Jump to ratings and reviews
Rate this book

ตึกกรอสส์: รวมเรื่องเอก

Rate this book
รวมเรื่องสั้น 7 เรื่อง จากปลายปากกาของ อ. อุดากร (อุดม อุดากร) "ตึกกรอสส์", "ชำหนึ่ง", "สยุมพรเหนือหลุมฝังศพ", "สัญชาตญาณมืด", "บนผืนดินไทย", "คาร์ล มาร์กซ์, กลิ่นดินปืน และนันทิยา" และ "บนเส้นทางชีวิตสายหนึ่ง" พร้อมภาคผนวก "ข้าพเจ้าเขียน "สัญชาตณาณมืด" ขึ้นเพื่ออะไร", บทวิเคราะห์วรรณกรรม "เรื่องสั้นของ อ. อุดากร" โดย วิทยากร เชียงกูล และ "อ. อุดากร" โดย เสถียร จันทิมาธร

160 pages, Hardcover

First published January 1, 2008

18 people are currently reading
212 people want to read

About the author

อ. อุดากร

3 books7 followers
อ.อุดากร เป็นนามปากกาของ อุดม อุดาการ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2467 ที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม การศึกษา เรียนหนังสือชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ หลังจบม.6จึงเรียนต่อในกรุงเทพฯ ที่ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา แล้วสอบเข้าเตรียมแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาวิชาแพทย์ที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช

พ.ศ.2478 ในปลายปีการศึกษาแรกของการเรียนวิชาแพทย์ ล้มป่วยด้วยโรคปอด ต้องพักการเรียน 2 ปี เพื่อรักษาตัว เมื่อครบกำหนดอาการยังไม่ปกติ จึงต้องลาออก อ.อุดากรจึงหันมาเรียนวิชากฎหมายคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง แม้จะยังเจ็บป่วยอยู่ก็อดทนเพียรพยายามจนสำเร็จอนุปริญญา

มีแววเป็นนักเขียนตั้งแต่เด็ก วิชาเรียงความของเขามักได้รับคำชมจากครู นอกจากนั้นก็มักจะเขียนเรื่องสั้นให้เพื่อนๆอ่านและเขียนบทละครให้โรงเรียนใช้แสดงในงานรื่นเริงเป็นประจำ

หลังล้มป่วยจนเรียนแพทย์ไม่ได้ อ.อุดากรเสียใจมากเพราะเคยมุ่งหวังใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือชาวบ้านในชนบท จึงหันมาสนใจการเขียนอย่างจริงจัง พอดีจังหวะช่วง พ.ศ.2491 นิตยสารสยามสมัย จัดประกวดเรื่องสั้นโบว์สีฟ้า อ.อุดากร เขียนส่งมา 3 เรื่อง ได้แก่ ตึกกรอสส์ เกสราลิขิต และชำหนึ่ง ทุกเรื่องได้รับพิจารณาลงพิมพ์ และเรื่อง "ตึกกรอสส์" ได้รับรางวัลชนะเลิศ
อ.อุดากรบรรยายความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในจดหมายที่เขียนถึงมาลัย ชูพินิจ บรรณาธิการนิตยสารสยามสมัยขณะนั้นว่า "ความปรารถนาของผมก็เท่านั้น ต้องการระบายความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ และบุคคลผู้เป็นเส้นชีวิตของมันออกไป เขียนแล้วอ่านดูเองก็รู้สึกพอใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สุขเท่ากับได้รับการเผยแพร่"

เมื่อได้รับความสำเร็จจากงานเขียนทำให้เขามีพลังใจมุมานะเขียนหนังสือแม้ยังเจ็บป่วย พ.ศ.2493 งานเรื่องสั้น "สัญชาตญาณมืด" ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารสยามสมัย เป็นผลงานเขย่าวงการที่ผู้อ่านพูดถึงอย่างกว้างขวาง

เมื่อทำงานเสมียน แผนกมหาดไทยของจ.อุตรดิตถ์ นายอุดมรับหน้าที่จัดทำนิตยสารธรรมสภา และหนังสือเชิญชวนท่องเที่ยวจังหวัด เรื่อง "ลับแลเมืองธรรมชาติ" งานหนังสือเล่มนี้เขาทุ่มเทอย่างหนักกระทั่งโรคที่ป่วยอยู่ทวีความรุนแรงขึ้นจนต้องหยุดงานเขียนเมื่อลุกขึ้นไม่ไหว

ตัวอย่างงานเขียนของอ.อุดากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้น นอกเหนือจากที่เอ่ยแล้วข้างต้น ได้แก่ สยุมพรเหนือ หลุมฝังศพ ริมกระแสธาร ชั่วนิรันดร แสงระวีดับ โบ๊ตอะฮอย? ชีวิตที่จบลงด้วยน้ำตา ทาสอารมณ์ บนผืนแผ่นดินไทย คาลมาร์กซ์-กลิ่นดินปืน บนเส้นทางชีวิตสายหนึ่ง รักนั้นจีรัง วิญญาณลอย เพ็ญพิลาป และสิ้นพยาบาท ซึ่งเป็นงานเขียนเรื่องสุดท้ายในปี 2493 อ.อุดากร เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2494 ด้วยวัยเพียง 27 ปี

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
41 (35%)
4 stars
47 (40%)
3 stars
21 (18%)
2 stars
5 (4%)
1 star
1 (<1%)
Displaying 1 - 17 of 17 reviews
Profile Image for Clairdenoon.
1,952 reviews391 followers
December 9, 2018
#ตึกกรอสส์
#อ.อุดากร
และนี่คือ.....
/////////////ตึกกรอสส์2018//////////
ท้าดาาา...!!
...
..
.
description
#พาตึกกรอสส์มาตึกกรอสส์จ้าาา
////////////

รีวิวแบ่งเป็น๒ส่วน
ส่วน๑ คือความเห็นความรู้สึกส่วนตัว
ส่วน๒ คือเล่าทบทวนกับตัวเองว่าไปเจออะไรมาบ้างซึ่ง...ชัวร์!!มีสปอยล์!!!ถ้าสนใจและยังไม่เคยอ่านและอยากอ่านเล่มนี้เพื่ออรรถรสอันยิ่งยวดก็อย่าอ่านส่วน๒นะ!!การไม่รู้แล้วไปตื่นเต้นเองมันส์สุด😆👍

••ส่วนที่๑ คือความเห็นความรู้สึกส่วนตัว

๑.เปิดประสบการณ์เปิดโลกทัศน์มากๆค่ะ แม้อารมณ์ของเรื่องจะดูหม่นหมองโศกสลดดาร์กสุดๆ แต่เพราะตั้งใจว่าจะอ่านรอบเดียว(เข็ด555😅) เลยตั้งใจอ่านมากๆ เราไม่ถนัดวิพากษ์/หรือวิเคราะห์ว่าที่เขาว่าภาษาดี สำนวนดีต้องวิจิตรประมาณไหน สะท้อนสังคมอะไรยังไงแต่อ่านจบเราแน่ใจว่าจะจำไปอีกนานแน่ เพราะแต่ละเรื่องนั้นยากจะลืมจริงๆ🥴😖 ไรท์เตอร์เขียนได้ ชวนตื่นเต้น บรรยายอารมณ์ ความรู้สึกได้ลึกซึ้งเห็นภาพ ดราม่ามาเต็ม หักมุมมีครบ สะท้อนสะเทือนวงการสุดๆ โดยเฉพาะในส่วนของโรคภัยและความเจ็บป่วย ที่ดูจะอินเป็นพิเศษ บรรยายจนเราสลดหดหู่ อึนตาม รู้สึกได้เลยว่า สำหรับบางคนแค่การหายใจปกติที่เราคุ้นชินว่าเป็นเรื่องง่ายๆมันกลับกลายเป็นความยากลำบากมากมายเหลือเกิน (อ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนกับการที่ได้หายใจเข้าาาาหายใจออกกกอยู่แบบนี้💡) อ่านจบทุกเรื่องก็จะถอนหายใจยาววววๆ เฮ้อออ _รอดแล้ว😅

๒.เรื่องที่ชอบที่สุด.....มีด้วยเหรอ5555 😅🥴เอาจริงๆก็ไม่ชอบเลยสักเรื่อง (ความควรค่าแก่การอ่านก็เรื่องนึง/ความชอบก็เรื่องนึง) แต่ที่พีคและติดในใจสุด คือสัญชาตญาณมืด กับ สยุมพรเหนือหลุมฝังศพค่ะ  (รองจาก๒เรื่องนี้ก็ตึกกรอสส์)

เรื่องแรก...สัญชาตญาณมืด...เพราะเคยเลี้ยงอัลเซเชียน ก็เลยนึกภาพตามได้สะดวก😅555... เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึ้ง~อื้อฉาวสมคำร่ำลือจริงๆ
เรื่องสอง...สยุมพรเหนือหลุมฝังศพ...อาจจะคุ้นเคยกับสถานที่บรรยากาศมหาวิทยาลัย รู้ว่าคณะนี้อยู่ตรงนี้ๆเลยนึกภาพตามได้เป็นฉากๆ~ เหมือนจะโรแมนติกแต่ก็ไม่สุดสำหรับเรา แต่โดยรวมก็ชอบตรงกิมมิค การแต่งงานเมื่อดอกประดู่สีเหลืองบานครั้งที่๖เป็นพิเศษค่ะ

๓. สำหรับเรื่องนี้ช่วงเวลาระหว่างอ่านสนุกค่ะ ได้อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ไปอ่านเรื่องอื่นๆได้สนุกมากขึ้น ฟินง่ายขึ้น พอใจกับอะไรๆง่ายขึ้น จากหมดไฟก็กลับมาครื้นเครง หยิบจับเรื่องไหนหลังจากอ่านเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าดีไปหมด 🤣ตรงกับใจเราที่เบื่อๆนิยายที่อ่านเดิมๆ อยู่ในยุคมืดของการอ่าน มาอ่านเรื่องนี้แล้วไฟในการอ่านลุกพรึ่บเลย^^


///////////

••ส่วนที่๒ เรื่องราวต่อไปนี้ ..... มีสปอยลลลลล์!!!!

๑.ตึกกรอสส์
เรื่องของวิทยา ต้อย เจษ
(หลักคือของวิทยา ส่วน ต้อย กับ เจษ มาเติมเต็มปิดจ็อบ)
วิทยาเป็นนศพ.ที่เป็นตำนานระดับท็อปของรุ่นเลย เขามีpassion ของความเป็นหมอล้นปรี่ ชื่นชอบในทุกวิชาสาขานี้ โดยเฉพาะวิชาชำแหละศพนี่เชี่ยวมาก...และวิชานี้ที่ตึกกรอสส์ เขาประจำอยู่ที่โต๊ะเบอร์ ๑๑ กับศพ๑๑อาจารย์ใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นนักโทษประหาร~
และวันหนึ่ง....เขาก็ได้รู้ความจริง บางอย่างเกี่ยวกับศพที่๑๑นั้น...โดยหลักฐานยืนยันอัตลักษณ์บุคคลที่พีคสุดคือไฝ๓เม็ดของศพ!!
เรื่องช็อคนี้ทำเขาหายออกจากมหาวิทยาลัยไปร่วม๒ปี กลับมาในสภาพที่โทรมมากกกกป่วยหนักมากกกที่แม้แต่แค่หายใจยังสุดแสนจะลำบาก เขาขอให้ต้อยเพื่อนสาวคนเคยสนิทเป็นแพทย์เจ้าของไข้ และวาระสุดท้ายเขาได้เล่าความลับที่เคยหายตัวไปและขอร้องอะไรบางอย่างกับเจษเพื่อนสนิทอีกคนก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป...
(((((พีคคือ...ศพ๑๑คือพ่อแท้ๆของเขา///ที่พีคในพีคไปอีกคือ เขาสั่งเสียกับเจษ ขออุทิศร่างเป็นอาจารย์ใหญ่และประจำการอยู่ที่โต๊ะ๑๑นั้น!!!)))))

๒.ชำหนึ่ง
เรื่องของนายกาจ เทพนิมิตร /นายฟัก กับเมียชื่อเอื้อม/และมีนายชัยแว้บๆ
ชำหนึ่ง :กูเกิ้ลบอกว่าคือชื่อหมู่บ้านหนึ่งในตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์(จากประวัติน่าจะใกล้ๆบ้านคุณอ.อุดากรกระมัง) เรื่องมีอยู่ว่านายกาจเป็นนายด่านบำรุงทางรถไฟ เป็นคนป็อบอยู่พอสมควรในละแวกนั้น เป็นหนุ่มฮอตสุดในย่านนั้น มีนายฟักเป็นลูกน้อง รู้จักกันพอควร เรื่องมันเริ่มเมื่อวันดีคืนดีนายฟักก็เมาๆมึนๆไปนอนชิลเอาหัวพาดรางรถไฟเฉยเลย แล้วนายกาจกับพรรคพวกก็ขับรถถ่อ*มาพอดี~นายกาจได้เสียสละช่วยชีวิตนายฟัก จนนายกาจได้รับบาดเจ็บ นายฟักซึ้งใจและสำนึกในบุญคุณครั้งนี้มากๆๆๆๆและรอวันแทนคุณ//จนวันหนึ่งนายฟักก็เปิดตัวเมียชื่อเอื้อม สวยเซ็กส์เอ็กซ์สะบึมมากกกกกหนุ่มๆพากันมองตาค้างน้ำลายหก หนึ่งในนั้นคือนายกาจซึ่งก็พยายามยุบหนอพองหนอเมียฟักหนออยู่พักใหญ่แต่จนแล้วจนรอดในที่สุดนายกาจก็ได้ฟินาเล่เป็นชู้กับเมียนายฟัก(จนได้😑) ด้วยความหวาดระแวง ตามประสาคนทำชั่วไว้ พอเกิดเหตุนายชัยโดนยิง...นายกาจก็คิดว่าจริงๆนายฟักจะยิงตนที่เป็นชู้แต่ยิงผิดคนดันไปยิงนายชัย..ทั้งๆที่ชู้จริงๆคือเขา....ด้วยความหวาดระแวงตามประสาคนทำผิดมีชนักติดหลังว่านายฟักจะตามมาฆ่าตัวเอง ไม่วันใดก็วันหนึ่งจึงชิงลงมือก่อน....และ... นายกาจก็ได้กระทำการบางอย่างที่ ....😧😖😖😖เฮ้อออ
(((((นายกาจยิงนายฟัก ~นายฟักรู้ว่านายกาจยิงตน แต่นายฟักก็ไม่ได้ให้การตำรวจซักทอดว่าใครยิง ~นายกาจรอดพ้นคดี~แต่ต้องตกนรกทั้งเป็นเมื่อรู้ว่านายฟักรู้อยู่แก่ใจมาตลอดว่านายกาจกับเมียxxกัน...ซึ่งนายฟักก็ยินยอมพร้อมใจยกเมียให้นายกาจด้วยซ้ำไม่เคยมีใจคิดร้ายใดๆกับนายกาจผู้มีพระคุณเลย...นายชัยเขาก็ไม่ได้ยิง...ไม่นึกว่าเลยว่าคนที่เคยช่วยชีวิตตัวเองไว้จะคือคนเดียวกันกับคนที่ยิงเขาตายเช่นนี้...โถ้ถถถ😓))))

๓.สยุมพรเหนือหลุมฝังศพ (แอบเรียกว่าPadauk Couple)
เป็นเรื่องเล่าของคู่รักคู่หนึ่ง(สโรชิน กับ สถาพร)ผ่านการบอกเล่าของอีกคนหนึ่ง(อรรถพร)
แบบว่าคนเล่าคือรุ่นพี่ชื่ออรรถพร ได้รู้จักกับคู่รักวัยทีน ~หนุ่มหล่อสาวสวยคนดังของมหาวิทยาลัย นามว่าสโรชิน กับสถาพร ทั้งสามสนิทกันพอควรและได้บอกเล่าเรื่องราวว่าเขาทั้งคู่มีใจให้กัน มีโมเม้นดีๆใต้ต้นประดู่ด้วยกัน(นึกภาพว่านั่งสวีตใต้ต้นประดู่ที่ดอกบานสะพรั่งสีเหลืองๆโรแมนติกๆอะไรแบบนี้🌼🌼🌼🌼)แล้วทั้งคู่ก็ตกลงจะแต่งงานกันเมื่อดอกประดู่บานครั้งที่6 ซึ่งก็ประมาณว่าช่วงเวลานั้นคือทั้งคู่ต่างก็เรียนจบ////ทีนี้ทั้งคนเล่าก็เรียนจบ และคู่รักคู่นี้ก็ยังปี1 ณ ตอนนั้น ต่างคนต่างก็ห่างหายกันไป จนเกือบๆ5ปีผ่านไป ที่ไร่ของเพื่อนของอรรถพรที่สุโขทัย อรรถพรก็ได้พบสัตวแพทย์หนุ่ม ซึ่งก็คือ สถาพร ///พอเจอก็ถามสารทุกข์สุกดิบ ก็ได้ความว่าสโรชินลาออกจามหาวิทยาลัยไปแต่งงานตั้งแต่ปี2 แล้ว ส่วนสถาพรนั้นก็เฮิร์ทมากๆๆๆ ฝืนทนเรียนจบเป็นสัตวแพทย์และเพิ่งหายจากมาลาเรียด้วยแผลใจยังเหวอะหวะ  และในคืนนั้นนั่นแหละค่ะ....คือการที่อรรถพรได้เจอสถาพรตัวเป็นๆเป็นครั้��สุดท้าย...เพราะเช้ามา...อรรถพรก็สิ้นใจแล้ว ณ ใต้ต้นประดู่ที่ไร่แห่งนี้
(((((ใต้ต้นประดู่นั้นเป็นที่ฝังศพผู้หญิงคนหนึ่งที่ขอสามีไว้เมื่อเธอตายให้ฝังร่างเธอไว้ที่นี่...และผู้หญิงคนนี้คือสโรชิน...คนงานพูดเรื่องนี้เมื่อคืนแล้วสถาพรได้ยิน ได้ฟังเรื่องราว ปะติดปะต่อ จะด้วยเพราะเมาหรือฤทธิ์มาลาเรียที่มีฝังอยู่ในตัวผสานกันทำให้เขาหอบร่างไปที่ใต้ต้นประดู่นั้นและเสียชีวิต ณ ที่แห่งนั้น...เหนือหลุมศพที่ฝังร่างสโรชิน😓สิริรวมนับได้เป็นปีที่6 ที่ดอกประดู่บานนับจากสถาพรและสโรชินได้พบกันและใช่เลย...ตรงกับที่ทั้งคู่สัญญาว่าจะแต่งงานกันพอดิบพอดี...😓)))))

๔.สัญชาตญาณมืด
เล่าแบบง่ายๆสั้นๆพีคๆคือเป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่งงานกัน ทั้งๆที่ฝ่ายภรรยาก็รู้ว่าสามีป่วยและทำการบ้านแบบสามีไม่ได้ แต่ก็ยินดีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยแยกห้องนอนกันได้อย่างดี จนวันหนึ่ง...เมื่อเพื่อนรุ่นน้องของสามีพาแฟนสาวหนีตามกันมาและมาขอหลบอยู่ที่บ้านของทั้งคู่ด้วย...แป๊บนึง....ไอ้แป๊บนึงนี่แหละเป็นเรื่อง!....คู่ผัวหนุ่มเมียสาวที่มาขออยู่ด้วยนี่ก็หนุงๆหนิงๆxxxกันประเจิดประเจ้อ......ฝ่ายภรรยาเจ้าของบ้านเห็นก็เกิดความงุ่นง่านทางอารมณ์ จากที่เฉยๆไร้sexก็ชิลๆก็เปลี่ยวใจมีความneedขึ้นมา ~หันซ้าย สามีป่วยนอนอยู่ในห้องนั่น หันขวาไปเจอ อัลเซเชียน🤨 ....และใช่ค่ะ!!ที่ทำให้เรื่องสัญชาตญาณมืดได้รับการกล่าวขาน วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงแพร่หลายไปทั่วบ้านทั่วเมืองก็เพราะ....
((((((ฝ่ายภรรยานั้นเลือกหันขวาหันหน้าเข้าหาหมา....ซึ่งก็คือเป็นชู้กับหมานั่นเอง!!=_=😌)))))))

๕.บนผืนดินไทย

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกวาดล้างลัทธิคอมมิวนิสต์ในไทยค่ะ โดยที่คนๆหนึ่ง(ธารา) เลือกที่จะสวมรอยเป็นเพื่อนหมอ(นายแพทย์เผชิญ)ที่กำลังโดนไล่ล่า โดยขี่ม้าหนีตำรวจแทน แลกกับการที่จะให้หมอเชิญคนนั้นได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งด้วยการเจาะคอ ซึ่งถ้าเพื่อนช่วยเนี่ยเด็กต้องรอดแน่ๆ แล้วธาราก็เลือกที่จะขี่ม้าล่อทางการแทน(ซึ่งก็คือไปตายแทน) .....ซึ่งเรื่องราวก็จบด้วยความตายของเขาจริงๆ และจบด้วยคำว่า"เผชิญ,แผ่นดินไทยผืนนี้ฝากไว้ด้วย"/////😣

๖.คาร์ล มาร์กซ์ กลิ่นดินปืน และนันทิยา
~เรื่องนี้ชอบน้อยสุดเลย😌 มีช่วงเวลาของสังคมการเมืองเดียวกับเรื่องที่๕คือการกวาดล้างพวกลัทธิคอมมิวนิสต์ และคือเหมือนกับว่านันทิยาเนี่ยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระทำการเหมือนผลักไสเศรษฐคนรักของตนที่เป็นแกนนำฯให้มอบตัวกับทางการ และการมอบตัวนี้เศรษฐไม่ได้เข็ดหรือออกมาสบายๆแบบที่นันทิยาคิดไว้~แต่เศรษฐตายอย่างอนาถในคุก หลังจากนั้นไม่นาน////ทั้งๆที่จริงๆจะให้ผลมันเป็นอีกแบบหนึ่งแต่มันผิดแผนไม่เป็นแบบนั้น////(โธ่เอ๊ยยย..นันทิยา!😓😓😖)

๗.บนเส้นทางชีวิตสายหนึ่ง
มล.สุรจิต ผู้หนีการไล่ล่าจากทางการ, และคนรักชื่อพรพิมล ~เล่าโดยอรรถพร(ไม่รู้ว่าอรรถพรคนเดียวกันกับเรื่องที่3รึป่าว)
สั้นๆก็คือมล.สุรจิต หลบหนีมรสุมการเมืองหนีไปเข้าป่า ...พรพิมล(คนรักของเขา)แอบหลบตามไปเพราะมีเรื่องต้องเคลียร์..พรพิมลไปหลบอยู่ในพุ่มไม้....แล้วสุรจิตก็ดั๊นยิงพรพิมลด้วยความเข้าใจผิด.... ยิงแบบตัดขั้วหัวใจเลย....ดั้นด้นเข้าป่าไปตามแฟน..แต่ดั๊นโดนแฟนตัวเองยิงตาย...ตายง่ายๆแบยนั้นเลย....โอ้วววว...พรพิมล!!😑😑😑😑

-จบ-

/////
Profile Image for Phuwong.
193 reviews
April 20, 2017
หนังสือรวมเรื่องสั้น 7 เรื่องเอกของ อ. อุดากร แต่ละเรื่องมีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาทั้งด้านศิลปะการประพันธ์ สภาพสังคมไทย และแนวคิดที่เคลือบแฝง งานเขียนในเล่มมีเนื้อหาที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 หมวดใหญ่คือ อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์และอุดมการณ์ทางการเมือง ผู้เขียนตรึงความสนใจของคนอ่านไว้ด้วยความงดงามของภาษาและความเข้มข้นของเหตุการณ์ ก่อนจะจบเรื่องอย่างหักมุมที่มีทั้งสะเทือนใจและคาดไม่ถึง ควรค่าแก่การอ่านทั้งอย่างเอาเรื่องและไม่เอาเรื่อง
Profile Image for Mook Woramon.
897 reviews200 followers
December 22, 2021
รวมเรื่องสั้น 7 เรื่องที่อ่านแล้วไม่ผิดหวัง ภาษาสละสลวย บรรยายบรรยากาศ ความรู้สึกได้อย่างละเอียดลออ พาเราหลอน เศร้า รันทดไปกับเรื่องราวนั้นๆ น่าเสียดายที่ผู้เขียนอายุสั้นนัก

เรื่องสั้นเจ็ดเรื่องแบ่งเป็นสองแนวหลักๆ คือ สี่เรื่องแรกเป็นแนวชีวิต สามเรื่องหลังเป็นแนวสังคม การปกครอง

ชอบเรื่องแนวชีวิตมากกว่า การบรรยาย การหักมุม ความรู้สึกทั้งหลาย ทำให้เนื้อเรื่องติดตรึงในหัวไปนานเลยทีเดียว

ส่วนแนวสังคมเป็นยุคกวาดล้างคอมมิวนิสต์ คนดีๆ หัวก้าวหน้ามากมายที่ต้องตายเพียงเพราะความคิดต่าง ผ่านมา 70 ปี ประเทศไทยยังไม่ได้ก้าวไปไหนเลย 😭😭

เรื่องที่ชอบมากที่สุดคือเรื่อง ‘ชำหนึ่ง’ เจ็บปวดรวดร้าวได้อย่างสุดแสนจริงๆ
Profile Image for Book Beforebed_.
281 reviews9 followers
December 26, 2021
หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้น 7 เรื่อง ตึกกรอสส์คือชื่อตอนหนึ่งในนั้น ตอนแรกเราคิดว่าทุกเรื่องจะเกี่ยวกับคณะแพทย์ ตึกกรอสส์ แต่จริง ๆ แล้วแต่ละเรื่องจะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป ครึ่งหนึ่งเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และอีกครึ่งหนึ่งจะไปโฟกัสเกี่ยวกับสภาพสังคม เสียดสีการเมือง บรรยากาศของทุกเรื่องล้วนมีกลิ่นอายของยุคก่อน เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนไว้นานแล้ว ภาษาสวยมาก จะเป็นสำนวนของยุคนั้น อันนี้คือจุดเด่นที่เราชอบ อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความคลาสสิค

ส่วนตัวเราชอบในพาร์ทของเรื่องสั้นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์มากกว่า เพราะอินและเข้าใจง่ายกว่า (แห่ะ ๆ) พ่วงมาด้วยจุดหักมุมในตอนจบที่ค่อนข้างพีคเกือบทุกตอน แต่ในความพีคตรงนั้นก็แฝงไปด้วยอารมณ์หดหู่และสะเทือนใจ บางตอนคือทำเราเหม่อไปเลยแหละ

สำหรับในอีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ด้วยความที่เราอ่านหนังสือแนวนี้ไม่ค่อยได้อยู่แล้วเพราะจะไม่ค่อยเข้าใจ (ปัญหาเฉพาะตัว 555) ก็จะรู้สึกว่าเนื้อหาในส่วนนี้ไม่ค่อยเข้าหัวเรา คือเข้าใจเป็นบางประเด็นที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เช่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างสังคมเมืองและชนบท อันนี้อินมาก เพราะเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขใด ๆ ทั้งที่ผ่านมาหลายสิบปีมาก ๆ รวมไปถึงประเด็นความเห็นต่างในสังคมที่ล้วนแต่ต้องพบกับจุดจบ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนประเทศกำลังเดินถอยหลังไปสู่ยุคก่อนจริง ๆ แหละ
Profile Image for Watcharapong Suekamnurt.
34 reviews
March 6, 2024
เรื่องสั้นของ อ.อุดากร <<ซึ่งถ้าใครไ���้อ่านประวัติท่านจะพบว่าน่าในใจมากๆ ถ้ามีชีวิตอยู่นานกว่านี้คงได้เห็นงานเขียนอีกมากมาย น่าเสียดายT^T>> เล่มนี้เป็นเรื่องสั้นหลายเรื่องฉบับรวมไฮไลต์งานเขียนของอาจารย์ มีศิลปะการเล่าเรื่อง พรรณณาด้วยถ้อยคำที่ประณีต ตามชั้นเชิงของนักเขียนรุ่นเก่า เนื้อเรื่องมักเป็นแนวหักมุม จบแบบคาดไม่ถึง ลองนึกภาพถ้าเราได้อ่านในยุคนั้นสมัยนั้นคงตื่นเต้นมากๆ แน่นอน แต่ถ้าเป็นยุคนี้ก็อาจจะไม่ได้ว้าวววมากซักเท่าไรน่ะ:) เนื้อหาทัั้งหมดเป็นการเล่าเรื่องแห่งโศกนาฏกรรม ความรัก ความตาย ความดีงาม ตามคำโปรยที่ว่าไว้ น่าสนใจดีครับ
Profile Image for winter.
5 reviews
January 12, 2023
เล่มรวมเรื่องสั้นที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ50กว่าปีก่อน​ แต่พอเราได้อ่านกลับรู้สึกถึงความทันสมัย​ เป็นปัจจุบัน​อยู่เลย​ นั่นหมายความว่าสภาพบ้านเมืองเรายังย่ำอยู่กับที่เหมือนอย่างอดีต​ เนื้อหาเน้นการจิกกัดสังคม​ สภาพการเมือง​ ชำแหละความดำมืดในจิตใจมนุษย์​ ความเห็นแต่ตัว​ การฝักใฝ่​ในอำนาจของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอำนาจควบคุมมนุษย์​ อ.อุดากรเขียนได้ดีมาก​ ถึงภาษาจะสมัยเก่าแต่ยังคงความสละสลวย​ในตัว​ เนื้อเรื่องค่อยๆไต่ระดับจากต่ำไปหาจุดสูงสุด​ แล้วพอถึงขีดจำกัดมันพร้อมทำลายจิตใจคนอ่านให้แตกเป็นเสี่ยงๆ​ คือเป็นเล่มที่ดีมากที่ทุกคนควรได้อ่าน​อ่าน ***แต่ว่าถ้าจะอ่านควรมีสภาพจิตใจที่แข็งแรงพอสมควรเลย​ เพราะเนื้อหารุนแรง​ เร้าอารมณ์​ ความคล้ายตามได้ง่ายมาก​ เอาง่ายๆมันเศร้า​ หดหู่​และเห็นใจ​ คือครบทุกอารมณ์​
Profile Image for Jeneva Izorion.
165 reviews15 followers
May 19, 2023
สารภาพว่าไม่ค่อยได้อ่านเล่มที่สำนวนเก่าแบบนี้มานาน [เล่มล่าสุดคงจะเป็นชุดหนังสือเดล คาร์เนกี้] แต่รู้สึกว่าภาษาแบบเก่าก็สละสลวยไปอีกแบบ

เรื่องสั้นในเล่มนี้มีสองประเภท ก็คือเรื่องสั้นทั่ว ๆ ไป 4 เรื่อง กับเรื่องสั้นที่เกี่ยวกับการเมืองในสมัยนั้น 3 เรื่อง ส่วนตัวจริง ๆ ชอบครึ่งแรกกับครึ่งหลังพอกัน ครึ่งแรกก็เป็นเรื่องสั้นแบบลึกลับหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้เหนือธรรมชาติมาก เป็นการอ่านที่ทำให้เห็นความคิดในสมัยก่อน ๆ ที่กลัวความเป็น communist กันนักหนา บางคนก็เอาเรื่องนี้มาโจมตีอีกฝั่ง [ปัจจุบันก็ยังพอมีให้เห็นเลย] มีศัพท์แบบหมอ ๆ พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ติดอะไรมาก
Profile Image for Whale Read.
414 reviews33 followers
August 8, 2019
อ.อุดากร เป็น นักเรียนแพทย์ที่ป่วยจนไม่สามารถเรียนไหว
เขียนเรื่องที่จบอย่างโศกนาถกรรม
น่าสลด

ตึกกรอส พ่อ
ชำหนึ่ง รถไฟ เข้าใจผิด รัก เซ็กส์
สยุมพรเหนือหลุมฝังศพ ความรัก
สัญชาตญาณมืด** ผญ กับอัลเซเชียน
เรื่องสุดท้ายดาร์คสุด
Profile Image for Pattanan Chualam.
1 review
October 13, 2021
ภาษาที่ใช้เขียนสวย และละเอียดทำให้เข้าใจบรรยากาศในแต่ละฉากของเรื่อง จุดหักมุมก็เฉียบจริงๆ เล่นเอาช็อคเลย5555 แบบคิดได้ไง โคตรเก่ง แต่ก็จะมีศัพท์เฉพาะบางอย่างที่ไม่เข้าใจ พวกศัพท์ทางการแพทย์หรือเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ได้ทำให้อ่านไม่เข้าใจ โดยรวมคือสนุกและน่าติดตามมากๆ ในแต่ละเรื่อง🌻
Profile Image for May Sa.
116 reviews1 follower
September 9, 2024
3.5 ชอบความคงเส้นคงวาของทุกเรื่องสั้นที่หาทางลงได้หดหู่ทุกเรื่อง ชอบการบรรยายบรรยากาศรอบๆ ที่สื่อถึงอารมณ์ในเรื่องด้วย บางประเด็นที่เขียน สมัยนั้นอาจจะมองว่าใหม่ แต่พอมาอ่านตอนนี้ก็เฉยๆ ชอบเรื่องคาร์ล มาร์กซ์, กลิ่นดินปืน และนันทิยา
Profile Image for Manaphon J..
10 reviews1 follower
June 30, 2025
นึกสภาพเด็กผู้หญิงวัยกระเตาะนั่งอ่านเรื่องสัญชาตญาณมืดอยู่ในโบสถ์คริสต์สิ น่าตะลึงพรึงเพริดสุด ๆ ในฐานะที่เป็นเด็กคนนั้น เล่มนี้เก๋และอ.อุดากรเล่าเก่งมาก ท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อย ไม่แน่อาจจะมีอะไรที่บ้ากว่านี้ก็ได้
Profile Image for Salisa K..
13 reviews
August 26, 2021
ยกให้เป็นวรรณกรรมไทยที่เกิดมาสักครั้งต้องได้อ่าน ประทับใจภาษาที่อ.อุดากรได้บรรยายลงไป มันงดงามมาก รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของภาษาและสำนวนของยุคนั้นเลย อุบัติเหตุทางอารมณ์เกิดขึ้นจริงในเรื่องนี้
Profile Image for Jessada Karnjana.
590 reviews9 followers
April 16, 2022
ชอบทุกเรื่อง มีความชอบให้สัญชาตญาณมืดเป็นพิเศษ
Profile Image for Kin.
510 reviews164 followers
March 7, 2023
ได้กลับมาอ่านอีกรอบในรอบสิบกว่าปี ยังชอบมากๆ และหลายเรื่องยิ่งชอบมากกว่าเดิม นอกจากเรื่องหักมุมที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัว งานเชิงอุดมการณ์ถือว่าคมคายและยังคงจริงเสียยิ่งกว่าจริง
Profile Image for Inkey's Bookpacker.
89 reviews15 followers
March 10, 2023
“ความชั่วมันสนองต่อผู้กระทำเสมอ ไม่โดยตรงก็โดยอ้อมอย่างนี้เอง”

Book: ตึกกรอสส์
Writer: อ. อุดากร

Profile Image for 百牡丹.
51 reviews10 followers
July 7, 2025
ตึกกรอสส์ และรวมเรื่องเอก เป็นหนังสือที่รวมเรื่องเอก 7 เรื่องของ อ. อุดากร ในเรื่องสั้นทั้งหมดในเล่มนี้มีจุดร่วมเหมือนกันคือมีโทนการเล่าที่มีมวลอารมณ์เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ความเศร้าโศกาที่ไม่ว่าจะอ่านอย่างไรก็สามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นที่ถูกถ่ายทอดผ่านออกมาจากงานเขียนได้อย่างแจ่มชัดเลยทีเดียว

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ได้บอกอะไรเล่าเกี่ยวกับการอ่าน แต่เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ระหว่างเราอ่านไปมันสอนเราได้อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นคือการอ่านหนังสือให้ช้าลง เรารู้สึกว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวาดตาอ่านหนังสือในความเร็วที่ปกติ เพราะเรื่องสั้นของ อ. อุดากรเต็มไปด้วยสำบัดสำนวนที่แม้ว่าจะไม่ได้ลำบากยากเย็นในการอ่านขนาดนั้น แต่หากเรากวาดตาอ่านผ่านไปอย่างรวดเร็วจะทำให้เราเข้าไม่ถึงความงดงามและความรู้สึกที่ อ. อุดากรบรรจงเขียนเรื่องสั้นเหล่านี้ ทำให้เราบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่า อ่านให้ช้าลงหน่อย ปล่อยให้ตัวเองได้ซึมซาบความงดงามและอารมณ์ที่เอ่อล้นออกมาจากตัวอักษรที่อยู่บนหน้ากระดาษ

เริ่มที่เรื่องแรกที่เป็นชื่อหนังสือเล่มนี้ด้วย
ตึกกรอสส์ - ตอนแรกเราอ่านเรื่องตึกกรอสส์ก่อนเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยอมแพ้ไปเพราะไม่มีสมาธิ แต่พอครั้งนี้มีสมาธิมากขึ้นแล้วได้กลับมาอ่านใหม่รู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกที่สะเทือนใจมาก ยิ่งหลักจากได้ตั้งใจอ่านประวัติของ��ู้เขียนก็ยิ่งทำให้ต่อติดกับตึกกรอสส์มากขึ้น การใช้ภาษาการบรรยายพรรณนาต่างๆ ทำให้เรารู้สึกหดหู่ไปกับเรื่องนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าตอนที่ อ. อุดากรเขียนตัวละครวิทยาเขาได้เห็นตัวเองหรือใส่ความเป็นตัวเองบ้างไหม เพราะวิทยาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้เป็นแพทย์ตามความฝันเช่นผู้เขียน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้สงสัยไประหว่างอ่านเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ได้หาคำตอบ

ชำหนึ่ง - ไม่ค่อยใช่แนวเรื่องที่จะชอบอ่าน แล้วยอมรับว่าค่อนข้างเดาจุดพลิกผันของปมนี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แต่มันทำให้เราสะเทือนใจเล็กน้อยตอนที่กาจเทพรู้ความจริงว่าฟักไม่ได้ประสงค์ร้ายกับตน

สยุมพรเหนือหลุมศพ - เป็นอีกเรื่องที่เดาได้ตั้งแต่แรกๆ เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหรือจบลงอย่างไร แต่โศกนาฏกรรมของความรักระหว่างสโรชินและสถาพรที่ถูกบรรจงเขียนออกมาทำให้เรารู้สึกหน่วงที่อกด้วย ยิ่งตอนที่เฉลยความเศร้ามันท้วมท้นมากแม้ว่าเราจะสามารถเดาได้แต่แรกแล้ว

สัญชาตญาณมืด - เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายมาก ตอนแรกที่อ่านคำนำสำนักพิมพ์แล้วมีบอกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายศีลธรรมมากในยุคนั้น จริงๆ ยุคนี้ก็ด้วยแต่ส่วนตัวมองว่ายังไงสิ่งที่เฉลยมาตอนท้ายก็ผิดศีลธรรมมาก แล้วยิ่งเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ช่วงก่อนหน้านี้หลายสิบปี ถือเป็นการท้าทายศึลธรรมที่กล้าอยู่ไม่น้อย ตอนอ่านแรกๆ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะจบแบบนี้

บนผืนดินไทย - เรื่องสั้นนี้พาผู้อ่านไปสำรวจความคิดเห็นการเมืองของผู้เขียนได้ดี และการเมืองไทยในสมัยนั้นด้วย ที่อ่านอย่างไรก็รู้สึกหดหู่สุดใจ เพราะผ่านห้าสิบปีได้แล้วเมืองไทยก็ยังไม่เปลี่ยนไป สาธารณสุขก็ยังคงเข้าไม่ถึงชนบทอยู่ดี แต่ข้อเสียของเรื่องนี้คือรู้สึกว่านักเขียนเขียนบทสนทนาในเวลาหน้าสิวหน้าขวานที่กำลังมีคนจะตายและถูกตามล่าได้ไม่สมจริงมากๆ มีเด็กป่วยใกล้ตายกับแม่เด็กที่นั่งอยู่แล้วร่ายยาวอะไรบางอย่างตอนนั้นค่อนข้างทำให้เราไม่ชอบบทสนทนาในเรื่องนี้ มันขาดความลื่นไหลของบทสนทนาที่สมจริง แต่คาดว่าผู้เขียนเขียนเรื่องนี้เพื่อประกาศความคับข้องใจเกี่ยวกับรัฐบาลในยุคนั้นและแนวคิดการเมืองที่ตนคิดอยู่

คาร์ล มาร์กซ์ , กลิ่นดินปืน และ นันทิยา - หลังจากอ่านมาได้ 5 เรื่องก็ทำให้เรื่องนี้ก็สามารถเดาได้ โทนการเล่าก็ไม่ค่อยได้ต่างจากเรื่องบนผืนดินไทย แต่เปลี่ยนเป็นพูดกับคนหมู่มากที่เป็นชาวนาแทน และพูดในหัวข้อที่ต่างออกไป

บนเส้นทางชีวิตสายหนึ่ง - บทสุดท้ายก็ยังคงมีการพูดถึงรัฐไทยในตอนนั้นที่มีความพยายามจะกำจัดคนที่เห็นต่างทางความคิด หรือที่เรียกว่าคอมมิวนิสต์ออกไปจากสังคมไทย ความโศกเศร้าของคนรักที่ตายไปด้วยน้ำมือของตนเอง ต่างจากเรื่องก่อนหน้าที่เป็นสุรจิตเองที่ลั่นไกปืนออกไป

ตึกกรอสส์ และรวมเรื่องเอกเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีคุณค่าไม่ว่าจะทางด้านวรรณศิลป์ สำรวจสังคมไทยในสมัยอดีต การเมืองไทยในสมัยนั้น แต่สิ่งที่โดดเด่นสำหรับเราและเป็นส่วนที่ชอบที่สุดก็คงเป็นการใช้ภาษาสำนวนคลังศัพท์ต่างๆ มารังสรรค์บทโศกให้ได้สะเทือนใจอย่างยิ่งในทุกบทเลย
Displaying 1 - 17 of 17 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.