Mirai590 reviews127 followersFollowFollowSeptember 27, 2022"ไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดอีกแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากหายป่วยค่ะ" — หน้า 202อ่านเล่มนี้แล้วนึกถึง 'อยากตาย แต่ก็อยากกินต๊อกบกกี' ของ แบ็กเซฮี (สำนักพิมพ์ B2S) ขึ้นมาเลยค่ะ เป็นหนังสือแนวเดียวกัน แนวบันทึกไดอารี่ของผู้ป่วยซึมเศร้าที่เต็มไปด้วยการรักษาและบทสนทนาระหว่างผู้ป่วยและคุณหมออันที่จริง เราเคยบอกตัวเองก่อนหน้านี้แล้วว่าเราจะเลิกอ่านหนังสือแนวนี้เสียที มันเศร้าแล้วหดหู่เกินไป ยิ่งอ่านยิ่งจม แต่กับเล่มนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นในเริ่มแรกเหมือนเราจะยังจูนไม่ติดกับเนื้อหาเท่าไหร่ มีแต่ความวุ่นวาย งุนงง สับสน เลยอ่านทิ้งไว้เนิ่นนานกว่าจะกลับมาอ่านอีกรอบ แล้วพบว่า พอก้าวผ่านจุดๆ หนึ่งในเล่มไปได้ เล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ดีทีเดียว เป็นหนังสือที่แบ่งปันความรู้สึกของผู้ป่วยซึมเศร้าให้ทุกคนได้รับรู้ ได้เห็นถึงมุมมอง ความคิด และทัศนคติต่อการมองโลกและใช้ชีวิตของผู้ป่วย บทสนทนาระหว่างผู้เขียนและคุณหมอทำให้เราเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่มากกว่าแค่ถามความรู้สึก เล่าความรู้สึก แล้วจบด้วยการจ่ายยา แต่เป็นบทสนทนาที่ทำให้เราเห็นพัฒนาการทางความคิดของผู้ป่วยอย่างลึกซึ้ง ที่ดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ และการพยายามเข้าใจตัวเองในทุกมิติอย่างไม่ยอมแพ้ ทุกอย่างดูทุลักทุเล เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้งbloom-publishing diary documentary ...more
aida320 reviews21 followersFollowFollowMay 17, 2022ไม่ได้คาดหวัง ช่วงแรกอ่านไปก็หงุดหงิดไปด้วยซ้ำไปๆ มาๆ มากลับชอบซะงั้นอ่านแล้วทำให้อยากเข้าใจตัวเองมากขึ้น ถึงจะไม่ได้เป็นซึมเศร้าอยากฆ่าตัวตายแบบคนเขียนแต่หนังสือก็โดนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะตอนท้ายเล่มที่เค้าตัดสินใจพูดความในใจออกมาตรงๆลุ้นไปด้วยกับเค้าตอนที่ตัดสินใจกลับไปทำงาน แต่ส่วนนี้รวบรัดไปหน่อย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอ่านอีกจดหมายจากคุณหมอคือซึ้งมาก เอาใจช่วยคุณหมอมาตลอดเล่ม เอาใจช่วยยิ่งกว่าคนเขียนที่เป็นซึมเศร้า เป็นกำลังใจให้คุณหมอค่ะ
Beam Boonyavee13 reviewsFollowFollowMarch 19, 2023เป็นหนังสือที่เราวางไม่ลงเลย ใช้เวลาไม่กี่วันก็อ่านจบแล้ว เป็นหนังสือที่เราเข้าใจถึงความเจ็บปวด สับสน กังวล และว้าวุ่นของตัวผู้เขียน ที่ถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงความรู้สึก เรื่องราว ณ ขณะนั้น คงจริงที่หนังสือเล่มนี้ไม่อาจปลอบโยน ถึงผู้คนที่กำลังเผชิญความรู้สึกเหล่านี้ได้เลย แต่เป็นหนังสือที่กำลังบอกถึงผู้อ่านว่า ความรู้สึกเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลก หรือผิด และมีคนอีกมากมายกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดนี้อยู่เหมือนกัน อ่านแล้วไม่รู้สึกความอ้างว้างสักนิด จริงๆคนที่อยากตาย เขาไม่ได้อยากได้รับกำลังใจ หรือคำที่บอกว่าสู้ๆ แต่สิ่งที่ต้องการจริงๆคือความเข้าใจ ความรัก ที่ไม่ได้พยายามจะปลอมประโลม หรือยัดเหยียดความคิดให้เขารักตัวเองขนาดนั้น เขาขอแค่นั้นจริงๆ คนที่รู้ว่าเขาไม่เคยยอมแพ้ แล้วกำลังสู้ด้วยทุกสิ่งที่มีแล้ว
Natcha R.49 reviewsFollowFollowDecember 15, 2022หนังสือเป็นอารมณ์เหมือนเรานั่งอ่านไดอารี่ประจำวัน ที่บอกเล่าถึงชีวิตและการเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านได้เรื่อยๆ เผลอแป๊บเดียวก็อ่านจบเล่มแล้ว ส่วนตัวเราไม่ได้มีความรู้เรื่องโรคซึมเศร้า แต่เราได้รู้และรู้สึกถึงมุมมองของคนที่เป็นโรคนี้ได้เลย มีบางอามรณ์ที่เราแอบไม่เข้าใจบ้าง แต่ส่วนที่ทัชใจเราก็คงหนีไม่พ้นเรื่องประเด็นของครอบครัวนั้นแหละ ส่วนตัวเรา มีบางประเด็นที่คนเขียนน่าจะเล่าได้เยอะกว่านี้ เป็นอารมณ์ที่คนอ่านอยากเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนมากกว่านี้แหละมั้ง โดยรวมแล้วชอบค่ะ เป็นอีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน
Pensri S.2 reviewsFollowFollowApril 14, 2022“เหลือแค่ตัวฉันที่ต้องทำให้ดี”This entire review has been hidden because of spoilers.
Eye4 reviewsFollowFollowJanuary 20, 2023อ่านได้เพลินๆ ไม่ติดขัดอะไร ทำให้เข้าใจความรู้สึกคนที่เป็นมากขึ้น และเห็นบางสิ่ง รายละเอียด บางอย่างสำคัญขึ้น
Chanya Srisa4 reviewsFollowFollowFebruary 21, 2023เป็นไดอารี่ของผู้ป่วยซึมเศร้าที่เขียนขึ้นระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะเนิบๆหน่อยเล่าว่าวันนี้เป็นไงรู้สึกยังไง อยากฆ่าตัวตายมั้น ไม่ใช่แนวเราเลยไม่ค่อยชอบ