Jump to ratings and reviews
Rate this book

The Power of Input ศิลปะของการเลือก-รับ-รู้

Rate this book
ศิลปะของการเลือก-รับ-รู้
"ก่อนอื่นต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้สนุกมากครับ เพราะมันตอบปัญหาใหญ่มากของคนยุคนี้คือการที่เรารับสาร รับข้อมูลต่างๆ เยอะมากๆ ทุกวัน แต่จำนวนมากของ input คือทำไปก็เท่านั้น คือมันหายไป หรือ สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้

ปัญหาของเราตอนนี้ไม่ใช่ไม่มีข้อมูล แต่เรามีข้อมูลเยอะเกินไป ทำยังไง เราจะจัดการกับปัญหานี้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ อาการเหนื่อยล้าของรับข้อมูล จะทำให้รู้สึกเหมือนเป็นหนูในเขาวงกต และยิ่งทำยิ่งเหนื่อยแต่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวอะไรเท่าไร

แต่ความจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น ถ้าเรารู้ว่าเรามีเทคนิคในการทำ input ในเวลาอันสั้นที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเทคนิคว่าจะยังไงที่จะสร้าง input ที่มีคุณภาพได้ รับเฉพาะของที่จำเป็น และเข้าใจว่าอะไรที่ไม่ต้องทำ

โดยรวมแล้วเป็นหนังสือที่อ่านสนุกและสามารถนำไปใช้งานได้จริง เป็นอีกเล่มที่ไม่ควรพลาดครับ“

คำนิยมโดย รวิศ หาญอุตสาหะ CEO บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด และผู้ก่อตั้งเพจและรายการพอดแคสท์ Mission To The Moon

368 pages, Paperback

Published August 1, 2021

27 people are currently reading
165 people want to read

About the author

Zion Kabasawa

22 books20 followers

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
41 (31%)
4 stars
63 (48%)
3 stars
22 (17%)
2 stars
2 (1%)
1 star
1 (<1%)
Displaying 1 - 30 of 37 reviews
Profile Image for Kanthida Ann.
123 reviews23 followers
October 31, 2021
ก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือ The power of output มาแล้ว พบว่าเป็นหนังสือที่ดีมากจริงๆ เพราะสามารถนำวิธีการต่างๆในหนังสือไปสร้าง output จริงๆได้ ดังนั้นเราจึงอยากจะมี input ที่ดีด้วย

คำนิยมของ นพ.ประเสริฐ ดีมากๆขอปรบมือให้เลย ประทับใจการเขียนมากๆ อ่านสนุก ได้ข้อมูลสำคัญ ไม่สปอยด้วย เหมือนอุ่นเครื่องก่อนเริ่มอ่านหนังสือจริงๆ

บทนำ การปฏิวัติ input คือสิ่งจำเป็นในยุค information explosion ซึ่งผลจากยุคนี้ทำให้เราเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการใช้ smart phone, จากการรับข้อมูล เพราะฉะนั้นเราเลยอยากรู้ว่า การทำ input ของเราที่ผ่านมา มาถูกทางหรือไม่? ควรจะปรับปรุงเรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน อยากให้ output ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ไม่อยากมีภาวะ data overload รับข้อมูลมาเยอะแต่จัดการข้อมูลไม่ได้ อยากมีความจำที่ดีขึ้น

หนังสือแบ่งออกเป็น 7 chapters
1.Rules 2.Read 3.Listen 4.Watch 5.Internet 6.Learn 7.Advanced

เทคนิคที่คิดว่าสามารถนำไปใช้ได้เลยในตอนนี้คือ
-การตั้ง output ล่วงหน้า
-อ่านโดยคิดล่วงหน้าว่าต้องเขียนรีวิว จะทำให้เราอ่านหนังสือได้ละเอียดและสนุกมากขึ้นด้วย พอลองทำตามแล้วจำได้เยอะมากขึ้นจริงๆ
-หาหนังสือแนะนำจากคนใกล้ตัวที่ความชอบคล้ายๆเรา จะได้เจอหนังสือโฮมรันเยอะๆ
-อ่านให้เป็นกลาง อ่านให้สมดุล
-การอ่านข้ามไปข้ามมา ช่วยให้เรารู้ภาพรวมของหนังสือ --> อ่านได้เร็วขึ้น
-7 ข้อดีของการอ่านนิยาย
-เทคนิคการรับฟัว ทักษะที่จำเป็น เราก็อยากเป็นคนที่ฟังเก่งขึ้น แต่ไม่ได้รับความเครียดของคนพูดมาแบกไว้กับตัวเอง
-ฟังดนตรีที่ชอบก่อนอ่านหนังสือ เพิ่มความจำระยะสั้น เพิ่มการหลัง dopamine (อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ เราชอบฟังเพลงที่ชอบตอนขับรถไปทำงานตอนเช้า เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยเพลงเพราะๆ)
-ฟังเสียงธรรมชาติ
-การสังเกต เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้มาก่อนเลย แค่คิดว่าถ้าเราดูซ้ำหรืออ่านซ้ำหลายๆรอบเราคงเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่ไม่ได้คิดว่าหัดสังเกตให้เยอะตั้งแต่แรกก็น่าจะทำให้พบอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
-การอ่านสีหน้า วิธีลิตมัส อยากเอาไปใช้ตอนเดตเลย 5555
-การดูสมุดจดบันทึกซ้ำ ช่วยให้มีไอเดียใหม่ๆ ลองทำแล้วเจออะไรน่าสนใจในบันทึกเยอะเลย
-7วิธีสนุกกับภาพยนต์สไตล์คาบาซาวะ
-Watch ดีทุกบทจริงๆ
-การใช้ smart phoneอย่างเหมาะสม+เทคนิคการลดเวลาการใช้
-ไม่จำเป็นต้องสนิทกับทุกคน เวลาเป็นสิ่งมีค่า ควรเอาเวลาไปพบกับคนที่เราอยากสนิทด้วยมากกว่า
-รู้จักตัวเอง เรียนรู้จากความเจ็บป่วย
-กินของอร่อย

สิ่งที่คิดว่าจะลองทำในอนาคต
-หาจิตรกรที่ชอบแล้วลองเรียนรู้ ลองชมงานศิลปะดู
-เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ
-ทำ outputหลังทำ inputเลยเพื่อบันทึกความทรงจำ
-สร้างห้องสมุดข้อมูลในสมอง
-มีเวลาพักให้ขยับร่างกาย
Profile Image for Tanan.
234 reviews42 followers
November 24, 2021
หนังสือ output ผมให้ห้าดาว แต่เล่มนี้น่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามดาวครึ่ง - สี่ดาว

เหตุผลคือ เนื้อหาหลายอย่างมันค่อนข้างซ้ำและเป็นเรื่องพื้น ๆ
ถ้าเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง น่าจะรู้สึกว่าเล่มนี้ไม่มีอะไรใหม่
(มองในแง่ร้ายเหมือน output ดัง เลยมาเขียน input ต่อ)

แต่ส่วนที่ดีงาม เช่นรูปแบบการเล่าเรื่อง การแบ่งหมวดหมู่ ก็ยังดีเหมือนเดิม
ดังนั้นถ้ามองว่าเป็นมือใหม่ อยากจะหาหนังสือพัฒนาตัวเองสักเล่มติดบ้านไว้
เล่มนี้ก็เหมาะสมดี เพราะส่วนใหญ่เป็นความรู้พื้นฐาน

แต่สำหรับคนที่อ่านแต่หนังสือพัฒนาตัวเองซ้ำ ๆ
เล่มนี้อาจจะเหมือนแค่ซื้อมาให้ครบเซต
Profile Image for ManyMilds.
62 reviews10 followers
May 7, 2023
เล่มนี้ต่อยอดจาก The Power of Outputs แนะนำสำหรับคนเด๋อเหมือนข้าพเจ้าที่ซื้อ input มาก่อน เพราะคิดว่า input ต้องมาก่อน output สิ (โดนเพื่อนแกง) ทุกคนควรอ่าน Ouput ก่อน เล่มนี้คือกลางๆมากๆๆๆๆ เหมือนจะช่วยขยายประเด็นว่า แล้วเราควรรับสารแบบไหนถึงจะคือว่ามีคุณภาพ อะเราก็มาทำตามคำแนะนำของบทที่บอกว่า เราไม่ต้องโลภมากที่จะอยากรู้/รับข้อมูลเยอะๆ และทำ output สิ่งที่ค้นพบแค่ 3 ข้อก็เพียงพอ
1. เล่มนี้เหมาะกับคนที่ชอบเล่ม output มากๆ และอยากได้ไกด์ไอเดียในการหา input ที่มีคุณภาพ
2. Core idea แกนคือเรื่องการรับข้อมูลอย่างมีคุณภาพ เพื่อที่จะได้ทำ output ได้อย่างมีคุณภาพ เช่นถ้าอยากตัดการเดาสุ่มก็อาจอ่านหนังสือตามอินฟูที่คัดกรองเล่มดีๆมาให้เราแล้ว(ของแบบนี้มันไม่มีสูตรตายตัว บางคำแนะนำเราเลยไม่ค่อยซื้อแกเท่าไหร่ ฮา) เล่มหนาขนาดได้เพราะแกเขียนวนๆ เล่าซ้ำเก่าซ้ำใหม่
3. อย่าพยายามจัดการกับข้อมูลจำนวนมากๆเพราะคิดว่ายิ่งมีข้อมูลมากยิ่งดี สมองเรารับได้ลิมิตที่ 3 เรื่อง ให้ใช้สูตร 3+3 สิ่งที่ค้นพบ 3 สิ่ง To do 3 ข้อ
.
To do หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้
1. ขยับตัวออกกำลังให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชม
2. เมื่อตั้งใจทำ input กับเรื่องใด(ดูหนัง อ่านหนังสือ ดูงานศิลปะ) ให้รีบเจาะจงเวลาทำ output ทันที
3. ย้อนกลับไปดูหน้าที่มาร์คไว้อีกครั้งเพื่อทบทวนอีกครั้ง
Profile Image for Nuttawat Kalapat.
676 reviews46 followers
September 10, 2021
Homerun book
ปีหน้าผมจะอ่านแต่homerun book
ค้าแบบบ
August 22, 2021
- เป็นหนังสือที่ดีมากสำหรับช่วงเวลาแบบนี้
- แอบตามอ่านเพราะมี อ.ประเสริฐ มาเขียนคำนำให้
- โดยส่วนตัว ถ้าหนังสือที่ดี คนแต่งเขียนดี เราจะสามารถอ่านรวดเดียวจบได้ในเวลาไม่นาน
- เล่มนี้คือหนึ่งในหนังสือนั้น
- แก่นของเรื่องคือ เรามีเวลาจำกัด เราควรจะ “เลือก” in put อะไรเข้าไป?
- ตามแบบหนังสือ How to ของญี่ปุ่น จะอ่านง่าย มีหลายท่าให้เราเลือกเอาไปใช้ให้เหมาะกับตัวเอง
- ได้สูตรหลายอย่างเช่น input : output = 30 : 70 คือสัดส่วนที่เหมาะสม
- input ไม่พอ ต้อง output ด้วย สอนคนอื่นได้ยิ่งดี
- ฟังอย่างสังเกต ตั้งเป้าหมายล่วงหน้า, ถ้ายังไม่มีเป้าหมาย พอจบก็จะไม่ได้อะไรกลับมา
- เพลาๆ บ้างมือถือ, social media (-.-“) 555 , ข่าวไม่ต้องตามมากก็ได้ ถ้าสำคัญจริงเดี๋ยวก็จะเข้าหูเรามาเอง
- บางเรื่องอาจจะไม่ได้เหมาะกับบริบทบางอย่างในเมืองไทย แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
- ถึงขั้นต้องไปหาซื้อเล่มก่อนหน้ามาอ่านเลยทีเดียว
Profile Image for Chanwit Chaimeesuk.
30 reviews4 followers
October 7, 2021
เมื่อมี output ที่ดีแล้ว ก็ควรจะมี input ที่ดี หนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีเลือกรับรู้ข้อมูล
Profile Image for Nattatida.
64 reviews3 followers
November 10, 2023
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันชีวิตของเรามีข้อมูลที่เราต้องรับรู้มากมาย เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่อธิบายให้เราเห็นว่าเรารับข้อมูลหลายรูปแบบ แต่สุดท้ายเรานำข้อมูลออกไปใช้อย่างไร ข้อมูลเหล่านั้นจำเป็นที่จะรับหรือไม่ แล้วถ้าจำเป็นต้องรับข้อมูล ทำอย่างไรจึงจะดึงข้อมูลออกมาใช้ให้มีประสิทธิภาพ
เป็นหนังสือ how to อีกเล่มที่แนะนำวิธีการรับข้อมูล สรุปออกมาเป็นข้อๆได้ดี เทคนิคคล้ายกับเล่มอื่น แต่ที่ประทับใจคงจะเป็นความแตกต่างของบทสนทนาและความคาดหวังของเพศชายและหญิง อันนี้ด็ไม่เคยเจอเหมือนกันค่ะ
Profile Image for Jaruwat Jrs.
62 reviews1 follower
August 24, 2021
ฝึกทำ ตามคำแนะนำในหนังสือนี้ ให้ติดเป็นนิสัย ลืม ตอนไหน ให้อ่าน คำแนะนำ นั้นๆใหม่ ไปปรับใช้ทุกๆวัน
Profile Image for Tuitui Liw.
157 reviews7 followers
May 2, 2022

เล่มนี้เหมือนเหรียญคนละด้านกับ The Power of Output ถ้า OUTPUT (พูด เขียน ปฏิบัติ) เป็นหยาง เล่มนี้ INPUT (อ่าน ฟัง ดู เรียนรู้) ก็เปรียบเหมือนหยิน ทั้งสองเล่มเหมือนเนื้อคู่ที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผลิตผลที่ออกมามันก็จะไม่มีประสิทธิภาพ


ถามว่า ทำไมต้องพยายามเรียนรู้เรื่อง INPUT ด้วย การอ่าน ดู ฟัง มันก็คือการเรียนรู้ ก็ย่อมดีกับสมองเราอยู่แล้วนิ แต่อย่าลืมว่า โลกยุคนี้ เต็มไปด้วยพายุข้อมูลที่พร้อมจะถาโถมหาเราในแต่ละวัน ทั้งจากทีวี ข่าว เฟสบุ๊ค โซเชียลมีเดียต่างๆ เราอาจคิดว่า ถ้าเราใช้เวลาไถฟีดเฟสบุ๊ค ก็เหมือนได้อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ตกข่าวแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว เราอาจจะคิดผิด



Input คือการบันทึกข้อมูล ถ้าเราใส่ข้อมูลลงสมอง แต่ไม่เก็บเอาไว้ ไม่ถือว่าเป็นการบันทึก (INPUT) มันจะเป็นแค่การปล่อยข้อมูลผ่านเข้ามาและออกไป เหมือนน้ำที่ไหลผ่านตะแกรง

ดังนั้นถ้าถามว่า เมื่อวานที่ไถฟีดเฟสบุ๊ค เจอข่าวอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เราจะนึกกันไม่ค่อยออก หรืออย่างมากก็นึกออกไม่กี่เรื่อง ทั้งๆที่เราใช้เวลาอยู่กับมือถือหลายชั่วโมงต่อวัน


INPUT ที่ถูกต้องคือ ใส่ข้อมูล (IN) เข้าไป และวาง (PUT) ไว้ในสมอง


ด้วยปริมาณข้อมูลที่มหาศาลในแต่ละวัน เราจึงต้องมีวิธีในการจัดการกับ INPUT เลือกรับข้อมูล หากเราต้องการพัฒนาตนเองแล้ว อัตราส่วนที่คุณหมอแนะนำคือ สัดส่วน INPUT ต่อ OUTPUT เป็น 3 : 7 ซึ่งถ้าทำสลับกันไปเรื่อยๆ พร้อมกับได้รับ Feedback เพื่อปรับปรุงอยู่เสมอ เราจะเข้าสู่ “บันไดวนแห่งการพัฒนา”


แต่ต่อให้เราทำ OUTPUT เยอะแค่ไหน แต่ถ้า INPUT เราไม่แข็งแรง เราก็จะได้ OUTPUT ที่ไม่แข็งแรงเช่นเดียวกัน นี่คือเหตุผลที่คุณหมอตั้งใจเขียนเทคนิคส่วนตัวในการเลือกรับรู้ข้อมูลขึ้นมา
ซึ่งกฎพื้นฐานของ INPUT คือ คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ อ่านหนังสือแบบโฮมรันไม่กี่เล่ม (อ่านแล้วค้นพบอะไรใหม่ๆ มีประโยชน์) ย่อมดีกว่าการอ่านแบบสไตรก์ (หนังสือไม่มีสาระให้เรียนรู้)

หลายๆเล่ม การผลิต OUTPUT ที่ดีจึงต้องเริ่มจาก INPUT ทีมีคุณภาพก่อน แล้วปริมาณจะตามมาเอง


กำหนดเป้าหมายการทำ INPUT ก่อน ถ้าอ่าน ฟัง ดู ไปงั้นๆ มันคือ INPUT ปลอม มันคือการฆ่าเวลา ไม่ใช่การทำ INPUT ทางออกคือ อาจจะกำหนด OUTPUT ล่วงหน้า เช่น จะเขียนรีวิว หรือ จะคุย / สอน คนอื่นต่อ


และเลือกเก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น ต้องรู้จักทิ้งข้อมูลบางอย่างไว้บ้าง เพราะพื้นที่สมองมีจำกัด เราอาจจะตั้งเสาอากาศความชอบและความสนใจเพื่อเลือกรับข้อมูลเหล่านี้


ซึ่งการทำ INPUT มีหลายแบบ


READ – อ่านให้จำได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
ซึ่งการอ่านคือก้าวแรกของการเรียนรู้ ก่อนอ่านถ้าตั้งOUTPUT ไว้จะทำให้ INPUT ดีขึ้นมาก อ่านได้น้อยเล่มกว่าแต่ทำ OUTPUT คู่ไปด้วยย่อมดีกว่า หรือให้คิดว่าอ่านแล้วต้องรีวิวหรืออธิบายให้คนอื่นฟังจะทำให้ตั้งใจมากขึ้น


อ่านแบบข้ามไปข้ามมาเพื่อจับประเด็นภาพรวม พยายามอ่านหนังสือโฮมรัน (หนังสือในกระแสที่คนพูดถึงเยอะ หรือหนังสือแนะนำที่ร้านก็เป็นตัวเลือกที่ดี)


การอ่านนอกจากจะช่วยให้เรียนรู้และพัฒนาตนเองแล้วยังช่วยแก้ปัญหาได้ด้วย เช่น สมมติว่าเดิมปัญหามี -100 พออ่านหนังสือ อาจจะเหลือ -70 ซึ่งก็ย่อมดีกว่าไม่อ่านแล้วปัญหาก็คงอยู่เท่าเดิม
ว่ากันว่า 95% ของปัญหาบนโลกนี้แก้ได้ด้วยการอ่านหนังสือ


LISTEN– ฟังเพื่อเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
คุณหมอแนะนำให้ขยายขอบเขตการเรียนรู้ด้วยการเลือกที่นั่งหน้าสุด เพราะคนนั่งหน้าอาจจะโดนเรียกถาม จึงตื่นตัวและตั้งใจมากกว่าคนนั่งหลังที่สามารถแอบงีบแอบเล่นมือถือได้
ก่อนเริ่มให้เขียนเป้าหมายไว้ว่าอยากได้อะไร เมื่อได้ยินเรื่องนั้นๆจะยิ่งรับข้อมูลได้ดี เวลาฟังให้เงยหน้า และจดเพราะประเด็นสำคัญ (ฟัง 7 : จด 3) และถ้ามีคำถามให้จดไว้ด้วย


พยายามใช้เวลาว่างฟังเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เช่นฟัง Podcast หรือ Audio Book (หนังสือเสียง) ตอนขับรถกลับบ้าน


WATCH – ดูสิ่งต่างๆให้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาตนเอง ฝึกเป็นคนสังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ดูความเปลี่ยนแปลงของคนใกล้ตัว จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลดีขึ้น การสังเกตพร้อมกับถามคำถามจะช่วยให้เปิดโลกให้กว้างขึ้น มันอาจนำไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ที่มีความเชื่อมโยงกัน
ลองอ่านใจ อ่านสีหน้าคนอื่น เดินเล่นในเมือง ดูหนัง ดูงานศิลปะ ฯลฯ ช่วยให้เราฝึกเป็นคนช่างสังเกตได้

และการทำ INPUT ดูซ้ำ 3 ครั้งในสองสัปดาห์จะทำให้เราจำเรื่องนั้นๆได้
ส่วนเวลาพัก ต้องเคารพการไม่ดู เพื่อพักสายตาจริงๆ ไม่ใช่พักทานข้าวไปดูมือถือไป


INTERNET – ใช้อินเตอร์เน็ตให้น้อยที่สุดแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งที่ได้จากอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่คือข้อมูล ส่วนสิ่งที่ได้จากหนังสือหรือบุคคลส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ จำไว้ว่าข้อมูลอ่านฟรีในอินเตอร์เน็ตมีทั้งเพชรและกรวดปนกัน ต้องแยกให้ออก ดังนั้นติดตาม ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ (Curator) ที่เชื่อถือได้เพื่อรับข้อมูลย่อมดีกว่าหว่านแหอ่านไปทั่ว

ฝึกใช้อีเมล์ให้เป็นแยกโฟลเดอร์ ไม่อ่านเมล์ขยะ เช็คเมล์เป็นเวลา

ฝึกใช้เทคนิคค้นหา ช่วยประหยัดเวลาไปมาก

สร้างคลังข้อมูลเก็บไว้ของตัวเอง เซฟเก็บเป็น รูป PDF หรือคลิป ใส่ Folder วันหลังกลับมาค้นก็ง่าย


LEARN – วิธีเรียนที่ดีที่สุดช่วยดึงศักยภาพในทุกด้านออกมา
พบปะผู้คน หากเรามีเวลาพอจะพบคน 100 คน คนละ 1 ครั้ง สู้พบคนที่น่าสนใจ 10 คน คนละ 10 ครั้งจะดีกว่า


หรือจะเป็นการเข้าร่วมชุมชน คุณหมอแนะนำว่าเราควรออกจาก comfort zone ไปเจอคนแปลกหน้าใหม่ๆบ้าง และการเข้าร่วมชุมชนมีโอกาสสูงที่จะได้เจอคนที่เข้ากับเราได้


ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถเรียนตัวต่อตัว เรียนจาก Mentor ผู้รู้ ความเจ็บป่วย ประวัติศาสตร์ สอบวัดระดับ สอบวัดคุณวุฒิ เรียนภาษาใหม่ เรียนปริญญาโท/เอก เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สังสรรค์ กินของอร่อย เรียนทำอาหาร (ฝึกสมอง ฝึกการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน)


หรือเรียนจากสันทนาการ เช่น Netflix TV Youtube Game มือถือ แต่ต้องเรียนแบบที่เราเป็นผู้กระทำ (จดจ่อ ตั้งเป้าหมาย เข้าสู่ภาวะลื่นไหลได้ง่าย กิจกรรมที่ลงทุนให้ตัวเอง) ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ (ไม่จดจ่อ ทำลายสมาธิ ไม่นำไปสู่การพัฒนา เป็นแค่กิจกรรมฆ่าเวลา)


ADVACNED – การเพิ่มขีดความสามารถในการ INPUT
พยายามทำ OUTPUT หลัง INPUT ทันทีเพราะสดใหม่ที่สุด เช่นเขียนรีวิวหนังที่เพิ่งดู หนังสือที่เพิ่งอ่านจบ สรุปใจความหลังจากประชุม ฯลฯ ลองเปลี่ยนสถานที่ทำ INPUT ไปเรื่อยๆ หาสาถานที่ๆทำให้เราตั้งสมาธิได้หลายๆแห่ง


เทคนิคที่ว้าวประทับใจมากคือ การสร้างห้องสมุดสำหรับใส่ข้อมูลในสมอง โดยใช้ Mandala Chart ซึ่งจะสามารถแบ่งแยกได้ 8 หัวข้อใหญ่และ 64 หัวข้อย่อย เอามาพล็อตลงตารางที่ 9 ช่องแบบ 3 X 3 เวลาต้องการใช้งานก็จะนึกออกได้รวดเร็วเพราะมีผังห้องสมุดข้อมูลอยู่ในหัว


ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าโลภที่จะเรียนรู้มากไป เพราะสมองจัดการข้อมูลได้คราวละ 3 เรื่อง ให้ใช้กฎ 3+3 คือ ค้นพบ 3 เรื่อง เขียน To Do 3 เรื่อง นำไปปฏิบัติ คุณหมอยังบอกอีกว่า 15 นาทีก่อนนอนคือเวลาทองของความจำ อยากจำอะไร ทำตอนนี้แล้วเข้านอนเลยจะจำได้ดีกว่า


นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาความสามารถในการจดจำโดยการออกกำลังกาย จะแบ่งย่อยยังไงก็ได้ ให้สัปดาห์นึงรวมๆแล้วได้ออกกำลังมากกว่า 2 ชั่วโมง


จิตใจและสมองเราถูกสร้างจาก INPUT เมื่อ 10 ปีก่อน ดังนั้น จงทำ INPUT ที่จำเป็นเพื่อ ตัวเราที่อยากเป็น ในอีก 10 ปีข้างหน้า


เมื่ออ่านครบทั้ง OUTPUT & INPUT ยกให้ทั้งสองเล่มเป็นสารานุกรมของการพัฒนาตัวเอง เทคนิคเป็นร้อยๆที่คุณหมอสั่งสมจากประสบการณ์ในอดีตเป็นสิบๆปี เขียนเป็นหนังสือออกมา เอาไปใช้ได้จริงแทบทั้งสิ้น
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for KaTe.
66 reviews
September 24, 2021
อาจจะคาดหวังมากไปหน่อย อ่านจบแล้วไม่ได้อินมาก ส่วนที่คิดว่านำมาปรับใช้ได้และเป็นข้อคิดดีๆคือในตอนเริ่ม, read, listen, learn บางตัว นอกนั้นไม่ค่อยอิน เช่น เรื่องควรเล่นมือถือ 1 ชม.ต่อวัน เราเป็นคนหนึ่งที่เราคิดว่าการใช้ smartphone ไม่ได้ผิดตรงไหน การใช้จะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์มันขึ้นอยู่กับเราต่างหาก คำพูดที่บอกว่าเราเสพข่าวไร้สาระจริงๆมันก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่ยูติดตามหรือเปล่า หน้าไทม์ไลน์จะโชว์อะไรขึ้นมาเราว่าบางทีมันสะท้อนว่าแล้วเราติดตามคนแบบไหน ดังนั้นเราจะไม่อินในคำพูดที่บอกว่าใช้โซเชียลมีเดียไม่เกินหนึ่งชั่วโมงต่อวัน หรืออะไรแแบบนี้เพราะเรามองว่าเราเลือกได้ (จริงๆส่วนตัวเราเป็นเปิด noti เฉพาะที่จำเป็นอยู่แล้ว และไม่ได้ไถเฟสบุคหรือไอจีตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ)
ละก็ส่วนที่บอกว่า internet เป็นแค่ข้อมูล อันนี้ก็ขัดใจค่ะเพราะปัจจุบันความรู้ดีๆมากมายอยู่ในอินเตอร์เนตนะแค่เราเลือกให้เป็น
ส่วนบางอย่างที่อาจจะไม่ได้อินมากเพราะว่าเนื้อหาบางส่วนเนื่องจากคนเขียนอยู่ในญี่ปุ่นอะนะ จะมา adaptในเมืองไทยก็ยากหน่อย อย่างเช่นการหาสวนสาธารณะชมธรรมชาตินั่งกินข้าวตอนพักกลางวัน 🥲 และเนื้อหาบางส่วนประกอบกับว่าเป็นช่วงโควิดมันเอาไปทำตามได้ยากก็เลยไม่อินด้วยแหละ
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Lydia Fung.
57 reviews3 followers
July 17, 2021
A nice sequel to OUTPUT that teaches productivity, it also gives out some insights on reading, listening to music/lectures and how to maximise the use of Internet. Compare with the OUTPUT book, the tips maybe a bit common here, though I agree the idea of emphasizing the quality of input rather than the quantity, and producing output would be the most effective way to enhance our memories on learning. Suggest to read the INPUT and OUTPUT book together.
Profile Image for LaiYi.
152 reviews9 followers
November 25, 2021
內容沒Output的充實,感覺為成一套而寫....
比較有得著的重點是:為了輸出而輸入,會加大成效—需要事後寫感想或作簡報,甚至以教導他人作為目標。

如最高學以致用法,本書:
1)短篇表達,通勤時斷斷續續看也可
2)文句簡短、直接
3)配合簡單整合圖表、漫畫,印象加深
Profile Image for anchi.
478 reviews100 followers
May 25, 2022
⭐️ 3.0/5.0

雖然說內容是關於輸入,但是主要的觀念和前一本「最高學以致用法」非常相似,有種為了寫而寫的感覺。雖然沒有非常喜歡,但是還是有學到一點點內容,詳細心得等消化完之後再來補充。
Profile Image for Crystal.
41 reviews2 followers
April 6, 2023
Nice little sequel to his previous work called Output. Some good insights on how to maximise input and what (not) to include in daily lives. Just that sometimes he sounds a bit boastful.
Profile Image for Surattikorn.
119 reviews5 followers
September 9, 2021
หนังสือ The Power of Input เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ต่อเนื่องจากหนังสือ The Power of Output ของผู้เขียนท่านเดียวกัน
ถึงแม้จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับ Input แต่ตลอดทั้งเล่มผู้เขียนได้พูดถึง Output อยู่ตลอดเวลา เมื่ออ่านจบเราจะยิ่งเข้าใจเรื่องของการ Output มากขึ้น

หนังสือเล่มนี้นำเสนอเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับ Input เช่น การอ่าน การฟัง การเรียน การพูดคุย การจัดการการใช้งานคอมพิวเตอร์และ Internet และอีกหลาย ๆ เรื่อง

โดยส่วนตัวผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้อ่านง่าย อ่านให้จบได้อย่างรวดเร็ว เพราะแม้เนื้อหาจะเยอะ(300 กว่าหน้า) แต่ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ โดยแต่ละหัวข้อจบใน 2-3 หน้า นอกจากนี้แต่ละหัวข้อผู้เขียนได้สรุปใจความสำคัญไว้ให้แล้ว มีรูปประกอบซึ่งเป็นใจความสำคัญในทุกหัวข้อ และไฮไลต์ข้อความสำคัญไว้ให้ด้วย

สรุปสั้น ๆ สำหรับบางหัวข้อที่ผมให้ความสนใจ
https://www.iamgolfz.com/หนังสือ/หนัง...
https://www.iamgolfz.com/หนังสือ/the-...
5 reviews
August 10, 2023
This book taught me a lot of useful skills to better ‘input’ information into me, and it gave me a new perspective and understanding of learning. When there are too many information on the online world, it is getting harder and harder to try and put your effort into something. This book is really good at helping me maximise learning, and was oddly easy-to-read as a novel lover. Each of the small chapters have little doodles that makes this book even easier to understand. The techniques in every small chapter are also impressively useful. For example, in some parts of the book, they emphasise about ‘quality over quantity’ in books. We all know about many major tips of learning, but this book gives a really nice explanation and evidence on why and how these tips work, and how to perfectly execute them. Of course, this book is not too pushy on you, it doesn’t force you to become a extreme perfectionist. I totally recommend this book to anyone!!!
Profile Image for Aom Ruka.
385 reviews16 followers
June 5, 2022
เราชอบเล่มนี้มาก คือเราอ่านตัวเล่ม out put มาก่อนแล้วชอบ เลยมาตามอ่านเล่มนี้ดู เล่มนี้ก็ไม่ผิดหวัง

คือช่วงแรกๆบางช่วงมีความเหมือน out put บาง แต่ส่วนหลังกลับสอนเทคนิคอะไรต่างๆมากขึ้นกว่าเดิม

ความสนุกของนักเขียนคนนี้คือ เขียนสั้น ตรงจุด เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เห็นภาพ แล้วเอาไปใช้งานได้เลย

บางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องเบสิก แต่บางทีเราก็หลงลืมมันไป การมีเล่มนี้ เหมือนกลับมาช่วยกระตุ้นสิ่งที่เราหลงลืมไปให้กลับมาอีกครั้ง

ส่วนที่จะไม่ชอบของเล่มนี้คือ การสอนวิธีใช้กูเกิ้ล search engine ซึ่งเป็นเรื่องเทคโนโลยีที่เราใช้กันในปัจจุบันอยู่แล้ว ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ (เหมือนเล่ม out put ที่สอนเรื่องแนวนี้ไปซะเยอะเลย)

ส่วนตัวเราว่าเล่มนี้สนุกกว่า out put แต่ทั้ง out put และ in put เหมือนกันคือ อ่านง่าย เข้าใจ เอาไปใช้ได้เลย ดีงามจริงๆ
Profile Image for Jenn Odd.
191 reviews13 followers
February 7, 2024
There is a LOT of advice in here. Some good, some not so good, but a lot of it is stuff that you're not taught in school (especially Japanese schools), so I appreciate the author putting it all together.

A lot of the advice was about different ways you can learn new things. I liked that the author gave a lot of advice for busy people, or people who can't afford further education, or how it's important to have fun and relax too.

I worry some people might take away a toxic productivity mindset after reading this, but fingers crossed most people are smart enough uto pick and choose what works for them and not take everything in this book as gospel.
Profile Image for Tum Kanapon.
146 reviews13 followers
October 23, 2021
สิ่งที่ได้
1.ก่อน input ให้วาง output ก่อนประสิทธิภาพจะดีกว่า
2.เลือก input ให้ดี เลือก Homerun book (หนังสือที่อ่านแล้ว ไม่รู้สึกเสียดายเวลา อย่าอ่านไปเรื่อย)
3.ทำ Output อย่างสม่ำเสมอ Input ถึงจะอยู่กับเรา
4.ไม่ต้องอ่านทั้งหมด เลือกเฉพาะสิ่งที่เราสนใจก่อน

ถ้าเทียบกับเล่มก่อน Output แล้วผมชอบกว่ามากเยอะ

เล่านี้ดูเหมือนเป็นส่วนขยายออกมาเฉยๆมากกว่า

อีกทั้งเล่มนี้ลงลึกที่เทคนิคของผู้เขียนเยอะเกินไปนิดนึง แล้วหลายอย่างเป็นเรื่องที่ทั่วๆไปไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก อีกทั้งผมรู้สึกผู้เขียนเน้นขายตัวเองถี่ไปนิดนึง

สิ่งที่ชอบคงเป็นรูปแบบการจัดวาง และตัวการ์ตูนที่น่ารักทำให้อ่านง่ายดี
6 reviews
January 5, 2022
หนังสือภาคต่อของ the power of output
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือคือ
1. การทำ iput ต้องทำต่อเนื่อง สลับกับการทำ output ที่เหมาะสมเพื่อให้สมองเก็บเป็นความทรงจำระยะยาว ซึ่ง input จะสำเร็จก็ต่อเมื่อเราจำได้
2. การทำกิจกรรมต่างๆหากเราตั้ง output ไว้ล่วงหน้าจะช่วยทำให้เรามีสมาธิในการหาคำตอบนั้นได้มากขึ้น หรือสามารถจับประเด็นในสิ่งที่เราสงสัยได้มากกว่าการนั่งฟัง/อ่าน แบบไม่ได้กำหนด output ไว้แต่แรก
3. อย่าโลภมากที่จะเรียนรู้จนเกินไป การเรียนรู้แบบเลือกจับประเด็นที่ต้องการหรือเลือกรับแต่ข้อมูลที่มีประโยชน์ในชีวิต/การทำงาน มีประโยชน์มากกว่าการรับข้อมูลที่มากเกินไปแต่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์
Profile Image for ภูมิ 3 รวย.
38 reviews3 followers
September 28, 2021
Input คือ การเสพข้อมูลความรู้ (invention ที่เป็น content ในตลาด)*ลงสมอง
Output คือ การปล่อยข้อมูลความรู้ออกจากสมอง

ทั้ง 2 อย่างมีเป้าหมาย คือ
เพื่อสร้าง invention อะไรก็ได้
เพราะศิลปินที่แท้จริงต้องสร้างผลงานสิ่งประดิษฐ์ออกสู่ตลาด

Invention มี 2 แบบ
1 แบบที่ขายได้
เรียก innovation หรือ the right it
2 แบบที่ขายไม่ได้
เรียก the wrong it

To make sure you are building the right it at the right time before you build it right.
จงสร้างสิ่งที่ใช่ในเวลาที่ใช่ก่อนทำสิ่งนั้นให้สมบูรณ์แบบ

ประวัติศาสตร์สิ่งที่ใช่ มี5รุ่น ที่ขึ้นมาเป็นบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา

ก่อน internet มา เป็น linear Organization**
ยักษ์รุ่น1 Distributor onground
ยักษ์รุ่น2 Product Service Content Software

หลัง internet มา เป็น Exponential Organization***
ยักษ์รุ่น3 Distributor online
เรียกว่า platform เป็นสะพานเชื่อมการสื่อสารข้อมูลวงการเดียว
ยักษ์รุ่น4
เรียกว่า Multiple platform เป็นหลายสะพานเชื่อมหลายวงการ
ยักษ์รุ่น5 Infrastructure
เรียกว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานของสะพาน
มี hardware product กับ software OS

Layer3-4 เป็น Digital twin ของ Layer1 เช่น
Youtube เป็น Digital twin ของ ช่อง tv
Netflix เป็น Digital twin ของ theater

Layer5 เป็น Digital twin ของ Layer2 เช่น
Smartphone Tablet เป็น Digital twin ของ Desktop Laptop

*
ความลับทางการค้าจะไม่มีขายในตลาด เพราะบริษัทผู้บุกเบิกที่เป็นเจ้าของ technology จะไม่ให้ใครรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการชี้นำให้คู่แข่งคิดได้
**
LiO เป็นธุรกิจที่เมื่อรายได้มากขึ้น ต้นทุนในการสร้างรายได้ก็เพิ่มขึ้นด้วยเท่าๆกัน
เรียกว่า ไม่มีการประหยัดจากขนาด
ธุรกิจใหญ่ขึ้นไม่ได้ทำให้เกิดข้อได้เปรียบในต้นทุนปฏิบัติการ
***
ExO เป็นธุรกิจที่เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ต้นทุนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม แต่รายได้กลับโตเร็วยิ่งกว่า
เรียกว่า มีการประหยัดจากขนาด
เพราะมีคุณสมบัติ repeatable และ scalable
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม I และ B ถึงมองหา the right startup เพราะมันเป็นตัวอ่อนของ ExO ใน layer 3-4-5
Profile Image for Mamaew Ueakarn.
21 reviews
November 4, 2022
สรุปสั้น ๆ (ด้วยประโยคที่คุณคาบาซาวะเขียนเอง) เล่มนี้คือเทคนิคการทำ input โดยการตั้ง output ขึ้นมาก่อน
ชอบเทคนิคในบทที่เกี่ยวกับการอ่าน การฟัง การดู การใช้อินเทอร์เน็ต และบทวิธีการทำ input ขั้นสูง -- ก็เกือบครบแล้วนะ 55555555
ส่วนบทการเรียน รู้สึกว่ากว้างเกินไปหน่อย แค่นั้น แต่ trick ที่จิตแพทย์ท่านนี้แนะนำก็คือดีมาก ๆ เอาไปใช้ได้เลย เริ่มจากทำ output เล่มนี้ก่อนเลยอันดับแรก
ชอบที่มี graphic สรุปแต่ละบทด้วยภาพ ไม่ต้องจำเป็นตัวอักษร เข้าใจง่าย 👍
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Болдбаатар Батбаатар.
5 reviews1 follower
June 1, 2020
人の話を聞き流すのをやめて,注意深く聞いてみよう!
なんとなく読むじゃなく,注意深く読む!
ー>この本を読んだ時,自分の聞くことと読むことによりインプットするには当たって,大事な注意するべきところを見つかったと思う.私は,様々なものを読んでいる時に何となく読んでいて,例え,今日から一週間前の間に読んだものを思い出そうとしたら代々思い出さない.(本当にあぎじゃびよいだよー草)私は人の話を聞いている間にその人の話をチャンと理解しようともなく,ただのレスポンス(返事)を考えている.だから,ここから本を読む時に注意深く読み,その内容をできるだけ書くようにする.聞く時にちゃんと耳をむけて内容を理解するよう全力で頑張る.インプットというのは,インとして脳の中に入って,プット(新しい情報を3回繰り返して使うと残されやすい.)するという事ー>なるほどねって思ったよ.

Profile Image for Khomkrit Pongwikran.
16 reviews1 follower
December 8, 2021
เนื้อหาก็ตามสไตล์ how-to ทั่วไป เดาได้กันอยู่แล้วถึงการปฏิบัติตนให้มี productivity สูง จริงๆหนังสือจะเขียนเล่าสลับกับรูปภาพและคำสั่งกระตุ้นให้เราทำ (แต่ขี้เกียจทำน่ะ 555) เรื่องที่ให้ทำทั้งหมดก็เช่นอ่านหนังสือเดือนละน้อยเรื่องแต่ตั้งใจอ่านและทำ output (หมายถึงให้เขียนรีวิวหรือทำสรุป) ก็จะจำได้มากขึ้น โดยรวมก็รู้อะไรมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ขนาดนั้น
Profile Image for Sleeping  bear.
126 reviews
December 31, 2021
เป็นหนังสือที่ดีทีเดียวในการแบ่งชนิดของงานรับรู้ออกมาเป็นแต่ละส่วน
เนื้อหาเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องพื้นฐานไม่ได้มีจุดที่แปลกใหม่ โทนของเนื้อหามาในแนวทางแนะนำสบายๆ มีภาพประกอบ
ส่วนตัวแล้วมีความเหมาะสมมากๆครับในการอ่านเป็นเล่มแรกๆในการฝึกเรื่อง Input
หากแต่ผู้อ่านที่ศึกษามาพอสมควร และต้องการจะศึกษาเรื่อง Input นี้ในเชิงลึกแนะนำให้อ่านเล่มอื่นๆดีกว่าครับ
Profile Image for Akiko Koide.
43 reviews
September 17, 2020
質が良いインプットをすることにより効率的なアウトプットを実践する為のヒント集の本。

先ずは、
スマホのお知らせ機能を全てオフ
スマホからのアウトプットに繋がらない情報獲得を止める
インプットする時はアウトプットのゴールを決める

この辺りから実践してみます。
Profile Image for Krisada Visoodsak.
90 reviews
October 17, 2021
2 เล่ม คู่กัน output/Input ย่อยอ่านง่ายเอาไปใช้ได้เลย
ขอบคุณ ผู้แต่ง และสำนักพิมพ์ ที่แต่งและแปลหนังสือดีดีมาให้
Profile Image for Tanaporn Simcharoen.
88 reviews1 follower
February 20, 2022
เขียนได้อ่านง่ายเข้าใจง่ายมาก เทคนิคน่าสนใจมากต้องลองเอาไปใช้บ้าง
Profile Image for Praew Natjira.
18 reviews
June 5, 2022
The power of input หนังสือเล่มนี้แนะนำวิธีการทำ input ซึ่งในเล่มจะแนะนำวิธีที่ชัดเจน และยกตัวอย่างให้ดูด้วย
Profile Image for Rachel Li.
6 reviews
June 2, 2024
喜欢里面的三点阅读法,开始阅读的时候边写边看便总结了,这本书也适合当字典来用,很多输入的方法,可以不同的阶段试不同的,总之推荐,搭配Output一起阅读更佳
Displaying 1 - 30 of 37 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.