Mook Woramon898 reviews200 followersFollowFollowFebruary 19, 2022หดหู่เหลือเกิน ไม่แนะนำให้อ่านช่วงจิตตกเลยเพราะขมขื่นมาก นิยายเล่าเรื่องชีวิตชนชั้นล่าง-กลางได้จริงเหลือเกิน จริงจนปวดใจอ่านแล้วเห็นภาพของชีวิตที่ล่องลอยไปตามกระแสเมืองหลวง ดิ้นรนให้พออยู่รอดในแต่ละวัน แบกน้ำหนักความหวัง ความขมปร่าของชีวิตไว้เต็มบ่า ต่างคนต่างโคจรมาพบกันในอุบัติเหตุ ความตายกลายเป็นสิ่งยุติธรรม มันพรากทุกคนไปจากคนที่รักเราอย่างไม่ปรานี ไม่อาจต่อรอง ชีวิตที่เหลืออยู่ได้แต่ดิ้นรนกันต่อไป เพียงหวังว่าซักวันมันจะดีขึ้น"เราต่างเกิดมาเพื่อเป็นฉากหลังอันพร่าเลือนสำหรับคนอื่นเราเป็นฉากหลังในชีวิตของกันและกันชีวิตนี้ทำไมมันช่างไม่มีความสลักสำคัญอะไรแบบนี้นะ"
MonoNoAware266 reviews36 followersFollowFollowNovember 17, 2021นิยายที่โครตเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง รันทด นิยายที่ดำเนินเรื่องโดยมีฉากหลังเป็นมหานครเมืองกรุงที่มีอยู่จริง ทำไมไม่รู้ ฉันอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่กลับเป็นชีวิตจริงๆ ของตัวละครที่อาจไปตรงกับชีวิตของใครบางคน ในมหานครที่มีคนหนาแน่น มากหน้าหลายตา หลากหลายอาชีพ หลากหลายชนชั้น หลากหลายการดำเนินชีวิตทุกเรื่องราว ฉันเหมือนได้ร่วมเผชิญใช้ชีวิตไปกับพวกเขา ทุกเรื่องราว เหมือนเราได้เห็นภาพของตัวละครนั้นจริงๆ โลดแล่นอยู่ในมหานครที่แสนวุ่นวาย อ้างว้าง เดียวดาย ว่างเปล่า เหมือนได้ต่อสู้ ดิ้นรนไปพร้อมๆ กับพวกเขา ทุกบรรทัดเหมือนได้สัมผัสความเจ็บปวด ความว่างเปล่า ความไร้น้ำหนักไปด้วยกัน แต่อย่างน้อยสุดท้ายแล้วยังมีบางเรื่องราวที่จบลงให้เราได้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจ fiction
Makmild806 reviews218 followersFollowFollowSeptember 14, 2025ชีวิตแสนสั้น ใจดีกับตัวเองและคนอื่นให้มาก เออ ตอนอ่านคิดงี้ตลอด ทั้งๆ ที่ตัวละครในเล่มบางคนก็ไม่ได้น่าเอาใจช่วยอะไรเลย แต่บางคน (บางตัว) ก็แสนจะซึมตอนได้อ่านเราล้วนเป็นตัวเอกในเรื่องเล่าของตัวเอง และเป็นส่วนประกอบอื่นๆ ในเรื่องเล่าของผู้อื่น เป็นผู้ร้ายก็ได้ เป็นตัวประกอบพิเศษก็ได้ หรือไม่ได้เป็นอะไรยกเว้นฉากหลังก็ได้ #วินาทีไร้น้ำหนัก ก็เล่าเรื่องของกลุ่มบุคคลในรถตู้และที่เกี่ยวข้อง รายได้ประมาณชนชั้นกลาง (ตามค่ามัธยานฐาน ไม่ใช่ความรู้สึกของคนในอินเทอร์เน็ต) ในวินาทีแห่งความเป็นและความตาย วินาทีชีวิต
สฤณี อาชวานันทกุลAuthor 82 books1,121 followersFollowFollowDecember 30, 2021นิยายที่หดหู่ โศกเศร้า อ้างว้าง เดียวดาย แต่ก็ให้ความหวังเรื่องรองในการตะเกียกตะกายไม่ยอมจำนน น้ำใจและศักดิ์ศรีของตัวละคร เรื่องราวเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่ไม่มีทางเลือกของตัวละครต่างชนชั้น ล้วนแต่โดนกดทับด้วยโครงสร้างสังคมและสาธารณูปโภคแข็งกระด้างของเมืองหลวง (“น้ำหนัก” ในเรื่อง) ไม่ว่าชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่างที่โชคชะตาพาให้โคจรมาพบกันก็ดูจะประสบความทุกข์ยากไม่แพ้กัน แม้จะคนละรูปแบบ แต่ละคนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดทุกวิถีทาง กลวิธีเล่าเรื่องฉายภาพผ่านวินาทีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ขยายให้เห็นปูมหลังของตัวละครที่บังเอิญมาอยู่ในรถตู้รับจ้าง และรถเก๋งที่ชนกัน ภาษาเขียนเรียบง่ายและสละสลวย ไม่มากเกินหรือน้อยเกิน อ่านจบแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วม และคิดว่าน่าจะดีไม่น้อยถ้าคนอ่านเล่มนี้คู่กับ “หลายชีวิต” ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช จะได้เปรียบเทียบงานเขียนแนวเดียวกันที่ใช้กลวิธีคล้ายกัน จากมุมมองของทั้งฝ่ายขวา (เน้นจริยธรรมศีลธรรมของตัวละคร) และฝ่ายซ้าย (เน้นโครงสร้างสังคมที่บิดเบี้ยว)
JillV218 reviewsFollowFollowJuly 2, 2025"เส้นทางชีวิตคนเราระหว่างสองจุดของการเกิดและการตาย คือการล่องลอยไปในกระแสธารของเวลา ที่มีลักษณะเหมือนของเหลวไหลเอื่อยเชื่องช้า ไหลไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีหยุดนิ่ง ไม่มีหวนกลับ"รวมเรื่องราวชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงที่เกี่ยวพันกับอุบัติเหตุรถชนบนทางด่วนโทลล์เวย์ในคืนหนึ่ง ไม่รู้ทำไมตอนก่อนอ่านถึงเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นแบบแต่ละบทก็เป็นเรื่องของคนนึงแล้วจบกันไป แต่จริงๆ มันคือเรื่องยาวที่เล่าผ่านตัวละครหลายๆ ตัว ตัวละครชุดเดิมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเล่าเรื่อง บางตัวก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน เนื้อหาสะท้อนชีวิตคนธรรมดาทั่วไปในเมืองกรุง ต่างคนต่างดิ้นรนมีชีวิตในเมืองหลวงอันชวนหดหู่สิ้นหวัง พอฉากเป็นเมืองที่คุ้นเคยแบบนี้เลยเกิดความสะทกสะท้อนใจมากเป็นพิเศษ เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตและความตายก็ชวนให้รู้สึดปลดปลง ชอบภาษาที่ใช้บรรยาย มีชีวิตชีวา เห็นภาพ ดึงอารมณ์ร่วมได้ แต่ก็กระชับ ไม่เวิ่นเว้อหมายเหตุ: เรียกว่า content warning รึเปล่าได้รึเปล่าไม่รู้ แต่ในเรื่องไม่ได้เล่าตามลำดับเวลา เล่าสับไปสับมา เลยมีการวนไปเล่าซีนเกิดอุบัติเหตุอยู่หลายรอบ แถมเล่าละเอียดมากด้วยthai-writers
Atisak Chuengpattanawadee26 reviews7 followersFollowFollowMarch 21, 2022หนังสือเล่มนี้ทำงานกับฉันเยอะ จนเมื่ออ่านจบรอบแรกแล้วต้องอ่านอีกรอบทันที กลายเป็นว่าอ่านจบ 2 รอบในเวลา 3 วัน!!!เรื่องเริ่มต้นจากอุบัติเหตุร้ายแรงบนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์คืนวันศุกร์ เหตุการณ์นั้นเชื่อมโยงชีวิตผู้คนที่ดิ้นรนทำมาหากินและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงเส็งเคร็งเฮงซวย ที่จะกลายเป็นเมืองฟ้าได้ก็ต่อเมื่อมึงต้องรวยเท่านั้น เป็น ’หลายชีวิต’ ภาคร่วมสมัยที่ชะตากรรมของผู้คน แม้กระทั่งหมาจร ต่างถูกกำหนดด้วยโครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่ห่วยแตกไปทุกมิติชีวิตของตัวละครหลากอาชีพหลายความสัมพันธ์เชื่อมร้อยกันบางๆ เป็นผู้คนที่ ‘ต่างเกิดมาเพื่อเป็นฉากหลังอันพร่าเลือนสำหรับคนอื่น’ ท่ามกลางตึกราม ชั้นวางของ กองหนังสือ ที่ ล้วนแต่สูง ‘ท่วมหัวท่วมหู’ ไปหมดห้องเช่ารังหนู ทาวน์เฮ้าส์ย่านชานเมือง โซฟาเบาะหนังเทียม เสื่อน้ำมัน ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัดที่พองตัวจากความชื้น และกลิ่นสดชื่นที่พอจะหาได้จากน้ำยาซักผ้าเคมีเมื่อตากผ้าในยามบ่ายวันอาทิตย์ร้านกาแฟที่เปิดขาย 24 ชม เพื่อให้คนไปสั่งกาแฟดีแคฟ ใส่นมนอนแฟต น้ำตาลเทียม นั่งดื่มกินความว่างเปล่า สั่งกาแฟว่างเปล่าที่ไม่มีใครอยากกินแต่สั่งเพื่อสิทธิในการนั่งในความว่างเปล่า 2 ชมมีใครบางคนเฝ้าฝันถึงสรวงสวรรค์อันโดดเดี่ยว แต่สุดท้ายมีแต่วันพรุ่งนี้ที่ไม่เคยมาถึง นักเขียนวางโครงเรื่องมาอย่างดี ชีวิตของแต่ละคนตอนเริ่มเรื่องคล้ายจะดำเนินไปอย่างเป็นเอกเทศ เล่าสลับไปมา ไปข้างหน้า ย้อนหลัง แต่ค่อยๆผูกร้อยเข้ามากันทีละนิดๆ จนสมบูรณ์เมื่อถึงตอนจบ นั่นเป็นเหตุที่ต้องกลับไปอ่านรอบที่สองทันทีเพื่อปะติดปะต่อร่องรอยต่างๆ ที่นักเขียนทิ้งเอาไว้ระหว่างทางระหว่างอ่านฉันต้องไปค้นข้อมูลดูอย่างน้อย 3 เรื่องเรื่องแรกคือ เพลง “พรุ่งนี้” ที่ในนิยายเขียนเนื้อไว้แค่ 4 คำว่า ‘คืน วัน ผัน เวียน’ ไปค้นดูพบว่าเพลงนี้มีอยู่จริง เพราะมาก แต่เนื้อเพลงต่อจาก 4 คำนั้น มันเศร้าชิบหาย‘คืน วัน ผัน เวียน เฝ้าเปลี่ยนหมุนไป แต่ความหวังไม่หมุนมา….’เรื่องที่สอง คือ สถานีอวกาศ ซึ่งพบว่ามันจะโคจรอยู่เหนือพื้นโลก 400 กม. จริงๆว่ะ นักเขียนเขาไม่ได้มั่วและเรื่องที่สาม คือโฆษณาสีทาบ้านบนเกาะร้าง แต่อันนี้หาไม่เจอ เลยไม่รู้ว่ามีจริงไหม 555หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของนักเขียนที่ฉันติดตามผลงานเขามานานหลายปี งานที่ผ่านของเขาเป็นงานเขียนบทความ และแปลหนังสือ เล่มนี้ถึงแม้จะนำเสนอในรูปแบบนิยาย แต่ฉันคิดว่าตัวตนและมุมมองต่อโลกในแบบของเขายังแจ่มชัด และจากการที่ตามอ่านงานของเขามาร่วม 10 ปี ฉันรู้สึกว่าเขาทั้งเหมือนเดิม และเปลี่ยนไป เหมือนเดิมในแง่ความช่างสังเกตสังกา ประชดประชันเบาๆ แต่เปลี่ยนไปในแง่ที่ดูจะอ่อนโยนมากขึ้น‘กลับบ้านกันเถอะ’ คำพูดสุดท้ายที่นทีคนขับรถตู้บอกกับวิษณุ นักเขียนหนุ่มดึงความรู้สึกที่ว่างโหวงจากการอ่านให้กลับมา ชีวิตมีความสัมพันธ์บางอย่างเสมอ และคำพูดนี้ทำให้นิยายเล่มนี้ไม่โหดร้ายจนเกินไปนักเนื่องจากเล่มนี้เป็น pre-order จึงได้ลายเซ็นนักเขียนพร้อมกับข้อความที่เขาเขียนไว้ด้วยลายมือว่า“ชีวิตคือการแสวงหาความหมายด้วยน้ำหนักของสัมภาระเราจึงจะสามารถค้นพบมัน”หากเป็นเมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว ฉันคงขมวดคิ้วกับประโยคนี้แต่ในวัย 49.88 ฉันยิ้มให้กับมัน
mmhon2 reviewsFollowFollowOctober 28, 2023เขียนบรรยายถึงชีวิตของแต่ละคนที่ล้วนมาบรรจบในสถานการณ์เดียวกัน เศร้า หม่น เข้าใจง่าย สมจริง เห็นภาพ เหมือนในทุกวินาทีที่ได้ flash back ย้อนอดีตของแต่ละตัวละครกลับมา ถ้าตัดสินใจอีกอย่างเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปยังไง ทุกๆตัวละครที่ร้อยเรียงเหตุการณ์มาบรรจบกัน เสมือนภาพเวลาเก่าๆนั้นอยู่ในวินาทีที่เราไร้น้ำหนัก ประหนึ่งนักบินอวกาศที่ทำภารกิจในนอกโลก เปรียบเปรยได้เข้าใจง่ายเห็นภาพ ทุกการกระทำสมเหตุสมผล เป็นหนังสือเล่มที่ดีที่สุดที่อ่านในช่วงนี้เลยค่ะ แนะนำเลยให้อ่านเลย ดีมากๆเลย
Sahathust Num405 reviews5 followersFollowFollowJanuary 12, 2023นิยายเล่มนี้ อ่านสนุกและอ่านเพลินเนื้อเรื่องที่ตอนแรก คิดว่าจะเป็นรวมเรื่องสั้น แต่เมื่ออ่านไปก็พบกับเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ทำให้เกิดความรู้สึก อารมณ์ที่หลากหลาย เล่มนี้มีตัวละครที่น่าสนใจมากมาย จะยิ่งสนุกและอินมากถ้าผู้อ่านดำเนินชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งฉุกคิดทำให้เราเห็นภาพการดำเนินชีวิตของคนเมืองที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าได้ดี ขอบคุณที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ครับ
Orada Nuttayang6 reviewsFollowFollowMarch 15, 2022อ่านสนุกมากค่ะ อ่านเพลิน เป็นการสะท้อนชีวิตของเรา แต่อ่านจบแล้วก็รู้สึกหน่วงๆเหมือนกันนะ ทำให้กลับมาคิดอะไรหลายๆอย่าง
Book Beforebed_282 reviews9 followersFollowFollowMarch 29, 2023ผู้เขียนสื่อถึงความเป็นจริงในประเทศนี้ได้เรียลมาก มันจุกตรงที่ว่า เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวเหล่านี้ล้วนอาจเกิดขึ้นจริงในชีวิตของใครสักคนหนึ่ง โดยเฉพาะในประเทศนี้ ทั้งในแง่ของสภาพความเป็นอยู่แบบหาเช้ากินค่ำ การดิ้นรนที่จะมีชีวิตพร้อมกับความหวังที่ริบหรี่ หรือสภาพการจราจรบนท้องถนน คืนฝนตกที่ต้องควบคู่มากับรถติดและอุบัติเหตุ ทั้งน่าเศร้าและหดหู่จัด ๆ ไปเลยon-shelf
Yohei Nimura85 reviews1 followerFollowFollowAugust 15, 2023หลายชีวิตในเวอร์ชั่นยุคสมาร์ตโฟน เขียนได้น่าสนใจ และแสดงความเหงาได้จับใจ แต่ไม่ชอบการบรรยายภาพสยดสยองที่พยายามคอมเมดี้ การตัดฉากย้อนไปมาที่ไม่ลำดับเวลา สำหรับนิยายเป็นจุดเสี่ยงของเรื่องนี้ เพราะด้วยตัวละครที่ถูกกระจัดกระจายความสำคัญทำให้ผู้อ่านหลงได้ ถือได้ว่าเป็นนิยายไทยที่มีความน่าสนใจเล่มหนึ่ง (แต่แอบเบื่อในบางช่วงนะ) อ่านแล้วก็พานจะนึกถึงเหตุการณ์จริงที่สาวไฮโซชนรถตู้วินบนโทลเวย์
คุณชายกอล์ฟ นิรัติศัย129 reviews26 followersFollowFollowMay 8, 2023โคตรเศร้าเลย แต่ก็ลึกซึ้ง งดงาม ยังพอมีแสงสว่างเล็กๆ อยู่ที่ปลายอุโมงค์"มันง่ายดายแค่นี้เอง ที่อะไรๆ จะสูญสลายหายไปจากชิวิตของเรา" -- p 348wish-list
Soung Iimoya209 reviews3 followersFollowFollowNovember 11, 2025#อ่านปี๒๕๖๘#เล่มที่56ไม่รู้จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบเล่มนี้ดีอ่านแล้วหดหู่มั้ง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงในโลกใบนี้เป็นเรื่องราวของคนในรถตู้และรถเก๋งที่ชนกันความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เกิดเหตุความสัมพันธ์ส่วนตัวของคนที่เกิดเหตุตั่งแต่อดีต ปัจจุบัน รวมถึงความฝัน ความจริงถักทอ เรียงร้อยออกมาเป็นตัวอักษรวินาทีที่จากโลกนี้ คือวินาทีไร้น้ำหนักเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ****อ่านไปอ่านไปก็นึกถึงชีวิตตัวเองสมัยทำงานที่ปราจีนก็ใช้ชีวิตกับการเดินทางที่วินรถตู้ที่อนุสาวรีย์-ปราจีนรถแบบเดียวกัน เสริมที่นั่งคนขับเร็วเพื่อเร่งทำรอบ เหมือนกันแต่ละรอบแต่ละคันก็บรรทุกผู้คนต่างที่ต่างทาง ไปต่างจุดหมายเพื่อไขว่คว้าไปทำงาน แลกเงิน วนเวียนไปต่างจากตัวละครตรงที่ตอนเราไปวินรถตู้บางทีก็นัดเพื่อนไปด้วยกัน เพราะเข้าทำงานไล่ๆกัน มีเพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะจนเรียกว่ามหาลัยแต่สุดท้ายวันนึงก็ตั้งคำถามว่า เราอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไร มีชีวิตดิ้นรนตรงนี้ไปเพื่ออะไร…****