิ่มเลย อย่างเอกนัยกับอเนกนัยเงี้ย แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะต้นฉบับหรือเพราะการแปลเราเลยรู้สึกว่าอ่านเล่มนี้แล้วมันไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่
Profile Image for ไม้ไต่คู้.
145 reviews67 followers
August 18, 2020
- สารภาพว่าตอนซื้อเข้าใจผิดว่าเป็นนิยาย เพราะเห็นอยู่หมวดวรรณกรรม (ซึ่งเข้าใจแหละว่าวรรณกรรมมันหมายถึงงานเขียนทุกแบบ ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็น ficion แต่ก็ไม่ได้เจอใครเรียกหนังสือที่เฉไปทาง self-help ว่าวรรณกรรมมาพักใหญ่ๆ แล้วอะนะ)

- ไม่รู้เป็นเพราะสำนวนเขียนหรือสำนวนแปล แต่ครึ่งแรกของหนังสืออ่านลำบากมาก (ส่วนครึ่งหลังนั้น ไม่รู้ว่าเพราะมันดีขึ้นหรือผมปล่อยวางไปแล้วเลยไม่รู้สึกอะไร) หลายประโยคต้องย้อนอ่านซ้ำไปซ้ำมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

- ทั้งๆ ที่เนื้อหามันเต็มไปด้วยการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันเป็นงานเขียนที่แห้งมาก และอ่านแล้วก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเพิ่มเกี่ยวกับเรื่อง Introvert

- แต่ชอบบทที่พูดถึง Introvert กับการเลี้ยงแมวมาก เป็น 6 หน้าที่ทำหน้าที่เดอะแบกให้หนังสือได้อย่างดีเยี่ยม

- อย่างไรก็ตาม ผมยังว่าหนังสือแพงเกินความจำเป็นกับหนังสือ 266 หน้า ในราคา 329 บาท

- ไม่อยากพูดแบบนี้ แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่เล่มที่ค่อนข้างเสียดายตังค์

- แต่ยังไงก็ยังเป็นกำลังใจให้ Bibli ทำหนังสือดีๆ ออกมาเรื่อยๆ แม้จะมีผิดหวังสมหวังกันบ้าง ก็ไม่เป็นไร
Profile Image for Mirai.
590 reviews127 followers
September 7, 2020
"การเป็นคนเก็บตัวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ"

เราเคยอ่านงานของ "นัมอินซุก" มาก่อนค่ะ เราอ่าน "เรื่องนี้พี่บอกเธอคนเดียว" แล้วรู้สึกประทับใจในความเป็น "พี่สาวที่แสนอบอุ่น" ของผู้เขียนท่านนี้มาก พอรู้ว่ามีงานเขียนแปลไทยเล่มใหม่ออกมา ก็ไม่พลาด ต้องซื้อมาอ่านให้ได้ 55555

เล่มนี้ ผู้เขียนยังคงความเป็นพี่สาวที่แสนดีเหมือนเดิมค่ะ ถ้าเปรียบหนังสือ "เรื่องนี้พี่บอกเธอคนเดียว" คือ พี่สาวที่น่ารักที่คอยให้คำแนะนำและกำลังใจน้อง หนังสือ "ที่จริงแล้ว ฉันก็เป็นคนเก็บตัวนะ" ก็คือ พี่สาวที่น่ารักคนเดิมนั่นแหละ แต่เป็นพี่สาวที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และพาทุกคนไปรู้จักกับการเป็น "คนเก็บตัว" (Introvert) ค่ะ :)

เป็นหนังสือที่จะชวนพวกเราทุกคนเข้าใจการมองโลกแบบชาว Introvert (ผ่านชีวิตของผู้เขียน) ค่ะ เป็นหนังสือที่ดีเล่มนึงสำหรับเรานะคะ ถึงจะมีบางส่วนที่อ่านยากหน่อย แต่เราก็ยังรู้สึกชอบเล่มนี้อยู่ดี เป็นหนังสือที่แนะนำความเป็น Introvert ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า สิ่งที่พวกเราเป็นและพวกเรารู้สึกเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร พวกเราไม่ใช่คนเนือยหรือเซื่องซึม แต่พวกเรามีความสุขในแบบชาวเก็บตัวแบบนี้ เพราะงั้นอย่างมองว่าพวกเราเป็นคนน่าเบื่อเลยค่ะ เราสนุกจะตาย 5555

เราเองก็เป็นชาว Introvert คนนึงเหมือนกันค่ะ อ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกขอบคุณผู้เขียนขึ้นมาทันที เพราะเราเองก็เจ็บปวดกับการต้องคอยฝืนใจทำอะไรบางอย่างเพื่อเข้าสังคมทุกครั้ง บางทีก็รู้สึกฝืนใจหนักมากถึงขั้นถามตัวเองว่า ทำไมเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้.. บางครั้งก็ถึงขั้นตั้งคำถามกับตัวเองมากไปจนนำไปสู่การโทษตัวเอง และคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนผิดปกติซะแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้ว ชาว Introvert จะมีปุ่มนึงไว้เปลี่ยนโหมด นั่นก็คือ "ปุ่มเข้าสังคม" และผู้เขียนก็เป็นคนใช้งานปุ่มนั้นได้อย่างชาญฉลาดและราบรื่นมาก อันเป็นผลมาจากการที่ผู้เขียนรู้จักตัวเองและเข้าใจความเป็น Introvert ในตัวเองมากพอที่จะบริหารจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ โดยที่ไม่สูญเสียความเป็นตัวเองไป

เพราะงั้น สำหรับเรา เราว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เหมาะกับทั้งชาว Introvert ด้วยกัน เพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเหมาะกับชาว Extrovert ด้วย เพื่อจะเข้าใจเพื่อนชาวเก็บตัวและความสุขของพวกเขา ที่สำคัญคือ เล่มนี้ไม่ใช่หนังสือฮาวทู (How-to) นะคะ เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังมองหาหนังสือที่บอกวิธีเลิกเป็นชาว Introvert เล่มนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบนะคะ เพราะเล่มนี้คือหนังสือเป็นหนังสือแนวทำความเข้าใจตัวเอง และภูมิใจกับการเป็น Introvert มากกว่าค่ะ :)

ปล. เราว่าต้องมีชาว Introvert หลายคนที่อ่านเล่มนี้แล้วสงสัยในตัวเองแน่ๆ ว่า สรุปแล้ว ฉันเป็น Introvert จริงรึเปล่าเนี่ย? ซึ่งประเด็นนี้ ผู้เขียนอธิบายเอาไว้แล้วว่า ความเป็น Introvert ในแต่ละคนเข้มข้นไม่เท่ากัน ดังนั้นตอนอ่านเล่มนี้จงอย่าตกใจ ถ้ามุมมอง ทัศนคติ ความคิด หรือพฤติกรรมอะไรหลายอย่างของเราไม่ตรงกับผู้เขียน หรือไม่ตรงกับชาว Introvert คนอื่นๆ เลย เพราะผู้เขียนเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของคนเป็น Introvert เท่านั้นค่ะ
Profile Image for Chonthicha Opithakorn.
1 review
October 11, 2020
คือก่อนอ่านคาดหวังกับเนื้อหาพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่เราคนเดียวหรือเปล่า

เราว่าเนื้อหาค่อนข้างงง คือพออ่านไปแล้วมีความรู้สึกว่า “อะไรนะ!?” แล้วต้องวนไปอ่านอีกรอบ มันแบบงงๆ

ส่วนตัวรู้สึกว่า เหมือนหนังสือต้องการขยายเนื้อหาให้ดูเยอะๆ จนบางครั้งไม่สอดคล้องกับใจความหลักที่ต้องการจะสื่อ

ความรู้สึกที่เราสัมผัสได้จากหนังสือคือ เหมือนกับว่าผู้เขียนรู้สึกเหนื่อย ต้องการระบายว่าการเป็นคน introvert นั้นต้องปรับตัวหลายๆอย่าง
แต่เราว่าจริงๆแล้ว มันก็ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นนะ (เราก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว และเก็บตัวประมาณหนึ่งเหมือนกัน) แต่อาจจะเพราะสังคมไทย กับสังคมเกาหลีแตกต่างกันด้วยแหละ อันนี้เราก็ไม่รู้ได้

ขออนุญาตบอกตรงๆว่าค่อนข้างผิวหวัง
Profile Image for ดินสอ สีไม้.
1,070 reviews178 followers
March 6, 2021
ทั้งที่ไม่ได้หวัง แต่ก็ยังอดผิดหวังกับเล่มนี้จนได้
ตามชื่อเรื่องนั้นล่ะค่ะ
ผู้เขียนเขาบอกว่าตัวเขาเป็นอินโทรเวิร์ตนะ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวอินโทรเวิร์ตคนอื่นๆ เลย
Profile Image for Pollarin.
176 reviews6 followers
December 10, 2020
จะหลับ....ไม่สิ หลับไปเลยจริงๆ ต่างหาก5555555

ที่ซื้อมาไม่ได้สงสัยว่าตัวเองเป็นอินโทรเวิร์ตรึเปล่า (เพราะก็ออกจะมั่นใจอยู่) แต่อยากรู้ว่าความอินโทรเวิร์ตของคนอื่นเป็นยังไงบ้าง อยากหาเพื่อนที่ให้ความรู้สึกเหมือนกัน

ถ้าเอาตามแค่จุดประสงค์แรก...ก็ถือว่าใช่มั้ง ได้รู้ว่าคุณนักเขียนเป็นคนแบบไหน แต่ถ้าเอาตามจุดประสงค์ที่สอง...ก็ไม่อะ ไม่ตอบโจทย์

ความคิดเห็นเหมือนที่คนอื่นๆ บอกทุกประการ ใช้ภาษายาก ไม่อธิบายคำศัพท์ รูปแบบประโยคชวนง่วงและทำให้รู้สึกเข้าใจยากจนต้องอ่านซ้ำทั้งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ และสุดท้ายคือไม่ได้รู้สึกถึงการปลอบประโลมใดๆ เลย อ่านไปก็คิ้วขมวดไป

ส่วนตัวรู้สึกเหมือนผู้เขียนค่อนข้าง...แบ่งแยกอะไรชัดเจนไปหมด ไม่มีกึ่งกลางเลย บอกว่าตัวเองเป็นอินโทรเวิร์ตแบบนั้นแบบนี้ แต่ตอนยกตัวอย่างก็อธิบายเอกโทรเวิร์ตซะแบบ... ยังไงดี รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแบบบอกไม่ถูก

ที่จริงเท่าที่อ่านหนังสือมาก็ไม่เคยคิดว่านอกจากหนังสือวิชาการและหนังสือธรรมมะแล้วจะมีอะไรที่ฉันอ่านไม่ได้ (หมายถึง ทนอ่านได้ไม่จบ ง่วง) และอ่านหนังสือแปลก็เยอะ ถึงจะหนักไปทางจีนและอังกฤษแต่ก็ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรแตกต่าง ก็อ่านสนุกเหมือนกัน แต่หนังสือเกาหลีนี่...เหมือนจะมีปัญหาแฮะ

หนังสือแนวฮีลลิ่งตัวเองนี่เห็นมีของเกาหลีแปลมาเยอะแยะ ฉันก็ซื้อมาสองสามเล่มและลองอ่านดูไปแล้วในปีนี้ แต่ก็...ไม่จบ ง่วง หลับกลางทางแบบที่ปกติจะไม่เกิดกับหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียนทุกที ตอนนั้นก็ได้แต่คิดขำๆ ว่าคงไม่เหมาะกับหนังสือประเภทคำคมหรืออะไรแบบนั้นมั้ง จนคิมจียอง...แน่นอนว่าชอบเนื้อหา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละว่าใช้ภาษาได้ราบเรียบจืดชืดมาก จนมาเล่มนี้อีก

เห็นเล่มบางๆ ตัวหนังสือก็ใหญ่ ไหนจะการจัดหน้าและภาพประกอบกับคำที่ยกโควทมา ก็คิดว่าอ่านแปบเดียวก็จบแล้วมั้ง สรุป...หลับ55555555 ตื่นมาอ่านอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ชั่งใจระหว่างทางหลายรอบว่าจะเอาไงดี แต่สุดท้ายก็อ่านมาจนจบแหละ ไม่ได้ทรมานใจที่จะอ่าน แค่รู้สึกไม่น่าสนใจเฉยๆ

ทีนี้ก็เท่ากับฉันทีปัญหากับรูปแบบภาษาของเกาหลีเหมือนที่มีกับบรรยากาศของญี่ปุ่นหรือเปล่านะ... ทั้งที่แบบมังงะไม่เป็นไรเลยแท้ๆ แต่กับนิยายนี่.... ถึงจะแค่สองสามเล่มแต่ก็ดูเหมือนจะไปกันไม่ได้เท่าไหร่เลย หรือจะเป็นแค่กับประเภทของหนังสือเฉยๆ ? ฉันเองก็ยังไม่เคยอ่านนิยายแปลเกาหลีด้วยสิ ถ้าเป็นนิยายที่มีเนื้อเรื่องต่อกันไปเรื่อยๆ ให้เห็นภาพ ก็คงไม่ง่วงหรอกมั้ง

เอาเป็นว่าเฟลนิดหน่อย เห็นรีวิวเชิงบวกไว้ก่อนซื้อมา บวกกับชื่อเรื่องดึงดูดสายตามาก คิดว่าอ่านแล้วจะถูกใจกว่านี้
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Janed.
15 reviews1 follower
September 14, 2020
คนเขียนเหมารวมความเป็น introvert จากตัวเอง ไม่ใช่ introvert โดยรวม อ่านแล้วขัดใจในหลายๆส่วน แต่ก็มี quote ดีๆที่ชอบ แต่ไม่มาก

ชอบบทที่เขียนเรื่องแมว เป็นบทเดียวที่อ่านแล้วเห็นด้วยทุกตัวอักษร
Profile Image for irung.
119 reviews8 followers
September 27, 2020
อ่านเล่มนี้ มีบางอย่างที่เห็นด้วย บางอย่างที่ไม่เห็นด้วย แต่ที่แน่ๆคือ ต้องวนกลับไปอ่านประโยคก่อนหน้าบ่อยครั้ง
Profile Image for MT.
638 reviews81 followers
September 16, 2021
- ก็เขียนเป็นนิยายไปเลยสิคะ จะมาโมเมเขีบนเป็นself helpทำไม
รู้ว่าต้องไม่ชอบแน่ๆ ซึ่งก้ไม่ชอบ 555 แค่อ่านเพาะเห้นมันเป้นกระแสแค่นั้นแหละ
Profile Image for Ottoshi Intel.
169 reviews17 followers
January 23, 2021
ตอนเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ ดูกระแสแรงมาก ทั้งหน้าปกสวย ชื่อเก๋ มีแมว หลังจากหยิบจับและอ่านดู มันคือหนังสือ Non-Fliction Self-help โดยแท้จริง

รู้สึกผิดหวังเล็กๆ บทนำ พาเราไปสู้แบบทดสอบว่าเราจัดอยู่ในกลุ่ม ข่าย ผู้เก็บตัวหรือเปล่า
จากนั้นก็นำพาเข้าสู่บทเนื้อเรื่อง เล่าถึงประสบการณ์ ความคิดของผู้แต่ง(ที่อ้างตัวว่าเป็นคนเก็บตัว) และเล่าถึงวิธีคิด การใช้ชีวิต ความแตกต่างระหว่างของคนสองประเภท

อ่านเพลินๆ สรุปท้ายบทเข้าใจง่ายดี

ส่วนตัวคิดว่าคนเราจะเป็นคนเก็บตัวหรือไม่แพทย์น่าจะเป็นคนชี้ ณ ขณะจุดเวลาช่วงนั้น เราสามารถแปรเปลี่ยนตามช่วงเวลา การใช้ชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะ หรือช่วงเวลานั้นๆมากกว่า
Profile Image for addie.
898 reviews60 followers
June 27, 2021
(1/5) เป็นหนังสือที่ไม่รู้ว่าจะอ่านไปทำไม ไม่ได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้เลย แอบเสียดายเงินและเวลาในการอ่านมากๆ หนังสือเต็มไปด้วยน้ำๆๆๆ แถมคนเขียนยังพยายามจะเอาวิทยาศาสตร์หรือความเชื่อส่วนตัวที่ไม่ค่อยจะมีมูลความจริงมาโยงเข้าด้วยกันโดยเฉพาะพาร์ทสารสื่อประสาทในสมอง อ่านถึงแล้วหงุดหงิดมากๆ หรืออาจจะเพราะเราไม่ค่อยคุย้ชินกับพวก self help book แบบนี้ก็ไม่รู้ ทำให้รู้สึกว่าตัวหนังสือแทบไม่มีอะไรเลย อ่านไปก็ไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนอ่านพวกรวมคำคม
Profile Image for Nam.
14 reviews6 followers
August 11, 2020
ถ้าหากมีคนรู้จักที่ชอบอ่านหนังสือผ่านมา และอยากรู้จักหรือเข้าใจตัวตนของเรามากขึ้น เราจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้อ่าน หนังสือเล่มนี้แทบจะทำให้คุณเข้าใจในตัวตนและความรู้สึกนึกคิดของเราได้ทั้งหมดเลย แม้แต่เราเองก็เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้นเหมือนกัน เรายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดในระยะเวลา 2-3 เดือนจากบรรดาหนังสือที่เราอ่านมาทั้งหมดเลย
Profile Image for Chanyanut Mimak.
12 reviews1 follower
November 12, 2020
คนที่เสียมารยาทกับผู้อื่น ก็เหมือนคนที่ถือมีดคำพูดอยู่
ถึงเราจะแย่งมีดเค้าได้ แต่ตัวเราก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ
วิธีที่ดีที่สุดเมื่อเจอคนเสียมารยาทคือการหนีไปให้เร็วที่สุด และตัดคนนั้นออกจากทุกช่วงเวลาของชีวิต
บางครั้งการหนีก็อาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่บางปัญหาก็อาจไม่คุ้มที่เราจะเสียเวลาแก้ไข
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Thananon Domthong.
23 reviews6 followers
September 10, 2022
เล่มนี้ เหมาะมากๆสำหรับใครที่คิดว่าตัวเอง เป็นคน introvert

ส่วนใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคน introvert หรือเปล่า ลองหาเ���่มนี้มาอ่านดูครับ
Profile Image for Warissara Sarakhwan.
2 reviews
July 16, 2023
แอบผิดหวังกับหนังสือเล่มนี้ เพราะถูกป้ายยาจากช่องใน youtube ช่องหนึ่งที่เราชอบฟัง podcast ของเขามาก

ตอนที่ซื้อมา คิดว่าจะทำให้เข้าใจพฤติกรรมของการเป็น introvert มากขึ้น ว่าพฤติกรรมต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่จริงๆแล้ว เหมือนกำลังอ่านไดอารี่ของเพื่อนที่เป็นโรคซึมเศร้าที่อาจจะมองโลกในแง่ลบจนเกินไป และเลือกที่จะเก็บตัวเองไว้ห่างจากสังคมเสียมากกว่า
Profile Image for Sahathust Num.
402 reviews6 followers
December 21, 2020
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าอุปนิสัย ของคนเก็บตัว (Introvert)กลุ่มคนที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการ ได้อยู่ที่บ้าน นอนอ่านหนังสือ อยู่กับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะแมวที่ไม่ต่องใส่ใจมันมาก ดีใจทุกครั้งที่ปาร์ตี้ถูกยกเลิก ไม่ชอบไปในที่ๆคนเยอะ หรือสถานการณ์ที่ต้องคุยกับคนใหม่ ในเล่มนี้บอกละเอียดเลย แต่ที่สำคัญบอกลักษณะนิสัย ที่เราสามารถทำความเข้าใจกับคนแบบเก็บตัวได้ ที่สำคัญเราไม่ควรมองคนเก็บตัวในแง่ลบ เพราะพวกเขาเหล่านั้น มีอยู่ในตัวพวกเราทุกคน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องกดปุ่มเวลาไปเขาสังคมเหมือนกัน และมีพลังในการอยู่ในปุ่มนั้นค่อนข้างจำกัด อ่านแล้วทำความรู้จักกับตัวเองได้มากขึ้น
Profile Image for Meez Estella.
35 reviews
October 23, 2021
เป็นหนังสือที่ใครเอามาลงขาย​ แล้วจะมีคนแย่งกันซื้อเร็วมาก​ เลยอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง​ ทำไมคนถึงอยากอ่านกัน​หนักหนา อ่านจบแล้วรู้สึกเสียดายเวลามาก​ ไม่ได้ข้อคิดใดๆ​ เหมือนคนเขียนมาบ่นเรื่องชีวิตตัวเองให้เราฟัง​ ไม่รู้สึกอินแต่อย่างใด​ นี่ก็ฝืนอ่านจนจบ​ เพราะอยากรู้ว่ามันจะจบยังไง​ 😧
Profile Image for Tum Kanapon.
146 reviews14 followers
September 12, 2021
สาเหตุที่ซื้อหนังสือเล่มนี้: เพราะผมเองก็อยากจะเข้าใจคน Introvert มากขึ้น (โดยส่วนตัวหากประเมินแล้วค่อนไปทาง Extrovert มากกว่า แต่ก็ไม่ได้สุดทางขนาดนั้น)

สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้
1.Packaging: ภาพประกอบที่สวย น่ารัก, การจัด Layout มีความปราณีต, ขนาดหนังสือที่เหมาะกับการอ่าน
2.การบรรยายความรู้สึกของผู้เขียน ผมชอบการอุปมาต่างๆ ที่ทำให้เรื่องราวนามธรรมเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านหนังสือของมูราคามิ เวลาบรรยายโลกส่วนตัวของเขา

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ผมรู้สึกว่าการเขียนมีความเหมารวมไปนิด คือผู้เขียนบรรยายสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกแล้วบอกว่านี่คือ "คนเก็บตัว Introvert" ซึ่งผมคิดว่าบางอย่างใช่ แต่มีความรู้สึกว่าหลายอย่างอาจไม่ใช่นะ

ผมรู้สึกว่าคนเขียนน่าจะเป็น Personality แบบ ISFJ ใน Personality 16 แบบของ
(https://www.16personalities.com/isfj-...) คือเป็น 1 ใน 8 แบบของ Introvert ผมจึงรู้สึกว่าเป็นการเหมารวมเกินไปซักนิด

อีกทั้งมันมี Trait ของคนที่มีภาวะซึมเศร้าปนอยู่ด้วย ซึ่งผมคิดว่าบางอย่างถึงเป็น Extrovert หากเป็นมีภาวะซึมเศร้าก็อาจมีลักษณะนี้เช่นกัน

2.จังหวะการเขียนมีความเนิบพอสมควร ไม่ได้อ่านสนุกมาก ทำให้ต้องใช้พลังในการอ่านอยู่หลายครั้งถึงจบได้

โดยสรุป ผมคิดว่ามันก็ทำให้เราได้เปิดมุมมองคนที่เป็น Introvert ได้มากขึ้น ได้ความรู้สึกเหมือนได้แอบอ่านไดอารี่ของนักเขียน คุณนัมอินซุก แต่ไม่ได้รู้สึกว่าได้ Framework เกี่ยวกับการเป็น Introvert ขนาดนั้น (หรือผมอาจจะคาดหวังผิดเอง ฮา)

เนื่องจากผมไม่ได้รู้จักคุณ นัมอินซุก มากก่อน เลยอาจไม่อินมากก็เป็นได้ (เพราะเธอมีหนังสือแจ้งเกิดเล่มอื่นๆ)
เหมือน อ่านหนังสือวิ่งมาราธอน ของมูราคามิ ถ้าไม่รู้จักก็อาจไม่อินมากก็เป็นได้
Profile Image for Biminator.
141 reviews9 followers
October 26, 2020
คาดหวังไว้สูงกว่านี้ 555 น่าจะเหมาะกับ คนที่พึ่งเริ่มอ่านหนังสือเลย เราเคยฟัง audio book ของ Quiet the power of introvert ด้วยล่ะมั้ง อยากรู้เรื่อง introvert แบบลึกหน่อยไปเล่มนั้นดีกว่า

เล่มนี้สำหรับคนที่เอ๊ะเราเป็นคน introvert รึเปล่านะ พึ่งเริ่มอ่านหนังสือมาไม่มาก ยอมรับในตัวเองว่าการเป็น introvert มันไม่แปลก ทุกคนมีแง่มุม introvert อยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย
Profile Image for KaTe.
66 reviews
April 10, 2021
ไม่อินเลยยค่ะ อ่านแล้วไม่ไหลลื่นเลย งงมาก 555 คงเพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านงานแปลอยู่แล้วด้วยถ้าไม่ถูกจริตจริงๆเพราะงานแปลที่อ่านแล้วชอบมีน้อยมาก

ส่วนตัวอ่านแล้วเหมือนมานั่งฟังคนเขียนบ่น แห้งแล้งมาก แล้วเอาจริง fact ต่างๆในหนังสือก็ไม่ได้อ้างอิงงานวิจัยอะไรมาก ส่วนตัวเชื่อว่า introvert ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน

สรุปว่าไม่ชอบเลยค่ะดีนะที่ยืมคนอื่นเค้ามาอ่าน
Profile Image for ボート •  lilbbtpinbookland.
146 reviews22 followers
June 23, 2021
สมกับที่เขาว่า ปลอบประโลมหัวใจคน introvert เรารู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอดจริงๆ นะ อ่านแล้วเหมือนมีคนที่เข้าใจความเป็นตัวเราจริงๆ อ่านแล้วรักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น (ก็แบบว่าบางเรื่องเราก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่แม้ว่ามันเป็นเรื่องของเราเองแท้ๆ)
Profile Image for J.
217 reviews25 followers
November 23, 2021
แรกเริ่มที่เห็นหนังสือเล่มนี้ตอนออกใหม่ๆ หลังจากอ่านคำโปรยแล้วก็ตัดสินใจไม่หามาอ่าน เพราะตอนนั้นรู้สึกว่า เรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนชอบเก็บตัว ทำไมต้องอ่านหนังสือที่จะมาอธิบายว่าคนชอบเก็บตัวเป็นแบบไหนด้วย

จนวันหนึ่งที่หนังสือที่อยากอ่านหมดสต๊อก สุดท้ายก็ตัดสินใจ...เปลี่ยนใจหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน

บอกตรงๆว่าเราไม่ได้คาดหวังกับหนังสือเล่มนี้นัก เพราะคิดว่าเหมือนมันเป็นหนังสือไลฟ์โค้ช (ซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่เราชอบ (อ่าน) อยู่แล้ว) อ่านตอนแรกๆมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่มันตรงกับตัวเรามากจนต้องจดเอาไว้ เช่นตอนที่พูดถึง 'ปุ่ม ON เข้าสังคม' หรือความรู้สึกที่อยากวิ่งหนีหรือปลีกตัวออกจากที่ที่ 'คนเยอะๆ' เป็นต้น

แต่พออ่านไปเรื่อยๆมันก็มีหลายจุดที่เราไม่เห็นด้วยและก่อเกิดคำถามว่า นั่นคือ 'การชอบเก็บตัว' 'ขี้เกียจ' 'ซึมเศร้า' หรือ 'Hikkikomori' กันแน่? บางเรื่องก็เหมือนไม่เกี่ยวกับการเป็นคนชอบเก็บตัว แต่น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัว (ที่พยายามจะโยงให้เป็นนิสัยของคนชอบเก็บตัว) มากกว่า...

ถึงแม้มันจะมีบางจุดที่เราเห็นด้วยเพราะอาจตรงกับที่เราเป็น แต่เราก็ยังรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มันจำเป็นหรือคุ้มค่ากับการเสียเวลาอ่านจริงหรอ มันเหมือนเป็นหนังสือที่เอาความชอบเก็บตัวมาเป็นตัวเรียกแขก แต่ที่จริงคือการเล่าชีวิตของนักเขียนมากกว่าว่าชอบ/ ไม่ชอบอะไร ซึ่ง...เราจะรู้ไปทำไมหว่า? เหมือนซื้อของไม่ตรงปกอะ งงๆอยู่นะ

แล้วก็หนังสือ (แปลไทย) เนื้อกระดาษเป็นอาร์ตมัน (เรียกแบบนี้หรือเปล่า? ไม่แน่ใจ) พิมพ์สีออกมาแล้วสวยนะ แต่พอแสงตกกระทบกับหน้ากระดาษ (บางหน้���) แล้วอ่านยากมาก แถมตัวหนังสือเยอะด้วย อาจไม่สบายตานิดๆ

ก็นั่นแหละ ไม่สนุก ไม่คุ้ม น่าเบื่อ น่าอึดอัด ให้ 2 ดาวจากเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ตรงกับตัวเรา และความพยายามจะโยงบางเรื่องให้เป็นการชอบเก็บตัวให้ได้ (เอาเข้าจริงๆก็อยากอ่านมุมมองของคนชอบเข้าสังคมเหมือนกันนะ ว่ามองคนชอบเก็บตัวว่าอย่างไร...)




This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for panuchread.
118 reviews95 followers
February 16, 2023
ก่อนอ่านหนังสือเราเคยฟัง readery podcast เกี่ยวกับเล่มนี้มาก่อน ฟังตั้งแต่สมัยยังเบียว introvert จัดๆ เพราะอยากรู้ว่าตรงกับเรามั้ย (แต่กลัวเบื่อเลยไม่ซื้ออ่านเอง 😅) พอมาอ่านตอนนี้ก็พบว่า ใน podcast สรุปเนื้อหาสาระไว้หมดแล้วแหละ ไม่ค่อยมีอะไรต่างกันมาก จุดเด่นๆ ที่อ่านแล้วพยักหน้าหงึกๆ เออใช่ๆ เออเป็นเหมือนกัน ก็คืออยู่ใน podcast แทบจะทั้งหมด

และตอนนี้เลิกเบียว introvert แล้ว (?) เลยกลายเป็นว่าเราไม่ได้อ่านเพื่อมองหา ‘เพื่อน’ ที่เป็น introvert เหมือนกันเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่หนังสือนำเสนอแบบนั้นทั้งเล่ม อารมณ์เหมือนมีคนตั้งกระทู้ว่าฉันเป็นแบบนี้นะ เธอเป็นเหมือนกันมั้ย เราหัวอกเดียวกันนะ เป็นเพื่อนกันเข้าใจกันได้

มันเลยไม่ใช่หนังสือที่เน้น fact แต่เป็น opinion ของผู้เขียนล้วนๆ ไม่ได้มีความเป็นวิทยาศาสตร์หรือมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ไม่มีแม้กระทั่งการอ้างลอยๆ ประเภท นักวิชาการกล่าวว่า… A พิสูจน์แล้วว่า… B วิจัยได้ว่า… ฯลฯ ทุกอย่างอิงจากการรับรู้และประสบการณ์ของผู้เขียน (ที่ก็ไม่ได้เป็นนักจิตฯ หรือนักวิชาการ —เท่าที่อ่านประวัติมานะ) มันเลยรู้สึกเหมือนเพื่อนหัวอกเดียวกันมาคุยให้ฟังเฉยๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ

ถ้าคนที่คาดหวังว่าจะเจอ fact จุกๆ น่าจะไม่ปลื้มเล่มนี้เท่าไหร่ แต่สำหรับเราที่ไม่ได้ prefer หนังสือพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรกลับมาตั้งแต่แรก (อ่านแบบสมองแบล้งๆ 555555) ก็ถือว่าเพลินๆ ดี อ่านฆ่าเวลาได้ ภาพประกอบน่ารัก สีสวย เจอพารากราฟที่ชอบ 2-3 อันก็เป็นกำไรละ
Profile Image for Nhan.
102 reviews24 followers
February 2, 2021
First impression ของหนังสือเล่มนี้คือปกสวย ภาพประกอบข้างในก็สวย สีสดมาก วาง layout ของเนื้อหาและภาพต่างๆ ได้น่าสนใจดี เราชอบที่มี Introvert Checklist (ที่ทำแล้วได้ 10 ข้อ พอดีกับเป็นคนเก็บตัวอย่างแท้จริง) เป็นการ prep คนอ่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะได้เจอ

สำหรับเนื้อหาโดยรวม เราว่ามัน experiential มากๆๆๆ กล่าวคือมันไม่ได้มีองค์ความรู้สักเท่าไหร่ เหมือนเป็นแค่เรื่องราวชีวิตของผู้เขียน as an introvert มากกว่า

ซึ่งพอมันอิงประสบการณ์จริงเนี่ย บางตอนคนอ่านก็จะรู้สึก relatable แต่บางตอนก็ไม่เลย เราแปะโน้ตไว้เยอะก็จริง แต่ก็เป็น quote ที่โดนใจเท่านั้น ไม่ใช่เนื้อหาที่อยากเอามาคิดต่อ ยิ่งช่วงหลังๆ ตั้งแต่ chapter 3 เนื้อหามีความแอบวกไปวนมา ไม่ค่อยอินเลย

ตัวอย่างโน้ต
• “เมื่ออยู่กับสังคมภายนอก สถานะก็จะเป็น ‘ON เข้าสังคม’ แต่พอกลับถึงบ้านฉันก็จะกดปุ่มปิดแล้วอยู่ในสภาพหมดพลัง แม้ว่าจะเป็นวันที่ได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับคนดีๆ ก็ตาม ไม่สิ ยิ่งสนุกก็ยิ่งเหนื่อย”

• “สังคมที่ยกให้คนชอบเข้าสังคมเป็นมาตรฐาน และบีบบังคับให้ทุกคนแสร้งทำตัวเป็นคนชอบเข้าสังคมอยู่ตลอดเวลาคือความรุนแรงอย่างหนึ่ง”

• “หากมีนัดที่ลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี ไปเถอะ”

พออ่านเล่มนี้จบ เรามีความรู้สึกแบบเดียวกันเป๊ะกับตอนอ่าน เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด คือไม่ค่อยมี takeaway แค่เป็น emotional blanket ในช่วงในช่วงหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเอง
Profile Image for myjaejae.
16 reviews
November 24, 2020
เป็นหนังสือที่ทำให้เข้าใจตัวเองและทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น

บางครั้งเราเองก็อาจไม่รู้ตัวและพยายามทำให้ตัวเองทำได้อย่างคนอื่นในขณะที่ความจริงแล้วเราไม่ได้เป็นคนที่มีพื้นฐานเหมือนคนอื่น การฝืนใจตัวเอง การบังคับตัวเองถึงเราจะไม่รู้ตัวแต่มันทำให้เราเหนื่อย เราอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็คิดว่าเออเมื่อก่อนทำไมต้องพยายามขนาดนั้น คงเพราะเราเองอยากมีสังคม อยากมีconnectionต่างๆ แต่พอมองย้อนกลับไปเราได้อะไรเหรอนอกจากทำให้ตัวเองเหนื่อยเยอะขึ้น ทุกวันนี้ถ้าบอก 'ไม่' ได้ก็จะบอกว่าไม่ ชัดเจน และตรงประเด็น ดีกับเราในแง่นี้แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันแหละแต่เรายอมรับข้อเสียนี้ได้เพื่อทะนุถนอมตัวเองให้ดีที่สุด
สุดท้ายเราก็คิดนะว่าเป็นเราแบบนี้ เข้าใจตัวเองแบบนี้ ดีที่สุดแล้วกับการมีชีวิตที่ยากมากขึ้นและก็มีแต่เรื่องเหนื่อยๆในแต่ละวัน
Profile Image for Mack.
3 reviews
June 22, 2021
อ่านเพราะ The Standard Podcast แนะนำมา ขายไว้ค่อนข้างเยอะเลยแหละ แต่อ่านแล้วไม่ค่อยรู้สึกว้าวมากเท่าไหร่

ก็มีหลายช่วงเหมือนกันที่อ่านแล้วรู้สึกว่าโดน โดยเฉพาะครึ่งแรก กับท้ายๆไปเลย ระหว่างกลางไม่ค่อยอิน เหมือนนักเขียนระบายเรื่องของตัวเองมากกว่า ไม่ค่อย relate เท่าไหร่ โดยเฉพาะตรงเรื่องแมวกับชอบเรื่องสืบสวนอาชญากรรม

ทำให้เข้าใจมากขึ้นในบางเรื่องที่เราคิดว่าเราคิดไปเอง แต่ก็มีคนประเภทคล้ายๆกันที่คิดเหมือนกันเรา เหมือนได้ Validation เบาๆ

แต่สิ่งที่เหมือนเป็นอุปสรรคในการอ่านงานแปลชิ้นนี้มากที่สุดคือ “ภาษาแปล” ส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านงานชิ้นนึ้ไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ เหมือนเป็นการแปลค่อนข้างตรงตัวเกินไปหน่อย บางครั้งที่ให้มีประโยคซ้อนที่ยาวเกินไป ทั้งๆที่ถ้าพูดง่ายๆเป็นภาษาไทยจะสั้นกระชับกว่านี้ ลื่นไหลกว่านี้อีก

โดยรวมก็ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น แต่คงไม่ใช่เล่มที่อยากจะกลับมาอ่านซ้ำเท่าไหร่
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Afew*.
192 reviews29 followers
February 11, 2022
3.5

มันดูเป็นself-help/บันทึกชีวิตมากกว่า (นส.เองอยู่ในหมวดวรรณกรรมแปลสะท้อนชีวิตและสังคม พชน.อาจเป็นเราเองที่คาดหวังผิดจุด) รวมๆแล้วเป็นหนังสือที่เล่าชีวิตของผู้เขียนเองที่เป็นอินโทรเวิร์ตในสถานการณ์ต่างๆที่อินโทรเวิร์ตเองก็น่าจะรีเลท แต่ก็อย่างที่บทแรกๆของเล่มว่าไว้ว่า intro-extro มันเป็นเหมือนแถมสเปกตัมมากน้อยต่างกัน เพราะฉะนั้นบางบทเราก็รีเลท บางบทเราก็ไม่

อีกอย่างคือเราแอบคาดหวังให้มันมีคำอธิบายเชิงจิตวิทยาเกี่ยวกับความเป็นInto-extroมากกว่านี้ แต่มีน้อยมากและบางส่วนเราก็รู้อยู่แล้ว จึงแอบผิดหวังเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างนั้นในตอนอ่านก็ยังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกันอยู่บ้าง ตัวเล่มเองก็วางเลย์เอาท์น่าอ่าน ภาพสวยฉูดฉาด ยังคงเป็นนอนฟิกชั่นที่อ่านง่ายและปลอบประโลมอยู่บ้าง
Profile Image for ANKO.
151 reviews16 followers
December 1, 2020
เห็นปกสวยๆแบบนี้ ไม่สามารถกลั้นใจไม่ซื้อได้แน่นอน
ในช่วงแรกของหนังสือจะมีบททดสอบ 12 ข้อให้เราทำด้วย เพื่อ check ว่าเราเป็นคน Introvert หรือ Extrovert หรือว่าอาจจะอยู่กลาง ๆ
ซึ่ง��ราลองทำก็ได้ 7 จาก 12 ข้อ ถึงมาเลยกึ่งกลางมานิดนึง
หนังสือเล่มนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนที่เป็นคน Introvert สิ่งที่ผู้เขียนได้เจอ ความรู้สึก การรับมือ การเข้าใจตัวเอง
เราว่าหนังสือเล่มนี้มันทำให้คนที่เป็นคน Introvert ได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และสำหรับคน Extrovert ที่ได้อ่านก็จะเข้าใจคนที่เป็น Introvert ได้เหมือนกัน
มีหลายเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกตรงใจ แต่บางเรื่องก็รู้สึกไม่ค่อยเท่าไร
Profile Image for LITTLEz.
24 reviews3 followers
February 7, 2021
ด้วยความที่เป็นnonfictionก็เลยแอบง่วง แต่ก็เป็นหนังสือที่ดีเลยนะ ตัวเราเองก็เคยโทษตัวเองอยู่บ่อยๆว่าทำไมต้องเป็นคนเก็บตัว เข้าสังคมไม่เก่ง แม่ก็บ่นบ่อยๆว่าแค่ไปนั่งกินข้าวกับญาติแปปเดียวเอง แต่แค่แปปเดียวของเขามันก็ยากแล้วสำหรับเรา แต่พอได้อ่านเล่มนี้ก็ช่วยให้เราคิดได้นะว่าจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยนี่หน่า สังคมแค่ตีกรอบไปเองว่าเป็นมนุษย์แล้วต้องเข้าสังคม ทั้งๆที่จริงๆแล้วมนุษย์ก็ไม่ได้ชอบเข้าสังคมไปซะทุกคนสักหน่อย อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้น ไม่ได้แปลกแยกหรือแตกต่างจากคนอื่นเลย
Profile Image for Siwabhorn Anothaisintawee.
542 reviews64 followers
November 10, 2021
ฉันถือว่าการหลั่งน้ำตาเป็นเรื่องส่วนตัวขั้นสุด แม้จะเป็นคนใกล้ชิดแค่ไหนก็ไม่อยากให้เห็นว่าฉันร้องไห้ ทั้งดวงตาที่แดงและน้ำมูกไหลไม่หยุด แค่ดูตัวเองยังรู้สึกอาย ฉันแค่ต้องการร้องไห้แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดน้ำตา ให้หนำใจในสถานที่ที่ไม่มีใครเห็น ปล่อยฉันไว้คนเดียวๆแบบนั้นสักพัก พอตาฉันเริ่มหายบวมก็แค่พาฉันไปเลี้ยง ของอร่อยๆ และพูดคุยหัวเราะด้วย เท่านี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณแล้ว

ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ (น.๑๘๐) โดยนัมอินซุก, ๒๕๖๓, กรุงเทพฯ: Bibli
Displaying 1 - 30 of 75 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.