Jump to ratings and reviews
Rate this book

ทำไมต้องตกหลุมรัก?: Alain Badiou ความรัก และ The Lobster

Rate this book
จงรักสิ่งที่คุณจะไม่มีวันได้เจออีกเป็นครั้งที่สอง

คุณรักคนรักไม่ใช่เพราะลักษณะอะไรแค่บางอย่าง แต่เพราะเธอหรือเขามีความเฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร ไม่มีใครมาแลกเปลี่ยนหรือแทนที่ได้

ความรักเป็นการบังเอิญพบกับ ความต่าง อย่างที่มันเป็น บางทีนี่อาจจะเป็นความหมายของคำพูดของ Badiou ที่บอกว่า

"จงรักสิ่งที่คุณจะไม่มีวันได้เจออีกเป็นครั้งที่สอง" หรือ "จงรักสิ่งที่คุณไม่มีวันจะเชื่อซ้ำอีกหน"


การอ่าน ทำไมต้องตกหลุมรัก? ของสรวิศในเวลานี้อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ที่เคยรู้จักความรักมาแล้วเป็นอย่างดี นักรักที่คิดว่าตัวเองสามารถทำให้ใครตกหลุมรักได้ง่ายๆ อาจเป็นเพียงนักสร้างโรแมนซ์และความปรารถนา ซึ่งกำลังทำหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวคิดเรื่องการตกหลุมรักกับตัวเอง หรือมีรักโดยไม่ต้องตกหลุมรัก ให้กับระบบเศรษฐกิจและกลไกของรัฐอยู่ก็เป็นได้

ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับข้อเสนอในหนังสือเล่มนี้หรือไม่อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ถือว่าท้าทายก็คือการสร้างความหมายให้กับความรักในฐานะของ 'การผจญภัย' ซึ่งบรรจุ 'เหตุการณ์' ที่เราไม่อาจคาดหมาย ซึ่งไม่เพียงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนสองคนไปจากเดิม แต่ด้วยความรักนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่รอเราอยู่อาจเป็นความจริงได้ในวันหนึ่ง

173 pages, Paperback

First published January 1, 2019

36 people are currently reading
185 people want to read

About the author

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
53 (23%)
4 stars
109 (48%)
3 stars
51 (22%)
2 stars
7 (3%)
1 star
4 (1%)
Displaying 1 - 30 of 43 reviews
Profile Image for Kittist Kosumsuriya.
42 reviews1 follower
April 20, 2019
อ่านจบใน 2 วัน จาก 2 สาเหตุ คือ เนื้อหาไม่เยอะมาก และการเล่าเรื่องที่ทำให้อ่านได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกหนักหัวเกินไป

เราค่อนข้างชอบเล่มนี้ เพราะมันเป็นปรัชญาที่อ่านง่าย
ด้วยความเป็นคนทึบและไม่ได้เรียนสายนี้เลย ปกติเราจะต้องอ่านซ้ำประโยคที่เป็นปรัชญาหรือประโยคที่ต้องตีความเยอะ อย่างต่ำ 3 รอบ
แต่ด้วยภาษาและการอธิบายที่ค่อนข้างกระจ่าง flow การอ่านเราค่อนข้างลื่นไหล และอ่านซ้ำไม่เกิน 2 รอบจริงๆ

และเมื่อผนวกกับประสบการณ์อันน้อยนิดที่มี เราค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวคิดความรักของ Badiou การได้รับรู้แนวคิดของเขา อาจไม่ได้บอกแนวทางหรือวิธีการรัก แต่มันก็ทำให้รู้ว่าแก่นของความรักจริงๆ คืออะไร นำไปสู่การกลั่นกรองออกมาเป็นการกระทำเฉพาะคนมากกว่า

อีกหัวข้อที่น่าสนใจ คือ เรื่องการผสมผสานระบบทุนนิยมกับความรักเข้าด้วยกันตามยุคสมัยปัจจุบันที่มันเป็น รู้สึกว๊าวว่า นั่นสินะ มันก็เป็นแบบนั้น แต่เราไม่เคยมานั่งวิเคราะห์อะไรลงลึกแบบนี้ หรืออ้างอิงจากนิยามของใคร ก็แอบสอดแทรกระบบการคิดให้เราได้นิดนึงด้วย

โดยสรุปคือ เป็นหนังสือที่อ่านได้มากกว่า 1 ครั้ง
อ่านง่ายดีเทียบกับปรัชญาตีความหนัก ๆ โหดๆ เล่มอื่น
และมันทำให้เข้าใจในความรักมากขึ้นในแง่ของนิยาม
Profile Image for Pawarut Jongsirirag.
699 reviews138 followers
February 7, 2023
"จงรักในสิ่งที่คุณจะไม่มีวันเชื่อซ้ำอีกหน"
"ความรักคือการให้อะไรบางอย่างที่คุณไม่มีเเก่ใครบางคนที่ไม่ได้ต้องการมัน"

ในช่วงเเรกที่อ่านเล่มนี้ ผมว่าความรักในเเบบของลากองที่ อ สรวิศ อธิบายนี่มันดูไม่โรเเมนติกเลยนะ ในความหมายที่ความโรเเมนติกคือความคลุมเคือที่ไม่อาจอธิบายได้เเต่เรารู้สึกถึงมันได้ การพยายามอธิบายว่าอะไรคือความรักนี่มันก็ดูลดทอนความรักให้เหลือเป็นเพียงการนิยาม คำศัพท์ คำนึง ดูเเล้วออกจะเเห้งเเล้งไปซักหน่อย

เเต่พออ่านไปเรื่อยๆ เริ่มซึม เริ่มซับความหมายของลากองเข้าไปเรื่อยๆ (ใบเเบบที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างปะปนกันไป) ก็เริ่มรู้สึกว่า ลากองอธิบายความรักได้โรเเมนติ๊กกกกกกก โรเเมนติก (ในความหมายทั่วๆไปที่เราเข้าใจกันของคำว่าโรเเมนติก) ในเเบบที่หากไม่นับว่าเรากำลังอ่านปรัชญา ความรักของลากองนี่มันมีความหยาดเยิ้มมากเลยนะ

เมื่อนำความหมายในความรัก ที่ถูกถ่ายทอดมาวิเคราะห์หนังอย่าง The Lobster ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าความรักในทุกวันนี้ เเละ ความรักในหนัง มันไม่ใช่ความรักเเบบที่มันควรจะเป็น หากเราเชื่อในความหมายของลากอง เป็นเพียงความโรเเมนซ์ เป็นความปลอดภัยที่เห็นความรักเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสบายใจเเละเติมเต็มอีโก้ของเราเท่านั้นเอง

เเต่ถ้าเราเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นรักเเท้ เป็นรักที่เฝ้าฝันใฝ่หา มันจะเป็นเรื่องผิดมั้ยนะ ความรักมีเพียงความหมายเดียวหรือเปล่า ความรักด้วยตัวมันเองคงตอบไม่ได้ เเล้วใครจะตอบคำถามนี้ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ.....
Profile Image for areadsara.
61 reviews9 followers
June 25, 2024
บ่ายวันหนึ่ง ขณะนั่งกินข้าวกับเพื่อนอยู่ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย เพื่อนถามขึ้นมาว่า "มึงคิดว่าความรักคืออะไรวะ" เราได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ แล้วถามเพื่อนกลับเพราะไม่รู้จะตอบยังไง

เพื่อนเล่าว่าตัวเองนิยามความรักว่าคือกรอบที่ใส่จิ๊กซอว์ เป็นสิ่งที่มีหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ามีจะช่วยให้จิ๊กซอว์ดูเด่นและมั่นคง

วันนั้นเรากลับไปนอนคิดแล้วเกิดคำถามว่าจริงเหรอวะ 3 ปีผ่านไป เราเพิ่งได้ทราบคำตอบของคำถาม (ที่ถามตัวเอง)

หนังสือเล่มนี้อธิบายนิยามของความรักผ่านแนวคิดของนักปรัชญาอย่าง Badiou (และคนอื่นนิดหน่อย) โดยแบ่งขาดระหว่างความรักและโรแมนซ์

รักที่ไม่ต้องการความเสี่ยง รักที่ปลอดภัย รักที่ไม่ต้องเจ็บปวด รักที่เข้ากันได้ รักที่เรารู้ทันอีกฝ่าย เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโรแมนซ์ ส่วนความรักมันจะเริ่มจากการตกหลุมรัก มันคือการร่วงหล่น ร่วงไปยังจุดใดก็ไม่มีใครรู้ มันจึงเสี่ยง ไม่ปลอดภัย และเจ็บปวด อย่างนี้แล้วเราควรมีความรักหรือ?

สังคมทุนนิยมล่อให้เราวิ่งเข้าหาโรแมนซ์ เพื่อความรักอันหอมหวาน ไร้ซึ่งความเจ็บปวด ผ่านการพัฒนาแอพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งเราสามารถเลือกสรรความรักได้ด้วยตนเอง คนที่เหมาะสมกันในด้านการศึกษา ฐานะ รูปลักษณ์ รสนิยม ไปจนถึงทัศนคติ เลือกเองก็ถูกใจดี แต่แบบนี้คู่รักของเราจะต่างอะไรกับสินค้า เมื่อมันไม่ใช่เราสามารถทิ้งและเลือกใหม่ได้อย่างอิสระ แต่ความเป็นอิสระที่ว่านั้นกลับอยู่ใต้การควบคุมด้วยมือที่มองไม่เห็นอย่างระบบเศรษฐกิจ

ในขณะที่ความรักนั้นเราเลือกสรรไม่ได้ เราเลือกไม่ได้ว่าจะตกหลุมรักหรือไม่ มันมักเกิดขึ้นจากความบังเอิญ (และมักมาในช่วงที่เราไม่สะดวกสุด ๆ ) จากนั้นจะเกิดฉากที่สอง (เรา) ปรากฏหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับคุณแล้วแหละ บางครั้งเราอาจถูกแรงกดดันจากสังคมให้รู้สึกว่าต้องมีคนรัก ส่งผลให้หลายคนวิ่งเข้าหาโรแมนซ์ ยิ่งเข้าใกล้โรแมนซ์มากเท่าไรเรายิ่งออกห่างจากความรักมากเท่านั้น เพราะทั้งสองอยู่คนละฝั่งกันเลย การได้มาซึ่งโรแมนซ์อาจเป็นเพียงการตอบสนองต่อความอยากมีคนรัก แต่จะใช่ความรักมั้ยนั้นผู้รักคงต้องตัดสินใจเอง (สำหรับ Badiou แล้วคงบอกว่ามันไม่ใช่ความรัก!)

กลับมาที่นิยามความรักของเพื่อน "เป็นกรอบใส่จิ๊กซอว์" อันนี้เรามองว่าคือความรัก รักไม่ใช่การเติมเต็มหรือกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน "ช่วยให้จิ๊กซอว์ดูเด่นและมั่นคง" อันนี้อาจจะเป็นโรแมนซ์ เพราะคำว่า 'เด่น' และ 'มั่นคง' เป็นคำที่ทุนนิยมล่อซื้อเรา ส่วน “เป็นสิ่งที่มีหรือไม่ก็ได้“ ประโยคนี้อาจจะกำลังบอกว่าเราเลือกได้นะ ว่าจะรอพบกับความบังเอิญซึ่งจะนำพาไปสู่ความรัก หรือเลือกโรแมนซ์เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ส่วนตัวมองว่าคงไม่ผิดที่จะเลือกอะไร เพราะการเลือกทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน

เล่มนี้ใช้จิตวิเคราะห์มาอธิบายร่วมกับทฤษฎีของนักปรัชญา มันช่วยให้เราเห็นความความแตกต่างระหว่างความรักกับโรแมนซ์ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเราจะไม่ชอบจิตวิทยาสายนี้สักเท่าไร แต่ก็เถียงได้ยากว่ามันไม่เป็นไปตามนั้น

เล่มนี้เป็นหนังสือที่ภาษาอ่านง่าย ใช้เวลาไม่นานก็อ่านจบ แต่การทำงานของหนังสือกับตัวเราใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนานกว่าจะออกมาเป็นรีวิวนี้

Profile Image for Kanthida Ann.
123 reviews24 followers
February 13, 2022
ความจริงอยากให้ 3 แต่ให้คะแนนเพิ่มอีก 1 เพราะว่าไม่เคยอ่านหนังสือแนวนี้มาก่อน

ซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะเห็นรูปใน ig ของร้านกลิ���นหนังสือ และกำลังอยู่ในช่วง "ตกหลุมรัก" พอดี

ไม่รู้จักผู้แต่ง ผู้แปล เรื่องย่อ ใดใด ของหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลย

พอเริ่มอ่านเท่านั้น....สุดจะ shock 😂
เพราะว่าอ่านไม่รู้เรื่องเลยจ้า 55555
ใช้เวลาอ่านนานมากๆ อ่านซ้ำบ่อยมากๆ ง่วงด้วยตอนอ่านถึงกลางๆเล่ม
หนังสือแบ่งออกเป็น 5 ส่วน (จริงๆคือ 4 แต่อยากแยกคำนำออกมาด้วย)
1.คำนำ สำหรับเราทำให้เราพอจะรู้จักความคิดของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ จากที่ google มา คุณสรวิช ชัยนาม เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวืทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง สอนหัวข้อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เหมือนจะเขียนหนังสือแนวๆนี้ออกมาหลายเล่มอยู่ เป็นบทนำที่อ่านไม่รู้เรื่องเลย สิ่งที่รู้เรื่องและไปหาข้อมูลต่อคือ ผู้เขียนหนังสือว่าคือใคร
2.แนะนำ บาดียู ให้เรารู้จัก ว่าคือใคร มีแนวคิดทางปรัชญาแบบไหน ที่ผ่านมามีผลงานมาแนวไหนบ้าง สิ่งที่ได้คือ ไป google มาอีกว่า Badiou คืออ่านว่า บาดียู นะ 55555
3.เข้าเนื้อหา บาดียูให้คำจำกัดความของความรัก
LOVE = encounter + construction = การพบกันโดยบังเอิญ + การสร้าง/ผลที่ตามมา
ซึ่ง การพบกันโดยบังเอิญ คือ การตกหลุมรักนั่นเอง
ส่วนที่ 3 นี้ก็จะพูดเกี่ยวกับการพบกันโดยบังเอิญ เป็นส่วนที่เยอะที่สุดในหนังสือ ขยายความคำว่าตกหลุมรัก และ ความรักด้วยปรัชญาของหลายๆคน ยกตัวอย่างผ่านหนังทั้งไทยและต่างประเทศ เปรียบเทียบเข้ากับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เป็นแบบทุนนิยมช่วงหน้า 60-70 อ่านสนุกมาก มันเห็นภาพชัดพอเอามาเปรียบเทียบว่าระบบทุนนิยมครอบงำและควบคุมจิตใจคนในปัจจุบันยังไง ตัวอย่างอื่นๆมันเป็นทฤษฎีลอยๆที่เหมือนต้องคิดอย่างเดียวจับต้องไม่ได้ แต่เรื่องสังคมทุนนิยมเราเจอในชีวิตประจำวันของเราอยู่ทุกวันเลยอินกับหัวข้อซับเจ็ค-ความสำเร็จมากเป็นพิเศษ
4.การสร้าง/ผลที่ตามมา หลังจากการตกหลุมรัก
ขอยอมรับเลยว่าอ่านไม่เข้าใจสุดๆ สิ่งที่ได้ก็คือ หลังจากตกหลุมรักแล้วก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันด้วย เวลาอ่านไปก็งงไป เค้าใช้คำว่า ฉากที่สอง(เรา)ปรากฏ ?-?
5.นำเอาทฤษฎีที่พูดมาใน 4 ส่วนแรกทั้งหมดโยงเข้ากับหนังเรื่อง The lobster
เราไปหาหนังดูตั้งแต่วันแรกที่เริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้เลย เพราะคิดว่าน่าจะทำให้อ่านได้เข้าใจมากกว่าไม่ได้ดู พอดูจบก็....คิดว่าทำให้เข้าใจแค่ part นี้นี่แหละ 55555 ทำให้อ่านสนุกไปด้วยเลย พลิกกระดาษอ่านเร็วมากๆ เพราะตัวหนังเค้าทำออกมาสนุกอยู่แล้วมันช่วยตั้งคำถามให้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้คิดในหลายๆประเด็น เช่น โสดแล้วมันยังไง ตกลงมันถูกหรือมันผิด มันดีหรือมันไม่ดี ความรักขอแค่มีบางสิ่งเหมือนกันก็เรียกว่ารักได้แล้วหรือเปล่า รักกับการแต่งงานอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเดียวกันมั้ย และอีกมากมายหลายอย่าง เป็นหนังที่ทำออกมาให้สมองได้ขบคิดมากๆๆๆๆ

สรุปโดยรวม ถือเป็นหนังสือภาษาไทยที่อ่านเข้าใจยากสุดๆ ต้องมีความตั้งใจที่จะอ่านมากๆสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการการศึกษาปรัชญาอะไรแนวนี้ อ่านจบก็ดีใจนะเหมือนทำภารกิจที่ยากๆสำเร็จอ่ะ ได้ดูหนังที่ดีเรื่องนึงด้วยจากการหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน 200 บาทให้อะไรได้ขนาดนี้ก็คุ้มนะทุกคน 😂😂😂
Profile Image for Makmild.
806 reviews216 followers
June 10, 2024
เราเกลียดเวลาที่ตัวเองตกอยู่ในช่วงตกหลุมรัก มันดูโง่ เสียเวลา ทำไมต้องทำให้ตัวเองเสียเส้นไปเพราะคนๆ เดียวที่ไม่รู้ว่าจะรักเรามั้ย ความเสี่ยงนี่มันหนักหนาไปแต่เราชอบอ่านเรื่องรักมาก เวลาได้ฟังคนเล่าถึงความรักของตัวเองที่กว่าจะได้มา การฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนมารักกัน และรักกันนานๆ เนี่ยนับถือจากใจ

ตอนยังไม่ได้อ่านเล่มนี้เราก็คิดอยู่ว่า ที่ตัวเองไม่ชอบเวลาตกหลุมรักคงเพราะเป็นคนขี้กลัว กลัวเจ็บมากๆ เลยไม่กล้ารักใคร ซึ่งก็เป็นเหตุผลส่วนนึงที่ทำให้อยากอ่านเล่มนี้ ก็การไม่รักใครสักคน (ในเชิงชู้สาว) มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ไม่มีคนรักก็อยู่ได้แต่ถ้าไม่มีเงินละก็ตายแน่ งั้นช่างหัวความรักแล้วกัน จนได้มาอ่านแค่บทเกริ่นนำก็ทำให้ตบเข่าฉาด เออ เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับความรักอยู่รางๆ แต่ไม่เคยเอามันมาผสมกับทุนนิยมแบบนี้เลย ประทับใจมาก

ความรักนั้นอาศัยความกล้าอย่างมาก มันไร้เหตุผล การรักใครสักคนหากหาเหตุผลไม่ได้อาจจะดีกว่า เพราะเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรารักเขาเพราะอะไร รักเพราะทั้งหมดของเขา ไม่ว่าจะดีจะแย่เราก็รัก มันเลยทำให้ความรักนั้นงดงาม เพราะมันคือสิ่งที่เราพึงใจจะมองอย่างที่มันเป็นและรับทีมันเป็นอยู่จนไม่สนว่ามันทำร้ายเราหรือไม่ เราเลยเห็นคนเสียสติเพราะความรักอยู่บ่อยๆ ความรักมันเลยทำร้ายได้แม้กระทั่งตัวเอง ความรักมันทรงพลังมากถึงขนาดนั้น

แล้วไอ้การกลัวความรักนี่มันมาจากไหน บางทีมันน่าจะพยายามพัฒนาขึ้นมาตามระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่ค่อยๆ ผงาดมากขึ้นด้วยเช่นกัน (ทุนนิยม : นี่กูผิดอีกแล้วใช่มั้ย)

ระบบทุนนิยมบอกเราให้ "เป็นตัวของตัวเอง" อยู่ตลอดเวลา ในความหมายที่ว่าให้เราปฏิเสธความแตกต่างและความเป็นอื่น และยอมรับแค่อัตลักษณ์แบบของเราเท่านั้น อย่างไรก็ตามการรับความเสี่ยงและการตกหลุมรักหมายความว่าคุณจะไม่มาถามว่า "แล้วฉันละ" หรือถามว่า "ทำแบบนี้แล้วฉันจะได้อะไร" การตกหลุมรักหมายความว่าคุณยอมเสี่ยงที่จะกระโดดก่อนและหวังว่าคนที่คุณรักจะรับตัวคุณไว้ที่อีกฝั่งหนึ่ง
หน้า 53

โดยส่วนตัวแล้ว ทำไมต้องตกหลุมรัก? ไม่ได้ช่วยให้เราอยากตกหลุมรักใครอยู่ดี (ก็อาจจะไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ใช่ how to falling in love สักหน่อยจะมาช่วยทำไม) แต่มันสร้างความเข้าใจแง่มุมของความรักในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น มันกำลังโดนทำลายโดยทุนนิยมอย่างไร ส่งผลอย่างไร จนทำให้่นึกถึงช่วงนึงที่เคยคิดเกี่ยวกับความรักและทางเท้าในกรุงเทพ (น่าจะเคยเป็นคอนเทนต์ในโลกเฟซบุ๊คช่วงนึง) ว่าส่งผลอย่างไร เมืองกรุงได้สร้างความรักแบบไหน เราออกเดทอย่างไร สภาพเศรษฐกิจ (เงินในกระเป๋า) ส่งผลให้เราไปเดทที่ไหน มีตรงไหนที่เราจะได้เดินชมเมืองสวยๆ เหมือนที่มีอากับเซบาสเตียน (la la land) ทำได้บ้าง อ้อ ไม่เกี่ยวกับประเด็นหนังสือ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังสือได้มอบให้กับเรามากที่สุดคือความเข้าใจตัวเองในแง่มุมใหม่ เรากลัวการตกหลุมรักอาจจะไม่ได้แค่เพราะกลัวเจ็บ แต่กลัวจนและรักตัวเองมากเกินกว่าจะไปรักใครด้วยเหมือนกัน
Profile Image for Chontiwat Udomsiripat.
223 reviews5 followers
July 25, 2024
ทำไมต้องตกหลุมรัก?: Alain Badiou ความรัก และ The Lobster - นี่เป็นการอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งที่ 2 ของผม จากการอ่านรอบแรกเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา - ในปี 2024 นี้ อยู่ดี ๆ ผมก็มีความรู้สึกว่าผมต้องกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้อีกรอบแล้วแหละ หลังจากการดูคลิป reels ใน ig แล้วพบว่ามีคลิปหนึ่งที่มีการสัมภาษณ์คู่รัก เนื้อหาของการสัมภา���ณ์นั้นจะมีตั้งแต่ อายุเท่าไหร่ เจอกันได้อย่างไร ไปจนถึงชอบอะไรในตัวคนรัก แน่นอนว่าพอผมดูคลิปจบแล้วก็สงสัย คนเราตกหลุมรักกันตอนไหน มันไปสู่ฉากที่สอง (เรา) ได้อย่างไรกัน เลยอยากจะขยายความเข้าใจเพิ่มเติมแล้ววิเคราะห์กับคำตอบของคู่รักในคลิป reels เล่น ๆ

หนังสือเล่มนี้จะเเบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นการแนะนำปรัชญาความรักของ Alain Badiou ว่าด้วยการตกหลุมรัก - เราตกหลุมรักกันตอนไหน คุณไม่สามารถตื่นเช้าแล้วบอกกับตัวเองว่า "วันนี้ฉันจะตกหลุมรัก"การตกหลุมรักนั้นเหมือนการสร้างสิ่งของท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่า และแบบไหนที่เรียกว่ารัก แบบไหนที่เรียกว่าโรเเมนซ์ การแยกสองอย่างนี้ให้ออกจากกันนั้นสำคัญมากในการจัดการทำความเข้าใจปรัชญาของ Badiou

ถ้าคุณต้องการความรักที่ปราศจากความเสี่ยงภัย คุณแค่ต้องการ "โรแมนซ์" เท่านั้น ความรักที่ปราศจากความเสี่ยงภัยก็เช่น คุณอยากให้แฟนของคุณตรงตามสเปคทุกประการ สร้างภาพฝันกับคนรักแบบ romantic หอมหวาน ถ้าเปรียบกับเครื่องดื่ม คุณก็ต้องการดื่มโค้กซีโร่ที่ให้ความหวานแต่ปราศจากน้ำตาล หรือเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ที่ดื่มแล้วไม่เมา สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้ เพราะมันไม่ใช่ความรัก มันคือความโรเเมนซ์ที่ให้ความสุขชั่วคราว อันตราย และไม่ยั่งยืน

แต่ถ้าเป็นความรักละก็ คุณต้องรู้สึกว่าฉันตกหลุมรักคนนี้แล้ว การตกหลุมรักนั้นเกิดจากความบังเอิญแทบจะ 100% การตกหลุมรักทำให้คุณเสียตัวตน ว้าวุ่น กระวนกระวายใจ สับสนในความรู้สึกส่วนตน จนกระทั่งคุณกล้าพอที่จะลงไปเสี่ยง เหมือนเพลงรักของสูงของ Big Ass ที่ร้องว่า "รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง" คุณรู้ว่ามันเสี่ยง เล่นจริงเจ็บจริงเเน่ แต่มันคือเรื่องปกติของความรัก นี่คือฉากที่หนึ่งของคุณ หลังจากนั้นมันจะนำมาสู่ฉากที่สอง (เรา) ในเวลาถัดมา แน่นอนว่าความเสี่ยงมันมีต่อไปแน่นอน

ในส่วนถัดมา ส่วนที่ 2 จะเป็นการนำหนังเรื่อง The Lobster (2015) ที่กำกับโดย Yorgos Lanthimos มาวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีของ Badiou ในทางกลับกันก็นำ The Lobster มาวิเคราะห์ทฤษฎีของ Badiou เช่นกัน - ในส่วนนี้ผมขอให้ผู้อ่านไปดูหนังมาก่อน แล้วค่อยมาอ่าน จะทำให้เข้าใจประเด็นมากขึ้น

สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คนอายุ 18 -25 ปี ได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้สักครั้ง ไม่ว่าคุณจะโสดหรือแต่งงานมีครอบครัว หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในความรัก แต่หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราเข้าใจในความรักท่ามกลางระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ ความรักกลายเป็นสินค้าที่จับต้องได้ง่าย ๆ แต่นั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง ความรักที่ดีคือการปฏิวัติที่คนสองคนมุ่งหน้าฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน การรักกันไม่ใช่การเติมเต็มกันและกัน เมื่อคนสองคนต่างเว้าแหว่งมาพบเจอกัน การแก้ไขและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นอนันต์ สากล อยู่ยืนยง แม้จะไม่ชั่วนิรันดร์ หนึ่งในสิ่งเหล่านี้จะสร้างฉากที่สอง (เรา) ปรากฏหรือความรักนั่นเอง

"เราตกหลุมรักโดยแทบไม่รู้อะไรเลย (เราเลิกรักโดยแทบไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน)" - P. 35.
Profile Image for Hataipat.
35 reviews38 followers
June 3, 2019
ถ้าหากหาเหตุผลว่าทำไมต้องตกหลุมรัก เล่มนี้ต่อให้ตะเเคงข้างหรือตีลังกาอ่านก็ไม่ได้ให้เหตุผลจริงๆ ว่าทำไมต้องตกหลุมรักเลยสักนิด เเต่งานเขียนเล่มนี้กลับชี้ให้เห็นว่าทำไมคนเราไม่ได้ 'ตกหลุม' รักซะมากกว่านะ โดยส่วนตัวจากที่เคยอ่าน in praise of love ของ badiou มาก่อนเเล้วชอบความคิดของเค้าในส่วนหนึ่ง เเต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยในบทสุดท้าย งานเล่มนี้จึงดูเหมือนจะเป็น implication ที่เเสดงให้เห็นว่าเราจะเอาความคิดของ badiou ไปต่อยอดการตีความภาพยนต์ได้อย่างเฉียบคมมากๆ โดยเฉพาะในฉากสุดท้ายของเรื่อง หรือสัญลักษณ์หลายๆ อย่างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งตอนเเรกเเอบคิดว่าทั้งเล่มจะเป็นลักษณะ introspective เเต่พออ่านจบก็รู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้รู้อะไรเลยอยู่ดี โดยเฉพาะความรู้สึกของผู้เขียน เเละที่ชอบเเละประทับใจที่สุดอีกอย่างก็คือความ sarcasm ที่ถึงเเม้ว่าในหนังสืออาจจะ tone down ไปมากก็ตาม เเต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความตลกร้ายเเละมุขเสียดสีของผู้เขียนที่เราชอบมากๆ อยู่ เเต่ก็น่าเเปลกใจที่เราไม่สามารถรู้สึกอินไปทางอารมณ์กับหนังสือเล่มนี้ได้เลยสักนิด
Profile Image for Anness.
111 reviews45 followers
February 17, 2022
เหมือนได้สำรวจภาวะนี้แบบที่ไม่เคยสนใจจะสำรวจมาก่อน รู้สึกว่าได้ขบคิดถึงความรักและโรแมนซ์ในยุคสมัยนี้ สำหรับเรานับว่าได้แง่มุมใหม่ๆ ที่ปกติไม่ใคร่จะสนใจใส่ใจสำรวจนัก
1 review
April 21, 2019
ส่วนตัวมีโอกาสได้อ่านงานของ Alain Badiou แล้ว ไม่เข้าใจอะไรเลย พอได้อ่านเล่มนี้ก็รู้สึกขอบคุณผู้เขียนที่สื่อสารมันออกมาได้ง่าย น่าสนใจ คิดอยู่ตลอดว่าคนเขียนฉลาดมาก และรู้จักทุนนิยมดีมากเช่นกัน

หมายความว่า ผู้เขียนเสนอปรัชญาการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ที่ลงไปจับความรู้สึกของปัจเจกมากที่สุด โดยใช้ความรักเป็นแกนใน ที่บอกว่าฉลาดคือ ความรักเป็นเรื่องที่ขายได้ย่อยง่ายในตลาดทุนนิยม ในพื้นที่ที่คนหลงตัวเองกองอยู่เยอะ 55
ซึ่งอ่านแล้วอิน นึกภาพตามได้

ผู้เขียนเอาทฤษฏีหรือความรักที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม มายัดในหนัง มันทำให้เห็นภาพ ถ้ามีโอกาสได้ดูหนังก่อนแล้วตีความไปตามแบบของตัวเอง พอมาอ่านบทวิเคราะห์จากเล่มนี้ ก็ประหลาดใจว่ามันตีความไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งก็เห็นด้วยคล้อยตามบทวิเคราะห์ เหมือนถูกกระตุ้นอยู่ตลอดว่ามันมีทางอื่นๆอีกนะ หนังสือเล่มนี้ทำงานทางความคิดเพาะปลูกความเป็นสหายได้แนบเนียนดีทีเดียว ไม่รู้สึกเบื่อหรือหนักเกินไป

อ่านจบแล้วก็เปลี่ยนความคิดต่อตัวเองต่อโลกไปนิดหน่อย


Profile Image for กำพล สนธิเณร.
169 reviews4 followers
June 11, 2022
กลางๆครับ ช่วงปรัชญาเกือบเข้าไม่ถึง ช่วงใช้ปรัญญาวิเคราะห์หนังค่อยสนุกขึ้นมาหน่อย ช่วยปรับทัศนคติเรื่องความรักได้ดี ชอบเรื่องเรื่องการที่เรามองหาคู่ชีวิตจากความเหมือนของ ทัศนคติและกิจกรรมในชีวิต ว่าเป็นการหลงตัวเอง เราแค่มองหาส่วนขยายของตัวเรา เพื่อสร้างความโรแมนซ์
Profile Image for peppaeronie.
16 reviews
May 14, 2023
Love this book! Explain about falling in love based on logical, scientific and philosophy. I think everyone should read this book before falling in someone. This is bible of love! Read it! if you want to fall in love consciously.
Profile Image for Mook Woramon.
897 reviews200 followers
September 16, 2025
ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านวิทยานิพนธ์ว่าด้วยปรัชญาความรักของ alain badiou และวิเคราะห์หนังเรื่อง the lobster

ชอบช่วงครึ่งแรกที่เล่าเรื่องปรัชญาความรักมาก แม้จะอ่านเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
แต่ส่วนที่ชอบมากคือ มุมมองความรักในยุคทุนนิยม
ไม่เคยตั้งใจมองในมุมนี้มาก่อน

ทุนนิยมกำลังทำลายความรัก
สภาพเศรษฐกิจและสังคมส่งผลต่อความรัก
สังคมทุนนิยมส่งเสริมยกย่องบุคคลที่โดดเด่นทำให้เราหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ จนบางทีเราก็ burnout ไปแล้ว
ความรักจึงอาจสร้างความทุกข์ทรมานมากเกินไปเหนื่อยเกินไป
ความรักจึงเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มจะลองและอาจทำให้ความสมบูรณ์แบบของเราพังทลาย

การคบกันแบบไม่ผูกมัดอาจเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับใครหลายหลายคน ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง
Application หาคู่กลายเป็นทางเลือกหนึ่งในยุคนี้

ส่วนครึ่งหลังก็สารภาพว่าเบื่อ ไม่เคยดูหนัง the lobster ด้วย ไม่ค่อยถนัดแนวดิสโทเปียด้วย เลยทำให้ความรู้สึกประทับใจดรอปลง

แต่อ่านจบแล้วก็ไม่ได้ทำให้เรากลัวการตกหลุมรักหรอก
ไอ้เรามันชอบความท้าทาย 😂😂

แต่ก็ทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าทุนนิยมส่งผลกับความรักอย่างไร
Profile Image for charlie.
7 reviews
May 22, 2025
I always find prof Soravis’s way with words impactful yet comforting. Enjoyed reading it so much. Noting that I read this book while I was just entering a new and pretty much lovey-dovey relationship. Hence, the perception I have probably differed from when I was single and I think it mattered a lot. I feel like I got to hear what I want to hear. It’s sorta affirming my thoughts and the experience I had and so it feels like a consolation somehow 😭 Hopefully I’ll return to it someday in the future and excited to see whether I will change my mind or not.
Profile Image for Thanyanuch Tantikul.
80 reviews19 followers
May 22, 2021
กล่าวถึงความรักผ่านมุมมองด้านปรัชญาของ Alain Badiou และวิเคราะห์ความรักในหนัง the lobster น่าสนใจและคมคาย หนังสือเล่มบางแต่แอบอ่านยากถ้าไม่มีความสนใจหรือความพร้อมที่จะขบคิดเรื่องนามธรรมเท่าไร แต่สำหรับผู้พร้อมจะลุย หนังสือก็ย่อยความคิดยากๆ ลงมาให้พอจับใจความตามได้ และอธิบาย the lobster ได้ชวนคิดต่อ
1 review
June 4, 2019
ผู้เขียนนำเสนอมุมมองความรักผ่านระบบการเมืองได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการยกประเด็นเรื่องการนำเสนอความรักโดยทุนนิมที่ถูกนำมาแต่งองค์ทรงเครื่องซะใหม่จนกลายเป็นโรแม้นท์เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของเหล่านักรักคือการรักโดยปราศจากความเสี่ยง มักได้ยินคนพูดว่า "ความรัก" ต้องทำให้ชีวิตของบุคคลทั้งคู่ดีขึ้นสิ ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะได้มีความรัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สงสัยมาโดยตลอด แต่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้สามารถตอบคำถามดังกล่าวสำหรับตนเองได้ และทำให้นึกถึงบนกลอนท่อนนึงของ คาลิล ยิบราน ที่กล่าวเกี่ยวกับความรัก

" ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นเพียงพอแล้วสำหรับตอบความรัก"

ชื่นชมในความฉลาดของผู้เขียนมากที่สามารถอธิบายเรื่องที่ไม่น่าจะอธิบายได้ให้คนธรรมดาทั่วไปเข้าใจได้และได้สนุกไปกับมัน
ขอบคุณครับ
Profile Image for praeploy.
9 reviews
August 5, 2025
หนังสือปรัชญาที่อ่านง่ายแต่ดันใช้เวลานานกว่าที่คิด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ส่วนตัวชอบเรียนกับอาจารย์สรวิศอยู่แล้วแล้วพอได้มาอ่านเล่มนี้ยิ่งฟิน เหมือนได้กลับไปนั่งฟังเขาพูดอีกครั้ง

แนะนำปรัชญาของ badiou และ lacan ได้ดีในรูปแบบที่เข้าใจง่ายประกอบกับการยกตัวอย่างแบบหลากหลายทำให้ยิ่งมองเห็นได้ชัดขึ้นไปอีก เป็นมุมมองความรักในแบบที่ตรงกับข้ามกับความเข้าใจโดยพื้นฐานของเราและกระแสการมองความรักในช่วงนี้(เท่าที่เห็นมีการพูดคุยกันในโซเชียลจากหลายๆคน)โดยสิ้นเชิง อีกทั้งยังเสนอถึงปัจจัยที่ทำให้ ทำไม สังคมจึงมองความรักหรือเลือกที่จะมีความรักในแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เป็นหนังสือที่อ่านรอบเดียวไม่พอ ยังอยากอ่านซ้ำๆอีกเรื่อยๆ

เล่มที่ได้มาเป็นปกแมวชมพู น่ารักมาก ชอบๆๆๆๆมากๆๆๆๆ
Profile Image for Bank.
10 reviews1 follower
March 13, 2023
Love how the writer interprets “Love” in context of capitalism and deconstructs the so called “Love Yourself” trope as a sign of misusing meaningful love. The Lobster part was also approached very interestingly and well.
Profile Image for Sasicha Sanguansub.
51 reviews13 followers
September 1, 2025
ถ้าอยากรู้ว่า "ทำไม"ต้องตกหลุมรัก, this book is not for you. But if you want to know "What" love is or "What" is it like to fall in love, this is definitely for you. haha อ่านแล้วเข้าใจความรักขึ้นเยอะเลย 🫠 And damn! he's such a romantic guy

2nd time reading: it was ok.
Profile Image for Thanainan Rajkitwanich.
1 review1 follower
January 24, 2023
... ความรักไม่ได้ทำให้เราตาบอดหรอกมันทำให้เรามองคนรักของเราอย่างอุดมคติ​ต่างหาก...

คุณกล้าเสี่ยงกับความรักไหม​

คุณมีภาพยนตร์​ความรักในดวงใจ​ แล้วมันทำให้คุณเข้าใจว่าด้วยการตกหลุมรักไหม

ไม่ว่าจะหนังดังตลอดกาล​อย่าง​ Notting Hill หรือ​ Arrival จนไปสู่ แฟนเดย์

การตกหลุมรัก​ ความรัก​ รักแท้​ Love​ รักเทียม​ Romance สรวิศ​ ได้พาคุณท่องไปในโลกแห่งความรักในแบบฉบับของ​ Badiou​ และเหล่าบรรดา​นักคิด
ยกตัวอย่างเช่น​ Lacan​ "ความรักคือการให้อะไรบางอย่างที่คุณไม่มีแก่ใครบางคนที่ไม่ได้ต้องการมัน"

หรือเรื่องเล่า​ของ​ Slavoj​ Zizek​ ที่เล่าเรื่องมหาเศรษฐี​ที่แต่งงานกับนางแบบเซ็กซี่​อายุน้อย​ ที่เขาไม่เข้าใจว่าเธอรักอะไรบางอย่างในตัวเขาที่เป็นมากกว่าตัวเขา​ โดยที่เธอเองก็อธิบายไม่ได้

หรืออีกหลากหลายภาพยนตร์​ที่ผู้เขียนกล่าวถึงน่าจะกระตุ้นความอยากหามาดูอย่างน้อยมันก็คงทำให้คุณได้อะไรติดไม้ติดมือไปบ้างสำหรับคนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่เก็ทด้วยที่ประโยคทางปรัชญามันเยอะมากสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางนี้

แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ​ The​ lobster ที่อาจถือเป็นแม่งานเลยก็ได้

... สาวตาสั้นที่ถูกทำให้ตาบอด​ เธอก็แตกต่างจาก​ David จนเกิดความกังวล​... จนไปถึงฉากสุดท้า​ยที่​ David ขอมีดสเต็ก​จากบริกร​เข้าไปในห้องน้ำชายพยายามทำให้ตัวเองตาบอด​ แล้วฉากก็ตัดมาที่สาวซึ่งตอนนี้ตาบอดนั่งรอที่โต๊ะตามรำพัง​ แล้วจบลงไปแบบคลุมเครือ​

สรวิศชักชวนให้คิดภาพยนตร์​นี้สามารถจบได้แบบใด​ ณ​ จุดนี้ขอชักชวนให้ทุกคนได้หาหนังสือนี้มาอ่านซึ่งน่าจะพิมพ์​ครั้งที่3 ออกมาเร็วๆนี้

ความรักแท้คือความกล้าหาญ

เมื่อเด่นชัยไม่มีความกล้า​ เขาจึงมีแค่ความ​ Romance

อีกหลายเรื่องราวข้อคิดในหนังสือเล่มนี้ที่จะพลากคุณให้เข้าว่า​ ทำไมต้องตกหลุมรัก​ ในแบบของโลกแห่งความรักแบบ​ Badiou

คะแนนความน่าสนใจ​ 9.5 ครับ
Profile Image for Alohaa J..
29 reviews1 follower
November 30, 2024
เป็นหนังสือที่อธิบายคำว่า “ความรัก” ในรูปแบบของหลักการและเหตุผล เพราะปกติส่วนมากคำว่าความรักผู้คนมักถ่ายออกออกมาเป็นความรู้สึกและอารมณ์เป็นหลัก และนี่คือประเด็นแรกที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ

ในระหว่างทางนักเขียนพยายามอธิบายนิยามสิ่งที่เรียกว่าความรักจาก Alain Badiou หรืออาจจะไม่ใช่ความรักแต่เราดันไปนิยามว่าสิ่งนั้นเป็นรัก และคุณสรวิศ ยกตัวอย่างสถานการณ์หรือความรักรูปแบบต่างๆจากชีวิตจริง หนัง มาเปรียบเทียบทำให้เราได้เห็นความรักในหลากหลายรูปแบบ อธิบายให้เห็นภาพ ชัดเจนมากขึ้นระหว่าง “ความรัก” และ “romance” และนี่เป็นประเด็นที่สองที่เราเห็นด้วยส่วนนึงกับแนวคิดของ Alain Badiou

สิ่งที่ประทับใจในหนังสือเล่มนี้คือการอธิบายถึงความรักในยุคสมัยปัจจุบัน ความรักจากแอพหาคู่แท้จริงแล้วใช่ความรักหรือไม่? อีกทั้งผู้เขียนยังอธิบายว่าความรักยังเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งประเด็นนี้น่าสนใจมากๆ และหนังสืออธิบายออกมาได้ดีมากๆเลยทีเดียว

ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะประโยคบนหลังปกหนังสือที่ว่า Love what you will never believe twice จงรักในสิ่งที่คุณจะไม่มีวันเชื่อซ้ำอีกหน สงสัยว่ามันหมายความว่ายังไงแล้วผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เพราะอ่านจบก็พอจะเริ่มเข้าใจความหมายของประโยคข้างต้นมากขึ้น

ไม่ว่าความรักแท้จริงแล้วจะเป็นแบบไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วมนุษย์ทุกคนต่างก็หาเหตุผลและความหมายให้กับมัน รวมถึงทุกคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้เช่นกัน
Profile Image for TEERAWUT MAHAWAN.
101 reviews23 followers
July 16, 2019
ในบรรดาหนังสือที่อ่านจบ แต่พบว่าตนยังเหมือนไม่ได้อ่าน555 คือหนังสือทุกเล่มของอาจารย์สรวิศ

ทีนี้เรามองในแง่ดีคือ หนังสือทุกเล่มของสรวิศ พออ่านถึงหน้าสุดท้ายก็จะถอนหายใจ ปาดจมูก แล้วพบว่าเต็มไปด้วยรอยขีดเขียนอยู่หลายหน้า และย้ำกับตัวเองว่า สักวันกูจะไปหาอ่านงานต้นฉบับ ตอนนี้ขอพักไปอ่านงานเบาๆแพ้บ ก็คือมันกระตุ้นความคิดมากๆเว้ย เลยทำให้อ่านเหมือนไม่ได้อ่าน 555

ตามสกิลการอ่านของผู้อ่านละกัน 5555
23 reviews
October 12, 2021
ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบหนังสือแทบไม่ได้พูดเรื่องทำไมเราต้องตกหลุมรักเลย มาพูดให้จริงๆก็ 10 หน้าสุดท้าย5555 แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังสือไม่ดีนะ อ่านแล้วค่อนข้างเปิดหูเปิดตาเรื่องความรักในมุมมองใหม่ๆซึ่งเชื่อว่าเกือบทุกคนคงไม่ได้คิดในแง่นี้มาก่อน แต่ก็มี bias กับความสุดโต่งพอสมควรตามแบบคนเขียน มีบางประเด็นที่ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ใครที่อยากเข้าใจมุมมองใหม่ๆของสิ่งที่เรียกว่าความรักเล่มนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ แต่ถ้าอยากรู้ว่าทำไมคนเราถึงต้องตกหลุมรักพอได้อ่านแล้วก็จะไม่รู้เหมือนเดิม55555
Profile Image for Paquan Kan.
14 reviews15 followers
December 24, 2022
รีวิวแบบบ้านๆนะ

2 ส่วนแรกมีความคลั่งรักมาก นี่อ่านไปเขินไป หลายส่วนเขียนวนเยอะไปหน่อย น่าจะทำให้กระชับกว่านี้ได้ แต่โดยรวมก็ชอบนะได้มุมมองเกี่ยวกับความรักแบบปรัชญาๆด้วยดี

อ่านแล้วอยากรักอะ คุยกับเพื่อน เพื่อนว่าน่าอ่านคู่กับเล่ม รักและการปฏิวัติของ ของ อ.ธิกานต์ ส่วนตัวเราแวบนึงนึกถึงเพลงที่ชอบคือ Let me down easy ของ Gang of Youths

สิ่งที่อยากทำต่อก็คืออ่าน In Praise of Love กับดู The Lobster อีกครั้ง
Profile Image for mynkdontbelazy.
17 reviews1 follower
April 21, 2023
อ่านยากมาก ;-|
แต่โดยรวมแล้วเราชอบการเชื่อมโยงของมันมากๆ
มันเป็นปรัชญาที่เอามาเล่าเหมือนสูตรทางคณิตศาสตร์ เอาเหตุโน้นมาเป็นผลนี้ เชื่อมโยงต่อเนื่องให้เห็นภาพใหญ่ว่า โอ้โห ไอ้การมีความรักนี่มันช่างยิ่งใหญ่และเกี่ยวโยงกับทุกอย่างตั้งแต่เรื่องภายในของตัวเองเราที่แทบจะไม่รู้อะไรเลย กำหนดอะไรไม่ได้เลย กับสิ่งที่เหนือไปกว่านั้น กับคนอื่น สิ่งอื่น สังคมอื่น ระบบอื่น พันตูกันไปหมดเลย

สนุก สั้น แต่งงงวย
ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการอ่าน
Profile Image for meinkade.
28 reviews12 followers
January 31, 2021
เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนกลัวความรักมากๆ55555 อ่านแล้วเหมือนได้รีเซ็ทความคิดใหม่เกี่ยวกับความรัก ได้มองความรักในมุมที่ต่างออกไป ชอบการเอาทุนนิยมมาจับเป็นประเด็น เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทัศนคติเกี่ยวกับความรักของตัวเองจะได้รับอิทธิพลมาจากระบบทุนนิยมด้วย แต่อ่านจนจบก็ยังสรุปไม่ได้ว่าทำไมต้องตกหลุมรัก? ต้องอ่านบทความท้ายเล่มถึงจะพอหาคำตอบลางๆออก
Profile Image for mipmip.
119 reviews2 followers
May 8, 2023
ตอนแรกคิดว่าจะอ่านแล้วง่วง แต่อ่านจบเร็วมาก ในระยะเวลาสั้นๆ อ่านเพลินดี ชอบครึ่งแรก มีแต่ประโยคโดนๆ

‘จงรักในสิ่งที่คุณไม่มีวันจะเชื่อซ้ำอีกหน’ ดึงดูดด้วยชื่อนส เพราะก็เป็นสิ่งที่อยากรู้เหมือนกัน จริงๆมันก้ไม่ได้มีไรมากแต่คนเขียนเล่าสนุกดี เขาเอาแนวคิดด้านค.รักของนักปรัชญาBadiouมาเล่าให้ย่อยง่ายๆ สุดท้ายก้เห็นด้วยว่า ก.ตกหลุมรักต้องใช้ค.กล้าหาญครั้งใหญ่
Profile Image for Looktaan.
26 reviews3 followers
May 15, 2021
ตอนแรกอ่านด้วยความรู้สึกว่าไม่จริงหรอกความรักแบบที่จะต้องตกหลุมรักกันอย่างคลั่งรักแบบหนังรอมคอม พอกลางเล่มเท่านั้นแหละถึงรู้ว่าที่ผ่านมาเรานี่มันมีความรักแบบทุนนิยมนี่หว่า เหมือนโดนฟาดหน้าแรงๆ555555 ได้มุมมองความรักแบบลึก(?)ขึ้น และอยากดูเรื่อง the lobster อีกรอบ
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for h..
10 reviews
July 24, 2021
เราว่าดีนะคะ ที่เอาหลักปรัชญามาจับเข้ากับเรื่องทุนนิยม แล้วเอาหนังดัง มายกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นมุมทองความรัก ในด้านต่าง ๆ อ่านง่าย เพราะยกตัวอย่างนี่แหละค่ะ เห็นภาพขึ้นเยอะเลย แล้วก็ทำให้เข้าใจมากขึ้นด้วย
Profile Image for MT.
638 reviews81 followers
December 14, 2019
- พอความรักถูกมองผ่านกลไกแบบทุนนิยม มันก็เลยmanufacturedมากๆไปเลย เจ๋งดี
Displaying 1 - 30 of 43 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.