What do you think?
Rate this book
Beau Is Non-Binary of Everything
‘โบ และทุกสิ่งที่มิอาจแบ่งแยก.. แด่การโอบกอดไขว่คว้า ในวันที่ข้าพเจ้าละทิ้ง’
ฉันว่ามนุษย์ประหลาด พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนกับว่าต้องเตรียมโลงศพไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ แมวอย่างฉันต้องตายก่อนพวกเขาแน่อยู่แล้ว แต่ฉันก็ยังวิ่งบนทุ่งเมื่อฉันอยากวิ่ง มนุษย์น่ะ ถึงจะอยากวิ่งบนทุ่ง ก็เอาแต่คิดว่า ไม่ได้หรอก ถ้าออกไปวิ่งจะเตรียมโลงศพไม่ทันกาลนะ จะตัดไม้ เคลือบสี และตอกตะปูทันเหรอ แล้วดอกไม้ข้างโลงล่ะ จะเติบโตเบ่งบานทันหรือเปล่า เฮอะ! ทำอย่างนั้นไงถึงได้มีเพียงชีวิตเดียว ถ้าต้องมีเก้าชีวิตอย่างฉัน และเตรียมโลงศพเก้าครั้งล่ะก็ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วว่ามั้ย
ฉันว่ามนุษย์ประหลาด พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนกับว่าต้องเตรียมโลงศพไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ แมวอย่างฉันต้องตายก่อนพวกเขาแน่อยู่แล้ว แต่ฉันก็ยังวิ่งบนทุ่งเมื่อฉันอยากวิ่ง มนุษย์น่ะ ถึงจะอยากวิ่งบนทุ่ง ก็เอาแต่คิดว่า ไม่ได้หรอก ถ้าออกไปวิ่งจะเตรียมโลงศพไม่ทันกาลนะ จะตัดไม้ เคลือบสี และตอกตะปูทันเหรอ แล้วดอกไม้ข้างโลงล่ะ จะเติบโตเบ่งบานทันหรือเปล่า เฮอะ! ทำอย่างนั้นไงถึงได้มีเพียงชีวิตเดียว ถ้าต้องมีเก้าชีวิตอย่างฉัน และเตรียมโลงศพเก้าครั้งล่ะก็ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วว่ามั้ย
84 pages, Paperback
First published January 3, 2021
15 people are currently reading
99 people want to read
Ratings & Reviews
Friends & Following
Create a free account to discover what your friends think of this book!
Community Reviews
Displaying 1 - 30 of 38 reviews
June 20, 2023
เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว หรือเรื่องยาวขนาดสั้น ..
เป็นแบบที่ผลงานลาดิดเคยเป็นนั่นแหละ
มันไม่สรุป ไม่ตัดสิน
แต่คุ้ยแคะแง่มุมความคิดให้แตกฉานออกไปตามอัธยาศัย
จากความเพ้อ .. ฟุ้ง ..
งานของลาดิดดึงเราให้กลับมาสงบอีกครั้ง
เป็นแบบที่ผลงานลาดิดเคยเป็นนั่นแหละ
มันไม่สรุป ไม่ตัดสิน
แต่คุ้ยแคะแง่มุมความคิดให้แตกฉานออกไปตามอัธยาศัย
จากความเพ้อ .. ฟุ้ง ..
งานของลาดิดดึงเราให้กลับมาสงบอีกครั้ง
March 13, 2022
เห็นคนพูดถึงหนังสือเล่มนี้อยู่ช่วงนึง ดูน่าสนใจดี เลยลองซื้อมาอ่านบ้าง เราไม่เคยอ่านงานของผู้เขียนท่านนี้มาก่อน นี่คือเล่มแรก และรู้สึกไม่ผิดหวัง
เล่มนี้เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวของมนุษย์กับเทวทูต 'ควอนโช' และ 'เบลล่าโบ' เป็นหนังสือเล่มบาง แต่กลับอ่านยากพิลึก เราใช้เวลาค่อนข้างนานกับการอ่านเล่มนี้ ต้องย้อนกลับไปอ่านต้นบทใหม่อยู่บ่อยครั้งเพราะพออ่านจบบทนึงทีไร รู้สึกเหมือนหลงลืมหรือพลาดอะไรสักอย่าง เลยต้องหวนกลับไปอ่านอีกรอบ ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย 😂
บรรยากาศเล่มนี้ออกโทนหม่นๆ เหงาๆ เศร้าๆ พิลึก มีบทสนทนาระหว่างตัวละครในเล่มที่เราชอบเยอะพอสมควรเลย รู้สึกว่าตัวละครควอนโชที่เป็นมนุษย์ผู้เปราะบาง เป็นใครก็ได้ที่เราอาจพบเจอในชีวิตจริง หรืออาจจะเป็นตัวเราเองก็ได้เหมือนกัน รู้สึกคุ้นเคยกับความเป็นควอนโชอย่างประหลาด ส่วนเบลล่าโบ เทวทูตช่างสงสัยใคร่รู้ ความช่างสังเกตของเบลล่าโบนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และการใช้ชีวิตแบบมนุษย์อีกมากมาย ซึ่งนั่นคือจุดเด่นของเล่มนี้
ชอบนะ ชอบ ถึงจะอ่านยากและใช้เวลากับการอ่านเล่มนี้นานหน่อย แต่ดีใจที่ได้อ่านงานเขียนดีๆ
เล่มนี้เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวของมนุษย์กับเทวทูต 'ควอนโช' และ 'เบลล่าโบ' เป็นหนังสือเล่มบาง แต่กลับอ่านยากพิลึก เราใช้เวลาค่อนข้างนานกับการอ่านเล่มนี้ ต้องย้อนกลับไปอ่านต้นบทใหม่อยู่บ่อยครั้งเพราะพออ่านจบบทนึงทีไร รู้สึกเหมือนหลงลืมหรือพลาดอะไรสักอย่าง เลยต้องหวนกลับไปอ่านอีกรอบ ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย 😂
บรรยากาศเล่มนี้ออกโทนหม่นๆ เหงาๆ เศร้าๆ พิลึก มีบทสนทนาระหว่างตัวละครในเล่มที่เราชอบเยอะพอสมควรเลย รู้สึกว่าตัวละครควอนโชที่เป็นมนุษย์ผู้เปราะบาง เป็นใครก็ได้ที่เราอาจพบเจอในชีวิตจริง หรืออาจจะเป็นตัวเราเองก็ได้เหมือนกัน รู้สึกคุ้นเคยกับความเป็นควอนโชอย่างประหลาด ส่วนเบลล่าโบ เทวทูตช่างสงสัยใคร่รู้ ความช่างสังเกตของเบลล่าโบนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และการใช้ชีวิตแบบมนุษย์อีกมากมาย ซึ่งนั่นคือจุดเด่นของเล่มนี้
ชอบนะ ชอบ ถึงจะอ่านยากและใช้เวลากับการอ่านเล่มนี้นานหน่อย แต่ดีใจที่ได้อ่านงานเขียนดีๆ
June 8, 2025
is it profound? one could never know unless they read this and observe everything they could to create the best atmosphere of this art in the form of words, stained glass-beau/belle kind of words. the most similar to visiting museums of fine arts. perhaps i would give it five stars next time i read it some other time in the future...
October 29, 2023
บางครั้ง เราก็ต้องการเพียงใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง เพื่อฉุดรั้งเราขึ้นมาจากหลุมลึกนั้น
Read
April 28, 2022ส่วนตัวอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าถึงอารมณ์ของหนังสือ แม้จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอยู่ก็ตาม เหตุการณ์ในเรื่องน่าจะเขียนแบบสลับกัน อดีตปัจจุบัน เราเลยมีงงบ้าง แต่ถ้าไม่คิดมากโดยอ่านและซึมซับแค่ตัวอักษรก็โอเคค่ะ
September 16, 2022
สารภาพว่าอยากอ่านเพราะกระแส มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่หันไปทางไหนก็จะเจอหนังสือเล่มนี้อยู่ตลอด จนกระทั่งได้มีโอกาสอ่าน และก็สัมผัสได้ถึงงานคราฟท์ของภาษาที่สละสลวย ค่อยๆบรรจงแต่งแต้มแต่ละฉากให้ออกมาเสมือนว่าเราหลุดเข้าไปอยู่ในหนังสือ
ถ้าจะให้บอกว่าชอบเล่มนี้ไหมคงต้องตอบว่าไม่ เพราะเราเข้าไปไม่ถึง เอื้อมแตะไปไม่ถึงจุดที่นักเขียนต้องการจะสื่อ เราสับสนและงงงวยว่าประเด็นที่ต้องการจะพูดถึงมันคืออะไรกันแน่ เหมือนทุกอย่างมัน subtle ไปหมดเลย เราแค่เพียงได้กลิ่นบางๆแต่ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าสิ่งๆนั้นคืออะไรที่เรากำลังอ่านอยู่
เบลล่าโบคือเทวทูตที่มีปีกสีดำ ส่วนควอนโชคือเด็กคนหนึ่งที่มีความรักในงานศิลปะ ความจริงแล้วเทวทูตไม่มีชื่อและก็ไม่ค่อยเข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์เท่าไรนัก ชื่อ "เบลล่าโบ" นั้นถูกตั้งโดยควอนโชเอง มนุษย์ตัวเล็กคนอื่นๆ (เด็ก) จะมองเห็นเทวทูต และเมื่อพวกเค้าตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ (ผู้ใหญ่) เค้าจะมองไม่เห็นเทวทูตแล้ว คนที่จะมองเห็นได้จะมีเฉพาะคนที่ยังเชื่อในเทวทูตเท่านั้น และหนึ่งในนั้นคือควอนโช
เรื่องราวเล่าตัดสลับระหว่างตอนที่ควอนโชยังเด็กและตอนที่ควอนโชโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อยังเด็กแน่นอนว่ายังคงไร้เดียงสาและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองกระทำ แต่เมื่อโตขึ้นพวกเราต่างรู้ดีว่าโลกมันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่เคยวาดฝันไว้ ความทุกข์ ความเศร้า เสียงกรีดร้องจากข้างในใจ และอีกมากมายที่พวกเราได้แต่คอยหวังว่าวันหนึ่ง จะได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้
ความรู้สึกตอนที่อ่านมันก็หม่นๆ เหมือนกำลังเดินอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ (setting ในหนังสือส่วนหนึ่งก็อยู่ที่เมืองนี้) ในวันที่ฟ้าหม่นเมฆครึ้ม ไม่มีแดดเล็ดลอดแม้แต่น้อย ฝนตกปรอยๆทั้งวัน อากาศเย็น ย่ำเท้าลงไปบนพื้นหินที่เปียกชื้นจากละอองฝน อากาศมีผลต่อจิตใจ และถึงแม้เราจะเข้าไม่ถึงหนังสือเล่มนี้เท่าไรนัก แต่นี่คือห้วงอารมณ์ที่มันส่งมาถึงเรา
นั่นคืออารมณ์มวลรวมจากทั้งเล่ม แต่ถ้าหากมองลึกลงไปอีกมันก็มีมุมที่สดใส ณ ตอนที่ควอนโชยังเป็นเด็ก เราเข้าใจว่าควอนโชเป็นเด็กเกาหลี ตอนที่ควอนโชคุยกับเบลล่าโบ ความสดใสของมนุษย์ตัวเล็กนั้นส่งผลให้ภาพในหัวเรามันมีแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าสดใส อยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่มีเพียงแค่ควอนโชและเบลล่าโบเท่านั้น พร้อมสมุดวาดเขียนของควอนโชที่จะวาดอะไรก็ได้ลงไปโดยไม่มีกรอบกั้น ตัดสลับกลับมาตอนที่ควอนโชโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานแกะสลักรูปปั้นในห้องอับๆคับแคบในเมืองฟลอเรนซ์ ภาพห้องทำงานของจุนเซในเรื่อง Blu (เยือกเย็น) ก็ลอยมาเด่นชัด พาลให้สงสัยว่า 2 คนนี้เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ห้องทำงานที่อับคับแคบ ยิ่งทำให้ความหม่นหมองและบาดแผลในจิตใจของควอนโชดูชัดขึ้นมากสำหรับเรา
และยิ่งด้วยสิ่งของที่ควอนโชยึดถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตได้ลืมอะไรชั่วครู่นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว ระหว่างทุตตี้ฟรุตตี้ และ บุหรี่กับยาเม็ดสีเขียว แค่นี้ก็เศร้าแล้ว
ถึงแม้จะไม่ชอบทั้งเล่ม แต่เรารู้สึกชอบ 2 บทสุดท้ายเป็นพิเศษ รู้สึกเหมือนมีแรงกระเพื่อมอะไรบางอย่างส่งมาจาก 2 บทสุดท้ายนั้น ดูสิ บอกว่าไม่ชอบก็เขียนซะยาวเหยียด แต่เราว่าที่คนส่วนใหญ่จะชอบหนังสือเล่มนี้มากๆก็ไม่แปลก เพราะภาษาสวยเหมือนได้เสพงานศิลปะจริงๆ
ถ้าจะให้บอกว่าชอบเล่มนี้ไหมคงต้องตอบว่าไม่ เพราะเราเข้าไปไม่ถึง เอื้อมแตะไปไม่ถึงจุดที่นักเขียนต้องการจะสื่อ เราสับสนและงงงวยว่าประเด็นที่ต้องการจะพูดถึงมันคืออะไรกันแน่ เหมือนทุกอย่างมัน subtle ไปหมดเลย เราแค่เพียงได้กลิ่นบางๆแต่ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าสิ่งๆนั้นคืออะไรที่เรากำลังอ่านอยู่
เบลล่าโบคือเทวทูตที่มีปีกสีดำ ส่วนควอนโชคือเด็กคนหนึ่งที่มีความรักในงานศิลปะ ความจริงแล้วเทวทูตไม่มีชื่อและก็ไม่ค่อยเข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์เท่าไรนัก ชื่อ "เบลล่าโบ" นั้นถูกตั้งโดยควอนโชเอง มนุษย์ตัวเล็กคนอื่นๆ (เด็ก) จะมองเห็นเทวทูต และเมื่อพวกเค้าตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ (ผู้ใหญ่) เค้าจะมองไม่เห็นเทวทูตแล้ว คนที่จะมองเห็นได้จะมีเฉพาะคนที่ยังเชื่อในเทวทูตเท่านั้น และหนึ่งในนั้นคือควอนโช
เรื่องราวเล่าตัดสลับระหว่างตอนที่ควอนโชยังเด็กและตอนที่ควอนโชโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อยังเด็กแน่นอนว่ายังคงไร้เดียงสาและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองกระทำ แต่เมื่อโตขึ้นพวกเราต่างรู้ดีว่าโลกมันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่เคยวาดฝันไว้ ความทุกข์ ความเศร้า เสียงกรีดร้องจากข้างในใจ และอีกมากมายที่พวกเราได้แต่คอยหวังว่าวันหนึ่ง จะได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้
ความรู้สึกตอนที่อ่านมันก็หม่นๆ เหมือนกำลังเดินอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ (setting ในหนังสือส่วนหนึ่งก็อยู่ที่เมืองนี้) ในวันที่ฟ้าหม่นเมฆครึ้ม ไม่มีแดดเล็ดลอดแม้แต่น้อย ฝนตกปรอยๆทั้งวัน อากาศเย็น ย่ำเท้าลงไปบนพื้นหินที่เปียกชื้นจากละอองฝน อากาศมีผลต่อจิตใจ และถึงแม้เราจะเข้าไม่ถึงหนังสือเล่มนี้เท่าไรนัก แต่นี่คือห้วงอารมณ์ที่มันส่งมาถึงเรา
นั่นคืออารมณ์มวลรวมจากทั้งเล่ม แต่ถ้าหากมองลึกลงไปอีกมันก็มีมุมที่สดใส ณ ตอนที่ควอนโชยังเป็นเด็ก เราเข้าใจว่าควอนโชเป็นเด็กเกาหลี ตอนที่ควอนโชคุยกับเบลล่าโบ ความสดใสของมนุษย์ตัวเล็กนั้นส่งผลให้ภาพในหัวเรามันมีแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าสดใส อยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่มีเพียงแค่ควอนโชและเบลล่าโบเท่านั้น พร้อมสมุดวาดเขียนของควอนโชที่จะวาดอะไรก็ได้ลงไปโดยไม่มีกรอบกั้น ตัดสลับกลับมาตอนที่ควอนโชโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานแกะสลักรูปปั้นในห้องอับๆคับแคบในเมืองฟลอเรนซ์ ภาพห้องทำงานของจุนเซในเรื่อง Blu (เยือกเย็น) ก็ลอยมาเด่นชัด พาลให้สงสัยว่า 2 คนนี้เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ห้องทำงานที่อับคับแคบ ยิ่งทำให้ความหม่นหมองและบาดแผลในจิตใจของควอนโชดูชัดขึ้นมากสำหรับเรา
และยิ่งด้วยสิ่งของที่ควอนโชยึดถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตได้ลืมอะไรชั่วครู่นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว ระหว่างทุตตี้ฟรุตตี้ และ บุหรี่กับยาเม็ดสีเขียว แค่นี้ก็เศร้าแล้ว
ถึงแม้จะไม่ชอบทั้งเล่ม แต่เรารู้สึกชอบ 2 บทสุดท้ายเป็นพิเศษ รู้สึกเหมือนมีแรงกระเพื่อมอะไรบางอย่างส่งมาจาก 2 บทสุดท้ายนั้น ดูสิ บอกว่าไม่ชอบก็เขียนซะยาวเหยียด แต่เราว่าที่คนส่วนใหญ่จะชอบหนังสือเล่มนี้มากๆก็ไม่แปลก เพราะภาษาสวยเหมือนได้เสพงานศิลปะจริงๆ
August 31, 2022
Review originally published at https://amanjareads.com/2022/08/25/be...
Thank you to author Lady's Lady for providing me with a copy of their novella, Beau is Non-Binary of Everything, in exchange for this honest review.
Novellas are a certain kind of magic. Unpretentious authors who know exactly how long a story needs to be in order to be told effectively deserve more praise. These stories aren't padded out with unnecessary details in order to make an arbitrary page length. Short form novels can typically be read in a single day in order to create a perfect weekend.
Beau is Non-Binary of Everything is a poetic novella that follows young Kwon Cho as she meets an angel. She names this angel Beau Bella meaning doubly beautiful. The angel is especially touched by this because most people cannot see them and those who can are startled by their black wings, thinking this makes them less angelic. The "traditional" white wings are favored even though most people have never seen an angel of any color.
Kwon Cho is artistic by nature and wants to capture the angel's magnificence. As a child she draws or paints them. As an adult she attempts to sculpt them in various mediums. However, due to the nature of magic in the modern world the angel must hide their existence to a certain extent. Kwon Cho's memory is wiped after each visit. This leaves her confused about her ongoing art projects and frustrated that she cannot finish them due to a sudden lack of muse.
Beau always does return though and Kwon Cho is able to pick up where she left off. She has a guardian angel that eventually helps her through more than sculptor's block by giving her the most important gift that can be given to a human. Read the book to understand what this means, this is a spoiler free review.
Beau is Non-Binary of Everything is an extremely touching story that captures themes of faith and love but most importantly, acceptance. One need not be religious to appreciate this angel. They are wanting of love and acceptance just like all beings. Their magic does not change these foundations of being. Judge not on appearance and be rewarded.
The ending is melancholy but perfect. Although the bulk of the novella is flowery to the point of becoming abstract from a traditional plot point of view the ending ties the themes together to drive the emotions home.
Beau is Non-Binary of Everything is recommended for any reader who has ever felt watched over in times of need. If you have not felt watched over, perhaps you were and just cannot remember it now. Have faith that someone, somewhere, wants you to succeed, thrive, and live.
Thank you to author Lady's Lady for providing me with a copy of their novella, Beau is Non-Binary of Everything, in exchange for this honest review.
Novellas are a certain kind of magic. Unpretentious authors who know exactly how long a story needs to be in order to be told effectively deserve more praise. These stories aren't padded out with unnecessary details in order to make an arbitrary page length. Short form novels can typically be read in a single day in order to create a perfect weekend.
Beau is Non-Binary of Everything is a poetic novella that follows young Kwon Cho as she meets an angel. She names this angel Beau Bella meaning doubly beautiful. The angel is especially touched by this because most people cannot see them and those who can are startled by their black wings, thinking this makes them less angelic. The "traditional" white wings are favored even though most people have never seen an angel of any color.
Kwon Cho is artistic by nature and wants to capture the angel's magnificence. As a child she draws or paints them. As an adult she attempts to sculpt them in various mediums. However, due to the nature of magic in the modern world the angel must hide their existence to a certain extent. Kwon Cho's memory is wiped after each visit. This leaves her confused about her ongoing art projects and frustrated that she cannot finish them due to a sudden lack of muse.
Beau always does return though and Kwon Cho is able to pick up where she left off. She has a guardian angel that eventually helps her through more than sculptor's block by giving her the most important gift that can be given to a human. Read the book to understand what this means, this is a spoiler free review.
Beau is Non-Binary of Everything is an extremely touching story that captures themes of faith and love but most importantly, acceptance. One need not be religious to appreciate this angel. They are wanting of love and acceptance just like all beings. Their magic does not change these foundations of being. Judge not on appearance and be rewarded.
The ending is melancholy but perfect. Although the bulk of the novella is flowery to the point of becoming abstract from a traditional plot point of view the ending ties the themes together to drive the emotions home.
Beau is Non-Binary of Everything is recommended for any reader who has ever felt watched over in times of need. If you have not felt watched over, perhaps you were and just cannot remember it now. Have faith that someone, somewhere, wants you to succeed, thrive, and live.
October 20, 2024
ชอบปก ชอบภาพประกอบ
เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่ร้ายกาจมาก (ในทางดีนะ)
เส้นเรื่องที่ชวนฝันมั่ง! ระหว่างเทวทูตปีกสีดำกับศิลปินสาว
ภาษาที่ใช้งามยิ่ง
แต่มันกลับอัดแน่นด้วยปัญหา
มนุษย์แบ่งแยกทุกสิ่งอัน
เราแบ่งแยกกันตั้งแต่เด็กน้อย
เด็กผู้หญิงคือสีชมพู
เด็กผู้ชายคือสีฟ้า ห้ามเล่นอะไรที่มันเป็นกลิตเตอร์แวววาว
แม้ตอนจบของเรื่องราวยังพอจะ “หวาน”ได้
แต่ก็มีบางชวนบางตอนเล่นงานฉันจนซึมไปเลย
ขอขึ้นคำเตือนเหมือนในหนังสือ
เนื้อหาในเล่มมีการกล่าวถึง หรืออาจตีความได้ถึง ภาวะซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า เลือด การทำร้ายตัวเอง การพยายามฆ่าตัวตาย รวมถึงการฆ่าตัวตาย
เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่ร้ายกาจมาก (ในทางดีนะ)
เส้นเรื่องที่ชวนฝันมั่ง! ระหว่างเทวทูตปีกสีดำกับศิลปินสาว
ภาษาที่ใช้งามยิ่ง
แต่มันกลับอัดแน่นด้วยปัญหา
มนุษย์แบ่งแยกทุกสิ่งอัน
เราแบ่งแยกกันตั้งแต่เด็กน้อย
เด็กผู้หญิงคือสีชมพู
เด็กผู้ชายคือสีฟ้า ห้ามเล่นอะไรที่มันเป็นกลิตเตอร์แวววาว
แม้ตอนจบของเรื่องราวยังพอจะ “หวาน”ได้
แต่ก็มีบางชวนบางตอนเล่นงานฉันจนซึมไปเลย
ขอขึ้นคำเตือนเหมือนในหนังสือ
เนื้อหาในเล่มมีการกล่าวถึง หรืออาจตีความได้ถึง ภาวะซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า เลือด การทำร้ายตัวเอง การพยายามฆ่าตัวตาย รวมถึงการฆ่าตัวตาย
March 23, 2022
I stopped this book about 60% through. It was just kinda boring and not for me. The writing style was beautiful but it was very complex and I didn't really understand some parts, which ruined my experience a bit. But it wasn't a bad book by any means and I could see why people would like it, just not my cup of tea.
Read
April 16, 2024Gros catfish ce livre vraiment lisez pas. J’pensais que ça allait être un truc bien philosophique mais en fait c’est juste un boug ça devient une meuf mais en fait c’est les deux du coup il s’appelle Bella beau bref lisez pas.
June 22, 2025
'Beau Is Non-binary of Everything' เป็นชื่อหนังสือที่เราพบเห็นคนพูดถึงเป็นจำนวนมาก ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนหันไปทางไหนก็มีแต่เพื่อนนักอ่านถือหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือ ส่วนตัวเราในตอนนี้ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าจะรอวันที่คุณเทวทูตปีกดำมาเยือนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม
โบ และทุกสิ่งที่มิอาจแบ่งแยก กล่าวถึงอัตลักษณ์ Non-binary และการตีกรอบทางสังคม ดำเนินเรื่องตัดสลับระหว่างช่วงเวลาในวัยเด็กของ ควอน โช และชีวิตที่ดำเนินไปในปัจจุบัน ผ่านมุมมองของ เบลล่า โบ เทวทูตปีกดำผู้เฝ้ามองความเป็นไปของมนุษย์ รวมถึงการเติบโตของเธอในทุก ๆ ครั้งที่ได้เจอกัน ในโลกที่ประกอบด้วยกรอบเกณฑ์ซึ่งบางครั้งอาจมีอำนาจเหนือมนุษย์ และหวังว่าเมื่อกลายเป็นมนุษย์ตัวโตเธอจะยังมองเห็น จะยังเข้าใจภาษาของเบลล่าโบ
หากเปรียบหนังสือเล่มนี้เป็นสีสัน คงเป็นสีของท้องฟ้าในวันที่ปกคลุมด้วยเมฆฝน เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของควอนโชที่เคยเปี่ยมล้นด้วยฤดูใบไม้ผลิในหัวใจ จนกระทั่งสีสันเหล่านั้นค่อย ๆ เลือนหายไปโดยไม่ทันรู้ตัว เช่นเดียวกับเบลล่าโบที่พบว่ามนุษย์ตัวเล็กที่เคยพานพบในอดีตถูกกรอบนั้นครอบเหนือศีรษะ จะกรอบทางการศึกษาก็ดี กรอบของคุณค่าที่ไม่ควรถูกตีตราก็ดี ทุตตีฟรุตตีรสหวานทำหน้าที่เยียวยาจิตใจของควอนโชไม่ได้อีกแล้ว มันน่าเศร้าที่เราไม่อาจทราบว่าระหว่างการเติบโตเราทำตัวตนหล่นหายไปในตอนไหน เมื่อไรที่เสียงของความเศร้าจะดังกลบทุกสิ่ง เหมือนที่เบลล่าโบได้มาเจอควอนโชอีกครั้งในวันที่เธอเปลี่ยนไปแล้ว บางช่วงเวลาเราอาจเป็นควอนโช ต่างกันเพียงแค่ไม่มีเบลล่าโบอยู่เคียงข้าง ท่ามกลางกรอบเกณฑ์ที่เราไม่ได้กำหนดขึ้นเอง ทว่ามีอิทธิพลต่อตัวเราอย่างลึกซึ้งจนไม่อาจมอบความรักแก่ตนเองได้อีกต่อไป
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่เลื่องลือคือภาษาของคุณลาดิด ที่พอได้ลองอ่านด้วยตัวเองแล้วเราก็เห็นด้วย และรู้สึกดีใจที่หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ทำให้เรารู้จักคุณ กลายเป็นว่าในสันหนังสือเล่มบางไม่ถึงครึ่งข้อนิ้วเต็มไปด้วย Sticky Note เหมือนทุกบรรทัดของคุณเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ มีหลายวรรคที่เราต้องวนอ่านอยู่หลายครั้ง น้ำตารื้นอยู่หลายหน เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ใช้เวลาอ่านค่อนข้างนานเพราะอยากดื่มด่ำกับตัวอักษรและตกตะกอนความคิดของตัวเอง เป็นผลงานที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ
สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกคนได้ค้นพบจังหวะชีวิตของตัวเอง หลุดพ้นจากกรอบเกณฑ์ใด ๆ ที่ครอบตัวตนของเราอยู่ และขอให้มีแมวสีส้ม มีเบลล่าโบ และมีทุตตีฟรุตตีในกระเป๋าเสมอ
โบ และทุกสิ่งที่มิอาจแบ่งแยก กล่าวถึงอัตลักษณ์ Non-binary และการตีกรอบทางสังคม ดำเนินเรื่องตัดสลับระหว่างช่วงเวลาในวัยเด็กของ ควอน โช และชีวิตที่ดำเนินไปในปัจจุบัน ผ่านมุมมองของ เบลล่า โบ เทวทูตปีกดำผู้เฝ้ามองความเป็นไปของมนุษย์ รวมถึงการเติบโตของเธอในทุก ๆ ครั้งที่ได้เจอกัน ในโลกที่ประกอบด้วยกรอบเกณฑ์ซึ่งบางครั้งอาจมีอำนาจเหนือมนุษย์ และหวังว่าเมื่อกลายเป็นมนุษย์ตัวโตเธอจะยังมองเห็น จะยังเข้าใจภาษาของเบลล่าโบ
หากเปรียบหนังสือเล่มนี้เป็นสีสัน คงเป็นสีของท้องฟ้าในวันที่ปกคลุมด้วยเมฆฝน เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของควอนโชที่เคยเปี่ยมล้นด้วยฤดูใบไม้ผลิในหัวใจ จนกระทั่งสีสันเหล่านั้นค่อย ๆ เลือนหายไปโดยไม่ทันรู้ตัว เช่นเดียวกับเบลล่าโบที่พบว่ามนุษย์ตัวเล็กที่เคยพานพบในอดีตถูกกรอบนั้นครอบเหนือศีรษะ จะกรอบทางการศึกษาก็ดี กรอบของคุณค่าที่ไม่ควรถูกตีตราก็ดี ทุตตีฟรุตตีรสหวานทำหน้าที่เยียวยาจิตใจของควอนโชไม่ได้อีกแล้ว มันน่าเศร้าที่เราไม่อาจทราบว่าระหว่างการเติบโตเราทำตัวตนหล่นหายไปในตอนไหน เมื่อไรที่เสียงของความเศร้าจะดังกลบทุกสิ่ง เหมือนที่เบลล่าโบได้มาเจอควอนโชอีกครั้งในวันที่เธอเปลี่ยนไปแล้ว บางช่วงเวลาเราอาจเป็นควอนโช ต่างกันเพียงแค่ไม่มีเบลล่าโบอยู่เคียงข้าง ท่ามกลางกรอบเกณฑ์ที่เราไม่ได้กำหนดขึ้นเอง ทว่ามีอิทธิพลต่อตัวเราอย่างลึกซึ้งจนไม่อาจมอบความรักแก่ตนเองได้อีกต่อไป
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่เลื่องลือคือภาษาของคุณลาดิด ที่พอได้ลองอ่านด้วยตัวเองแล้วเราก็เห็นด้วย และรู้สึกดีใจที่หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ทำให้เรารู้จักคุณ กลายเป็นว่าในสันหนังสือเล่มบางไม่ถึงครึ่งข้อนิ้วเต็มไปด้วย Sticky Note เหมือนทุกบรรทัดของคุณเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ มีหลายวรรคที่เราต้องวนอ่านอยู่หลายครั้ง น้ำตารื้นอยู่หลายหน เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ใช้เวลาอ่านค่อนข้างนานเพราะอยากดื่มด่ำกับตัวอักษรและตกตะกอนความคิดของตัวเอง เป็นผลงานที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ
สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกคนได้ค้นพบจังหวะชีวิตของตัวเอง หลุดพ้นจากกรอบเกณฑ์ใด ๆ ที่ครอบตัวตนของเราอยู่ และขอให้มีแมวสีส้ม มีเบลล่าโบ และมีทุตตีฟรุตตีในกระเป๋าเสมอ
May 10, 2023
งานเขียนจากลาดิด(ladys)อะเกน เป็นเล่มที่สองของ Ladys ที่เราเลือกมาอ่าน เมื่อพูดถึงลาดิด ความภาษาสวยและลึกซึ้งต้องยกให้ แม้จะเป็นfictionที่มีความยาวแค่ร้อยหน้านิดๆ แต่ก็ควรจะอ่านอย่างละเมียดละไม แต่ใดใดเราก็อ่านบนรถโดยไม่ได้ใช้เวลานานมาก ประมาณว่าแค่เลือกหนังสือเล่มบางสักเล่มมาอ่านระหว่างการเดินทาง แต่เนื้อหาไม่เบาไม่แผ่วเลย และอ่านๆไปก็รู้สึกว่าเราน่าจะพลาดบา���ประเด็นที่เขาต้องการสื่อสารและอยากพาเราเข้าหาจุดนั้นไป ซึ่งคิดว่าน่าจะมีได้วนกลับมาอ่านอีกแน่นอน ซึ่งเรื่องโดยรวมเป็นการเล่าถึงมนุษย์ (ควอน โช) และเทวทูต (เบลล่า โบ เป็นชื่อที่ควอนโชตั้งให้ เพราะความจริงแล้วเทวทูตไม่มีชื่อและอาจจะไม่ค่อยเข้าใจวิถีความเป็นมนุษย์นัก) มันเป็นความเชื่อว่ามนุษย์เด็กจะสามารถมองเห็นเทวทูตได้ แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นคือเป็นผู้ใหญ่ก็จะเริ่มไม่ค่อยเห็นแล้ว นอกเสียจากว่ายังมีความเชื่ออยู่เท่านั้นจึงจะมองเห็นได้ อย่างเช่นควอน โช เป็นต้น เด็กน้อยผู้มีความรักในงานศิลปะและความเชื่อที่งดงาม จากชื่อเรื่องที่ว่า Beau is non-binary of everything (โบและทุกสิ่งที่มิอาจแบ่งแยก) มันมาจาก โบ เทวทูตที่ไม่มีการแบ่งแยกในเรื่องใดๆ จากเหตุนี้มันเลยทำให้เนื้อเรื่องเกิดการตั้งคำถามถึงสิ่งต่างๆมากมาย ที่ถูกตีกรอบ แบ่งแยก
เนื้อเรื่องเป็นการเล่าตัดสลับกันระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ของตัวควอนโช ผ่านสายตาของเบลล่า โบ เทวทูตที่เห็นการเติบโตของควอนโชมาโดยตลอด มันเป็นความรู้สึกที่ว่าตอนเรายังเด็ก เรายังมีความไร้เดียงสา ความสดใสและมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ แต่เมื่อโตขึ้นเหมือนโลกเริ่มส่งโจทย์ที่ยากขึ้นมาให้ ทุกสิ่งไม่ได้สวยงามอย่างฝัน ความรู้สึกมากมายที่ถาโถม ซัดกระหน่ำเข้ามา และทำได้เพียงแค่ฝันว่าวันหนึ่งเราอยากจะกลับไปเด็กอีกครั้งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ (ซึ่งมันก็อาจจะไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในความเห็นส่วนตัว แต่ก็เป็นอะไรที่พอจะเข้าใจได้ ในช่วงขณะหนึ่งของชีวิตที่มันหนักมากแล้วจริงๆ🥺เพราะเราเองก็เคยรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ชีวิต!) ที่จริงเรื่องค่อนข้างจะอ่อนไหว และแอบดีปดาวน์แต่ก็มีการปลอบประโลมไปในตัวจากตัวเบลล่า โบ แต่ถึงอย่างไรยิ่งอ่านมันก็ยิ่งพาอารมณ์ให้หนักอึ้งมากขึ้นสำหรับ จนเข้าไปถึงโซนของการที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้สิ้นกันไป และยั้งไว้ด้วยความรู้สึกสุดท้ายของการยังอยากมีชีวิตอยู่ ที่แค่เพียงเสี้ยววินาทีก็เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอีกครั้ง ที่หนังสือจะมี trigger warning ในประเด็นของเนื้อหาที่สื่อไปถึงภาวะซึมเศร้า+suicide ดังนั้นเป็นอีกครั้งที่จะเตือนไว้ว่าอย่าได้หาอ่านในภาวะที่ความอ่อนไหวกำลังก่อตัว (ไอ่เราใจมันก็ไม่ไหว แต่ก็นะ เลยอาจจะเป็นการเสพติดชนิดหนึ่งรึเปล่า ซึ่งก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะกลัวใจเราจะดำดิ่งมากเกินไป แงง)
เนื้อเรื่องเป็นการเล่าตัดสลับกันระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ของตัวควอนโช ผ่านสายตาของเบลล่า โบ เทวทูตที่เห็นการเติบโตของควอนโชมาโดยตลอด มันเป็นความรู้สึกที่ว่าตอนเรายังเด็ก เรายังมีความไร้เดียงสา ความสดใสและมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ แต่เมื่อโตขึ้นเหมือนโลกเริ่มส่งโจทย์ที่ยากขึ้นมาให้ ทุกสิ่งไม่ได้สวยงามอย่างฝัน ความรู้สึกมากมายที่ถาโถม ซัดกระหน่ำเข้ามา และทำได้เพียงแค่ฝันว่าวันหนึ่งเราอยากจะกลับไปเด็กอีกครั้งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ (ซึ่งมันก็อาจจะไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในความเห็นส่วนตัว แต่ก็เป็นอะไรที่พอจะเข้าใจได้ ในช่วงขณะหนึ่งของชีวิตที่มันหนักมากแล้วจริงๆ🥺เพราะเราเองก็เคยรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ชีวิต!) ที่จริงเรื่องค่อนข้างจะอ่อนไหว และแอบดีปดาวน์แต่ก็มีการปลอบประโลมไปในตัวจากตัวเบลล่า โบ แต่ถึงอย่างไรยิ่งอ่านมันก็ยิ่งพาอารมณ์ให้หนักอึ้งมากขึ้นสำหรับ จนเข้าไปถึงโซนของการที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้สิ้นกันไป และยั้งไว้ด้วยความรู้สึกสุดท้ายของการยังอยากมีชีวิตอยู่ ที่แค่เพียงเสี้ยววินาทีก็เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอีกครั้ง ที่หนังสือจะมี trigger warning ในประเด็นของเนื้อหาที่สื่อไปถึงภาวะซึมเศร้า+suicide ดังนั้นเป็นอีกครั้งที่จะเตือนไว้ว่าอย่าได้หาอ่านในภาวะที่ความอ่อนไหวกำลังก่อตัว (ไอ่เราใจมันก็ไม่ไหว แต่ก็นะ เลยอาจจะเป็นการเสพติดชนิดหนึ่งรึเปล่า ซึ่งก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะกลัวใจเราจะดำดิ่งมากเกินไป แงง)
March 30, 2022
My Overall Thoughts - 3/5
“But if my life was shorter…perhaps angels might start picking a hammer and chisel to build something eternal. Perhaps there might have been a David with broad wings spreading wide at his back.”
The writing in this book was poetic and beautiful, and that was its biggest draw. I enjoyed being carried along on the dreamy prose, experiencing the confusing human world through the sight of the angel. However, sometimes the prose got in the way of the story. Some of the turns of phrase were too flowery to make sense and I would have to stop and read them over to make sure I understood. Occasionally lines didn't make much sense at all.
Character Development - 3.5/5
Kwon Cho’s struggles are shown to the reader through the eyes of Bella Beau, the angel, and we watch her grapple with her art and her place in the world and her desire to live. The events of her arc and her friendship with the angel were often touching and thought-provoking, but I feel like the prose sometimes kept the nuances of her struggles at a distance. It felt as if the purpose of the book was to be mystical and mysterious, so the finer points of character and plot are purposely left vague.
Story Structure - 2.5/5
Very little to comment on here. The structure was linear and simple. No complaints or compliments.
Tone/Style - 4.5/5
As I mentioned before, the writing was lovely. My only critique being that sometimes it was superfluously garbled.
Content
Sex is mentioned and briefly discussed in relation to the angel’s ability to understand human intimacy.
My Final Thoughts
Overall, it was a sweet little novella that I enjoyed getting to experience. It could have been made amazing by a little closer editing. If you like poetical, high-conceptual writing, this is probably for you.
“But if my life was shorter…perhaps angels might start picking a hammer and chisel to build something eternal. Perhaps there might have been a David with broad wings spreading wide at his back.”
The writing in this book was poetic and beautiful, and that was its biggest draw. I enjoyed being carried along on the dreamy prose, experiencing the confusing human world through the sight of the angel. However, sometimes the prose got in the way of the story. Some of the turns of phrase were too flowery to make sense and I would have to stop and read them over to make sure I understood. Occasionally lines didn't make much sense at all.
Character Development - 3.5/5
Kwon Cho’s struggles are shown to the reader through the eyes of Bella Beau, the angel, and we watch her grapple with her art and her place in the world and her desire to live. The events of her arc and her friendship with the angel were often touching and thought-provoking, but I feel like the prose sometimes kept the nuances of her struggles at a distance. It felt as if the purpose of the book was to be mystical and mysterious, so the finer points of character and plot are purposely left vague.
Story Structure - 2.5/5
Very little to comment on here. The structure was linear and simple. No complaints or compliments.
Tone/Style - 4.5/5
As I mentioned before, the writing was lovely. My only critique being that sometimes it was superfluously garbled.
Content
Sex is mentioned and briefly discussed in relation to the angel’s ability to understand human intimacy.
My Final Thoughts
Overall, it was a sweet little novella that I enjoyed getting to experience. It could have been made amazing by a little closer editing. If you like poetical, high-conceptual writing, this is probably for you.
July 1, 2025
การได้เห็นอัตลักษณ์ของตัวเองโลดแล่นอยู่ในหนังสือเล่มนี้คือความสุขทางใจที่มาพร้อมกับความข่มขื่นลึก ๆ เหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะบางส่วนของข้าพเจ้าเข้าใจว่า การมีอยู่ของนอนไบนารีอาจจะเหมือนหรือต่างไปจากเทวทูตอย่างเบลลา โบ
.
.
เปิดเรื่องมาก็โดนเล่นเข้าอย่างจัง มนุษย์มองเห็นในแบบที่พวกเขาอยากจะเห็น และสุดท้ายเขาก็มองไม่เห็นการมีอยู่ของเรา เพราะพวกเขาเชื่อว่าบนโลกมีอยู่สองเพศ สีฟ้าของเด็กผู้ชาย สีชมพูของเด็กผู้หญิง ปีกนางฟ้าต้องเป็นสีขาว การมีอยู่ของเรา…ของเบลลา โบ…ของนอนไบนารีจึงเป็นสิ่งที่สังคมไม่เคยยอมรับว่ามีอยู่
.
.
ในโลกแห่งความเป็นจริง หลายคนใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน เมื่อตัวเราไม่ใช่แบบที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาจึงปฏิบัติกับเราราวกับได้กระทำความผิดมหันต์ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเบลลา โบถึงเป็นตัวเองได้สะดวกใจกว่ายามท้องฟ้าไม่ปลอดโปร่ง ช่างตลกร้ายที่ความเป็นเราจะปลอดภัยเมื่อไม่มีใครให้ค่าความสนใจ
.
.
ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่าทำไม “เมื่อตื่นขึ้นมา ตัวตนของเบลล่าโบจะถูกลืม” แต่ตอนนี้กลับเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ช่วงสมัย ตัวตนของเราก็ยังถูก
ลืมอยู่ทุกวัน ยังมีผู้คนจากมุมไหนสักแห่งบนโลกที่ไม่รู้ว่าเรามีอยู่จริง แต่ใด ๆ เราไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหากไม่พร้อม เหมือนที่เบลลา โบบอกว่า “หากเราไม่ยินยอม ก็ไม่มีเศษเสี้ยวสสารใดที่จะรับรู้และสัมผัสการมีอยู่ของเทวทูตอย่างเราได้”
.
.
ความเหมือนที่เรามีร่วมกันคงเป็นการที่เราไม่ได้ต้องการให้ใครมายอมรับในตัวตนของเรา ตัวเราคือผู้รู้ดีเสียยิ่งกว่าใครถึงการเป็นนอนไบนารีนี้ ไม่จำเป็นต้องถามหาการยอมรับจากผู้อื่น แต่เมื่อได้เจอกับใครสักคน…เมื่อได้เจอกับควอน โช ผู้เป็นดั่งตัวแทนของสังคมที่มองเห็นเรา ก็อดโหยหาความสุขใจจากการถูกยอมรับนี้ไม่ได้
แล้วพวกคุณล่ะ…จะมองเห็นพวกเราหรือเปล่า?
บทความโดย ฟ้าลั่น
ig: tofahlun
fb: tofahlun
.
.
เปิดเรื่องมาก็โดนเล่นเข้าอย่างจัง มนุษย์มองเห็นในแบบที่พวกเขาอยากจะเห็น และสุดท้ายเขาก็มองไม่เห็นการมีอยู่ของเรา เพราะพวกเขาเชื่อว่าบนโลกมีอยู่สองเพศ สีฟ้าของเด็กผู้ชาย สีชมพูของเด็กผู้หญิง ปีกนางฟ้าต้องเป็นสีขาว การมีอยู่ของเรา…ของเบลลา โบ…ของนอนไบนารีจึงเป็นสิ่งที่สังคมไม่เคยยอมรับว่ามีอยู่
.
.
ในโลกแห่งความเป็นจริง หลายคนใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน เมื่อตัวเราไม่ใช่แบบที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาจึงปฏิบัติกับเราราวกับได้กระทำความผิดมหันต์ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเบลลา โบถึงเป็นตัวเองได้สะดวกใจกว่ายามท้องฟ้าไม่ปลอดโปร่ง ช่างตลกร้ายที่ความเป็นเราจะปลอดภัยเมื่อไม่มีใครให้ค่าความสนใจ
.
.
ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่าทำไม “เมื่อตื่นขึ้นมา ตัวตนของเบลล่าโบจะถูกลืม” แต่ตอนนี้กลับเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ช่วงสมัย ตัวตนของเราก็ยังถูก
ลืมอยู่ทุกวัน ยังมีผู้คนจากมุมไหนสักแห่งบนโลกที่ไม่รู้ว่าเรามีอยู่จริง แต่ใด ๆ เราไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหากไม่พร้อม เหมือนที่เบลลา โบบอกว่า “หากเราไม่ยินยอม ก็ไม่มีเศษเสี้ยวสสารใดที่จะรับรู้และสัมผัสการมีอยู่ของเทวทูตอย่างเราได้”
.
.
ความเหมือนที่เรามีร่วมกันคงเป็นการที่เราไม่ได้ต้องการให้ใครมายอมรับในตัวตนของเรา ตัวเราคือผู้รู้ดีเสียยิ่งกว่าใครถึงการเป็นนอนไบนารีนี้ ไม่จำเป็นต้องถามหาการยอมรับจากผู้อื่น แต่เมื่อได้เจอกับใครสักคน…เมื่อได้เจอกับควอน โช ผู้เป็นดั่งตัวแทนของสังคมที่มองเห็นเรา ก็อดโหยหาความสุขใจจากการถูกยอมรับนี้ไม่ได้
แล้วพวกคุณล่ะ…จะมองเห็นพวกเราหรือเปล่า?
บทความโดย ฟ้าลั่น
ig: tofahlun
fb: tofahlun
March 22, 2025
Vibe / moon / tone ของเรื่องดีมาก ชอบการดำเนินเรื่องแบบตัดสลับไทม์ไลน์ไปมา ทำให้ได้ปะติดปะต่อเรื่อง ซึ่งนับว่านักเขียนทำได้ดีมากในเรื่องรูปแบบ แต่อ่านไปแล้วรู้สึกแหม่ง ๆ กับเลิฟไลน์ตัวละคร แม้ว่าเบลลาโบจะไม่ระบุเพศ อายุ หรือแม้กระทั่งจำกัดความได้ว่าเป็นมนุษย์ แต่ลักษณะของการพบเจอกันของควอน โช กับเบลล่า โบ ที่เจอกันตั้งแต่ควอนโชยังเป็นเด็กตัวเล็ก แล้วก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น ทุกครั้งเบลล่าโบจะกลับมาหา แปลว่าเบลล่าโบเห็นควอนโชตั้งแต่ยังเด็กจนโต พอมันมีเลิฟไลน์ ฉากจูบระหว่างตัวละคร(แม้จะอ้างได้ว่าไม่มรอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์) แต่สำหรับเราก็รู้สึกมันละเอียดอ่อนอยู่ดี คล้ายกับการ grooming เพราะเห็นนางเอกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แต่พอโตมากลับมีอารมณ์โรแมนติกเกิดขึ้นระหว่างตัวละคร (?) ยิ่งตอนท้ายถ้าตีความไม่ผิดคือเบลล่าโบยอมแลกสถานะเทวทูตกับชีวิตของควอนโชทำให้กลายมาเป็นมนุษย์ ยิ่งรู้สึกตะหงิดใจกับควอนโชในความทรงจำของเบลล่าโบ มันไม่ใช่รักที่เกิดตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็กแล้วโตไปพร้อมกัน แต่เป็นการที่ฝ่ายหนึ่งสามารถรับรู้และเข้าใจสิ่งต่าง ๆ (แม้ว่าเทวทูตจะไม่มีคำว่าอายุไข) แต่ก็มีสติและการรับรู้มากกว่าเด็ก เห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เป็นเด็กน้อยแล้วค่อย ๆ โตขึ้นอยู่ดี พออ่านจบแล้วก็ได้แต่รู้สึกแปลก ๆ ว่ามันจะเข้าข่าย taboo หรือเปล่า ;-; มันคือช่องว่างเล็กมาก ๆ ที่พออ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเบลล่าโบกรูมมิ่งควอนโชจริง ๆ ค่ะ ไม่รู้มีใครรู้สึกเหมือนกันไหม เนื้อหาค่อนข้างสุ่มเสี่ยงต่อการตีความค่ะ 🥹
This entire review has been hidden because of spoilers.
July 26, 2021
หนังสือไม่ถึงร้อยหน้า แต่สปีดในการอ่านลดลงอย่างน่าใจหายเพราะรู้สึกไม่อยากอ่านเรื่องราวของควอนโชและเบลล่าโบเร็วจนเกินไป ติ๊งต่างเลยละกันว่าเราทุกคน ณ จุดใดจุดหนึ่งของชีวิตล้วนเป็นควอนโช—สดใสเติบโตและแตกสลาย ชีวิตมันยากและน่าอดสูขึ้นทุกวัน จมดิ่งอยู่ในความหม่นหมอง ฟังเสียงของคนอื่นมากไป จนลืมว่าความไร้เดียงสา ความสดใส และความเป็นตัวเองนี่มันเป็นยังไง
มู้ดของเรื่องหม่นมาก อาจตีความได้ว่าตัวละครมีภาวะซึมเศร้า เราอ่านแล้วเข้าใจและรู้สึกร่วมกับควอนโช แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนได้รับการปลอบประโลมจากเบลล่าโบเลยไม่ได้รู้สึกดิ่งจนเกินไปนัก
Quote ที่ชอบมาก ๆ จากแมวสีส้มชื่อตินติน:
"ฉ้นว่ามนุษย์ประหลาด... พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนกับว่าต้องเตรียมโลงศพไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ แมวอย่างฉันต้องตายก่อนพวกเขาแน่อยู่แล้ว อีกไม่กี่ปีหรืออาจไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ยังวิ่งบนทุ่งเมื่อฉันอยากวิ่ง... มนุษย์น่ะ ถึงจะอยากวิ่งบนทุ่ง ก็เอาแต่คิดว่า ไม่ได้หรอก ถ้าออกไปวิ่งจะเตรียมโลงศพไม่ทันกาลนะ จะตัดไม้ เคลือบสี และตอกตะปูทันเหรอ แล้วดอกไม้ข้างโลงล่ะ จะเติบโตเบ่งบานทันหรือเปล่า ..."
ยังมีอีกหลายประเด็นเล็กใหญ่ในเรื่องที่น่าเอามาดิสคัส หนังสือเล่มนี้คงเป็นอีกเล่มที่เราจะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำบ่อย ๆ
มู้ดของเรื่องหม่นมาก อาจตีความได้ว่าตัวละครมีภาวะซึมเศร้า เราอ่านแล้วเข้าใจและรู้สึกร่วมกับควอนโช แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนได้รับการปลอบประโลมจากเบลล่าโบเลยไม่ได้รู้สึกดิ่งจนเกินไปนัก
Quote ที่ชอบมาก ๆ จากแมวสีส้มชื่อตินติน:
"ฉ้นว่ามนุษย์ประหลาด... พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนกับว่าต้องเตรียมโลงศพไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ แมวอย่างฉันต้องตายก่อนพวกเขาแน่อยู่แล้ว อีกไม่กี่ปีหรืออาจไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ยังวิ่งบนทุ่งเมื่อฉันอยากวิ่ง... มนุษย์น่ะ ถึงจะอยากวิ่งบนทุ่ง ก็เอาแต่คิดว่า ไม่ได้หรอก ถ้าออกไปวิ่งจะเตรียมโลงศพไม่ทันกาลนะ จะตัดไม้ เคลือบสี และตอกตะปูทันเหรอ แล้วดอกไม้ข้างโลงล่ะ จะเติบโตเบ่งบานทันหรือเปล่า ..."
ยังมีอีกหลายประเด็นเล็กใหญ่ในเรื่องที่น่าเอามาดิสคัส หนังสือเล่มนี้คงเป็นอีกเล่มที่เราจะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำบ่อย ๆ
September 26, 2021
เขียนบรรยายได้ลึกล้ำ สละสลวย ไหลลื่นไปตามความนึกคิดของตัวละคร รู้สึกได้ถึงความเศร้า ความดำดิ่งในทุกห้วงอารมณ์ เป็นนิยายที่รวมปัญหาแห่งยุคสมัยหลายๆเรื่องเลยค่ะ
การดำเนินเรื่องบรรยายผ่านสายตาของเทวทูตต่อมนุษย์ผู้หญิงที่แสนจะเปราะบางในวงการศิลปะ ตั้งแต่เด็กจนเติบโต มีรอยยิ้ม ความแตกสลาย และประกอบขึ้นมาใหม่ รู้สึกถึงความผูกพันธ์ระหว่างเทวทูตและมนุษย์มากค่ะ ชอบฉากที่เทวทูตคุยกับแมวมากๆ ตกตะกอนทางความคิดได้หลายอย่างเลย นั่นสิ ทำไมคนเราถึงใช้ชีวิตราวกับจะตายไปในวันพรุ่งนี้ บางทีมนุษย์อาจจะต้องพักหายใจสักนิด คิดทบทวนชีวิตดูดีๆอีกครั้งว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เราอยากจะใช้ชีวิตไปในทางไหน
เป็นนิยายที่ดีมาก สั้นๆ แต่ถ่ายทอดได้ลึกซึ้ง ตอนจบซาบซึ้งเหมือนได้รับการปลอบประโลมค่ะ
การดำเนินเรื่องบรรยายผ่านสายตาของเทวทูตต่อมนุษย์ผู้หญิงที่แสนจะเปราะบางในวงการศิลปะ ตั้งแต่เด็กจนเติบโต มีรอยยิ้ม ความแตกสลาย และประกอบขึ้นมาใหม่ รู้สึกถึงความผูกพันธ์ระหว่างเทวทูตและมนุษย์มากค่ะ ชอบฉากที่เทวทูตคุยกับแมวมากๆ ตกตะกอนทางความคิดได้หลายอย่างเลย นั่นสิ ทำไมคนเราถึงใช้ชีวิตราวกับจะตายไปในวันพรุ่งนี้ บางทีมนุษย์อาจจะต้องพักหายใจสักนิด คิดทบทวนชีวิตดูดีๆอีกครั้งว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เราอยากจะใช้ชีวิตไปในทางไหน
เป็นนิยายที่ดีมาก สั้นๆ แต่ถ่ายทอดได้ลึกซึ้ง ตอนจบซาบซึ้งเหมือนได้รับการปลอบประโลมค่ะ
October 11, 2024
ບອກຕາມຕົງວ່າເປັນປຶ້ມທີ່ຢາກອ່ານເພາະເຫັນຣີວິວຜ່ານຕາວ່າດີ
ເປັນປຶ້ມທີ່ມີແມວສົ້ມ, ເທວະທູດ ແລະ ສິລະປະ
ທີ່ແສນຈະເຂົ້າກັນ
ເຮົາບໍ່ຄ່ອຍໄດ້ອ່ານເລື່ອງແນວໆນີ້ປານໃດ ແຕ່ຄົນຂຽນບັນຍາຍເຖິງສິລະປະຂະແໜງປັ້ນ, ຂວັດແກະ (ທີ່ເຮົາຄິດວ່າໂຕຄົນຂຽນໜ້າຈະຮຽນມາ) ໄວ້ເປັນຢ່າງດີ ເຮົາອາດຈະຊຶມຊັບທຸກຢ່າງໄດ້ບໍ່ເຕັມໃນສ່ວນນີ້ ແຕ່ໃນສ່ວນຂອງຄວາມຮູ້ສຶກນິຶກຄິດ ແລະ ບັນຍາກາດພາຍໃນເລື່ອງມັນຖືກສົ່ງມາເຖິງເຮົາໄດ້ຢ່າງຄົບຖ້ວນຕາມທີ່ເຮົາເຂົ້າໃຈ
ເປັນເລື່ອງທີ່ອ່ານແລ້ວຍັງຄົງຕິດຢູ່ໃນໃຈ ແລະ ເຮັດໃຫ້ເຮົາຢາກກັບໄປຂຽນເລື່ຶອງຂອງໂຕເອງຄືກັນ :-)
ຖືວ່າເປັນເລື່ອງທີ່ດີ ແລະ ຄວນຄ່າແກ່ການອ່ານ
ເຖິງຈະສັ້ນໄປໜ້ອຍໜຶ່ງ ແຕ່ເນື້ອຫາຖືວ່າອັັດແໜ້ນພຽງພໍທີ່ຈະໃຫ້ເຮົາລ່ອງລອຍໄປກັບມັນໄດ້ໂດຍທີ່ບໍ່ຂັດເລີຍ
ເປັນປຶ້ມທີ່ມີແມວສົ້ມ, ເທວະທູດ ແລະ ສິລະປະ
ທີ່ແສນຈະເຂົ້າກັນ
ເຮົາບໍ່ຄ່ອຍໄດ້ອ່ານເລື່ອງແນວໆນີ້ປານໃດ ແຕ່ຄົນຂຽນບັນຍາຍເຖິງສິລະປະຂະແໜງປັ້ນ, ຂວັດແກະ (ທີ່ເຮົາຄິດວ່າໂຕຄົນຂຽນໜ້າຈະຮຽນມາ) ໄວ້ເປັນຢ່າງດີ ເຮົາອາດຈະຊຶມຊັບທຸກຢ່າງໄດ້ບໍ່ເຕັມໃນສ່ວນນີ້ ແຕ່ໃນສ່ວນຂອງຄວາມຮູ້ສຶກນິຶກຄິດ ແລະ ບັນຍາກາດພາຍໃນເລື່ອງມັນຖືກສົ່ງມາເຖິງເຮົາໄດ້ຢ່າງຄົບຖ້ວນຕາມທີ່ເຮົາເຂົ້າໃຈ
ເປັນເລື່ອງທີ່ອ່ານແລ້ວຍັງຄົງຕິດຢູ່ໃນໃຈ ແລະ ເຮັດໃຫ້ເຮົາຢາກກັບໄປຂຽນເລື່ຶອງຂອງໂຕເອງຄືກັນ :-)
ຖືວ່າເປັນເລື່ອງທີ່ດີ ແລະ ຄວນຄ່າແກ່ການອ່ານ
ເຖິງຈະສັ້ນໄປໜ້ອຍໜຶ່ງ ແຕ່ເນື້ອຫາຖືວ່າອັັດແໜ້ນພຽງພໍທີ່ຈະໃຫ້ເຮົາລ່ອງລອຍໄປກັບມັນໄດ້ໂດຍທີ່ບໍ່ຂັດເລີຍ
September 3, 2021
เสน่ห์และความลึกลับของหนังสือทำมือมักดึงดูดความสนใจเราเสมอ เล่มนี้ก็เช่นกัน น่าทึ่งที่คนเขียนทั้งเขียนเอง จัดพิมพ์เอง โปรโมทเอง แถมปกสวยอีก!!!
โบและทุกสิ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกเป็นหนังสือที่มองมนุษย์ผ่านสายตาของเทวทูตผู้มาจากโลกที่ไร้ซึ่งกรอบเกณฑ์และการแบ่งแยกใดๆ ในหลากๆ สถานการณ์จึงมีการตั้งคำถามถึงการตีกรอบและการแบ่งแยกต่างๆ ของมนุษย์ ทั้งเรื่องการศึกษา เพศ ฯลฯ หนังสือมีเซ็ตติ้งอยู่ที่อิตาลีและมีการพูดถึงศิลปะยุโรปอยู่แทบทั้งเรื่อง มีfootnoteให้ไปตามอ่านตามเสพแทบจะไม่หวั่นไม่ไหว
สรุปแล้วเป็นหนังสือที่ภาษาสวยและมีเสน่ห์มากเท่าที่หนังสือขนาดไม่ถึงร้อยหน้าเล่มนี้จะให้ได้
โบและทุกสิ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกเป็นหนังสือที่มองมนุษย์ผ่านสายตาของเทวทูตผู้มาจากโลกที่ไร้ซึ่งกรอบเกณฑ์และการแบ่งแยกใดๆ ในหลากๆ สถานการณ์จึงมีการตั้งคำถามถึงการตีกรอบและการแบ่งแยกต่างๆ ของมนุษย์ ทั้งเรื่องการศึกษา เพศ ฯลฯ หนังสือมีเซ็ตติ้งอยู่ที่อิตาลีและมีการพูดถึงศิลปะยุโรปอยู่แทบทั้งเรื่อง มีfootnoteให้ไปตามอ่านตามเสพแทบจะไม่หวั่นไม่ไหว
สรุปแล้วเป็นหนังสือที่ภาษาสวยและมีเสน่ห์มากเท่าที่หนังสือขนาดไม่ถึงร้อยหน้าเล่มนี้จะให้ได้
January 30, 2022
เป็นเล่มที่บางมาก แต่เนื้อหาโคตรดี อ่านแล้วเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็กที่มีความสดใส มีความใฝ่ฝันในเรื่องที่ตัวเองชอบ อยากทำสิ่งๆ นี้ต่อไป อยากโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขกับสิ่งนั้น แต่พอโตขึ้นความฝันเหล่านั้นมันถูกทับถมและแทนที่ด้วยค่านิยมต่างๆ มันถูกกลืนกินอย่างง่ายดาย และไม่สามารถที่จะกอบกู้มันกลับมาได้ ไม่มีใครมาปลอมประโลมเราทั้งนั้น และเมื่อไม่มีใครปลอมประโลมเราความฝันนั้นคือสิ่งที่ทำร้ายเรา ในเล่มบางๆ เล่นหลายประเด็นมากๆ เหมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในเรื่อง ดิ่งเพราะแทบทุกประเด็นเราประสบพบเจอ แต่อย่างที่มีคำเตือน ในเรื่องตีความในกรณีของการเป็นซึมเศร้าของตัวละครด้วย
November 10, 2021
ทั้งมีความอบอุ่น ที่ปะปนกับความเศร้าหมอง เป็นอารมณ์สีเทาๆที่ทั้งสุขและทุกข์ ตัวหนังสือแต่ละตัวเหมือนมีชีวิตและสัมผัสกับใจของเราได้ หลายๆประโยคที่ซื่อตรงของเทวฑูตกลับทำให้เราคิดตามไปได้อีกหลากหลาย ความเศร้าที่กัดกินใจของควอนโช เป็นหนังสือที่ดีมากเลยค่ะ ภาาาดี บรรยายสวย สุดประทับใจเลย
December 27, 2021
เป็นหนังสือไม่ถึงร้อยหน้าที่ใช้เวลาอ่านนานมาก ต้องดื่มด่ำกับทุกตัวอักษร
หนังสือตีมุมมองของเทวทูตที่ไม่มีการแบ่งแยก เวลาคิดอะไรก็นอกเหนือจากกรอบที่วางไว้หมด
ชอบช่วงที่เบลา โบคุยกับแมวตินตินมาก เราเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้มากก่อนเหมือนกัน
เหมือนได้ทบทวนตัวเองผ่านตัวอักษรเรื่องนี้ไปในตัวเลยค่ะ
หนังสือตีมุมมองของเทวทูตที่ไม่มีการแบ่งแยก เวลาคิดอะไรก็นอกเหนือจากกรอบที่วางไว้หมด
ชอบช่วงที่เบลา โบคุยกับแมวตินตินมาก เราเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้มากก่อนเหมือนกัน
เหมือนได้ทบทวนตัวเองผ่านตัวอักษรเรื่องนี้ไปในตัวเลยค่ะ
September 2, 2023
“เมื่อตัวเล็กนั้นเปี่ยมล้นด้วยความฝัน แต่เมื่อเติบโตขึ้น มนุษย์บางคนกลับเรียกร้องความตายราวกับเห็นว่าการดับสูญนั้นเป็นวันหยุดกลางฤดูร้อน ... หากให้พรได้จริงล่ะก็ ข้าพเจ้าจะขอให้มนุษย์ทุกคนมีวันหยุดสุดสัปดาห์จากความเจ็บปวดแสนทุกข์ทน”
This entire review has been hidden because of spoilers.
December 13, 2022
ชอบคอนเสป ไม่ได้อ่านแนวแบบนี้มาสักพัก ถือว่าอ่านไปลื่นๆ ((ถึงเนื้อหาจะแอบหนัก โฮรก🥲)) ชั้รรักน้องแงว อยากมีโบเปนของตัวเอง 😭 รักคสพ.ในเรื่อง+ปัญหาตั่งๆที่คนเขียนraiseไว้ คิดว่าทำได้ดีเลย แต่สต.แอบอ่านขัดๆนิดนึงน่าจะเพราะไม่ได้อ่านแนวนี้บ่อย แต่อยากอ่านเรื่องอื่นของเค้าอีกนะ!🥺🤘
September 21, 2021
ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมายังไงเลยค่ะ แต่ประทับใจเสียจนลืมห้วงอารมณ์ในตอนที่ได้อ่านแต่ละหน้าไม่ได้เลย
April 24, 2022
เหมือนค่อยๆถูกกรีดลงที่หัวใจ แล้วมีใครก็ไม่รู้โยนยากับผ้าพันแผลมาให้ทำแผลเอง
December 17, 2022
ไม่เคยอ่านหนังสือของคุณลาดิดมาก่อน
คือดีมากกกกกกกกก ภาษาสวยมากกกกกกกกก
สำนวนดี ชอบมากกกกกกกก
เนื้อเรื่องเหมือนหนังอาร์ต
เรื่องมันก็หม่นๆเศร้าๆ แต่ตอนสุดท้ายคือน้ำตาไหลเฉย
คือดีมากกกกกกกกก ภาษาสวยมากกกกกกกกก
สำนวนดี ชอบมากกกกกกกก
เนื้อเรื่องเหมือนหนังอาร์ต
เรื่องมันก็หม่นๆเศร้าๆ แต่ตอนสุดท้ายคือน้ำตาไหลเฉย
March 18, 2023
ภาษาของลาดิดนั้นสวยมากๆ แต่เราค่อนข้างที่จะต้องทำความเข้าใจความลึกซึ้งของมันนิดนึง โดยรวมแล้วไม่ได้ถือว่าอ่านยากขนาดนั้นแต่ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาอ่านซ้ำอีกรอบ
January 7, 2024
งานเขียนที่เหมือนงานศิลปะชิ้นนึง บรรยายได้ดีมากจริงๆ
February 4, 2024
ควอนโชคือภาพสะท้อนของตัวเรา—ส่วนเบลล่าโบเปรียบเสมือนสายลมอุ่นที่คอยปลอบประโลม คอยปัดเป่าความเศร้าในใจด้วยคำพูดด้วยการมีอยู่ของเบลล่าโบ (ตราบใดที่ยังเชื่อว่ามี)
Displaying 1 - 30 of 38 reviews