What do you think?
Rate this book
วิชาสุดท้าย #1
วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน
หนังสือเล่มนี้รวบรวมบทแปลสุนทรพจน์วันรับปริญญาที่ผู้แปลคิดว่า “กินใจ” ผู้อ่าน สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง และมี “ความเป็นสากล” สูงพอที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งนักศึกษาและผู้อ่านชาวไทยโดยทั่วไป
สิ่งหนึ่งที่ผู้แปลคิดว่าน่าสนใจคือ ผู้กล่าวสุนทรพจน์ทั้งสิบคนที่รวบรวมไว้ในเล่มนี้ ไม่ได้สอน “สูตรสำเร็จ” ของความสำเร็จให้กับนักศึกษา หลายคนเล่าถึงความล้มเหลวของพวกเขาอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำไป
ในภาวะที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังชื่นชมกับใบปริญญาว่าสามารถบันดาลสุขให้กับผู้รับ ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สุนทรพจน์ที่เลือกมานำเสนอในเล่มนี้ อาจช่วยกระตุ้นให้ท่านผู้อ่านมองเห็น “กับดัก” ของใบปริญญา บทบาทของการศึกษาในบริบทของการใช้ชีวิต ทั้งในฐานะปัจเจกชน และในฐานะพลเมืองของสังคม และอาจช่วยทุกท่านในการตอบตัวเองว่า ความหมายของชีวิตอยู่ที่ใด?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาของมนุษย์เราทุกคน ย่อมมิได้จบลงเมื่อเดินออกจากรั้วโรงเรียน หากดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งจวบวันตาย และในหลายแง่มุม การศึกษาใน “โรงเรียนชีวิต” ของเราจะเริ่มต้นได้จริงก็ต่อเมื่อผ่านพ้นวันรับปริญญาไปแล้วเท่านั้น ดังที่นักเขียนเอก มาร์ค ทเวน เคยกล่าววาทะอมตะไว้ว่า “ผมไม่เคยยอมให้การไปโรงเรียนมาแทรกแซงการศึกษาของผม” (I have never let my schooling interfere with my education.)
(บางส่วนจากคำนำ)
สิ่งหนึ่งที่ผู้แปลคิดว่าน่าสนใจคือ ผู้กล่าวสุนทรพจน์ทั้งสิบคนที่รวบรวมไว้ในเล่มนี้ ไม่ได้สอน “สูตรสำเร็จ” ของความสำเร็จให้กับนักศึกษา หลายคนเล่าถึงความล้มเหลวของพวกเขาอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำไป
ในภาวะที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังชื่นชมกับใบปริญญาว่าสามารถบันดาลสุขให้กับผู้รับ ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สุนทรพจน์ที่เลือกมานำเสนอในเล่มนี้ อาจช่วยกระตุ้นให้ท่านผู้อ่านมองเห็น “กับดัก” ของใบปริญญา บทบาทของการศึกษาในบริบทของการใช้ชีวิต ทั้งในฐานะปัจเจกชน และในฐานะพลเมืองของสังคม และอาจช่วยทุกท่านในการตอบตัวเองว่า ความหมายของชีวิตอยู่ที่ใด?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาของมนุษย์เราทุกคน ย่อมมิได้จบลงเมื่อเดินออกจากรั้วโรงเรียน หากดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งจวบวันตาย และในหลายแง่มุม การศึกษาใน “โรงเรียนชีวิต” ของเราจะเริ่มต้นได้จริงก็ต่อเมื่อผ่านพ้นวันรับปริญญาไปแล้วเท่านั้น ดังที่นักเขียนเอก มาร์ค ทเวน เคยกล่าววาทะอมตะไว้ว่า “ผมไม่เคยยอมให้การไปโรงเรียนมาแทรกแซงการศึกษาของผม” (I have never let my schooling interfere with my education.)
(บางส่วนจากคำนำ)
- GenresNonfiction
207 pages, Paperback
First published January 1, 2008
19 people are currently reading
201 people want to read
About the author
สฤณี อาชวานันทกุล
82 books1,121 followersสฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล และกรรมการผู้จัดการ ด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด จบการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มีประสบการณ์ทำงานในภาคการเงินกว่า 8 ปี ในฐานะวาณิชธนกรที่ธนาคารดอยช์ สาขาฮ่องกง พนักงานสินเชื่อที่ธนาคารไทยพาณิชย์ วาณิชธนกรและรองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรที่บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นกรรมการบริหารของบริษัท ฮันเตอร์ส แอ็ดไวซอรี่ จำกัด ก่อนที่จะตัดสินใจออกมาทุ่มเทเวลาให้กับงานเขียนและงานวิจัยอย่างเต็มตัว
นักท่องเว็บชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักสฤณีในชื่อ “คนชายขอบ” หรือ “Fringer” จากบล็อก http://www.fringer.co/ ซึ่งการเขียนบล็อกได้นำไปสู่การเป็นคอลัมนิสต์ประจำโอเพ่นออนไลน์ งานเขียนและแปลของเธอส่วนใหญ่สะท้อนความสนใจอย่างต่อเนื่องในกิจการเพื่อสังคมและการเงินเพื่อสังคม อาทิ “พลังของคนหัวรั้น” (แปลจาก The Power of Unreasonable People โดย John Elkington และ Pamela Hartigan), “สร้างโลกไร้จน” (แปลจาก Creating a World Without Poverty โดย Muhammad Yunus), “ล่องคลื่นโลกาภิวัตน์” และ “ทุนนิยมที่มีหัวใจ: ทางเลือกใหม่แห่งการพัฒนา” ดูรายชื่อผลงานทั้งหมดได้จากหน้า “Writings” บนบล็อกส่วนตัวที่ http://www.fringer.org/
ปัจจุบันมีความสุขกับการติดตามและถ่ายทอดพัฒนาการใหม่ๆ ณ พรมแดนความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ผ่านการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด, อาจารย์พิเศษ วิชา “ธุรกิจกับสังคม” ในหลักสูตรควบบริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการแบบบูรณาการ) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (โครงการ 5 ปี) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคอลัมน์ต่างๆ ในสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ “ประชาชน 2.0” ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ และ "Game Theory" บนเว็บไซต์ The Matter
สฤณีเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มและองค์กรต่อไปนี้:
- สำนักพิมพ์ ซอลท์ พับลิชชิ่ง
(https://www.facebook.com/Saltread)
- เครือข่ายพลเมืองเน็ต (http://thainetizen.org/)
- เครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย (http://cc.in.th/)
- สำนักพิมพ์ชายขอบ (http://www.chaikob.com/)
- สำนักพิมพ์ โอเพ่นเวิลด์ส์ (http://www.openworlds.in.th/)
- สำนักข่าวออนไลน์ ไทยพับลิก้า (http://www.thaipublica.org/)
- บริษัท ป่าสาละ จำกัด (http://www.salforest.com/)
นักท่องเว็บชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักสฤณีในชื่อ “คนชายขอบ” หรือ “Fringer” จากบล็อก http://www.fringer.co/ ซึ่งการเขียนบล็อกได้นำไปสู่การเป็นคอลัมนิสต์ประจำโอเพ่นออนไลน์ งานเขียนและแปลของเธอส่วนใหญ่สะท้อนความสนใจอย่างต่อเนื่องในกิจการเพื่อสังคมและการเงินเพื่อสังคม อาทิ “พลังของคนหัวรั้น” (แปลจาก The Power of Unreasonable People โดย John Elkington และ Pamela Hartigan), “สร้างโลกไร้จน” (แปลจาก Creating a World Without Poverty โดย Muhammad Yunus), “ล่องคลื่นโลกาภิวัตน์” และ “ทุนนิยมที่มีหัวใจ: ทางเลือกใหม่แห่งการพัฒนา” ดูรายชื่อผลงานทั้งหมดได้จากหน้า “Writings” บนบล็อกส่วนตัวที่ http://www.fringer.org/
ปัจจุบันมีความสุขกับการติดตามและถ่ายทอดพัฒนาการใหม่ๆ ณ พรมแดนความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ผ่านการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการด้านการพัฒนาความรู้ บริษัท ป่าสาละ จำกัด, อาจารย์พิเศษ วิชา “ธุรกิจกับสังคม” ในหลักสูตรควบบริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการแบบบูรณาการ) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (โครงการ 5 ปี) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคอลัมน์ต่างๆ ในสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ “ประชาชน 2.0” ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ และ "Game Theory" บนเว็บไซต์ The Matter
สฤณีเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มและองค์กรต่อไปนี้:
- สำนักพิมพ์ ซอลท์ พับลิชชิ่ง
(https://www.facebook.com/Saltread)
- เครือข่ายพลเมืองเน็ต (http://thainetizen.org/)
- เครือข่ายครีเอทีฟคอมมอนส์ประเทศไทย (http://cc.in.th/)
- สำนักพิมพ์ชายขอบ (http://www.chaikob.com/)
- สำนักพิมพ์ โอเพ่นเวิลด์ส์ (http://www.openworlds.in.th/)
- สำนักข่าวออนไลน์ ไทยพับลิก้า (http://www.thaipublica.org/)
- บริษัท ป่าสาละ จำกัด (http://www.salforest.com/)
Ratings & Reviews
Friends & Following
Create a free account to discover what your friends think of this book!
Community Reviews
Displaying 1 - 10 of 10 reviews
August 20, 2020
หนังสือเล่มนี้รวบรวมเอาสุนทรพจน์ต่างๆของบุคคลที่เป็นตัวอย่างสำคัญในมหาวิทยาลัยมาเปิดเผยเพื่อให้ความคิดใหม่ๆที่นอกเหนือจากเรื่องในรั้วมหาวิทยาลัยในวันรับปริญญาของนักศึกษา
มันเป็นอะไรที่ทำให้เราได้คิด การใช้ชีวิตนอกกะลา ออกไปใช้ชีวิตจริงๆ มันยากกว่าการต้องสอบปลายภาคในแต่ละเทอมมาก
การมีความสุขนอกรั้วมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ยากเอาการ การเอาชีวิตรอดในสังคมที่มีการแข่งขันสูง และยังอนาคตที่ไม่แน่ไม่นอน
การใช้ชิวิตเรานั้นว่ายากแล้ว แต่สิ่งที่สุนทรพจน์ในเล่มนี้ได้สอนคือ เราต้องคิดถึงผู้ที่ยากจนกว่า มีโอกาสน้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณประสบความสำเร็จ คุณจะช่วยเหลือโลกให้ดีขึ้นอย่างไร
เมื่อเราประสบความสำเร็จนั้นหมายความว่าคุณสามารถจัดการชีวิตตนเองได้ ช่วยเหลือตนเองได้ มันคงถึงเวลาที่คุณต้องช่วยโลกนี้บ้างแล้วล่ะ
มหาวิทยาลัยสอนหลักสตรวิชาต่างๆ แต่โลกภายนอกรั้วมหาวิทยาลัยจะสอนให้คุณรักตัวเอง และคนรอบข้าง เมื่อคุณรักผู้คนเหล่านี้ มันก็ไม่ยากที่คุณจะรักโลกใบนี้ด้วย
มันเป็นอะไรที่ทำให้เราได้คิด การใช้ชีวิตนอกกะลา ออกไปใช้ชีวิตจริงๆ มันยากกว่าการต้องสอบปลายภาคในแต่ละเทอมมาก
การมีความสุขนอกรั้วมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ยากเอาการ การเอาชีวิตรอดในสังคมที่มีการแข่งขันสูง และยังอนาคตที่ไม่แน่ไม่นอน
การใช้ชิวิตเรานั้นว่ายากแล้ว แต่สิ่งที่สุนทรพจน์ในเล่มนี้ได้สอนคือ เราต้องคิดถึงผู้ที่ยากจนกว่า มีโอกาสน้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณประสบความสำเร็จ คุณจะช่วยเหลือโลกให้ดีขึ้นอย่างไร
เมื่อเราประสบความสำเร็จนั้นหมายความว่าคุณสามารถจัดการชีวิตตนเองได้ ช่วยเหลือตนเองได้ มันคงถึงเวลาที่คุณต้องช่วยโลกนี้บ้างแล้วล่ะ
มหาวิทยาลัยสอนหลักสตรวิชาต่างๆ แต่โลกภายนอกรั้วมหาวิทยาลัยจะสอนให้คุณรักตัวเอง และคนรอบข้าง เมื่อคุณรักผู้คนเหล่านี้ มันก็ไม่ยากที่คุณจะรักโลกใบนี้ด้วย
September 10, 2020
ยกให้เป็นหนังสือที่ชอบมากที่สุดอีกเล่ม ไม่คิดเลยว่าบทกล่าวสุนทรพจน์วันรับปริญญาที่รวบรวมมาจากคนที่ประสบความสำเร็จและเคยล้มเหลวในชีวิต มีประสบการณ์ การศึกษา ภูมิหลังและการทำงานที่ต่างกัน จะเป็นเรื่องราวที่มีความหมายขนาดนี้ เคยอ่านเล่มสองก่อนจะมาอ่านเล่มแรกนี้ ชอบเล่มนี้มากกว่าเยอะเลย เราชอบเล่มนี้ตรงที่ไม่ได้เล่าให้เราฟังเฉพาะแง่มุมของการประสบความสำเร็จหรือผ่านความล้มเหลวในชีวิตอย่างที่เห็นได้ตามสื่อทั่วไป แต่สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจน เกือบทุกคนที่กล่าวบทสุนทรพจน์ในเล่มนี้ เห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่นและอยากเป็นหนึ่งที่ช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้น อย่างการที่ไม่ได้ยึดติดอยู่แค่กับความยิ่งใหญ่ของประเทศตัวเอง(อเมริกา) หรือทำธุรกิจเพื่อกอบโกยกำไรเพียงอย่างเดียว แต่เขามองไปถึงความสำเร็จที่สามารถแบ่งปันสิ่งที่เขามีมากอยู่แล้วให้คนที่ยังขาดโอกาสด้วย เช่น มองเห็นปัญหาของเด็กที่ขาดแคลนโอกาสในแอฟริกา มองเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา เข้าใจความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้มองในเชิงแค่ปัจเจคหรือสังคมวงแคบ แต่มองไปถึงทำยังไงให้สังคมโดยรวมทั้งโลกดีขึ้นตามไปด้วย เราประทับใจมากๆ เล่มนี้เป็นหนังสือเล่มนึงที่ควรอ่านอย่างที่ชื่อหนังสือบอกว่าเป็น ‘วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน’ จริงๆ
September 4, 2022
หนังสือที่รวมเกี่ยวกับสุนทรพจน์ในงานรับปริญญาที่อเมริกา โดยนำผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนมาบรรยาย ซึ่งได่ข้อคิด คติสอนใจ ในการใช้ชีวิตหลังจากจากจบการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ใช้เป็นหนังสือสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้ใช้ชีวิตให้ถูกทาง เช่น การรู้จักตัวเอง การใช้ชีวิตปราศจากความกลัว ต้องใช้ความเชื่อใจและศรัทธาในตัวเอง
การออกไปช่วยเหลือสังคม
ต่อไปจะเป็นบทคำพูดที่สำคัญ
1.อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ
2.คนที่ได้รับอะไรไปมาก ย่อมถูกคาดหวังว่าจะให้มากเช่นกัน
3.จิตเป็นทาสที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นนายที่เลวทราม
4.จงวัดความสำเร็จด้วยความสุขของผู้คนรอบตัวคุณ
5.ถ้าคุณจะต้องล้มเหลว จงล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีวันสร้างความแตกต่าง
6.ไม่มีใครหมกมุ่นอยู่กับความล้มเหลวเท่ากับตัวของคุณเอง
7.วิธีที่จะมีความสุข คือ ชอบตัวเอง และวิธีที่จะชอบตัวเอง คือ ทำเฉพาะในสิ่งที่คุณภูมิใจ
8.อย่ารู้สึกหมดหวัง ถ้าเส้นทางอาชีพของคุณไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง มีคนที่ประสบความสำเร็จมากมายที่กำลังทำงานที่ไม่เหมือนกันเลยกับจุดเริ่มต้น
9.จงมีปัญญาเท่าที่จะมีได้ เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเอง และจงซื่อสัตย์กับสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณตะพยเจอข้างในนั้น ข้างใจเปลือกหอยส่วนตัวของคุณ
การออกไปช่วยเหลือสังคม
ต่อไปจะเป็นบทคำพูดที่สำคัญ
1.อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความเชื่อ
2.คนที่ได้รับอะไรไปมาก ย่อมถูกคาดหวังว่าจะให้มากเช่นกัน
3.จิตเป็นทาสที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นนายที่เลวทราม
4.จงวัดความสำเร็จด้วยความสุขของผู้คนรอบตัวคุณ
5.ถ้าคุณจะต้องล้มเหลว จงล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีวันสร้างความแตกต่าง
6.ไม่มีใครหมกมุ่นอยู่กับความล้มเหลวเท่ากับตัวของคุณเอง
7.วิธีที่จะมีความสุข คือ ชอบตัวเอง และวิธีที่จะชอบตัวเอง คือ ทำเฉพาะในสิ่งที่คุณภูมิใจ
8.อย่ารู้สึกหมดหวัง ถ้าเส้นทางอาชีพของคุณไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง มีคนที่ประสบความสำเร็จมากมายที่กำลังทำงานที่ไม่เหมือนกันเลยกับจุดเริ่มต้น
9.จงมีปัญญาเท่าที่จะมีได้ เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเอง และจงซื่อสัตย์กับสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณตะพยเจอข้างในนั้น ข้างใจเปลือกหอยส่วนตัวของคุณ
April 14, 2019
ดีค่ะ แม้จะมีความคิดและไอเดียในลักษณะนามธรรมอยู่ประปราย แต่ชอบค่ะไม่ผิดหวังที่อ่าน รู้สึกว่าเป็นเล่มที่จุดประกายมุมมอง ทำให้รู้จัก เข้าใจโลกในภาพที่กว้างขึ้น
เราเป็นคนที่อ่านแล้วจะขีดดินสอคำสอนดีๆเสมอ เล่มนี้ทีให้ขีดเยอะจริงๆค่ะ
ทุกคนที่ผู้แปลเลือกมา ล้วนเป็นคนใจดีหมดเลย แต่จะมีจุดเน้นร่วมกันบางจุด และต่างกันบางจุด
ตังอย่างจุดที่หลายคนพูดคล้ายกันในนี้คือ
อย่ามองตัวเองอย่างเดียว ให้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
ทำงานที่ชอบ ไม่ต้องเลือกเรียนวิชาชีพที่มีมีใประกอบวิชาชีพก็ได้ แต่ก็เรียนได้ถ้าชอบจริงๆ
ชอบหลายคนแต่จำได้คนเกือบสุดท้าย
ชอบที่เขาวิจารณ์ประเทศอเมริกาได้อย่างถึงลูกถึงคน
รวมๆแล้วอร่อยจ้า
เราเป็นคนที่อ่านแล้วจะขีดดินสอคำสอนดีๆเสมอ เล่มนี้ทีให้ขีดเยอะจริงๆค่ะ
ทุกคนที่ผู้แปลเลือกมา ล้วนเป็นคนใจดีหมดเลย แต่จะมีจุดเน้นร่วมกันบางจุด และต่างกันบางจุด
ตังอย่างจุดที่หลายคนพูดคล้ายกันในนี้คือ
อย่ามองตัวเองอย่างเดียว ให้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
ทำงานที่ชอบ ไม่ต้องเลือกเรียนวิชาชีพที่มีมีใประกอบวิชาชีพก็ได้ แต่ก็เรียนได้ถ้าชอบจริงๆ
ชอบหลายคนแต่จำได้คนเกือบสุดท้าย
ชอบที่เขาวิจารณ์ประเทศอเมริกาได้อย่างถึงลูกถึงคน
รวมๆแล้วอร่อยจ้า
October 1, 2018
หนังสือตั้งแต่ปี 2551 แต่เนื้อหาก็ยังเป็นปัจจุบัน เพราะ แก่นชีวิตหลังรั้วมหาวิทยาลัยก็ยังคงเหมือนเดิม แม้ในสถานการณ์ที่มีแต่ความเปลี่ยนแปลงในปี 2558 ก็ตาม สุนทรพจน์ก่อนจบการศึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตหลังรั้วมหาวิทยาลัย จะเป็นประทีปส่องทางนำชีวิตในวันที่สับสน เพิ่งได้อ่านหลังผจญภัยนอกรั้วมหาวิทยาลัยได้ซักพัก เล่มนี้ช่วยทำให้เห็นแนวทางเดินต่อไป ในวันที่สับสน
April 17, 2022
"สิ่งที่พวกคุณต้องจำไว้ก็คือ ไม่มีใครที่จะหมกมุ่นกับความล้มเหลวของคุณเท่ากับตัวคุณเอง คุณคือคนเดียวที่จะหมกมุ่นอยู่กับความสำคัญของชีวิตคุณ สำหรับคนอื่น คุณเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนจอเรด้า ดังนั้นจงลืม ๆ เรื่องนี้ไปซะ ว่าแต่คุณจะกินพายชิ้นนั้นให้หมดหรือเปล่า" จอห์น ทราโวลต้า
November 12, 2019
เป็นหนังสือที่รวบรวมคำกล่าวในวันรับปริญญาจากบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น Steve Jobs, Bill Gates ส่วนตัวคิดว่าการได้ฟังคำพูดโดยตรงได้อรรถรสมากกว่า แต่หนังสือเล่มนี้แปลได้ดี อ่านเเล้วเข้าใจ
Read
July 23, 2016เป็นประเด็นที่จะน่าสนใจเหมาะต่อการบรรยาย
August 25, 2016
เล่มนี้เหมาะมากไม่เว้นแม้แต่บัณฑิตใหม่ เหมาะกับทุกคนที่ไม่อยากอาบน้ำร้อนเอง
Displaying 1 - 10 of 10 reviews