Jump to ratings and reviews
Rate this book

ปีศาจ

Rate this book
Sai Seema, a lawyer from the paddy fields,
has his work cut out for him helping his farming relatives
and convincing his lover's aristocratic parents
that he deserves her hand. This prophetic, 1953 novel about the ghosts of time and rising radicalism in Thai society
is widely considered as a masterpiece of art-for-life literature in twentieth-century Thailand.

216 pages, Paperback

First published January 1, 1957

55 people are currently reading
712 people want to read

About the author

ศักดิชัย บำรุงพงศ์ นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ เจ้าของนามปากกา เสนีย์ เสาวพงศ์ ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2533

เดิมชื่อ "บุญส่ง" เกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ ศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ต้องลาออกเมื่อบิดาเสียชีวิต หันไปทำงานหนังสือพิมพ์ และเรียนกฎหมายนอกเวลาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2484 และเปลี่ยนชื่อตัวเป็น "ศักดิชัย" ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มีระเบียบบังคับให้ตั้งชื่อบุคคลให้แบ่งแยกเพศชัดเจน

ตั้งแต่เด็ก เขาหัดวาดรูปกับ เหม เวชกร และได้พบกับนักเขียนชื่อดังที่ไปพบปะกันที่บ้านครูเหม เช่น เสาว์ บุญเสนอ มนัส จรรยงค์ จึงเริ่มเขียนเรื่องสั้น ได้ตีพิมพ์ใน "ศรีกรุงวันอาทิตย์" "กรุงเทพวารศัพท์" ทำงานที่หนังสือพิมพ์ "ศรีกรุง" และ "สยามราษฎร์" แผนกข่าวต่างประเทศ แต่ได้ลาออกพร้อมกับกองบรรณาธิการทั้งหมดในปี พ.ศ. 2482 เมื่อบรรณาธิการคือ อบ ไชยวสุ ถูกบีบบังคับให้ลาออก

ศักดิชัย บำรุงพงศ์ เริ่มรับราชการแผนกพานิชนโยบายต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐการ และสอบได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี แต่เมื่อเดินทางไป กลับไม่ได้เข้าเยอรมนีเพราะเริ่มเกิดสงครามในยุโรปตะวันออกแล้ว จึงเดินทางกลับไทย ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ "สุวรรณภูมิ" ร่วมงานกับทองเติม เสมรสุต อิศรา อมันตกุล เริ่มเขียนเรื่องสั้นโดยใช้นามปากกา "สุจริต พรหมจรรยา" เริ่มมีชื่อเสียงจากเรื่องสั้นชื่อ "อาเคเชียปลายฤดูร้อน" ซึ่งใช้นามปากกา "เสนีย์ เสาวพงศ์" เป็นครั้งแรก ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนได้รับการแปลเป็นภาษาจีน และใช้นามปากกานี้เป็นหลักในเวลาต่อมา

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
299 (55%)
4 stars
171 (31%)
3 stars
54 (10%)
2 stars
8 (1%)
1 star
5 (<1%)
Displaying 1 - 30 of 92 reviews
Profile Image for Ariya.
590 reviews72 followers
November 4, 2020
การที่นวนิยายเรื่องปีศาจซึ่งเป็นนวนิยายที่เขียนขึ้นเมื่อปี 2500 ยังคงสะท้อนสังคมไทยในปัจจุบันได้นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่น่าหดหู่และชวนหวั่นใจมาก เพราะมันตอกยอกย้ำว่าเรากำลังย่ำอยู่กับที่ ถึงแม้ว่าโดยทั่วๆ ไปเราจะไม่ได้ยึดติดศักดินามากอย่างตัวละครในเรื่อง แต่การเมืองและสังคมไทยยังคงติดกับเรื่องชนชั้น ยังมีการปะทะกันระหว่างความคิดสองชั่ววัยคือ ผู้ใหญ่ที่ยังคงถูกมองว่ายึดติดกับขนบชนชั้นและเพศ กับวัยหนุ่มสาวที่แทนสัญลักษณ์ของความหวังและต้องการท้าทายกรอบการแบ่งแยกที่สังคมกำหนดขึ้น

แต่ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงกรอบดังกล่าวในสังคมส่วนใหญ่เป็นไปได้ยากมาก ตัวละครหนุ่มสาวในเรื่องจึงต้องใช้วิธีแหกคุกสังคมและหนีไปใช้ชีวิตในชนบท ซึ่งสำหรับเรามันเป็นวิธีการที่น่ากังขามากและน่าจะใช้ไม่ได้ในสังคมปัจจุบันที่กระแสโลกาภิวัตน์เข้าถึงแทบทุกที่ (ยกเว้นในหมู่บ้านหรือสังคมปิดจากหลักเกณฑ์ทางศาสนาจริงๆ) ตอนอ่านเรื่องนี้เราพยายามเปรียบเทียบกับมุมมองของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันและพยายามคิดถึงวิธีการที่เป็นไปได้ว่า ถ้าเราต้องการท้าทายแนวคิดหลักทางสังคมจริงๆ เราจะทำอย่างไรได้บ้างในเมื่อวิธีการหลบหนีจากกรอบของสังคมไม่ใช่ตัวเลือกที่ใช้ได้อีกต่อไป ในเมื่อโลกาภิวัตน์ทำให้คนรุ่นเราโลกสวยน้อยลงเพราะไม่เหลือพื้นที่ให้ฝันได้ด้วยวิธีการเดียวกับคนรุ่นสาย สีมาที่อยากลองบุกเบิก "พื้นที่ใหม่" ในชนบท

เราคิดว่าคนรุ่นเราเห็นสิ่งรอบตัวมากขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มจะเย้ยหยันต่อโลกมากขึ้นเช่นกัน แม้คิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงเหมือนกันแต่ แต่สุดท้ายเราจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงดังเช่นสาย สีมาหรือไม่ การสาปแช่งในโลกออนไลน์ทุกวันมันจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ได้จริงๆ หรือเปล่า หรือสุดท้ายแล้วมันเป็นแค่วิธีการปลดปล่อยสำหรับปัญหาที่ไม่มีวันแก้ไขได้ ตอนอ่านเราพรั่นพรึงอยู่หน่อยๆ เพราะเราไม่เห็นหนทางข้างหน้า ในขณะเดียวกันเราก็กลัวว่ายิ่งสิ้นหวังเท่าไหร่สักวันหนึ่งตัวเองก็จะเลิกพยายาม

เนื้อหาของปีศาจไม่ได้หวือหวาแต่ชวนขบคิดต่อไปถึงสังคมที่มีเวลาเป็นสไปรัลที่เหมือนจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ใจกลางวงโคจรยังคงอยู่ที่เดิม
Profile Image for Patcharawat Charoen-amornkitt.
11 reviews1 follower
December 6, 2018
สาย สีมา คือตัวแทนคนไม่มีสาแหรกที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาผ่านทางการศึกษา นายสายที่มีพี่น้องในครอบครัวชื่อ เช้า บ่าย และ เย็น มีต้นตอหรือต้นตระกูลไม่แตกต่างอะไรกับ เสนีย์ เสาวพงศ์ (ศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์) ผู้เขียน ที่เป็นลูกชาวนาและได้ร่ำเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาตัวเขาเองได้เป็นอดีตเอกอัคราชฑูตไทยประจำประเทศเอธิโอเปีย และ พม่า

ศักดิ์ชัย นักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนแรก ยังคงเป็นลูกเขยของ เฉลียว ปทุมรส ผู้ต้องหาจากเหตุการณ์สวรรคตของรัชกาลที่ 8 ผู้ที่ ณ เวลาเกิดเหตุนั้นอยู่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุหลายกิโลเมตร (ซึ่งเฉลียวถูกประหารชีวิตภายหลัง ปีศาจ ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2496)

เขาเขียนเล่าทัศนะของตัวเองไว้ในตัวละครได้อย่างแนบเนียน โดยให้ สาย และ รัชนี เป็นเหมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวไปสู่ยุคของสังคมไร้ชนชั้น (หลังการปฏิวัติ 2475) ในขณะที่พ่อแม่ของ รัชนี นั้นเป็นตัวแทนของคนยุคเก่าที่มีอาการ หวาดผวา การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และไม่ยอมให้ รัชนี คบค้าสมาคม กับ ปีศาจอย่างสาย

โดยที่ศักดิ์ชัยสรุปไว้ในงานชิ้นนี้ว่า ปีศาจที่แท้จริงที่พ่อแม่ของรัชนีหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ สาย ไม่ใช่คนไม่มีชาติไม่มีตระกูลแล้วพยายามที่จะยกตัวเองขึ้นเป็นผู้ดีหรอก แต่เป็นกาลเวลาและยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไปแล้วต่างหาก

สิ่งที่ชอบที่สุดในนี้เห็นจะเป็นทัศนะของ รัชนี ที่กล่าวว่ากับ สาย ว่า "ความเห็นอกเห็นใจและเจตนาดีอย่างเดียว ไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาต่างๆได้ทั้งหมด"
November 25, 2020
โอยยย เขียนดีจัง
เกือบ 70 ปีมาแล้ว (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2496-97) ยังตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เลย
หรือเป็นเพราะว่า จริงๆแล้ว ประเทศของเรา ไม่เคย move on ไปไหนเลย 🥺🥺🥺

#BookQuotes 📚📚📚

“ที่ที่รกย่อมต้องการคนถางมากกว่าที่ที่เตียนแล้วเป็นธรรมดา”

“ในที่ที่มืดที่สุด ถ้าเราจุดไม้ขีดขึ้นสักก้านมันก็จะให้ความสว่างได้ดียิ่ง” - p.92

“มีอะไรบ้างที่จะเป็นพยานหลักฐานของความดีนั้น ในเมื่อมันเป็นแต่เพียงความรู้สึกนึกคิด ความคิดเหล่านี้แหละที่ฉุดรั้งเขาไว้ มันยังไม่ถึงเวลา…” - p.95

“จิตใจและจินตนาการของคนเรามิได้เป็นอิสระ และเกิดขึ้นได้เอง แต่เป็นผลสะท้อนมาจากสภาพภายนอกที่คนเราถูกห้อมล้อมอยู่ ดังนั้นสิ่งที่กำหนดความรู้สึกนึกคิดของคนเราก็มีจริง และสิ่งนั้นคือฐานะความเป็นอยู่และสภาพแห่งการดำรงชีวิตของคนเรานั่นเอง…” - p.124

“ทุกวันนี้เขาพูดกันถึงสิ่งที่มีรูปธรรมในความหมายที่เป็นนามธรรมไปเสียหมด เขาพูดถึงประเทศชาติ พูดถึงมหาวิทยาลัยโดยไม่คำนึงถึงสาระสำคัญคือคน…ประชาชน…นิสิตนักศึกษา” - p.200

“เหมือนกับราษฎรมีไก่อยู่สิบตัว คุณอ้างว่าเป็นของคุณแปดตัว โดยเหตุที่สวรรค์หรือนรกเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนธรรมดาไม่รู้ แล้วตกลงประนีประนอมแบ่งกันคนละครึ่งได้ไปคนละสี่ตัว สี่ตัวที่คุณได้มานั้นคือความยุติธรรมหรือ?” - p.291

“ความผิดแผกแตกต่างกันในสมัยและเวลาทำให้คนเรามีความคิดผิดแผกแตกต่างกันด้วย” - p.305

“ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่สร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที
.
ท่านคิดจะทำลายปีศาจตัวนี้ในคืนนี้วันนี้ ต่อหน้าสมาคมชั้นสูงเช่นนี้ แต่ไม่มีทางจะเป็นไปได้ เพราะเขาอยู่ยงคงกระพันยิ่งกว่าอาคิลลิส หรือซิกฟริด เพราะเขาอยู่ในเกราะกำบังแห่งกาลเวลา
.
ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป โลกของเราเป็นคนละโลก…โลกของผมเป็นโลกของธรรมดาสามัญชน” — สาย สีมา
- p.305-306
Profile Image for Makmild.
806 reviews217 followers
November 19, 2021
เป็นเล่มที่อ่านนานมากมากมากมากค่ะ แบบเดือนกว่า คือไม่ใช่ว่าไม่สนุก สนุกมากๆ แต่มันไม่ได้สนุกแบบอ่านรวดเดียวจบ มันสนุกเพราะมันเจ็บจี๊ดๆ อยู่ข้างใน หนังสือเขียนมาตั้งแต่ปีไหนๆ จนปัจจุบันปี 2021 ประเทศไทยไม่เคยพัฒนา ชาวนายังลำบาก ��ันนี้ (11/2021) ข้าวกระสอบละ 5-6 บาท อยู่เลย แต่ค่าครองชีพไปไหนถึงไหนแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บใจ ที่ประเทศเราโดนคนบางส่วน��ำให้ความเจริญหยุดไปแต่กาลเวลาไม่เคยถูกหยุดยั้งไปได้เลย

ปีศาจในหนังสือเล่มนี้คือ "สาย สีมา" คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมโดนชั้นชนศักดินากดขี่ สู้เพื่อประชาชนและพ้องเพื่อน เพื่ออุดมการณ์ของตนโดยไม่ต้องอายใคร นายสาย สีมา ได้พบรักกับรัชนี สาวไฮโซที่หัวคิดสมัยใหม่ จริงๆทั้งเรื่องนี้ ถ้าไม่มีพาร์ทของรัชนีเลยมายคงอ่านช้ากว่านี้ เพราะใจจะขาดในช่วงของนายสายที่กลับบ้านเกิดแล้วไปดูทุ่งนา มันจริงเหลือเกิน และภาพนี้ยังฉายซ้ำยังกับเล่นหนังม้่วนเดิม กาลเวลาแห่งความรันทดไม่เคยเปลี่ยน ช่วงของรัชนีมาทำให้ได้พักหายใจหายคอมั้ง

แปลกใจที่ตอนจบดำเนินมาในลักษณะนี้ คือไม่ได้จบปมใดเป็นพิเศษ แต่เป็นปลายเปิดให้คนเอาไปถกเถียงกันต่อได้ว่าหลังจากนี้ชะตาของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะรัชนี

ส่วนตัวชอบเรื่องของกิ่งเทียน spin off ที่ชวนให้ชื่นใจโลกอันขมปร่านี้

สุดท้ายแล้ว ปีศาจสาย สีมา ในไม่ช้าก็จะหายไปและจะได้ปีศาจตัวอื่นๆ มาทดแทน ปีศาจที่ไม่ได้มาในนามของความดี แต่เป็นปีศาจที่ชื่อว่าของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งดีหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้เพราะผู้ที่ประโยชน์จากปีศาจตนนี้ก็นับว่าดีทั้งสิ้น และคนที่ไม่ได้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะโดนปีศาจกลืนกินกลายเป็นเพียงความทรงจำ
Profile Image for Whitaker.
299 reviews578 followers
October 26, 2020
Ghosts is very much a political novel. It stands in the long line of political novels like Germinal dealing with the struggle of the poor against the machinations of the wealthy. It's two main characters, Ratchanee -- a young woman from an aristocratic family -- and Sai Seema -- a lawyer from a poor padi growing family -- develop a burgeoning relationship but the novel is not about their attraction for each other. Indeed, it barely plays a part.

Instead, the novel discusses the inequalities in Thai society by charting the moral struggles of Sai Seema and Ratchanee. Sai Seema is asked by his benefactor, the man who funded his education, to act for him in several law suits over land against his own former village compatriots. The villagers have farmed the land for generations but have no formal title to the land. A system of registration was set up where persons could obtain title to the land by registering. The villagers, of course, being simple uneducated farmers were not aware of the new formality and find themselves at risk of being reduced to mere tenants, farming the land for an exorbitant rent.

Ratchanee comes from the other end of society. Her family is aristocratic and in the normal course of events she would have been expected to marry a suitable man chosen by her parents and to settle down to a life of popping out aristocractic scion. However, as the youngest daughter, she was able to wangle a university education. Her sister's unhappy marrige to a very wealthy but philandering man is a cautionary tale of the fate that awaits her if follows her parent's dictates.

While a resolution is reached, the novel happily eschews easy answers. The "ghosts" of the title refers to the resistance fighters during the time of World War II when Japanese soldiers used Thailand as a base, drawing a direct line then between the Japanese and the wealthy -- both old and new money elites -- who suck the blood of the poor for their own enrichment. Not quite as richly evocative as Four Reigns or The Field of the Great , the dilemma between upholding one's personal integrity and selling out for money and position spoke volumes to me in this, our Age of Inequality.
Profile Image for Nuttawat Kalapat.
685 reviews48 followers
December 14, 2020
รีวิวหนังสือเล่มที่ 106/2020
หนังสือ : ปีศาจ
โดย : เสนีย์ เสาวพงศ์
จำนวน : 368 หน้า
พิมพ์ครั้งแรก 2496
.
สมกับเป็นวรรณกรรมอมตะของเมืองไทย ที่ทุกคนควรอ่าน
คือมันมีไม่กี่เล่มจริงๆ ที่เราคิดว่าทุกคนควรอ่าน แต่เล่มนี้ควรครับ
อ่านแล้วรู้สึกเรื่องราวสำนวนไม่เก่า แต่จริงๆ เก่าพอสมควร
.
.
อ่านจบเข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงแนะนำเล่มนี้ของผู้เขียนคนนี้กันบ่อยเหลือเกิน คือมันเขียนสนุกและบอกได้หลายสิ่งอย่างในสังคมเยอะมากๆ
.
จะบอกว่า ปีศาจ ในเรื่อง คือพระเอกชื่อ สาย สีมา (ทนายความ ที่เมื่อก่อนยากจน ) ของเรานี่แหละครับ และนี่เป็นนิยายไม่แฟนตาซีใดๆ โปรดอย่าเข้าใจผิด
.
ความรัก การเมือง ความเหลื่อมล้ำ สังคมเมือง ชนบท ชนชั้นวรรณนะ วธีคิดของคนรุ่นใหม่คนรุ่นเก่า หนังสือเล่าเรื่องพวกนี้ทั้งหมดได้ดี
.
.

ความเห็น
- มีคุณค่ามาก ภาษาสละสลวย ลื่นไหล หาตัวจับยาก
- เรื่องราวทำให้หลงไปในตัวละคร ไม่จริงๆมากๆ
- เน้นเรื่องความไม่เท่าเทียมในสังคมหนักมาก
- คือผมชอบหนังสือที่อ่านแล้วต้องมาคิดต่อน่ะ ซึ่งเล่มนี้ทำหน้าที่นี้ได้เยี่ยมมาก
.
.
ทรงคุณค่าให้ 10/10 ครับ
Profile Image for Ing Sanita.
22 reviews
November 25, 2021
ได้อ่าน "ปีศาจ" นิยายคลาสสิค จบแล้วอย่างใจหวัง ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพฝันของสาย สีมา ยังคงอยู่ในใจของเด็กรุ่นใหม่ในปี 2021 เช่นเดิม เป็นภาพฝันที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสิทธิใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกันภายใต้ระบบยุติธรรมที่แท้จริง ไม่เลือกคนจนคนรวย ขณะเดียวกันก็เป็นความเศร้าใจที่ความหวังของเรานั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่เป็น "ปีศาจ" ที่แท้จริง เฝ้ารอให้ปีศาจตนนี้หลอกหลอนผู้นำไทยในปัจจุบันให้ถึงที่สุด ให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจำเป็น คนรุ่นใหม่วันนี้ เขาคือเจ้าของประเทศทั้งในวันนี้และวันหน้า มีแต่เราที่จะจากไปตาม "ปีศาจ"
Profile Image for Whale Read.
414 reviews33 followers
August 8, 2019
ไม่มีอะไรหยุดยั้ง ควาทรุดหน้าของการเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ ให้มากขึ้นมากขึ้นทุกที หากท่านคิดจะทำลายปีศาจตัวนี้ในคืนวันนี้ ย่อมทำได้ แต่ไม่มีทางจะเป็นไปได้ เพราะเขาอยุ่ในเกราะกำบังแห่งกาลเวลา ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้ง อะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่าง แต่ท่านไม่สามารถที่จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป

ความดีความเลว ความถูกต้อง ต่างเป็นเพียงนามธรรม ไม่มีใครเคยบัญญัติได้ ว่า ความดี เป็นเช่นไร ความถูกต้องเป็นเช่นไร โจรย่อมเห็นว่าผู้ที่ปล้นได้ สำเร็จได้ทรัพย์มาโดยความยุติธรรม ความถูกต้องของเขาก้ไม่ผิด
Profile Image for ANKO.
151 reviews16 followers
November 23, 2021
ไม่คิดว่าจบแบบนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านตอนนี้อาจจะไม่ค่อยอินมากเท่าไรเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปไกลแล้ว แต่ในช่วงที่หนังสือตีพิมพ์ น่าจะสะท้อนสังคมได้ดีมากๆ
Profile Image for รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์.
Author 10 books108 followers
March 13, 2015
โฉมหน้าของปีศาจที่หลอกหลอนชนชั้นนำไทยมาเนิ่นนานจวบจนปัจจุบัน

ไม่ใช่อะไรไกลตัว แต่คือสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม
Profile Image for Chai.
15 reviews2 followers
March 28, 2023
"ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้... ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป โลกของเราเป็นคนละโลก... โลกของผมเป็นโลกของธรรมดาสามัญชน"
-นายสาย สีมา

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องเดียวที่ผมคิดว่ามีผลต่อสังคมไทยมาก ในบทความนี้จะอธิบาย และ บรรยายถึงเรื่องในนิยาย และ กล่าวถึงว่าทำไมมันถึงเป็นงานวรรณกรรมชั้นดี รวมทั้งเจาะลึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นหลักใจความสำคัญของนิยายเรื่องนี้ ขอเกริ่นก่อนว่าผมรู้สึก "ฟิลกู๊ด" กับตอนจบเพราะมันลงตัวมาก... (ถ้าอยากเข้าใจความรู้สึกของผม แนะนำให้ไปอ่านให้จบ บอกเลยว่างานดี แล้วพวกคุณก็จะเข้าใจว่า "ทำไม")

.
"ปีศาจ" เขียนโดยนามปากกา เสนีย์ เสาวพงศ์ (ศักดิชัย บำรุงพงศ์) บุคคลที่ท้าทายอำนาจของโลกยุคเก่าด้วยการเขียนนิยาย ผู้ซึ่งเป็นทั้งอดีตนักการทูตประจำประเทศต่าง ๆ ปีศาจนั้นหลังจากการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1953 นิยายก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากทั้งที่รัฐบาลสมัยนั้นก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวรรณกรรมที่ท้าทายอำนาจเก่า เคร้าโครงของสังคมยุคนั้นจึงไม่ค่อยอินกับนิยายแนวนี้มากนัก นิยายเรื่องนี้ถือว่าเป็นนิยายท้าทายสังคมทั้งในโลกยุคเก่า และ โลกยุคใหม่ ด้วยตัวเนื้อหาที่มีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะของสังคมไทย นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ก่อนที่เหตุการณ์รุนแรงเข่าฆ่าผู้บริสุทธิ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้น อย่างเช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา 1973, 6 ตุลา 1976 และ พฤษภาทมิฬในปี 1992 อีกประเด็นนึงเราจึงเห็นได้ว่าตัวสังคม และ บุคคลไทย บางคน (หรืออาจจะเรียกได้ว่า "หลายคน" ก็ย่อมได้) นั้นได้มีความคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสังคมที่ผู้คนยังจมปรักมานานนมแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงถึงแม้จะมี "หลายคน" ออกมาผลักดันให้สังคมเปลี่ยนแปลงนั้น ก็เพราะว่าตัวสังคมยังขาดความเข้าใจการดำเนินสังคมในแบบอุดมการณ์เชิงลึกอยู่พอสมควร ในบทความนี้ผมจะเล่าถึงนิยายเรื่อง "ปีศาจ" ผมจะเล่าถึงว่าทำไมมันถึงมีอิทธิพลมากในการเป็นวรรณกรรมที่ทำให้สังคมมีการตื่นตัวสูง

.
ตัวละคร - ตัวละครในวรรณกรรมเรื่องนี้มีความหลากหลายพอสมควร ตั้งแค่ตัวละครที่ไม่ค่อยมีความสำคัญมากจนไปถึงตัวละครหลัก ซึ่งตัวนิยายเองก้แสดงให้เห้นถึงความแตกต่างระหว่างตัวละครอย่างชัดเจน ไม่มีการออกแบบการพัฒนาตัวละครแบบเผาแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้เองผมก็ชอบมากในฐานะที่ชอบอ่านนิยายแนวการเมือง และ สังคม เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะการพัฒนาตัวละคร และ คำอธิบายเกี่ยวกับตัวละครนั้น ๆ มีผลต่อเนื้อเรื่องในเชิงลึกเป็นอย่างมาก อย่างเช่นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสังคมที่ล้มเหลวโดยการใส่อารมณ์ ตรงนี้ตัวละครจะต้องใช้ประวัติที่สะสมมาตั้งแต่บทแรก ๆ อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าทำไมตัวละครนั้นถึงคิดอย่างนั้น ด้านล่างนี้ก็จะเป็นรายชื่อตัวละครในนิยายเรื่องนี้ และ คำบรรยาย รวมไปถึงลักษณะนิสัย และ อุดมการณ์

1.) สาย สีมา - สายเป็นลูกชาวนาที่เกิดในพื้นที่ชนบทรอบนอกพระนคร (กรุงเทพมหานครในขณะนั้น) นายสายมีพี่น้องหลายคน โดยมีชื่อที่เกี่ยวกับช่วงเวลาเหมือนกับนายสาย อย่างนายเช้า และ นายบ่าย ในช่วงแรก เนื้อเรื่องจะอธิบายถึงว่านายสายเป็นคนยังไง มีนิสัยอย่างไร และ ฐานะของนายสาย และ ครอบครัวเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็เห็นได้ว่านายสายเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว และ มีความรู้ มีเหตุผล แต่ฐานะทางบ้านก็ถึงขั้นกลาง/ต่ำ ตอนกลางของเรื่องเราจะเห็นได้ว่านายเป็นทนายความที่มีอุดมการณ์เห็นใจชนชั้นกรรมาชีพ และ ชนชั้นล่าง เป็นอย่างมาก ด้วยความที่นายสายทำงานเป็นทนาย นายสายไม่ได้มีความคิดที่โลภมากเหมือนกับทนายคนอื่น ๆ เลย เขามักจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการเมือง การปกครอง และ สังคม ให้คนรักของเขา - รัชนี อยู่เสมอ ถ้อยคำแต่ละคำที่เขาอธิบายมานั้นแสดงให้เห็นถึงว่าเขาเป็นผู้ที่มีความรู้เอามาก ๆ ความรู้ของเขานั้นก็เป็นที่น่าสนใจของรัชนี ทำให้รัชนีต้อง "ก่อกบฏ" กับครอบครัวผู้ดีของเธออยู่บ่อย ๆ นายสาย สีมานั้นเป็นตัวละครหลักในเรื่อง และ มีผลทำให้เรื่อง "ปีศาจ" นั้น มีความ "ปีศาจ" แฝงอยู่จริง ๆ ในเรื่อง

2.) รัชนี - รัชนีเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวผู้ดีในจังหวัดพระนคร รัชนีเป็นตัวละครหลักของเรื่อง เนื่องจากมีการอธิบายมุมมองของเธอมากที่สุด ในตอนแรกจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ที่ประหลาด ๆ ระหว่างตัวเธอกับนายสาย รัชนีไม่เข้าใจนายสายว่าทำไมถึงชอบถ่อมตน รัชนีคิดว่าฐานะทางบ้านแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ความรัก และ ความสัมพันธ์" เลย รัชนีเรียนจบมหาลัยก็อยากจะ "ก่อกบฏ" กับครอบครัว ด้วยการไปทำงานธนาคาร เธอรู้ดีว่าครอบครัวของเธอมีฐานะ พี่ ๆ ของเธอไม่ต้องทำงาน พ่อแม่ก็หาคู่ครองให้ แต่เธอไม่ต้องการแบบนั้น เนื่องจากที่เธอได้รับการศึกษามาดี คิดเองได้ ความคิดที่อยากเป็นอิสระจากพ่อแม่จึงเกิดขึ้นในหัวของเธอ ความรักของเธอที่มีต่อ นายสาย สีมา เป็นความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพียงแค่เธอต้องการหลุดพ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่เท่านั้น รัชนีเป็นคนที่ค่อนข้างแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีจิตใจอ่อนโยน อบอุ่น และ บริสุทธิ์

3.) กิ่งเทียน - กิ่งเทียนเป็นเพื่อนสนิทของรัชนี กิ่งเทียนเป็นผู้หญิงที่มีความอิสระมากกว่ารัชนีพอสมควร กิ่งเทียนเป็นเพื่อนไม่กี่คนของรัชนีที่พ่อแม่รัชนีอนุญาตให้คบด้วย หลังจากที่กิ่งเทียนจบการศึกษาจากมหาลัย เธอก็ต้องการที่จะเป็นครูสอนหนังสือ เธอได้เป็นครูสอนหนังสือตามที่เธอต้องการ และ ได้เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างกับการเป็นครูสอนหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางสังคมของนักเรียน, นิสัยของนักเรียน หรือแม้แต่ความต้องการของนักเรียนที่คนอย่างเธอในวัยเด็กเคยผ่านการเป็นนักเรียนมาแล้ว ที่เธอเจอมันก็เป็นการเตือนความจำอย่างหนึ่ง

4.) นิคม - แฟนหนุ่มของกิ่งเทียน นิคมต้องออกไปทำงานที่ชนบทอยู่บ่อย ๆ ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในพระนคร เขาก็จะชวนกิ่งเทียนไปทานข้าวด้วยกันเป็นประจำ ทุก ๆ ครั้ง เขาก็จะเล่าถึงความคิดของเขาที่มีต่อสังคมไทย และ เหตุผลที่เขาอยากไปทำงานที่ชนบท นิคมค่อนข้างเป็นคนที่มีเหตุผล ในช่วงเวลาที่เขาต้องอยู่ที่ชนบท เขาก็มักจะส่ง "จดหมายรัก" มาให้กับกิ่งเทียนอยู่เสมอ ความรักระหว่างกิ่งเทียนกับนิคมจึงราบรื่น และ เต็มไปด้วยความอบอุ่น

5.) ไกรห์สี -ไกรห์สีเป็นบุตรชายของครอบครัวผู้ดีที่ครอบครัวของรัชนีรู้จักเป็นอย่างดี ไกรห์สีตกหลุมรักรัชนี เขามักจะชวนรัชนีไปเที่ยวที่สมาคมอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่เรื่อยไป ครอบครัวของรัชนี และ ครอบครัวของไกรห์สี ได้ตกลงร่วมกันว่าทั้งคู่จะต้องเป็นคู่ครองกัน ไกรห์สีก็เปรียบเสมือนตัวร้ายของทั้ง รัชนี และ สาย สีมา ไกรห์สีเป็นคนที่มารยาทในด้านการเข้าสังคม แต่การเข้าหาผู้หญิงนั้น ไกรห์สีก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน เขามีเพื่อนเยอะ และ มักจะดื่นไวน์ร่วมกันกับเพื่อนเหล่านั้นที่สมาคมอยู่เสมอ

6.) มหาจวณ - มหาจวณเป็นอาจารย์เก่าของสาย สีมา มหาจวณเคยเป็นพระภิษุที่น่านับถือในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อเสียงของเขา ส่วนหนึ่งก้ได้มาจากการเป็นพระ และ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเป็นสามีของคุณนายผู้ดีคนหนึ่งในพระนคร มหาจวณมักจะมีปัญหากับชาวนาอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเขา และ คุณนาย ปล่อยกู้ให้ชาวนาเข้ามากู้ยืม มหาจวณใช้ความสนิทสนมในแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ให้ สาย สีมา ไปเจรจากับชาวนา ซึ่งชาวนาเหล่านั้นก็เป็นเพื่อนบ้านที่ชนบทของสาย

7.) จิตตริน - ผู้จัดการธนาคารที่รัชนีเข้าไปทำงาน จิตตรินเป็นพี่ชายของ จิตตรา เพื่อนของรัชนี รัชชนีจึงรู้จักจิตตรินผ่านตามาบ้าง ในฐานะที่เขาเป็นผู้จัดการธนาคาร เขาก็เป็นผู้ที่เข้มงวดในด้านการงานเป็นอ���่างมาก แต่ก็ช่วยเหลือพนักงานคนอื่น ๆ ในเวลาคับขัน จิตตรินก็ได้ถูกเสน่ห์ของรัชนีเข้าไป ทำให้เขาแอบชอบรัชนีตั้งแต่ที่รัชนีเข้ามาทำงาน เขามักจะชวนรัชนีไปทานข้าวกลางวันด้วยกันเสมอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขา สาย สีมา เป็นคนรักของรัชนี

8.) เฉิดฉวี - พนักงานพิมพ์ดีดส่วนตัวของจิตตริน เฉิดฉวีแอบชอบจิตตรินตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานที่ธนาคารแห่งน��้ เธอมักจะมองว่ารัชนีเป็นคู่แข่งของเธอเสมอ และ เธออิจฉาในตัวรัชนีที่เกิดในครอบครัวผู้ดี แตกต่างกับเธอที่ไม่ได้มีอะไรดีเลย จบการศึกษาแค่ประถม 4 และ ไม่ได้รู้เรื่องราวสังคมชั้นสูงมากนัก

9.) พ่อกับแม่ของรัชนี - พ่อแม่ของรัชนีเป็นตัวร้ายสำคัญของเรื่อง พวกเขามีบ้านหลังใหญ่ตัว มีคนรับใช้หลายคน พ่อแม่ของรัชนีเปรียบเสมือนระบบเก่าที่ไม่เคยจากไปไหนจากสังคมไทย พวกเขามักจะดูแลชีวิตของลูก ๆ ราวกับว่าพวกเขาสร้างลูก ๆ ขึ้นมาเพื่อให้เป็นทาสทางสังคมที่กำลังพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ พ่อแม่ของรัชนีมีอิทธิพลในพระนคร ฉะนั้นการงานต่าง ๆ ก็มักจะเกี่ยวกับสังคมชั้นสูง

10.) ดรุณี - ดรุณีเป็นลูกสาวคนกลางของครอบครัว เธอไม่ได้รับการศึกษาแบบรัชนี เธอยอมตกอยู่ใต้อำนาจของพ่อแม่ และ ไม่ได้เป็นอิสระ เธอมีคู่ครองเป็นเจ้าของห้างดังในพระนคร สามีของเธอเป็นคนที่มีภรรยาหลายคน เธอเป็นภรรยาหลวง และ ไม่มีความสุขกับสิ่งที่สามีของเธอทำ ปัญหาด้านความรักที่อาจจะเกิดกับรัชนีก็เป็นตัวอย่างให้รัชนีผ่านทางดรุณี พี่สาวของรัชนี

11.) คนขับรถ - คนขับรถของครอบครัวรัชนีทำงานให้พ่อของรัชนีตั้งแต่พ่อของรัชนียังหนุ่ม ๆ เขาเป็นคนที่ไม่ได้รับโอกาสอะไรมากในชีวิต จึงต้องยอมเป็นคนขับรถของครอบครัวผู้ดี เขาไม่ได้มีหน้าที่แค่การขับรถเท่านั้น ในยามที่รัชนีทำงานเขาก็ถูกรับสั่งจากพ่อของรัชนีให้ไปซุ่มดูรัชนีอยู่บ่อย ๆ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเขาก็เหมือนกับ "ปีศาจ" เพราะเขาทำลงไป เนื่องจากไม่มีทางเลือกใด ๆ

.
เนื้อเรื่อง - (เทียบกับประวัติศาสตร์ในโลกจริง) ปีศาจมันไม่ได้จากไปไหนถึงแม้จักรวรรดิญี่ปุ่นจะล่มสลายก็ตาม... เนื้อเรื่องหลักของปีศาจเริ่มต้นในช่วงยุค 50s หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นยอมจำนนกับกองกำลังสัมพันธมิตร และ เสรีไทย ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่การเมือง และ เศรษฐกิจ อยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัว การปฏิวัติเมื่อปี 1932 ก็ไม่ได้เห็นผลมากนัก เนื่องจากการขึ้นมามีอำนาจของเหล่านายทหารต่าง ๆ - (ในนิยาย) นิยายดำเนินเรื่องในช่วงเวลาข้างต้นที่ผมบอกนั่นแหละ โดยหลัก ๆ แล้วจะเน้นที่เนื้อเรื่องของตัวเอก (รัชนี) ที่เป็นลูกคนเล็กของครอบครัวผู้ดีในกรุงพระนคร ที่ต้องฝ่าฟันความยากลำบากต่าง ๆ ที่ครอบครัวของเธอทำกับเธอ รัชนีจะต้องฝ่าฟันทำให้ความรักของเธอที่มีต่อ สาย สีมา เป็นจริง และ ฝ่าฟันทำลายระบบความคิดเก่า ๆ ของพ่อแม่ของเธอไปให้ได้ เนื้อเรื่องช่วงกลางนั้นก็จะพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดรอบกรุงพระนคร อย่างเช่น ชาวนาผู้ยากไร้ในย่านชนบท, ความยากลำบากของแรงงานในกรุงพระนคร, ความเหลื่อมล้ำของชนชั้นที่ทำให้เกิดการแตกแยกภายในสังคม และ อื่น ๆ อีกมาก ที่ถือว่าเป็นการท้าทายสังคมผ่านเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องด้านความรักก็มีความเป็นสมจริงสมจัง เข้ากับความโรแมนติกในสมัยนั้น เช่น การเขียนจดหมาย หรือพาไปทานร้านอาหารภัตตาคารหรู ทุกอย่างมันเพอร์เฟค ทุกอย่างมันลงตัว จนทำให้การดำเนินเนื้อเรื่องในเรื่องปีศาจนี้ไม่ใช่แค่ความรักโรแมนติก อบอุ่น ธรรมดา ๆ ระหว่างหนุ่มสาวสองคนเท่านั้น มันเป็นเนื้อเรื่องที่มีชีวิตชีวา ราวกับเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของปีศาจที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทุกวัน

.
การท้าทายสังคม - นิยายเรื่องนี้เคยเป็นเรื่องสั้นพิมพ์ลงในนิตรสาร มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครติดตามมากนัก บวกกับที่สมัยนั้นการท้าทายสังคมเป็นเรื่องต้องห้าม นิยายเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็น "ปีศาจ" สมกับชื่อเรื่องของมัน อย่างแรกเลยที่มีการท้าทายสังคมในเนื้อเรื่องคือ มันเป็นนิยายที่แหวกแนววัฒนธรรมร่วมสมัยในสมัยนั้น ตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ที่หลงไหลในวรรณกรรมของตะวันตก 1984 ก็เป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา รวมไปถึง แอนิมอล ฟาร์ม (Animal Farm) และ ฟาเรนไฮต์ 451 (Fahrenheit 451) ที่ได้รับการตีพิมพ์ที่อเมริกาก่อนหนึ่งปี แต่บรรยายเรื่องที่ให้เข้ากับความสมจริงของประเทศไทยในสมัยนั้น และ ตัดเรื่องความดิสโทเปีย (dystopia) ของสังคมออกไป อ้างอิงถึงระบบทุนนิยม และ ศักดินาอยู่หลัง (neo-feudalism) การท้าทายอย่างว่านั้นทำให้นิยายเรื่องนี้ "ยืนเด่นโดยท้าทาย" กับยุคสมัยที่ไม่เข้ากับมันจริง ๆ การดำเนินเนื้อเรื่องที่มีความพีคสูง ความรุนแรงภายในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนในสมัยที่นิยายนี้ตีพิมพ์เป็นฉบับแรกนั้น ไม่ได้นึกถึงเลยแม้แต่คนเดียว สภาวะทางสังคมของไทยในยุคนั้นก็ไม่ต่างจากความล้มเหลวของระบบสังคมที่ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ชนชั้นนำที่มีคนรุ่นหนุ่มสาวออกมาเป็นขบถต่อสังคมนั้นเป็นสิ่งที่แปลกแหวกแนว และ คนที่ติดอยู่กับระบบเก่านั้นก็เข้าใจได้ยาก นิยายเล่มนี้จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ดั่งที่ นายสาย สีมา กล่าวเอาไว้ว่า "ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป โลกของเราเป็นคนละโลก... โลกของผมเป็นโลกของธรรมดาสามัญชน"

.
บทที่ 31 "อาหารค่ำของสองเรา" - บทสรุปของนิยายมันเกิดขึ้นเมื่อรัชนีเปิดตัวแฟนหนุ่มของเขาต่อหน้าพ่อ และ แม่ ทำให้เกิดความไม่พอใจเกิดขึ้นภายในครอบครัวของรัชนี บทที่ 30 นั้น เราจะเห็นได้ว่าพ่อของรัชนีได้เชิญชวน สาย สีมา แฟนหนุ่มของรัชนีให้ไปทานอาหารเย็นร่วมกัน สาย สีมา ได้ปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ความรักที่รัชนีมีให้กับเขานั้นเป็นเหมือนกับกำแพงสูงที่กั้นไม่ให้เขาไปไหน เขารู้ว่ามื้ออาหารค่ำครั้งนั้นจะต้องเป็นโรงเชือดที่พ่อของรัชนีสร้างขึ้นมาเพื่อเชือดเขา เราจะเห็นได้ว่าพ่อรัชนีได้ชวนแขกมาหลายคน รวมถึงไกรห์สีผู้ที่แอบชอบรัชนี และ ครอบครัวของรัชนีก็ต้องการให้เขาเป็นคู่ครอง การประเมินของบรรดาชนชั้นสูงที่เชิญชวน สาย สีมา มาเข้าร่วมมื้ออาหารนั้น ประเมินไว้ได้ต่ำมาก คิดว่า สาย สีมา ไม่ฉลาด เป็นลูกชาวนาที่ยากไร้ และ ไม่มีความคิด เป็นทนายความเพื่อความชอบธรรม และ ยุติธรรม ไม่สนหน้าทางสังคม หลังจากที่พ่อของรัชนีแซะ นายสาย สีมา ว่าเป็นลูกชาวที่ยากจน จะมาขโมยลูกของเขานั้น นายสาย สีมา ก็ไม่ได้เป็นทุกข์ร้อนแต่อย่างใด รัชนีที่อยู่บนโต๊ร่วมอาหารก็ได้ให้กำลังใจผ่านสีหน้าของเธอ ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะเป็นกบฏต่อครอบครัวทุกวินาทีที่พ่อของเธอทำร้าย นายสาย สีมา ทุกอย่างจบลงด้วยประโยคที่ นายสาย สีมา พูดได้เจ็บแสบ ที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น และ บนหัวเรื่อง ทุกอย่างตอนนั้นมันเปลี่ยนทุกอย่าง มันทำให้การต่อสู้ของนายสายนั้น ได้จบลง และ รัชนีก็ได้เป็นกบฏต่อครอบครัวตามที่เธอหวัง

.
ปีศาจ - ปีศาจในเรื่องนั้นถูกกล่าวถึงเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น คือ

1. ครั้งที่คนขับรถของครับครัวรัชนีถูกต่อว่าโดยรัชนีว่าทำไมต้องสะกดรอบตาม ครั้งนั้นนายคนขับรถพูดเหมือนดูถูกตัวเอง ที่ไม่เคยพัฒนาไปไหนไกล เป็นเพียงแค่แรงงานของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่ดีเหมือนกับคนอื่นเขา เขาก็เหมือนกับปีศาจที่กาลเวลาสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์จากเขา

2. ครั้งเมื่อมหาจวณต่อว่า สาย สีมา อย่างลับหลังกับภรรยาของเขาว่าทำไมไม่ช่วยเขาในการนำตัวพวกชาวนาขึ้นศาล สาย สีมา ก็เปรียบเสมือนปีศาจที่กาลเวลาสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายระบบบุญคุณลงไป

3. เมื่อพ่อแม่ของรัชนีต่อว่ารัชนีบนคฤหาสน์หรู ว่าทำไมคนอย่างเธอต้องไปนำปีศาจจากชนชั้นอื่นมาเป็นคนรัก รัชนีก็เปรียบเสมือนลูกสาวที่ตกเป็นทาสแห่งความคิดของพ่อแม่ ทาสแห่งความคิดก็เหมือนกับปีศาจ เมื่อทาสนั้นเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น

และ 4. เมื่อบรรดาชนชั้นสูงนำ สาย สีมา เข้ามาแซะในมื้ออาหารค่ำ ตรงนี้ สาย สีมา ต้องการจะบอกว่าระบบเก่าที่พวกบรรดาพ่อแม่กำลังยึดติดนั้น จะหายไปตามกาลเวลาที่ไม่สามารถหยุดได้ ในสายตาของบรรดาพ่อแม่ พวกคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดที่แปลกแหวกแนวต้องการการเปลี่ยนแปลงนั้นก็เปรียบเสมือนปีศาจที่พวกเขาไม่สามารถรั้งให้พวกมันเกิดขึ้นมาหรือเปลี่ยนระบบได้ ปีศาจในเรื่องนี้ก็เหมือนกับอุดมการณ์ที่ไม่มีทางจบ มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจากยุคเก่านั้นพังทลายลงไป เหมือนกับว่าอดีตคือปีศาจในตัวมันเอง ระบบในอดีตก็คือปีศาจที่สร้างอุดมการณ์หนุ่มสาวแบบปีศาจ

.
บทสรุป - นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิยายที่เขายกว่าเป็นงานดีของชาติ ติดลิสต์ 100 หนังสือที่ต้องอ่านก่อนตายด้วยแหละ ด้วยความคิดที่แปลกแหวกแนว ไม่เข้ากับวัฒนธรรมร่วมสมัยในยุค 50s ของสังคมไทย ก็ย่อมทำให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่เคยหรือกำลังท้าทายอำนาจเก่าอยู่เช่นนี้ตลอดกาล มันเป็นสิ่งที่หล่อหลอมความคิดที่กำลังเกิดใหม่ในสังคมไทยที่กำลังอยู่ในยุคล้มเหลว มันคือสิ่งที่ทำให้เข้าใจความคิดของวัยหนุ่มสาวที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงได้ดี และ สุดท้ายก็คือ มันเป็นนิยายที่ผมชอบมากที่สุดตั้งแต่อ่านนิยายมา ใครที่ชอบอ่านแนวสังคม, รัฐ, ความรักโรแมนติก และ อบอุ่น ก่อนตายก็ต้องอ่านเล่มนี้ให้ได้ เพราะมันคือวรรณกรรมที่สะท้อนสังคม และ มีแรงผลักดันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม แต่อย่างไรก็ตาม "ปีศาจ" มันไม่เคยที่จะหยุดความคิดของมัน สุดท้ายแล้วมันจะทำลายระบบเก่าของสังคม...
Profile Image for TEERAWUT MAHAWAN.
101 reviews23 followers
November 24, 2023
หนังสือที่อ่านจบวันนี้ "ปีศาจ" ของเสนีย์ เสาวพงศ์ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ๓๖๘ หน้า

----

ผมไม่อาจหาญพอที่จะรีวิวหรือวิจารณ์หรือแม้กระทั่งเขียนถึงหนังสือเล่มนี้ได้โดยตรง ผมเลยแอบเขียนเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ก่อนจำนวน 5 หน้า ไว้วันหน้าฟ้าใหม่ผมจะมาอ่านใหม่ ด้วยความที่ทั้งงานและคนเขียน "ปีศาจ" เล่มนี้คือ Master ที่นักเขียนไทยโดยเฉพาะนักเขียนที่จะเขียนเพื่อชีวิตนั้น ต้องอ่าน! ห้ามพลาด! ดังนั้นจึงมีคนพูดถึงอย่างหนาหู มีคนรีวิวเยอะมากๆ มีบทวิจารณ์มากพอสมควร รวมถึงบทสัมภาษณ์ทั้งในรูปตัวหนังสือและวิดิโอ หรือจัดสัมนาเชิดชูเกียรติก็เห็นอยู่บ่อยครั้ง

.

แต่ปีศาจที่ผมอยากจะแนะนำให้อ่านควบคู่ไปด้วยแล้วจะตาสว่างวาบไปจนถึงตาถลนได้นั้นผมขอแนะนำให้อ่านบทความของอาจารย์ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์์ในหนังสือ "อ่านใหม่" ที่มีชื่อว่า "ปีศาจ กับอาการผีเข้าผีออกของปัญญาชนไทย"(สนพ.อ่าน 2558) ซึ่งทำให้ผมกลับไปอ่านปีศาจในมุมมองที่แตกต่างออกไปได้อย่างแหลมคมและแยบคาย ส่วนนอกนั้นผมคงต้องไปอ่านเพิ่มเองศึกษาเอง ซึ่งทั้งชีวิตนี้ก็ไม่รู้จะอ่านหมดไหม

.....

ที่จริงสิ่งที่ผมชอบที่สุดกลับไม่ใช่การเป็นชนชั้นเพื่อตัวเองของสาย สีมา แต่ผมกลับชอบตัวละครอย่างรัชนีมากกว่า และก็ยังหวังว่าจะมีรัชนีมากกว่านี้อีกไหมในสังคมไทย เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้เรามีแต่สาย สีมาทั้งนั้นที่อยู่ในภาคปฏิบัติ รัชนีไปอยู่หนายยยย!!! มีใครที่ให้ได้มากกว่ารัชนีอีกไหม ที่รู้สักทีว่าใครคือผู้กดขี่ ใครกันคือผู้ที่ถูกกดขี่...

.....

**รวมหนังสืออ่านเพิ่มเติม – เสริมแต่ง – ศึกษาต่อ**
1. *จนกว่าเราจะพบกันอีก* ของศรีบูรพา
2. แลไปข้างหน้า ของศรีบูรพา
3. *ความรักของวัลยา* ของเสนีย์ เสาวงพงศ์ และรวมถึงปีศาจทั้ง 4 เล่มนี้ถือเป็นนวนิยายก่อน 14 ตุลา 2516 ที่ยอดฮิต
4. อ่านเพลงของ ไพบูลย์ บุตรขัน ที่เอาความคิดของฝ่ายก้าวหน้าใส่ลงไปด้วย เช่นเพลงลูกสาวตาสี
5. เรื่องสั้นทางการเมืองต่อมาของอัศนี พลจันทร (นายผี) ในนามปากกา กุลิศ อินทุศักดิ์ ชื่อว่า “กลางทะเลลม” ลงในปิยมิตรวันจันทร์ เสนอว่า ชีวิตและความหวังนั้นแท้จริงอยู่ในเมือง อยู่ท่ามกลางกรรมกรโรงงานนี่เอง ไม่ใช่ท่ามกลางชาวนาในชนบท !

6. *ไฟเย็น ของเสนีย์ เสาวงศ์ ลงพิมพ์เป็นตอนๆ ใน สยามสมัยรายสัปดาห์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 รวมเล่มในปี 2508
7. *บัวบานในอะมาซอน ลงเป็นตอนในปิยะมิตร ตั้งแต่ปี 2504 รวมเล่มในปี 2511
8. “วัฒนธรรมของปัญญาชนสยาม” โดยเฮอร์เบิร์ต ฟิลลิปส์ แปลโดยนิธิ เอียวศรีวงศ์ ใน “ปัญญาชนสยาม” ของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ 2512
9. คู่มือนักอ่านและผู้ใฝ่การเรียนรู้ ของวิทยากร เชียงกูล 2544 สายธาร
10. “ทองกวาวฉบับชาวนา” (2515) ของชุมนุมวรรณศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

11. นักบุญ-คนบาป ของอิศรา อมันตกุล / พัทยา ของ ดาวหาง

12. "84 เสนีย์ เสาวพงศ์ ไฟยังเย็นในหัวใจ" มติชน, 2545
13. และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ : การเมืองวัฒนธรรมของนักศึกษาปัญญาชนก่อน 14 ตุลา โดยประจักษ์ก้อง กีรติ
14. บทความ “ฝันจริงของนักอุดมคติ ‘น้ำเงินแท้’ รื้อ ๒๔๗๕ สร้างระบอบกลายพันธุ์ใน “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ””
15. ดูหนังสือ 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน

16. ผลงานที่ตีพิมพ์เป็นเล่มแล้วของศักดิชัย บำรุงพงศ์นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

#นวนิยาย
-ชัยชนะของคนแพ้ 2486,2487,2493,2520,2544
-ไม่มีข่าวจากโตเกียว 2488,2493,2537
-ฟ้าแมนจู 2488
-ชีวิตบนความตาย 2489,2526,2537,2544
-คนดีศรีอยุธยา 2524,2525,2527,2530,2544 *อาจารย์ชมัยภรถือว่าเป็นประวัติศาสตร์สามัญชนเล่มแรก ที่เขียนจากมุมมองของชาวบ้านสามัญชน
-ใต้ดาวมฤตยู 2526,2545
-ดิน น้ำ ดอกไม้ 2532-2533, รวมเล่ม 2545

#เรื่องสั้น
-โพ้นทะเล รวมเล่ม 2489, 2528(เปลี่ยนชื่อเป็น ผู้หญิงเป็นแรงใจ), 2537
-ทานตะวันดอกหนึ่ง รวมเล่ม 2529 *อ.ชมัยภรชอบมากที่สุด
-ผมเป็นคนโยเดีย รวมเล่ม 2530
-แจ่มรัศมีจันทร์ 2551

#สารคดี
-เจ็ดแผ่นดิน 2495
-แนวรบด้านตะวันตก 2487
-สาแหกรกที่ ๙ 2539
-เงาคน บนเวลา และปฏิมาการ 2555

#เรื่องแปล
-สตาลิน แปลจาก Stalin ของ Stephen Graham รวมเล่ม 2481,2487
-วาระสุดท้ายของเซวัสโตโปล (The last day of Sevastopol) ของ Boris Voyetekhov 2494, 2518, 2523
Profile Image for Sahathust Num.
402 reviews6 followers
December 3, 2021
ดีใจที่ได้อ่านเล่มนี้ อยากจะตามหาอ่านความรักของวัลยา อ่านเป็นเล่มต่อไปเลย เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้เขียนเอาไว้ก่อนเล่มนี้ ปีศาจเรื่องราวที่ผู้เขียนได้ร้อยเรียงความเป็นธรรมดาของชีวิตไม่ว่าจะผ่านกาลเวลามากี่ยุคความจริงที่อยู่ในเล่มนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ชอบทุกความคิดและบรรยากาศ ความสั���พันธ์ของสายสีมาและรัชนี รวมถึงตัวละครอื่นๆในเล่ม ชอบคำพูดในหลายๆฉาก ยกตัวอย่าง "คำเท็จก็เปรียบเสมือนฟองสบู่ที่เด็กเป่าเล่นกันขึ้นมา เมื่อโดนลมก็แตกกระจายไปอย่างง่ายดาย" ตัวเอกบรรยายถึง เรื่องเท็จที่คนมักจะบอกต่อมันปากกัน สุดท้ายความจริงก็จะเป็นที่ประจักษ์ด้วยตัวของมันเอง ขอบคุณหนังสือดีๆเล่มนี้ครับ
Profile Image for Kotchakorn Kh.
31 reviews4 followers
October 30, 2020
ไม่คิดว่าจะเป็นนิยายรัก

ได้ยินชื่อเสียงมานาน คิดมาตลอดว่าเป็นนิยายหนักๆ แนวความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำ ก็ประวิงไว้ไม่อ่านสักทีด้วยยังไม่พร้อมเผชิญความหนักอึ้ง แต่คราวนี้ได้มาตั้งใจหาอ่านเพราะได้ยินจากพอทแคส readery ว่าเป็นเรื่องความร���กระหว่างชนชั้น

พออ่านจบแล้ว ก็พบว่าเล่มนี่เป็นทั้งหมดที่กล่าวมา เรื่องดำเนินอยู่ในฉากหลังปี 2495 หลังคณะราษฎรปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย 20 ปี นางเอกเป็นน้องคนเล็กคนเดียวที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในตระกูลขุนนางใหญ่หลังจากพี่สาวสองคนถูกให้อยู่กับบ้านและแต่งงานกับคนชนชั้นเดียวกัน ในขณะที่พระเอกเป็นลูกชาวนาที่ ‘โชคดี’ ตามพระอาจารย์เข้ามาบางกอกและได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับนางเอก เนื้อเรื่องแบ่งเป็นบท ตัดสลับฉายบทให้แต่ละตัวละคร แวดวงคนชั้นสูงของตระกูลนางเอก เพื่อนนางเอกที่เป็นข้าราชการ พ่อค้าคนกลาง ชาวบ้านที่ตำบลบ้านเกิดพระเอก อยู่ในกรุงเทพบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง เห็นการตัดสินใจของแต่ละตัวละครที่นิยามว่าเขาเป็นคนแบบไหน

เวลาอ่านวรรณกรรมดีๆ ก็จะรู้สึกอิ่มและขอบคุณ ทำให้รู้เพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย ว่าเราควรใช้ชีวิตยังไง

Profile Image for Anness.
111 reviews45 followers
March 6, 2018
เป็นหนังสือเล่มหน้าที่อ่านเอาความเพลิดเพลินก็ได้ อ่านเอาคติข้อคิดสอนใจก็ดีเหลือเกิน
แม้ว่ากาลนหนังสือจะล่วงผ่านมาเนิ่นนานแล้วเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
ทว่าเนื้อเรื่องเรื่องราวประเด็นที่เกิดยังคงทันสมัยและยืนยงผ่านห้วงเวลามาได้เสมอ
ชีวิตของคนเมืองคนชนบท ความเหลื่อมล้ำของคนรวยคนจน ยศภาบรรดาศักดิ์และความดี
คนหนุ่มสาวและคนแก่คร่ำ ชนชั้นต่างๆ นิยายเรื่องนี้สะท้อนได้อย่างดิบดีและสวยงาม
แม้แก่นจะดูเป็นนิยายรัก แต่แท้จริงแล้วกลับฝังแฝงไปด้วยมายาคติม่านประเพณีของสังคมที่หยึ่งรากลึกในประเทศเรามานาน
ไม่แปลกใจที่ได้เป็นหนึ่งในหนังสือที่คนไทยควรอ่าน
ทั้งแนวคิด บทสนทนา คาแรกเตอร์ของตัวละครยังวนเวียนในหัว

ตัวละครหนุ่มสาวไฟแรงที่อยากทำเพื่อสังคม การที่ตนไม่ทำแล้วคนอื่นทำอยู่ดีแม้จะฟังดูจริง
แต่เราก็หลีกเลี่ยงได้ หากเราไม่เริ่มที่จะหยุดแล้วใครจะเริ่ม

เราชื่นชอบตัวนายสายมาก ดีใจที่ได้อ่านเล่มนี้จริงๆ
Profile Image for Rajita P..
332 reviews28 followers
September 13, 2015
ปีศาจ หนังสือที่ฉันเริ่มอ่านเพราะเพื่อนอยากอ่าน และฉันก็เป็นประเภท 'สนใจหนังสือที่ได้รับความสนใจจากคนที่ฉันสนใจ' เสียด้วย
ปีศาจเล่มนี้ ได้ใช้กลวิธีการเล่าเรื่องแบบนวนิยายไทยยุคเก่า ที่ละเมียดละไม แต่ทั้งนี้ก็ไม่เยิ่นเย้อ บางตอนอ่านแล้วยังต้องกลับไปอ่านอีกเพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น เพราะแก่นของเรื่องนี้ไม่ใช่ความรักแบบดาษดื่น แต่เป็นการใช้ความรักของคนหนุ่มสาวปูทางเพื่อเล่าเรื่องของสังคม และเหตุบ้านการเมืองในยุคนั้น
ปีศาจ เป็นสัญลักษณ์ แม้ว่ามันจะเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนจนแทบไม่ต้องเดา แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าภูมิใจ ที่นิยายไทยได้ใส่สัญลักษณ์แบบนี้ที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจและรู้สึกทึ่ง ...อิ่มใจค่ะ สำหรับการอ่านปีศาจเล่มนี้
Profile Image for Siri R.
4 reviews3 followers
July 20, 2021
นอกจากแก่นหลักของเรื่องที่สะท้อนสังคมแล้ว เล่มนี้ยังมีเรื่องราวความรักของ สาย-รัชนี และ กิ่นเทียน-นิคม ที่พูดได้ว่าโคตรโรแมนติก🥺 ตัวอย่างเช่นส่วนหนึ่งของจดหมายที่นิคมเขียนถึงกิ่งเทียน `ขอจูบตรงมือของคุณ...มือเล็กๆ ที่มีคุณค่าที่เวลานี้กุมชอล์กเขียนกระดานดำ และกำดินสอเขียวแดงให้คะแนนนักเรียน และเป็นมือที่ผมได้มีวาสนากุมไว้ในมือของตนด้วยความมั่นใจและด้วยความทะนง...’ ชอบมากคับ
และสิ่งที่ชอบมากที่สุดในเรื่องก็คือชื่อของพระเอก คือ สาย สีมา ซึ่ง `สาย’ มีที่มามาจาก เชื้อสาย และ `สีมา’ คือ ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา รวมกันออกมาคือจะสื่อว่าชายคนนี้เป็นลูกหลานของราษฎรสามัญที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Radit Panjapiyakul.
102 reviews12 followers
October 13, 2020
ยังรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหากับงานของเสนีย์ เสาวพงศ์แบบเดียวกับตอนอ่านเรื่องความรักของวัลยา โดยตอนต้นของเรื่องมีการปูพื้นที่ดีมากๆ และสำนวนภาษาก็เยี่ยมยอด พัฒนาไปกว่านิยายไทยที่มาก่อนหน้าไปหลายจุด แต่ตัวเรื่องยังไปได้ไม่สุด ยังวนอยู่กับการยัดใส่แนวความคิดของผู้เขียนมากเกินไปหน่อย มีหลายประเด็นที่น่าสนใจที่โดนตัดจบไปโดยไม่ได้คลี่คลายหรือทำให้ซับซ้อนไปมากขึ้น ทำให้ยังไม่ได้เห็นความน่ากลัวของปีศาจตัวนี้อย่างที่เราคาดหวังเอาไว้
Profile Image for Froggie.
791 reviews40 followers
December 29, 2022
อ่านง่ายกว่าที่คิด เนื้อหาดี ยืนยงข้ามกาลเวลา
Profile Image for Varasorn Kitchamnong.
19 reviews2 followers
January 4, 2021
รู้จักและได้ยินชื่อหนังสือ ‘ปีศาจ’ มาตั้งแต่เด็กในฐานะหนังสือดัง หนังสือคลาสสิคของไทย แต่ไม่เคยได้อ่าน พออ่านบทนำ ก็ตกใจว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2496 คิดไม่ถึงว่ามันเก่าขนาดนั้น แล้วก็หวั่นใจเล็กๆว่ามาอ่านตอนนี้จะรู้สึกว่ามันเชยหรือเปล่า และจะมีปัญหากับการอ่านภาษาของหนังสือสมัยนั้นหรือเปล่า พอได้ตั้งต้นอ่านช่วง 4-5 บทแรกๆก็มีปัญหาอยู่บ้างเหมือนมันเรื่อยๆ เนือยๆ และใช้วิธีเล่าเรื่องแปลกๆ มีการอธิบายบางอย่างมากเกินไปหน่อย ไม่ค่อยถูกจริต (ปัญหาหลังนี้เพิ่งทราบจากการอ่านบทตามท้ายเรื่องว่า การเล่าเรื่องโดยใช้สัญลักษณ์บางอย่างซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากของสมัยนี้ และเราผ่านเรื่องที่มีสัญลักษณ์ซับซ้อนลึกซึ้งกว่าเรื่องนี้มามาก ตอนนั้นนับว่าเป็นผู้บุกเบิกการใช้งานของหนังสือไทยเลย เมื่อดูตามบริบทของยุคสมัยจึงต้องขอชื่นชม) แต่เข้าช่วงซักประมาณ 1 ใน 3 ของเล่มเหมือนเริ่มชินและจุดติดกับตัวละคร กลายเป็นเรื่องยากที่จะวางหนังสือไปเลย

พออ่านจบก็มีหลายความรู้สึกปะปนกัน แต่ที่หนังคือรู้สึกเศร้าและโกรธ เพราะถึงเวลาจะผ่านมาเกือบ 70 ปี นิยามหรือประเด็นของอะไรหลายอย่างในสังคมไทยปัจจุบันก็เปลี่ยนไปจากในหนังสือแล้ว ปัญหาสำคัญหลักๆหลายข้อที่เกิดในเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ ยังมีอยู่และอาจจะยิ่งหนักข้อขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันนี้เสียอีก
Profile Image for yvonne cherry.
20 reviews
Read
February 12, 2024
ทั้งที่หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นมาในช่วง 2490s แต่ผ่านมา 70 ปีแล้ว ประเทศไทยในปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากในเรื่องสักเท่าไหร่ จะมีที่ต่างกันบ้างก็เป็นไปตามบริบทของยุค แต่ตัวสารยังสะท้อนสังคมปัจจุบันได้ดังเดิม

แอบรู้สึกว่าพวกตัวละครหลักเขาอุดมคติม้ากมาก คือเป็น 'คนดี' อย่างหาที่ติไม่ได้ (แต่ก็เข้าใจว่าถ้าบทมันไม่ส่งมาทางนี้ ประเด็นที่ต้องการสื่อก็จะเล่ายาก 😂) บทวิจารณ์ท้ายเล่มของคุณวิทยากร เชียงกูล พูดถึง สาย สีมา ได้ตรงใจเราทีเดียว เพราะ นิยามของ 'คนดี' ตามขนบเก่าอย่างนายสายจะทำให้ไม่มีการตั้งคำถามใด ๆ และนิยามของ 'คนดี' นั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา นายสายที่เคยเป็นปีศาจในยุคก่อนก็อาจต้องหวาดกลัวปีศาจของปีศาจในปี 2567 ก็ได้

ช่วงนี้มีข่าวชวนหดหู่ใจอยู่บ่อย ๆ แต่พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องสู้ต่อกันอีกมาก ยังไงก็อย่าเสียกำลังใจกันเน้อ workers of the world, unite !
Profile Image for Dheerapol.
154 reviews45 followers
May 21, 2015
ปีศาจแห่งกาลเวลาที่คอยหลอกหลอนผู้ที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง...

นิยายที่แสดงถึงความแตกต่างของชนชั้นและปัญหาสังคมในช่วงที่ประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนอย่างจริงจังทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคมช่วงพศ.2500

ตัวละครแม้จะไม่เยอะแต่ฉายภาพได้ครอบคลุมทั้งเหล่าชนชั้นสูงไปจนถึงลูกชาวนา

ปัญหาบางอย่างอาจจะดูล้าสมัยไปสักหน่อยสำหรับสังคมไทยในอีก 50 กว่าปีถัดมา โดยเฉพาะเรื่องชนชั้น แต่ในบางมุมก็อาจจะเปลี่ยนจากเจ้าขุนมูลนายเป็นระดับฐานะทางสังคมแทน อีกทั้งปัญหาเรื่องความด้อยโอกาสทางสังคมระหว่างชาวบ้านกับผู้มีอำนาจก็ยังคงเห็นได้อยู่ในปัจจุบัน

อ่านเอาจริงเอาจังก็ได้มุมมอง อ่านเพลินๆก็ได้สุนทรียะของการเขียนเช่นเดียวกัน
Profile Image for ดินสอ สีไม้.
1,070 reviews178 followers
September 29, 2019
โดยความเห็นส่วนตัว เราไม่อินกับค่านิยมจากปีศาจแล้วนะ
มันอุดมคติมากกกกก มากจนคนยุคนี้ยากจะจินตนาการถึง
อ่านฟ้าบ่กั้นยังเข้าถึงได้มากกว่า
ถ้าเป็นยุคสมัยนี้ ตัวละครอาจมีวิธีต่อสู้ที่ไม่ใช่การต่อสู้ตรงๆ แต่ได้ผลกว่า
จากในเรื่อง เรามองไม่เห็นหนทางชนะของสาย สีมา เลย
แต่นั่นแหละ การจบแบบไม่มีตอนจบเช่นนี้
ได้จุดไฟให้กับผู้อ่านต่อมาอีกหลายยุคสมัย
ถึงทุกวันนี้ เราก็ยังเชื่อว่ายังมีผู้คนที่ชื่นชม
และยกให้ ปีศาจ เป็นนิยายที่มีอิทธิพลต่อตัวเขาอยู่
Profile Image for Nattawat Supachawarote.
37 reviews2 followers
December 4, 2020
*ไม่ได้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ

ช่วงอินการเมืองก็จะอ่านอะไรเกี่ยวกับการเมืองเยอะนิดนึง สำหรับนวนิยายสังคม การเมือง ถ้านอกจาก 1984 ของ Orwell ก็มีเล่มนี้ละที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาแสดงออกทางความคิดกันมากจนเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว

ถามว่าความฮอตของนวนิยายเรื่องนี้มันขนาดไหน เอาเป็นว่าไปตระเวนดูตามร้านหนังสือชั้นนำแล้วได้รับแต่คำตอบว่าของขาดตลอด ยังดีที่พอหาได้จาก shoppee, lazada อยู่บ้าง เลยต้องรีบฉกเอามาอย่างเร็ว

ทำไมวรรณกรรมที่พิมพ์ขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2496 หรือ 67 ปีที่แล้ว อยู่ๆ กลับมามีพื้นที่ในสังคมอย่างล้นหลามในห้วงเวลานี้ คงต้องตอบว่าเพราะนวนิยายเล่มนี้เปรียบเสมือนความหวัง ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงของสังคมละมั้ง

-----

ปีศาจนำเสนอภาพสังคมในช่วงเวลานั้นผ่านตัวละครหลักๆ สองตัว คือ สาย สีมา ทนายความหนุ่มที่มีพื้นเพเป็นลูกชาวนา และ รัชนีหญิงสาวลูกคุณหนูคนสุดท้องของตระกูลขุนนางเก่า โดยทั้งสาย และรัชนีรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่พึ่งได้มาทำความรู้จักกันจริงๆ จังๆ ในช่วงเวลาที่ทั้งคู่ทำงาน

เสนีย์ได้นำเสนอ 'ปีศาจ' ของเขาในหลายมุมมอง แต่มุมมองที่เด่นชัดที่สุดคือ 'ปีศาจ' ของคนใน 'โลกเก่า' หรือคนที่ยึดติดกับความเชื่อ ค่านิยม แบบเดิมๆ ซึ่งทั้งสาย และรัชนีก็คือปีศาจตนนั้น ที่คอยหลอกหลอน และทำลายคนในโลกเก่า ด้วยความคิดและการกระทำที่เป็นขบถต่อขนบเดิม

ในแง่ของความบันเทิงนั้น ปีศาจถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน การดำเนินเรื่องราวไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็น่าติดตาม โดยหนังสือดำเนินเรื่องราวสลับกันไปมาระหว่างสาย และรัชนี ขณะเดียวกันก็มีการแทรกเรื่องราวตัวละครอื่นๆ เพื่อทำให้เราเห็นบรรยากาศสังคม และความคิดของคนในสมัยนั้นมากขึ้น

ด้านการนำเสนอตัวละคร เราจะเห็นการเติบโตของรัชนีมากกว่าสาย รัชนีนั้นแรกเริ่มจะมีความสงสัยในความคิดของตัวเอง และเริ่มมีการเรียนรู้จากตัวละครอื่นๆ โดยเฉพาะสาย จนสุดท้ายทั้งหมดก่อร่างเป็นความคิดของเธอในตอนท้ายของเรื่อง

สำหรับตัวละครสายแม้หนังสือจะแนะนำให้เรารู้จักกับเขาในตอนแรก แต่ก็จบแค่นั้น จากนั้นก็เหมือนว่าอยู่ดีๆ สายก็โผล่ผัวะเข้ามาในชีวิตของรัชนี เป็นสาย สีมาที่มีความคิดอ่านแบบนั้น จากจุดนั้นจนจบเรื่อง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ในสายตาของคนอ่านสายจึงเป็นเหมือนกับฮีโร่ของรัชนี ที่มาช่วยรัชนีในตอนท้าย ซึ่งเอาเข้าจริงมันมีความคล้ายพลอตของเจ้าชาย เจ้าหญิงในการ์ตูนดิสนีย์อย่างสโนไวท์ ซินเดอเรลล่า หรือเจ้าหญิงนิทรา อยู่บางส่วนเหมือนกัน เพียงแต่ตัวสายนั้นมีมิติด้านอื่นๆ เยอะกว่ามาก

ด้านสังคม เสนีย์นำเสนอให้เห็นถึงสภาพความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นอย่างมาก คนที่คนรวยก็ยิ่งรวยเพราะสามารถเข้าถึงโอกาส และอำนาจได้มากกว่า ส่วนคนที่จนขยันจนตัวตายก็ไม่พ้นวังวนของความจนนั้น เพราะขาดทั้งความรู้ และทุนทรัพย์ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยแวดล้อมในการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนๆ หนึ่ง

อีกส่วนหนึ่งคือความเชื่อแบบชนชั้น แม้ในทางนิตินัยในสมัยนั้นจะไม่มีการแบ่งชนชั้นแล้ว แต่ในทางพฤตินัยนั้นก็ยังคงพบเห็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของบรรดาเจ้านายเก่าที่เชื่อว่าชาติกำเนิดสำคัญ คนสูงไม่ควรไปเกลือกกลั้วกับพวกลูกชาวไร่ ชาวนา หรือการยกตนข่มท่านของบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่มีต่อชาวบ้าน

ความดีงามของนิยายเล่มนี้คือ ผู้เขียนสามารถนำเสนอความคิดของผู้เขียนผ่านนิยายที่อ่านแล้วสนุก ผู้อ่านไม่รู้สึกถูกยัดเยียด แต่ก็ทำให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามความคิดของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี

-----

อ่านจบก็ได้แต่มานั่งถอนใจ แล้วบ่นเบาๆ กับตัวเองว่า 67 ปี ผ่านไป ประเทศไทยก็ยังย่ำอยู่กับที่ ซ้ำดันกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำติดอันดับต้นๆ ของโลก แย่ลงกว่าสมัยนั้นเสียอีก นี่เป็นเครื่องบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าประเทศนี้มันมีปัญหาจริงๆ

แต่อย่างน้อย ณ ช่วงเวลานี้ก็ทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาบ้างเมื่อได้เห็นพลังของคนหนุ่มสาวในยุคนี้กล้าที่จะลุกขึ้นมาบอกว่าเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงๆ จังๆ เสียที พอแล้วกับระบบเดิมๆ พอแล้วกับความเหลื่อมล้ำ พอแล้วกับความอยุติธรรม (ทั้งๆ ที่หลายคนอยู่ในครอบครัวมีอันจะกินเสียด้วยซ้ำ)

ส่วนตัวผมเชื่อว่าขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ เพียงแต่คงต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงคงต้องมาถึงสักวัน ดังคำพูดของสาย สีมา ที่ว่า...

'...ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป...'

สรุปเล่มนี้แนะนำครับ อ่านเพลิน และถ้าเป็นนักอ่านคอการเมือง หรือโปรสังคมนิยม ยิ่งควรจัดหามาไว้ในครอบครองเลยครับ
Profile Image for Peggy Gourton.
10 reviews10 followers
April 19, 2021

นวนิยายที่ยังคงทันสมัย แม้ว่าจะถูกเขียนเมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้ว ความล้าหลังในสมัยนั้น ก็ยังเป็นความล้าหลังในตอนนี้ ความคิดก้าวหน้าในสมัยนั้น ก็ยังคงเป็นความคิดก้าวหน้าในตอนนี้ ระหว่างการเดินทาง 70 ปีของสังคมไทย มีหนัง นิยาย ละครมากมายที่สะท้อนประเด็นที่ว่า แต่คงทำได้แค่สะท้อนไปแกนๆ ไม่สามารถผลักดันสังคมไปข้างหน้า หรือแม้แต่ไปซ้ายไปขวา

อ่านเอาสนุกก็ได้นิยายรักไม่ค่อยโรแมนติก พล็อตดอกฟ้าหมาวัดทั่วๆ ไป พระเอกเป็นลูกชาวนา บังเอิญโชคดีได้ร่ำเรียนจนจบกฎหมาย เป็นทนายความ นางเอกเป็นลูกสาวขุนนาง บ้านก็ไม่อยากให้เรียนหนังสือเยอะแยะหรอกเพราะผู้ดีสมัยนู้นเขาไม่ทำงานทำการกัน บังเอิญดื้อจนได้เรียนมหาลัยแล้วไปรู้จักกันเข้าเลยโดนเจ้าคุณพ่อกีดกันด้วยวิธีต่างๆ

.

กาลเวลาสร้างปีศาจตัวแล้วตัวเล่า และปีศาจนั้นก็ถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าโดยผู้คนที่เชื่อว่าสังคมอันสมบูรณ์พร้อมเคยเกิดมีขึ้นแล้วในอดีต และกาลข้างหน้าที่โลกกำลังวิวัฒน์ไปนั้น เป็นทางแห่งความวิบัติอย่างสิ้นเชิง

เป็นธรรมดาของชนชั้นสูง (ไม่ว่าจะโดยกำเนิดมาในสถานะนั้น หรือตะเกียกตะกายลอดรูเข็มมาก็ตาม) ที่จะคิดว่าโลกอันมีลำดับชั้นอันให้ผลประโยชน์แก่เขาเป็นสังคมที่ถูกต้องดีงาม และย่อมไม่ปรารถนาให้ใครก็ตามในสถานะทางสังคมที่ต่ำกว่าพยายามเผยอหน้าขึ้นมาเทียบเคียงตน

ยังไม่นับรวมกับชนชั้นไม่สูงแต่คิดว่าตัวเองสูง ที่พยายามปกป้องความมั่งคั่งของชนชั้นนำอย่างเอาเป็นเอาตาย และวาดฝันเอาเองว่าตนจะได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นเข้าสักวัน

.

เหตุการณ์ตอนหนึ่งในเรื่องที่สะดุดสายตามากคือตอนที่มหาจวนนำเอกสารมาขอให้ทนายสายดำเนินการ “ฟ้องไล่ที่” ชาวบ้าน นายสายบรรยายว่าในเอกสารสัญญาเหล่านั้นมีชื่อที่เขารู้จักอยู่ และทุกการลงนามในสัญญาใช้การ “พิมพ์ลายนิ้วมือ” อันใหญ่เทอะทะ

ในชีวิตการทำงานเราคุ้นเคยดีว่าการพิมพ์ลายนิ้วมือแทนการลงลายมือชื่อนั้นเป็นไปได้ในไม่กี่กรณี ถ้าไม่ใช่มือไม้อ่อนแรงจนจับปากกาไม่ไหว ก็เจ้าของลายนิ้วมือนั้นเป็นคนไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับที่สะกดชื่อตัวเองไม่เป็น ซึ่งในกรณีนี้น่าจะเป็นอย่างหลัง

การเล่าแบบไม่เล่านี้เองที่ทำให้เราติดใจนักหนา ความรู้สึกว่าเราเห็นอะไรๆ ในมุมเดียวกับตัวละครที่ลุ้นเอาใจช่วยอยู่สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงแบบแปลกๆ เราอาจจะเห็นเสี้ยวหนึ่งของตัวเองอยู่ในตัวละครหลักทั้งหลายต่างๆ กันไป ทั้งความปากดีทนงตนของสาย ความขบถดื้อเงียบของรัชนี ความไฟแรงอยากแผ้วถางเส้นทางใหม่ของกิ่งเทียนและนิคม

.

สุดท้ายนี้ เราคงไม่อยากเฝ้าดูกาลเวลาสร้างปีศาจทีละตนสองตนอย่างโดดเดี่ยว เพื่อจะถูกทำลายอย่างเงียบเชียบเหมือนเคย
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for chapterly.
17 reviews1 follower
November 28, 2025
เป็นเรื่องน่าหดหู่และน่าหวั่นใจอย่างยิ่งที่ “ปีศาจ” ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นตั้งแต่ปี 2500 ยังคงสะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบันได้อย่างคมชัด ราวกับสังคมนี้ไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเลย ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นและอำนาจยังคงเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น แค่เปลี่ยนฉากหลังจากบ้านเจ้านาย มาเป็นคอนโดกลางเมือง เปลี่ยนชุดไทยสไบแพร กลายเป็นสูทนักการเมือง แต่ปัญหากลับยังคงหน้าเดิม

แก่นของเรื่องคือการปะทะกันระหว่างสองเจเนอเรชัน
ฝั่งหนึ่งคือโลกเก่าที่เชื่อในศักดินา ขนบชนชั้น และกรอบเพศสภาพ
อีกฝั่งคือคนหนุ่มสาวที่ถูกทำให้กลายเป็น “ภัยคุกคาม” เพียงเพราะพวกเขาเชื่อว่าโลกควรยุติความเหลื่อมล้ำได้แล้ว

ในเรื่อง สาย สีมา และรัชนี เลือก “หนี” ออกจากระบบที่กดทับพวกเขาไปใช้ชีวิตในชนบท ซึ่งในสมัยนั้นอาจดูเป็นทางเลือกใหม่ที่ท้าทาย แต่หากเทียบกับปัจจุบัน เราคงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า
บนดาวโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ทุกตารางเมตรถูกครอบด้วยสื่อและโครงสร้างอำนาจ—เราจะหนีไปได้ที่ไหนอีก?

ในเมื่อโซเชียลมีเดียทำให้เรา “รู้มากขึ้น” แต่ก็นำมาซึ่งความเย้ยหยัน ความสิ้นหวัง และความรู้สึกว่า “การเปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้” คำด่าทอในโลกออนไลน์ไม่อาจล้มระบบศักดินาได้ เช่นเดียวกับที่ความโกรธไม่อาจเปลี่ยนแปลงสังคม หากยังไร้การลงมือทำจริง

และนี่คือจุดที่อ่านแล้วรู้สึกหนาวเย็นอยู่ลึก ๆ
เพราะมันตั้งคำถามเจ็บ ๆ ว่า

สุดท้ายแล้วเราจะเป็นเหมือนคนรุ่นก่อน
ที่เคยอยากเปลี่ยนโลก แต่ยอมจำนนต่อเวลาไปอย่างเงียบงันรึเปล่า?

เรื่องไม่หวือหวา แต่ทำให้เราต้องขบคิดถึง “ความทรงจำทางสังคม” ที่วนลูปเป็นสไปรัล—หมุนไปข้างหน้า แต่ศูนย์กลางยังย่ำอยู่ที่เดิม

สาย สีมา คือตัวแทนของความพยายามไต่ชนชั้นด้วยการศึกษา
เหมือนตัวผู้เขียน—ศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์ ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักการทูตและนักเขียนรางวัลศรีบูรพา
ส่วนรัชนีคือความหวังของคนรุ่นใหม่ ที่กล้าชี้ว่า

“ความเห็นอกเห็นใจอย่างเดียว
ไม่เคยเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริง”

ถึงแม้พ่อแม่ของรัชนีจะมองสายเป็น “ปีศาจ” แต่แท้จริงแล้ว
ปี���าจที่พวกเขากลัวไม่ใช่คน
แต่คือกาลเวลาและความเปลี่ยนแปลง

ในท้ายที่สุด นวนิยายบอกเราว่า

หากจะฆ่าปีศาจตัวนี้วันนี้…ก็ทำได้
แต่คุณไม่มีวันหยุดมันได้ตลอดไป
เพราะมันถูกห่อหุ้มด้วยเกราะแห่งยุคสมัย

เมื่อ “ความดี-ความถูกต้อง” ยังถูกตีความได้ตามชนชั้นและผลประโยชน์
เราจะพูดได้จริงหรือว่า…ปีศาจเคยถูกทำลายลงแล้ว?
Profile Image for tongla.
40 reviews5 followers
November 15, 2020
As a literary work, The Spectre is just an above-average, decent novel with conspicuous merits and flaws. Seni writes in such a vivid prose that the novel is both fictional and educational. Though not moving, his narration flows smoothly, with the recurrent Spectre metaphors seamlessly inserting themselves when it is called for. Critics' almost singular focus on the Spectre of progression may obscure Seni's varied uses, but the metaphor is no less apt in other places employed. In all cases, it is haunting, menacing, horrifying.

With not-so-subtle incorporation of themes of inequality, most story arcs read not like fiction but novelized essays. At times, characters become obvious mouthpieces for the writer: In an almost unhuman manner reminiscent of manga characters, Sai Seema, talks in (overly intellectualized and sometimes poorly argued) paragraphs--to a new acquaintance! It is almost ironic that Sai insisted to Rajni that he is not always right, when Seni seems to leave so little room for the reader to think for themself.

Thailand today has come a long way from the days of the Spectre. A lot have, indeed, changed. Aristocracy has transfigured into oligarchy. The countryside famers have gone extinct and reemerged as the new middle-class. Foreign enemies are virtually no more. the Spectre has thus become, naturally, outdated in these ways. Yet, it is still depressingly current in others. The poor are still oppressed. The individual is still blamed, rather than the immobile economic sturcture. And Sai's characterization of ``goodness'' not as a normatively defined but socially determined concept still rings true.

Of course, the gist of it is timeless. As an embodiment of progressive ideas, the Spectre will forever haunt the ruling class.
Profile Image for Job Wutipong.
46 reviews1 follower
November 23, 2020
ทุกยุคทุกสมัยย่อมมีปีศาจที่ถูกกาลเวลาสร้างขึ้นเสมอ ปีศาจที่คอยหลอกหลอนคนที่ยังอยู่กับความคิดเดิม ๆ ความเชื่อเดิม ๆ คนที่พยามกระแสแหงยุคสมัย

เรื่องราวความรักของ สาย สีมา ผู้ชายธรรมดา ๆ กับ รัชนี ลูกขุนนางใหญ่แห่งพระนคร เรื่องราวความรักที่ขับเคลื่อนและส่งต่อความคิดในสังคม จนมีส่วนผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา และกลายเป็นหนังสือต้องห้ามอยู่ยุคสมัยหนึ่ง

เรื่องราวที่ร่องรอยผ่านกาลเวลามาเกือบ 70 ปี แต่ปัญหาที่อยู่ในเรื่องยังทันยุคทันสมัยอยู่ในปัจจุบัน เรื่องราวของความเหลื่อมล้ำ การมองคนที่ไม่เท่ากัน และอีกมากมาย สิ่งที่เก่าในหนังสือเล่มนี้มีเพียงปีที่เริ่มเผยแพร่ และภาษาที่ใช้เขียนเท่านั้น

หนังสือเล่มนี้จะว่าไปเป็นหนังสือที่บ่งบอกแน่ชัดไม่ได้ว่าจัดในหมวดหมู่ไหน จัดว่าเป็นหนังสือรักก็ได้ จัดเป็นหนังสือเพื่อชีวิตก็ได้ หรือเป็นหนังสือ feminist ก็ยังได้ อยู่ที่ว่าตอนนั้นเรากำลังเจอปัญหาแบบไหนอยู่

ในหนังสือ บอกเล่าเรื่องราวความรักที่เป็นไปไม่ได้ของคนต่างชนชั้นระหว่างทนาย ที่เป็นลูกชาวนา และลูกสาวขุนางใหญ่ ทั้งสองเจอกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยและค่อย ๆ ดำเนินเรื่องเข้มข้นเมื่อทั้งคู่เริ่มทำงาน การจีบกันผ่านจดหมายในยุค 2490-2500 ความโรแมนติกของการไม่สามารถเจอกันหรือโทรหากันได้ตลอดเวลา ในเนื้อเรื่องยังเล่าเรื่องราวของความไม่เท่าเทียม การเอารัดเอาเปรียบของนายทุน มหาสงครามเอเชียบูรพา

หนังสือเล่มนี้ยังรวมถึง เรื่องราวของหญิงสาวที่ ที่บ้านจัดแจงให้ทุกอย่าง แต่ด้วยการตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ ทำให้เธอสงสัยว่าสิ่งที่จัดเตรียมให้นั้นดีจริงเหรอ เธอจึงตัดสินใจทำบางอย่างที่เป็นการขบถต่อความเชื่อและประเพณีที่สืบทอดกันมา โดยที่ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายปลายทางจะเป็นอย่างไร

หลังสือเล่มเล็ก ๆ แบบนี้ให้เรื่องราวที่มากมายอย่างนั้นแหละ
ที่สำคัญ หนังสือ เล่มนี้ให้ความหวังเวลาเจอปัญหากับเราผ่านเรื่องราวของ นิคม กิ่งเทียน สาย และ รัชนี
สนุกมาก ภาษาอาจยากนิดนึงแต่อ่านได้แน่นอน
Profile Image for Panita S.
5 reviews
April 26, 2023
“ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที”

อ่านจบแล้วรู้สึกว่า ไม่แปลกใจทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงอยู่มาทุกยุค ปีศาจคือฟิกชันชักนำสังคมแบบแนบเนียน เพื่อชีวิต อ่านง่าย และ
timeless แม้จะเขียนตั้งแต่หลัง WW2 (ซึ่งน่าเศร้าที่เราไม่พัฒนา?) “ปีศาจ” คำที่ถูกใช้กล่าวว่า สาย สีมาตัวละครหลัก เป็นโมทีฟและอุปไมยหลักของเรื่อง ซึ่งจะเจอในหลายซีน หลายบริบทมาก ประเด็นหลักๆ ที่เราตกตะกอนได้จากการอ่านคือเรื่อง Class Struggle ความเลื่อมล้ำและความรักภายใต้ระบอบทุน/ศักดินา ชาวนาและความยากจน รู้สึกเล่มนี้คุณเสนีย์เขียนต่อจากวัลยา แต่เป็นในไทย ซึ่งส่วนตัวมองว่าเล่าเรื่องปัญหาต่าง ๆ ได้เห็นภาพมากกว่าเล่มความรักของวัลยา เพราะตัวละครหลักที่เป็นลูกชาวนา เป็นทนาย ได้ลงไปชนบท ไปพูดคุย กับคนในนั้นจริงๆ ทำให้เห็นภาพประเด็นอย่างหนี้ชาวนาที่คาราคาซังวนลูบ จวบจนเรื่องการใช้ช่องโหว่ทางกม.ทู่ซี้ยึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของเกษตรกรโดยนายทุน หลังจากญี่ปุ่นกลับประเทศไป

ถ้าใครได้ติดตาม หรือเข้าร่วม #ม็อบชาวนา ในช่วงปีที่ผ่านมท อ่านแล้วจะเจอว่าปัญหาหลายอย่างยังคงคล้ายเดิมมาก คงอยู่แม้จะผ่านมาหลายสิบปี บางคนอาจจะมองว่าตอนจบของปีศาจขายฝันแดกอุดมการณ์แค่ส่วนตัวชอบมาก โดยเฉพาะจุดที่ทำให้เห็นว่ารัชนี ยอมแตกหักเพื่ออุดมการณ์ ไม่ใช่เพื่อบูชาความรักแบบนิยายรักหลายเรื่อง (ซึ่งนี่เป็นจุดที่อยากชื่นชม ว่าตัวละครหญิงอื่นๆ ของนักเขียนก็ admirable เสมอมา)

เราข้ามคำนำไปอ่านเรื่องก่อนเพราะมันสปอยล์เนื้อหาและเป็นบทวิจารณ์ แต่อ่านจบแล้วอยากให้กลับมาอ่านทั้งคำนำต้นเล่ม ทั้งบทความท้ายเล่มทั้งหมดให้ครบ โดนรวมๆ เมื่ออ่านครบหมดแล้วก็ตกตะกอนได้ว่า ‘ถ้าปีศาจคือความเปลี่ยนแปลงที่ควรเป็น ก็จงเป็นปีศาจ ดีกว่าเป็นผู้ที่หวาดกลัว’




Profile Image for Klin กลินท์.
230 reviews15 followers
May 18, 2020
"...แต่ในสังคมที่เรามีชีวิตอยู่นี้ สำหรับบางคน บางหมู่หรือบางกลุ่ม ปีศาจเป็นของมีจริง และกำลังหลอกหลอนเขาอยู่ทุกวี่วัน...เปล่ามันไม่ใช่ปีศาจคนตายที่หลอกหลอนคนเป็น ไม่ใช่ปีศาจที่ทำความเสียวสยองอย่างเคานต์เดร็กคูล่า หรือแฟรงเก็นสไตน์ แต่เป็นปีศาจของกาลเวลา และปีศาจคนเป็นๆนี่แหละที่กำลังหลอกหลอนคนเป็นๆด้วยกันอยู่..."

"ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป"

แน่นอน! ว่าต้องยกให้นวนิยายเล่มนี้เป็นนวนิยายที่คงกระพันแก่กาลเวลา เพราะปีศาจนั้นมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย นวนิยายเล่มนี้ทำให้ข้าพเจ้าย้อนมองเข้าไปดูและเห็นปีศาจภายในตนเอง #ปีศาจ ของ #เสนีย์เสาวพงศ์ ประเด็นคลาสสิกทางสังคมเช่นเรื่อง ระบบการศึกษา ระบบชนชั้น ควา��ยุติธรรม ความจริง ระบบที่ดิน คุณธรรม ความดี การทำงาน ชนบทเมือง สิทธิความเท่าเทียมของชายและหญิง เป็นต้น และปัจจุบันสังคมเรายังคงหมุนวนอยู่ในสิ่งต่างๆเหล่านี้ และขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองและให้เหตุผลกับสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างไร โดยเฉพาะคุณค่าและความหมายของชีวิต และเวลายุคสมัยของใครก็ของคนนั้น

การสลับไปมาของภาพชีวิตของ สาย รัชนี กิ่งเทียน นิคมและคน สังคมที่แวดล้อมจากความแตกต่างทางสังคมและที่มาของของแต่ละคน ยิ่งทำให้เห็นภาพของสังคมและความสัมพันธ์ในแต่ละแบบ การดำรงชีวิต การยอมรับนับถือในตนเองและการค้นหาของตนเองและยิ่งไปกว่านั้นคือการก้าวข้ามผ่านสังคมหนึ่งไปยังอีกสังคมหนึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครบางคน

หนังสือเล่มนี้ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือจะได้อ่านคำที่ไม่ค่อยได้เจอหรือใช้ในปัจจุบันมากนัก เช่น โยงโย่โยงหยก น้ำมันเซ็ตลอน ตู่ โก่น เป็นต้น

:)ลองหาอ่านกันครับ #ณอ่านTheReaderTheKlinLibrary
ณ อ่าน The Reader- The Klin Library
Displaying 1 - 30 of 92 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.