Jump to ratings and reviews
Rate this book

Makoto Marketing

Rate this book
การตลาดที่มาจากใจ ทั้งจริงใจ
และใส่ใจ การตลาดที่ยั่งยืน
และเป็นการตลาดที่ทำให้ผู้คน
รวมถึงตัวเองมีความสุข

296 pages, Paperback

Published April 1, 2021

20 people are currently reading
94 people want to read

About the author

ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโท-เอกด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยโกเบ ประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทกระจกอาซาฮี

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเจ้าของเพจ "เกตุวดี Marumura" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 70,000 คน นอกจากนี้ ยังมีผลงานเขียนเกี่ยวกับธุรกิจและแรงบันดาลใจของคนญี่ปุ่นมาแล้ว 7 เล่ม ดร.กฤตินี มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่างยั่งยืน การตลาดสไตล์ญี่ปุ่น และ Cross Cultural Management

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
79 (65%)
4 stars
34 (28%)
3 stars
6 (5%)
2 stars
1 (<1%)
1 star
0 (0%)
Displaying 1 - 26 of 26 reviews
Profile Image for nananatte.
431 reviews138 followers
April 29, 2021
ถ้าบ้านเรามีการจัดงานออสการ์ของวงการหนังสือ Makoto Marketing ควรได้เข้าชิงอย่างน้อย 5 สาขาค่ะ
Best Book / Best Writer / Best Editor / Best Collaboration / Best Book Design of the Year ค่ะ
.
ตอนแรกก็เข้าใจว่า Makoto Marketing เป็นงานเขียนของอ.เกตุเช่นเดียวกับเล่ม “ริเน็น” แต่พอได้อ่านจึงรู้ว่าไม่ใช่
.
หากเทียบกับงานศิลปะ นี่ไม่ใช่ผลงานแสดงเดี่ยวของอาจารย์ แต่เป็นการ “ผนึกกำลัง” ร่วมกับทีม The Cloud นี่เป็นการทำงานแบบทีมเวิร์ค ดึงเอาจุดแข็งที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่ายมาบรรจบกัน แล้วระเบิดพลังจากตัวหนังสือเข้าใส่ตัวผู้อ่าน
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เนื้อหาอัดแน่น แต่กลับอ่านง่ายมาก การจัดวางเลย์เอาท์ละเอียดอ่อน แต่ทรงพลัง ตัวหนังสือสร้างแรงบันดาลใจอย่างที่สุด แต่ก็มีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนโยนตีคู่กันมา

ต้องยอมรับว่า ฝีไม้ลายมือของอ.เกตุรุดหน้าไปมากจากเล่ม “ริเน็น” ตัวหนังสือไม่ใช่แค่แตะในระดับความคิดของคนอ่าน แต่ส่งตรงถึงใจ ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ 15 ของการผลิตงานเขียนออกมาต่อเนื่อง และก็น่าจะประมาณปีที่ 8-9 ของการเป็นอาจารย์สอนการตลาด ทำให้เนื้อหาการตลาดในเล่มนี้ถูกเคี่ยวมาจนงวด คัดมาแต่เนื้อๆ เน้นๆ ครีมๆ

แต่ทีเด็ดจริงๆ ของเล่มนี้คือ “น้ำเสียง”
Makoto Marketing เป็นหนังสือเล่มแรกของอ.เกตุที่เผย “น้ำเสียงของอาจารย์” ให้นักอ่านได้เห็น
.
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า อ.เกตุเป็นอาจารย์สอนการตลาดที่คณะบัญชี จุฬาฯ แม้เราจะสัมผัสความเป็นครูของเธอได้เข้มข้นมากขึ้นตามกาลเวลา แต่เราก็รู้จักเธอได้เฉพาะผ่านตัวหนังสือ และน้ำเสียงของตัวหนังสือทั้งหมดนั้น มันเป็นน้ำเสียงของนักเขียนบทความ ไม่ใช่น้ำเสียงของอาจารย์

รู้สึกนับถือคุณทรงกลดแบบสุดใจ ที่สามารถมองเห็น Gap ตรงนี้ได้ เพราะคุณทรงกลดมองเห็นน้ำเสียงที่หายไปนี้ จึงทำให้นักอ่านอย่างพวกเราโชคดีได้สัมผัสน้ำเสียงของอ.เกตุในฐานะอาจารย์ได้ แม้จะไม่ได้เข้าไปนั่งเรียนในชั้นเรียนของเธอก็ตาม

Makoto Marketing แสดงทั้งศาสตร์และศิลป์ของงานบรรณาธิกร ตั้งแต่แนวคิด การขึ้นโครง ร้อยเรียง ลำดับเรื่อง พลังของคำที่ใช้ในเล่ม รวมไปถึงการประสานงานระหว่างบรรณาธิการและนักเขียน

อ่านเล่มนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกทึ่งในความละเอียด เนียนกริบ ไร้รอยต่อ เล่าเรื่องได้นวลเนียน แต่กระชับ ทรงพลัง และสร้างแรงบันดาลใจต่อเนื่อง ไม่มีแผ่วเลย ตั้งแต่ต้นจนจบเล่ม
.
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Makoto Marketing เป็นผลงาน masterpiece ของทั้งอ.เกตุและคุณทรงกลด นี่คือหนังสือที่ควรอยู่คู่กับผู้ประกอบการไทยและการเติบโตของประเทศไปอีกอย่างน้อย 20 ปี

ขอให้ขายดีมากๆ หนังสือดีมากๆๆๆๆ ทั้งสนุกมาก ทำตามได้จริง และอ่านง่ายด้วย !
.
.
มา เรามาเข้ารีวิวเนื้อหากันเถอะ!
จุดเริ่มต้นของ Makoto Marketing เกิดจาก อ.เกตุสงสัยว่า คนไทยก็รู้จักหลักการตลาด (4P) เหมือนๆ กับที่คนญี่ปุ่นรู้... แต่ทำไมการทำตลาดของญี่ปุ่นถึงได้ไม่เหมือนคนไทยเลยนะ? ทำไมสินค้าของญี่ปุ่นถึงทำให้เราอยากซื้อ อยากเป็นลูกค้าตลอดไป อยากเอาไปบอกต่อคนอื่นๆ ให้ได้ซื้อได้ใช้ด้วย... ในขณะที่คนไทยยังโฟกัสกับเรื่องยิงแอ่ด Facebook ใช้ Instagram Marketing ดีไหม? ตอนนี้ทำธุรกิจอะไรถึงจะดี? ทำอะไรถึงจะได้ยอดขายเยอะๆ?

อ.เกตุรู้สึกว่า 4P ที่คนญี่ปุ่นรู้จัก... อาจจะไม่เป็นอย่างที่คนไทยรู้จักก็ได้ จึงได้เขียน Makoto Marketing ขึ้นมาในฐานะตำราหลักการตลาด เพื่อให้เราได้กลับมาย้อนทำความรู้จักการตลาดกันใหม่ผ่านมุมมองแบบญี่ปุ่นตั้งแต่ต้น
.
ประโยคที่อ.เกตุพูดซ้ำบ่อยที่สุดในเล่ม คือ “ลูกค้า 1 คนซื้อ 100 ครั้ง ดีกว่าลูกค้า 100 คนซื้อ 1 ครั้ง”
และประโยคโปรดของเราในเล่มนี้คือ “ยอดขายที่แท้จริงมาจากจำนวนครั้งที่ลูกค้ารู้สึกขอบคุณเรา”
.
ในแง่หนึ่ง Makoto Marketing เป็นหนังสือหลักการตลาด
แต่อีกแง่หนึ่ง นี่คือหนังสือที่สะกิดถามผู้ประกอบการว่า เรากำลังทำธุรกิจด้วย “จิตใจ” แบบไหน
.
เราชอบที่เล่มนี้มีการแตก step ไว้ให้คิดตามทีละขั้นเล็กๆ ทุก step คือ 1 บท

แต่ละบท เริ่มต้นด้วยคำถามจากนิสิตหรือผู้ประกอบการไทย ปัญหาหนักอกที่ทิ่มแทงใจถูกเล่ามาด้วยภาษาซื่อๆ เพราะก็ไม่รู้จะแก้ยังไง พอเราลองขยับมุมมองมาอยู่ในฐานะผู้อ่าน เราจะเห็นเลยว่า mindset แบบที่ผู้ประกอบการใช้อยู่เป็นแบบไหน กำลังโฟกัสกับอะไร เราจะเข้าใจเลยว่า การที่ตั้งคำถามมาแบบนี้ เราอาจโฟกัสผิดจุด และละเลยสิ่งสำคัญไป

จากนั้น อ.เกตุจะเล่ากรณีศึกษากิจญี่ปุ่นที่สอดคล้องกับคำถาม และกลับมาทวนถามคนตั้งคำถามกับอาจารย์อีกครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคิดและวิธีการที่เราทำอยู่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

อาจารย์มีแบบฝึกหัดเป็นการบ้านให้คิดตามเป็นขั้นๆ ทุกบท และที่เราชอบมากคือ อาจารย์มีเฉลยแบบฝึกหัดให้ด้วย พออ่านเฉลยของอ.เกตุ ก็รู้สึกทึ่งว่า... คิดแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ บางคำตอบก็รู้สึกทึ่งกับกระบวนการคิดของอาจารย์ว่าสามารถลำดับความคิดออกมาได้ยอดเยี่ยมไปเลย !

แต่ละบทจะดำเนินไปในลักษณะนี้ ปูพื้นฐานการตลาดให้เราไล่เรียงไปจาก ก-ฮ
.
และเช่นเดียวกับการเรียนในมหาวิทยาลัย คาบสุดท้ายก่อนสอบไฟนอล ต้องมีติวสอบ

Makoto Marketing จึงปิดท้ายเล่มนี้ด้วยกรณีศึกษาของแบรนด์ขนมญี่ปุ่นอายุ 500 ปี ซึ่งสามารถทำได้แล้วทุกข้อตามที่หนังสือเล่มนี้กล่าวมา ผู้บริหารของแอร์เมสกล่าวว่า คู่แข่งของแอร์เมสไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์อื่น แต่เป็นร้านขนมแห่งนี้ต่างหาก
อ.เกตุปิดท้ายเล่มด้วยการเรียบเรียงเนื้อหาหลักจากทุกบท เรียงร้อยต่อเนื่องให้เห็นทีละขั้นว่า ทายาทรุ่นที่ 17 ของร้านขนมแห่งนี้ทำอย่างไร เพื่อดำรงธุรกิจครอบครัวให้ยังคงอยู่มาได้อย่างยาวนาน และยังเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้คน
.
หลักใหญ่ที่เราจับได้จาก Makoto Marketing มีดังนี้
(1) แยกแยะได้ระหว่าง หลักการตลาด (รากฐานของธุรกิจ) และ เครื่องมือทางการตลาด (เทคนิคการเพิ่มยอดขาย)
(2) ธุรกิจมีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้า
(3) Internal Marketing ก่อนชนะใจคนอื่น ชนะใจคนข้างในให้ได้ก่อน พนักงานของเราภูมิใจและเห็นคุณค่าของงานที่ทำหรือยัง

(4) Coopetition กับคู่แข่งทางการค้า แข่งขันอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าและร่วมกันทำเพื่อให้ชุมชนในภาพรวมเจริญขึ้น
จากกรณีศึกษาในเล่ม มีเรื่องของร้านเมนไทโกะที่นอกจากจะไม่กลัวคนอื่นเลียนแบบ ยังสอนร้านอื่นให้ทำเมนไทโกะขายตามตนเองด้วย จนเปลี่ยน “เมืองทั้งเมือง” มีไม่มีอะไรโดดเด่น ให้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่มีแต่ร้านขายเมนไทโกะอร่อยๆ เต็มไปหมด

(5) ร่วมอยู่ร่วมเจริญ
a. กับซัพพลายเออร์ ซัพพลายเออร์ขายวัตถุดิบให้ธุรกิจในราคาเป็นธรรมและเขาอยู่ได้ในระยะยาว เพื่อทุกคนจะได้ร่วมอยู่ร่วมเจริญไปด้วยกัน ซัพพลายเออร์ภาคภูมิใจและรับรู้ว่าผลงานของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สินค้าและบริการของเรา

b. กับชุมชนและสังคม ไม่โดดเดี่ยวธุรกิจตนเองออกจากชุมชนท้องถิ่น เพราะธุรกิจมีที่ตั้งอยู่ในชุมชน จึงเข้าหาชุมชนด้วยอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทำ���พราะ CSR แต่ทำเพราะมิตรจิตมิตรใจ โปร่งใส ให้ชุมชนได้เห็นความเป็นไปภายในธุรกิจ นำพาเศรษฐกิจและการจ้างงานเข้ามาสู่ชุมชน สร้างชุมชนให้เข้มแข็งและกระจายรายได้สู่ชุมชน

(6) ถนัด 1 อย่าง แต่ถนัดอย่างถึงที่สุด
ในเล่มมีกรณีศึกษาเท่ๆ เต็มไปหมด แต่เรื่องที่เราชอบที่สุดในเล่ม คือ เรื่องของบริษัททำแผนที่ก่อตั้งมาแล้ว 70 ปี ในยุคที่ใครๆ ก็ใช้แต่ google map แต่บริษัททำแผนที่แห่งนี้ก็ยังคงก้าวต่อไปทั้งแข็งแกร่งและสง่างาม เค้าไม่ diversify ตัวเองไปเปิดร้านอาหารหรือร้านกาแฟ แต่ซื่อตรงต่อตนเองว่า สิ่งที่ธุรกิจถนัดที่สุดคือ “ทำแผนที่” จึงมุ่งมั่นให้ตนเองเป็น “ที่สุดของการทำแผนที่”

ขอไม่สปอยด์ว่าตกลง บ.ทำแผนที่เจ้านี้เค้าทำอะไรลงไป แต่ใบ้ให้ค่ะ... หลายท่านก็คงได้ใช้บริการจากบริษัทนี้ไปแล้วโดยไม่รู้ตัวตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะข้อมูลของ google map japan มาจากบริษัทนี้ค่ะ

ในเล่มมีกรณีศึกษาสนุกๆ อีกเยอะมาก บท Storytelling อลังการมากกกกก... สาย copy writing สาย branding อย่าพลาดเด็ดขาด เด็ดมากกกก

แต่เรื่องที่เราชอบเป็นพิเศษคือเรื่องร้านข้าวกล่องดิลิเวอรี่ที่ไม่รับพนักงานเป็นเด็กเรียน แต่รับเฉพาะจิ๊กโก๋ เพราะพนักงานที่เป็นจิ๊กโก๋หรือเด็กซิ่ง มีจุดแข็งที่คนทั่วไปไม่มี... จากร้านข้าวกล่องที่ขาดทุนจนจ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ได้ กลายมาเป็นร้านข้าวกล่องดิลิเวอรี่ยอดขายอันดับ 1 ของโตเกียว!
.
อ่าน Makoto Marketing แล้วอาจรู้สึกคอตก เห็นความแตกต่างอีกมากระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น แต่ในทางกลับกัน ก็แปลว่า เรายังมีช่องว่างที่จะพัฒนาธุรกิจและประเทศของเราอีกมากเลยนะ ถ้าทุกคนร่วมมือกัน

สำหรับใครที่ปกติไม่อ่านหนังสือธุรกิจเลย หนังสือ 2 เล่มที่คุณควรอ่านอย่างยิ่ง คือ “องค์กรที่ทุกคนสร้างกำไร” ของอินาโมริ คาซุโอะ (ผู้กอบกู้ JAL) และอีกเล่มคือ Makoto Marketing ค่ะ สองเล่มนี้เป็นเหรียญสองด้านของกันและกันเพื่อสร้างธุรกิจให้มีคุณค่าและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
Profile Image for Makmild.
806 reviews218 followers
October 12, 2021
อยากให้ทุกคนไปอ่านรีวิวของ nananatte ค่ะ แทนใจหมดแล้ว (ขี้เกียจเขียนเอง) สรุปว่าดีมาก ไปอ่านดูเองเลย

(เพิ่ม)

ถ้าประเทศไทยมีรางวัลการออกแบบหนังสือดีเด่นประจำปี makoto marketing คงได้รางวัลชนะเลิศไปค่ะ
.
หนังสือเล่มนี้ออกแบบมาดีมาก ตั้งแต่เนื้อหาที่แม้จะพูดเรื่องแบบที่เคยอ่านในเดอะคลาวด์แล้วแต่พอมีการบ้านแล้วดีต่อใจมากๆ เพราะมันไม่จบที่การได้อ่าน case study แต่ยังชวนให้เราคิดต่อด้วยว่าจะแก้ยังไง เป็นการได้ปรับใช้จริงๆ เลย
.
ไปจนถึงรูปเล่มที่เรียกได้ว่า “ใส่ใจ” แบบญี่ปุ้นญี่ปุ่น เนื้อกระดาษสัมผัสระหว่างหน้าก็คือ อะหือ พี่คิดมาได้ไง การวางกราฟฟิกรูปหัวใจระหว่างบทงี้ น่ารัก (แต่เห็นมีคนบอกว่าอ่านรอบสองแล้วกระดาษหลุด สันกาวอาจจะไม่แน่น)
.
ใดๆ ก็ตาม มาโกโตะมาร์เก็ตติ้งก็เป็นหนังสือที่คนไม่ใช่มาร์เก็ตเตอร์อ่านได้ มาร์เก็ตเตอร์อ่านยิ่งดี บิสซินเนสพิเพิ่ลอ่านก็แจ่ม เพราะรวบรวมแนวคิดธุรกิจแบบ “ใจๆ” มาเป็น case ให้ศึกษา (และเอาไปเล่าต่อได้ง่าย)
.
มายอ่านร่วมกับ umami stategry แล้วรู้สึกได้สองต่อ เพราะเอา umami มาวิเคราะห์เคสต่อ 5555
.

เป็นเล่มที่มายชอบแนะนำให้คนไม่ชอบอ่านหนังสือได้อ่านด้วยค่ะ ฮ่ะๆ มันอ่านง่ายและดีขนาดนั้นเลยค่ะ :)
Profile Image for Tuitui Liw.
157 reviews7 followers
May 2, 2022

Makoto แปลว่า จริงแท้ ไม่ปรุงแต่ง Marketing คือการตลาด รวมกันมีความหมายว่า การตลาดที่มาจากใจ จริงใจ ใส่ใจ ยั่งยืน เป็นการตลาดที่ทำให้ทั้งคนซื้อและคนขายมีความสุข

ในบรรดาหนังสือการตลาดที่อ่านมา พูดได้อย่างเต็มปากว่า เล่มนี้คือชอบที่สุด


ที่สุดในแง่ของความแปลกใหม่ มุมมองของการทำธุรกิจที่ไม่อาจหาได้จากตำราการตลาดเล่มไหนๆ แต่เพราะมันมาจากประสบการณ์จริงของเจ้าของธุรกิจในญี่ปุ่นที่สามารถดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ หลายๆตัวอย่างเอามาจากธุรกิจที่อายุมากกว่าร้อยปี


ที่สุดในการถ่ายทอดเนื้อหา การเล่าเรื่อง ออกมาเป็นตัวอักษร เรียบเรียงได้ไหลลื่น คมชัด ไม่เยิ่นเย้อ และจบในตัว แอบรู้มาว่า สำนวนการเขียนมีกลิ่นอายของคุณตุ้ม หนุ่ม เมืองจันท์ เพราะคุณเกตุวดีเป็นแฟนงานเขียนของเขานี่เอง


ที่สุดของการเป็นหนังสือสอนวิชาการตลาดรูปแบบใหม่ ที่อ่านแล้วเสมือนเราได้นั่งเรียนในคลาสของอาจารย์เกตุวดีจริงๆ เพราะคุณเกตุวดี เป็นอาจารย์สอนวิชาการตลาด ภาควิชาบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้าได้อ่าน ก็คิดเสียว่าเสมือนได้ลงทะเบียนเรียนวิชานี้ในราคา 325 บาทเท่านั้น คุ้มสุดๆ


ที่สุดของการผสมผสาน หนังสือที่เป็น Story Telling กับวิชาการตลาดเข้าด้วยกัน มีการเปิดเรื่องก่อนเข้า Case Study ที่น่าสนใจพาเราไปผจญภัยกับเรื่องราวของธุรกิจในญี่ปุ่นที่พอจะเป็นตัวอย่างในเคสนั้นๆ และกลับมาปิดจบอย่างสวยงาม มี Quiz เล็กๆให้ทำเพิ่มรอยหยักให้สมอง ทำแล้วบอกตรงๆว่าสามารถจุดไฟในการสร้างธุรกิจ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองขึ้นมาเลยทีเดียว


ที่สุดในความเรียบง่ายของการออกแบบรูปเล่ม ตั้งแต่หน้าปก กระดาษคั่น การเลือกใช้สี ทุกอย่างในเล่ม ส่งมอบกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างดีด้วยการแฝงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ปราณีตและทัชใจคนอ่าน



อาจเพราะรู้สึกเฉยๆกับธุรกิจที่เน้นทุนนิยม เน้นความสำเร็จที่เป็นตัวเลขทั้งยอดขาย และปริมาณ แข่งกันลดแลกแจกแถม แต่จะอินเป็นพิเศษกับแบรนด์ที่ตั้งใจทำออกมา ส่งมอบคุณค่าอะไรบางอย่างให้ลูกค้าแบบสัมผัสได้ด้วยใจ เล่มนี้คงไม่เหมาะกับคนที่มองหาลู่ทางทำการตลาดเพื่อปั้นยอด เพิ่มลูกค้าใหม่ หรืออะไรก็ตามที่เน้นปริมาณ แบบนั้นหาความรู้ได้จากเล่มอื่น หรือบรรดากูรูการตลาด โค้ชการขายท่านอื่นๆ เพราะคงหาเทคนิคแบบนั้นไม่เจอในเล่มนี้

Makoto Marketing สอนให้เราเข้าใจว่า การแก้ปัญหาให้ลูกค้า การทำธุรกิจบนปรัชญา ความเชื่อของแบรนด์ (Brand Belief) เหตุผลของการมีอยู่ของแบรนด์เรา เหล่านี้ควรมาก่อนการตั้งเป้าเรื่องยอดขายของบริษัท การทำธุรกิจโดยใช้หลัก Makoto Marketing การตลาดแบบจริงใจ จะทำให้เราได้ทั้งกำไร และได้ทั้งความรักจากลูกค้าในที่สุด

ขึ้นหิ้งไปอีกเล่มโดยปริยาย
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for RACHATA J..
10 reviews
April 19, 2022
คลาดกันมาหลายรอบกับหนังสือเล่มนี้
พอมีโอกาสได้อ่านถึงกับชอบมากครับ
สนุก อ่านง่าย เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์เกตุถ่ายทอดได้ดีมากครับ
Profile Image for Jutatip Charoenyingwattana.
42 reviews2 followers
September 15, 2021
ให้ห้าดาวไม่รู้จะดูเวอร์ไปรึเปล่า แต่ส่ว��ตัวชอบมากเลย

1. หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในผลผลิตของ read the cloud ของพี่ก้อง ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบกลิ่นอายงานของพี่ก้องมาก ทั้งหนังสือและช่วงที่พี่เค้าทำ a day
2. มันเป็นญี่ปุ่นอะ ประเทศที่มีพื้นที่ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ขายความจริงใจพร้อมกับคุณภาพได้ ดังนั้นเคสที่ยกตัวอย่างมามันเลยอ่านสนุก นึกออกว่าทำเป็นซีรีส์ได้เลย เพราะมันมี story ที่ดีทุกเรื่อง แบบว่าอ่านไปต้องเสิร์จไปและปักหมุดใน ggmap ไปด้วย พร้อมว่าเปิดประเทศเมื่อไหร่ต้องมีตามรอยบ้างแหละ
3. เรื่อง marketing การเล่าเรื่องที่มี structure ชัดเจนมาก แต่ topic ที่ต้องการสื่อก็ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งครอบคลุมหลายเรื่องของ marketing มากไม่ใช่แค่ product แต่ยังรวมถึงเรื่องของพนักงาน story telling … บลาๆ เยอะมาก ทำให้นึกถึงตอนเรียน mkt เหมือนกัน

สรุปคือชอบในหลายองค์ประกอบมาก ประทับใจเเละสามารถหยิบมาอ่านซ้ำได้แหละ
536 reviews6 followers
December 17, 2023
เจอปัญหา 2 บริษัทเลยจับคู่ให้
ทำสินค้าให้ดี ไม่ใช่กำไร
ทำเพื่อใคร ให้ทุกคนได้มาเจอกัน
บริการด้วยใจ ทุ่มด้านเดียว
คิดค้นด้วยใจ ทำในสิ่งที่ทุกคนอยากได้
ปรับมอบประสบการณ์ไม่ใช่สินค้า
ทำสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และเหมาะสม
มุงทำให้ลูกค้ากลับมาดีกว่าหาใหม่
สนุกที่ได้กิน รสชาติจากธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง
ทำแต่ความถนัดตัวเอง ของมีค่าจะขายได้เอง
ของใช้ได้นานๆ มีเรื่องราวในทุกชิ้น
ที่ประดิษฐ์ เพราะอะไร ปัญหาในการพัฒนา ความพอใจที่ทุกคนได้รับ
รับคนทำงานด้วยใจ ไม่ใช่การศึกษา แปะคำขอบคุณของลูกค้าให้ทุกคนได้เห็น
ทุกคนมีสิทธ์ได้คิด ทุกคนเป็นเจ้าของงาน
ทำอย่างเดียว แต่ต่อยอดไปมากมาย ไม่มีตัน ถ้าทุ่มเทและมีจินตนาการ
เก็บของไม่จำเป็นต้องรับลูกค้าบริษัท คนที่วไปก็ได้หมด
ทุกคนทำตามกันแต่มีเอกลักษณ์ต่างกัน สิ่งที่จะได้แพร่ไปโด่งดัง ก็ยื่งขายได้มากเอง
ไม่ใช่เราที่ได้ประโยชน์ ชุมชนและผู้คนรอบๆต้องได้ด้วย
ทำด้วยใจทุกคนจะเข้าใจเอง
รักษาสิ่งดี ตัดสิ่งไม่ดีออกไป คงความเป็นตัวเอง
Profile Image for Tanny.
32 reviews
January 20, 2023
เป็นหนังสือที่ดีมากจริงๆ คนเขียนเขียนสนุกมาก สอนดี เข้าใจง่าย คนที่ไม่มีพื้นฐานอย่างเรามาอ่านก็ยังเข้าใจเลย
เล่มนี้จะพูดถึงการตลาดแบบญี่ปุ่นที่ไม่ได้หวังกำไรเป็นหลัก แต่เน้นไปที่ความสุขของลูกค้ามากกว่า โดยเล่าผ่าน case study ทั้งหมด 20 เคส ซึ่งแต่ละเคสอ่านเพลินมาก ไม่น่าเบื่อเลย พอจบบทแล้วก็จะมีแบบฝึกหัดมาให้ทำ แถมยังมีข้อสอบไฟนอลท้ายเล่มอีก ก็ถือเป็นการทดสอบความเข้าใจของเรา ให้ฟีลแบบหนังสือเรียนเลย แต่สนุกกว่าเยอะ
เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนทำธุรกิจมากๆ หรือคนที่เรียนสาย business หรือใครก็ได้ที่อยากอ่าน เล่มนี้คือแนะนำมากๆค่ะ มันดีมากจริงๆ อ่านเถอะ 🥹🤣
ปล.นอกจากเนื้อหาจะดีแล้ว รูปเล่มก็น่ารักมากด้วย 😽😽
Profile Image for Medu.
48 reviews2 followers
May 4, 2021
อ่านจบแล้วอยากเก็บกระเป๋าไปตามรอยแต่ละร้านในเล่มมากๆ อ่านแล้วเหมือนได้กลับไปเรียนในคลาส prin marketing กับอาจารย์เกดอีกรอบ อาจารย์มีตัวอย่างมาสนับสนุนไอเดียเสมอ แบบฝึกหัดและเรื่องราวในเล่มทำให้มองการตลาดในมุมที่ต่างออกไปจากเดิมและเอนจอยกับการตระหนักถึงคุณค่าที่เราได้รับจากสิ่งเหล่านั้น สำนวนการเขียนที่เรียบง่ายของอาจารย์ชวนให้อ่านเพลินๆ อ่านได้เรื่อยๆ ทุกที่ทุกเวลา เป็นอีกเล่มที่ให้เป็นหนังสือ worth reading :)
Profile Image for Tum Kanapon.
146 reviews14 followers
August 27, 2021
เป็นหนังสือที่เขียนดี ไม่อยากให้จบ

อาจารย์เกด ยกตัวอย่างเคสธรุกิจของญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่มีแง่งามที่น่าสนใจ
แม้แก่นของเรื่องจะคือเรื่อง Customer Focus, Innovation แต่พอได้เล่าเคสประกอบของจริง ทำให้เราจับต้องได้ อีกทั้งสำนวนการเรียบเรียงที่สละสรวย ซึ่งทำให้หนังสือเล่มนี้กลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง

ให้เครดิตสำนักพิมพ์ Read the Clound ด้วย ทำหนังสือ packaging ดีมากครับ
Profile Image for Narongrit.
10 reviews
August 11, 2021
หนังสือการตลาด ที่ยกเรื่องราวจากของธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศณี่ปุ่นมาเป็นตัวอย่าง โดยแนกย่อยออกตามแต่ละหัวข้อ

อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากตามรอยหนังสือ ไปทานขนมหรือร้านอาหารที่ถูกยกมาเป็นเนื้อหาอย่างมากครับ

เป็นหนังสือที่เปิดมุมมอง และแนวทางการทำธุรกิจและการตลาดได้ดี อ่านได้แย่างเพลิดเพลิน รวมถึงความสวยงามของหนังสือ

ชื่นชอบมาก และคิดว่าคงได้มีโอกาส หาหนังสือเล่มอื่น ๆ ของผู้เขียนมาอ่านเพิ่มเติมครับ
Profile Image for Sukhumarn Archasantisuk.
3 reviews16 followers
September 26, 2021
ในหมู่หนังสือที่อ่านมาในปีนี้ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ชอบที่สุดค่ะ

องค์ประกอบทุกอย่างดีมาก การดีไซน์หนังสือตั้งแต่หน้าปก ชอบหน้าที่คั่นในแต่ละบทที่สื่อถึงเนื้อหาในบทถัดไป

เนื้อหาอ่านสนุกมากๆ รู้สึกอยากไปตามรอยร้านต่างๆ ในหนังสือเลย มีความรู้ทางด้าน marketing ที่อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ สำนวนในการเขียนที่อ่านแล้วเหมือนได้ยินเสียงอาจารย์เกตุเล่าเรื่องเลยค่ะ

อยากให้มีเวอร์ชั่นผู้ประกอบการไทยบ้างจัง
June 23, 2021
ดีงามมาก เป็นหนังสือที่เขียนออกมาได้ดีและเล่าเรื่องได้ดีมากๆ อ่านเพลินสุดๆ design หน้าปกและภายในเล่มก็สวยมากๆ ชอบเคสในเล่มมากๆ แล้วก็ชอบที่มี part แลกเปลี่ยนความคิดกับแบบฝึกหัดด้วยดีมากๆ เลย อยากแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ทุกคนอ่านมากๆ
Profile Image for Joe Nuttapong.
77 reviews2 followers
July 24, 2021
Well demonstrate "What are important things to consider when start doing a business or develop new products/services". The content is not comprehensive but highlights fundamental yet usually-overlooked aspects for both new and seasoned entrepreneurs.
Profile Image for Olé Vorawee.
65 reviews
August 20, 2021
เป็นหนังสือที่อ่านเพลินมาก รูปแบบการเล่าของอ.เกดทำให้รู้สึกเรียนคลาสเรียนอยู่เลย รวมถึงการมีแบบฝึกหัดท้ายแต่ละบทด้วย บทความเหมือนจะเอามาจาก Read the Cloud แต่ปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับหนังสือมากขึ้น พออ่านแล้วมีแรงอยากทำธุรกิจ อยากเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองเลย
Profile Image for Thanida.
91 reviews6 followers
May 26, 2021
3.5 ดาวเพราะมีแบบฝึกหัดเลยแหละ :-)
Profile Image for Bom Jutiporn.
16 reviews
July 30, 2021
หนังสือMarketingที่อ่านจบแล้วอยากจ่ายเงินซื้อของในตั��อย่าง เรียกว่าหนังสือชวนป้ายยาก็ได้
Profile Image for Sunny.
4 reviews
August 25, 2021
หนังสือดี ออกแบบสวยงาม มีกิมมิคซ่อนอยู่ อ่านง่าย อ่านสนุก เพลิดเพลินไปกับทุกบทที่ อ.เกด คัดสรรออกมาให้อ่าน และยังสนุกกับการหาข้อมูลธุรกิจที่ยกมาด้วย เป็นอีก 1 เล่มที่แนะนำให้ทุกคนได้อ่านค่ะ
Profile Image for Boon.
372 reviews8 followers
January 1, 2022
เป็นหนังสือชีวิตกับการทำธุรกิจที่ดีที่สุดของไทยที่เคยอ่าน สั้นกระชับได้ใจความ เต็มไปด้วยเรื่องราว พร้อมข้อคิดท้ายบท เหมือนมีครูใจดีนั่งติวให้ข้างๆตอนอ่านครับ
Profile Image for Nuttawat Kalapat.
685 reviews48 followers
May 29, 2022
ย่อยง่าย อ่านเพลิน
อาจารย์มีความสามารถพิเศษคือ

ทำให้คนเบื่อ marketing กลับมามีไฟอีกครั้ง
และทำให้คนไม่ชอบการตลาด
กลับมาคิดถึงและชอบการตลาดได้อีกรอบ
Profile Image for Ratchakorn Mayura.
4 reviews
March 27, 2023
เป็นหนังสือการตลาดที่อ่านง่าย มีเคสน่าสนใจ และอธิบายได้เข้าใจมาก
Profile Image for bam2gr.
41 reviews3 followers
March 17, 2025
อ่านมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว จบจนได้
Profile Image for Sura Siri.
347 reviews6 followers
April 28, 2024
ความจริงใจและความใส่ใจให้กับลูกค้า... ได้พิสูจน์แล้วว่าธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น สามารถยืนหยัดต่อเนื่องยาวนานและที่สำคัญชนะการถูก Disrupt ได้อย่างสวยงาม
Profile Image for Guy II.
6 reviews
January 9, 2023
The worst life is a selfish human being!

I need to give myself complaints after 4 weeks in total of getting this book read. I'm planning to start a brand or a small business. I decided to pick this book which is released just a week before I started planning for marketing. This one provided me 10-20 new perspectives of - also life and mindfulness - selling Never regret wasted time on this book.
Profile Image for abtuich.
7 reviews
August 15, 2022
ปกติอ่านหนังสือการตลาดยากมาก รู้สึกต้องคิดตามเยอะ หาข้อมูลเยอะมาก ๆ แต่อาจารย์สามารถถ่ายทอดเรื่องราวให้เราเข้าถึงได้ง่าย มีความสุขในทุก ๆ บทที่ได้อ่าน ได้ตกผลึกความคิดตลอดเวลา อ่านเสร็จรีบไปแนะนำเพื่อนที่สานต่อร้านขายของชำของพ่อแม่ให้ไปรีบขุดจากกองดองมาอ่านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ รวมถึงหนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึกมีพลังในการตั้งใจทำธุรกิจของเราต่อไปอย่างมีความสุขและเน้นสร้างความสุขให้คนอื่นมากขึ้นค่ะ
Profile Image for Keen.
23 reviews9 followers
August 8, 2023
เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องได้สนุกและเฉียบคมตามสไตล์อาจารย์เกด ชอบที่มีแบบฝึกหัดท้ายบทมาก มันทำให้ได้ทบทวนความรู้แต่ละบท on the spot เลย เคสที่ยกมาน่าสนใจทุกเคส เป็นหนังสือที่รู้สึกคุ้มมากที่ได้อ่าน
Profile Image for Pat P..
6 reviews
November 17, 2021
ชอบมาก อ่านสนุก แต่ละแบรนด์มี story telling ที่น่าสนใจ มีแก่นสาระของการทำการตลาดแบบญี่ปุ่น ได้บรรยากาศเหมือน อ. เกตุวดี พาไปเที่ยวร้าน/บริษัทนั้นๆ เลย
Displaying 1 - 26 of 26 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.