Jump to ratings and reviews
Rate this book

คำพิพากษา

Rate this book
ฟักคิดว่าตัวเขา เองนั้นไม่มีอะไรจะต้องสูญเสียอีกแล้ว หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ในตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีแต่ความสิ้นหวัง ดังนั้นสิ่งที่ตัดสินใจจะทำลงไปนั้น ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เขาก็ไม่มีทางที่จะตกต่ำลงกว่านี้ได้อีก เขาได้ลงมาถึงขีดสุด ลงมาถึงตำแหน่งปลายแถวสุดท้ายแล้ว ถ้าแม้นว่าจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียหายต่อการกระทำที่ตัดสินใจครั้งนี้ เขาก็ยังยืนอยู่ปลายแถวอยู่ดี แต่ถ้าผลออกมาว่า...
"ฟักได้ถูกพิพากษา ไปแล้วจากขี้ปากและการกระทำของผู้คนเหล่านั้น"

คำพิพากษา คือหนังสือที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง ระหว่างมนุษย์และมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดเรื่องราวที่โศกสลดและชวนสังเวช จากการกระทำของผู้คนรอบข้างที่มีต่อตัวเอกของเรื่องคือ ไอ้ฟักและสมทรง เมียผู้ไม่เต็มเต็งของพ่อมัน นวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่บิดเบือน และคับแคบของจิตใจคน โดยผ่านภาษาที่เรียบง่าย คมคาย ตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลนวนิยายดีเด่นแห่งชาติในปี 2524 และรางวัลซีไรต์ในปี 2525

309 pages, Paperback

First published January 1, 1981

62 people are currently reading
1235 people want to read

About the author

See also Chart Korbjitti


เรื่องสั้นเรื่องแรก "นักเรียนนักเลง" ตีพิมพ์ในหนังสือ อนุสรณ์ ของโรงเรียนปทุมคงคา เมื่อพ.ศ. 2512 เรื่อง "ผู้แพ้" ได้รับรางวัลช่อการะเกด (2522) เคยประจำกองบรรณาธิการหนังสือ "ถนนหนังสือ" และใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะกลับเมืองไทย ผลงานบางส่วนได้จัดแปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเช่น "คำพิพากษา" "พันธุ์หมาบ้า" และ "เวลา" มีผลงานอาทิเช่น "ทางชนะ" (พ.ศ. 2522) "มีดประจำตัว" (พศ. 2527) "นครไม่เป็นไร" (พ.ศ. 2532) นวนิยายเรื่อง "คำพิพากษา" ได้รับรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2525 นิยายเรื่อง "เวลา" ได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี 2536 ปัจจุบันพำนักในไร่ รอยต่อระหว่างจังหวัดสระบุรี-นครราชสีมา สมรสแล้วแต่ยังไม่มีบุตร

นวนิยายของ ชาติ กอบจิตติ แสดงถึงพัฒนาการของนวนิยายไทยที่มีลักษณะร่วมกับวรรณกรรมสากล นับตั้งแต่การนำเสนอนวนิยายเรื่องคำพิพากษา โศกนาฏกรรมสามัญชน ซึ่งมีนักวิชาการวรรณกรรมนำไปศึกษาเปรียบเทียบกับผลงานของ กุนเทอร์ กราสส์ นักเขียนชาวเยอรมันซึ่งได้รับ รางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม และ เคน ซาบุโรโอเอะ นักเขียนญี่ปุ่นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเช่นกัน

นักวิจารณ์บางคนชี้ให้เห็นว่านิยายเรื่องนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับโศกนาฏกรรม (Tragedy) ของกรีก นักวิจารณ์บางท่านเห็นว่าชาตินำเอาปรัชญาเอกซิสเทนเชียลลิสม (Existentialism) ของ ฌอง ปอล ซาร์ต (Jean-Paul Sartre) มาประยุกต์ใช้ใหม่อย่างน่าชมเชย นอกจากนี้นักวิจารณ์บางท่านเห็นว่า นวนิยายเรื่องเวลาเป็นพัฒนาการของนวนิยายไทยที่มีลักษณะเป็น “นว-นวนิยาย”(nouveau roman) ซึ่งมีลักษณะร่วมกับวรรณกรรมสากล จึงกล่าวได้ว่าผลงานของ ชาติ กอบจิตติ มีความสำคัญต่อพัฒนาการนวนิยายไทยและต่อการนำวร

Ratings & Reviews

What do you think?
Rate this book

Friends & Following

Create a free account to discover what your friends think of this book!

Community Reviews

5 stars
434 (57%)
4 stars
223 (29%)
3 stars
69 (9%)
2 stars
16 (2%)
1 star
11 (1%)
Displaying 1 - 30 of 104 reviews
Profile Image for tata.
7 reviews7 followers
February 7, 2025
น่าจะเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดที่เคยอ่านมา ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแม้จะหวังและเอาใจช่วยตัวละครแค่ไหนก็ตาม ตอนอ่านเราคิดตลอดว่าชีวิตของคนๆหนึ่งจะโชคร้ายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ชีวิตของฟักโชคร้ายยิ่งกว่านั้น สงสารฟักมากๆ จำได้ว่าตอนอ่านเราใช้พลังเยอะมาก เพราะยิ่งอ่านไปยิ่งเศร้า ไม่มีตอนไหนเลยที่ชีวิตของฟักจะดีขึ้น ฟักกลายเป็นจำเลยของสังคมจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แล้วก็ร่วงหล่นจากไปอย่างเงียบเชียบ และน่าอนาถใจ ความดีความบริสุทธิ์ช่างไร้ค่าไร้ราคาเหลือเกินเมื่อถูกคำพิพากษาบดบังไปจนหมด

โดยส่วนตัวเป็นคนที่อ่านแล้วก็มักจะลืมเนื้อหาของหนังสือบางส่วน แต่สำหรับคำพิพากษาเราจำเรื่องราวได้ดีมากๆแม้จะอ่านแค่ครั้งเดียว เพราะหดหู่กับชะตาชีวิตของฟักมากๆ
Profile Image for ANKO.
151 reviews16 followers
April 13, 2021
เศร้ามาก สงสารฟัก สงสารสมทรง สงสารลุงไข่

เข้าไปหาอ่านรีวิวอื่นๆ แล้วมีคนบอกว่าฉากทีมีสุนัขท่าทางคล้ายสุนัขบ้าเข้ามาในโรงเรียน แล้วครูใหญ่สรุปว่าเป็นสุนัขบ้า จึงให้ฟักจัดการฆ่า เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขมาทำร้ายเด็กๆ ทั้งที่ไม่มีการตรวจสอบจริงๆเลยว่าเป็นสุนัขบ้าจริงไหม เปรียบเหมือนชีวิตฟักที่ถูกเข้าใจผิด ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐาน น่าเศร้ามากๆ ฉากที่ฟักต้องฆ่าสุนัขก็สะเทือนใจมากๆ

หนังสือถึงแม้จะเขียนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว แต่ยังคงสะท้อนสังคมได้ดีมากจริงๆ
Profile Image for Brian.
362 reviews69 followers
December 5, 2010
Holy shit but this is a depressing read... half-way through the book (the entanglement). I don't have issues with the writing or translation. Find both interesting. But damn... the plot, the character... poor poor Fak. I wouldn't wish his misfortune on my worst enemy... well, yeah, I probably would. Maybe I need ordaining.

"We don't know where we come from. From the moment we are born, we have to struggle to survive, and when we die, it's all over. We never know where or when we die, and we don't know either where we go after we die. We go through life like blind men..."

Now on to the second part... the liberation. Even with a title like that I'm doubtful...

I was right to be doubtful. This book is a great example to see how a skillful writer can show a character change as a result of the people and environment that touches him. Fak, the main character and focus of the book, starts with a favorable status in his small village. But due to gossip his status and life plummets quickly to a conclusion that is just too sad to even contemplate. By far one of the saddest books I've ever read. People can sometimes really suck.
Profile Image for Pearl.
183 reviews22 followers
November 9, 2011
An excellent book, but a very depressing one that sheds light on the ugly truth in Thailand that is the caste system. Yes, there is one, its just not poigent in countries such as India, but we have one non the less. As someone who is Thai and was born and bred there I understood that completely.

Though I got through คำพิพากษา (or 'The Judgment' in the English translation for you non Thai-readers out there) realively fast, as its only a small book, I found it almost impossible to finish because each sentance or paragraph was like a stake in to my heart. Poor Fak (or "Fuck" as its pronounced in Thai, but that would be inapporpirate for obvisious reasons) is judged by his entire village because of his social status and responsibilites to his mentally ill step mother. You think his situation can't get any worse but it does. Though, at the same time I feel symphatny for Fak, I also wanted to slap him in the face and say "get off the bottle! it's not doing you any good!"

The contrast between him and Somsong (his looney, but harmless and infact, down right cute at times) is a very intresting move on the authors part, making Fak, worried and ashamed about his situation, while Somsong, carless and free and not caring what anyone thinks of her and him. The novel has a tragic start and has a tragic end for both chracters and I was close to swallowing some sleeping pills I was so depressed.

When I first picked up this book and read the sypnopsis on the back (and also finding out that it won book of year the S.E.A Write Award in 1981, not to mention it has been re-printed several times, my copy was the 45th re-printing) it rang a bell to a movie I had watched a few years back, sure enough, I was right. The film had a differnt name, but was based on this novel. So, it had a familiarity to it right from the start.

In the end, this book has esaily become my favourite Thai novel, that I would dread to read again, just for its content in general and it has also left me wanting to be a better person and be nice to everyone no matter what their social status or situation is. We are all human after all.
73 reviews1 follower
May 17, 2025
เป็นเรื่องที่หดหู่ มีคำถามมากมายในหัวไม่ว่าจะเป็น ทำไมทุกคนถึงเชื่อกันง่ายจัง? ทำไมถึงหันหลังให้ฟัก เขาไม่มีใคร ไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัว คุณไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่ามันจริงมั้ย ทำไมถึงคิดเองเออเอง ทำไมถึงทำให้ชีวิตของคนๆนึงรู้สึกเดียวดาย อ้างวางทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด กลับกันเขากลับช่วยเหลือทุกอย่าง ทำหน้าที่การงานอย่างดีเยี่ยม เป็นเรื่องที่หดหู่เกินบรรยายจริงๆ ไม่สามารถคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเกิดกับตัวเองจะทนได้รึเปล่า เพราะมันเจ็บปวดมากนะ เหมือนโดนตัดสินอะ เดินไปทางไหนก็มีเสียงนินทา ม่ายสมทรงเองก็น่าสงสารมากๆอะ สติไม่สมประกอบเเล้วยังโดนทำร้ายอีก คือนางเหมือนเด็ก ไม่มีผิดมีภัยอะ น่าสงสารมากๆ เเต่บอกได้เลยว่าการดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีจริงๆมันทำให้ร่างกายเราพังได้เลยเพราะงั้นอย่าดื่มเหล้ากันเลย อีกเรื่องคือชอบวิธีการเขียนมาก เเม้จะเป็นเรื่องที่เเต่งมานานเเล้วหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเเต่มานานเเล้วด้วยเเหละเลยทำให้ภาษาที่ใช้มีความโบราณเเต่อ่านง่ายอะ นึกภาพตามได้เหมือนเห็นชีวิตของฟักจริงๆเลย อีกตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือไข่คือลุงเขาเป็นคนที่น่าสงสารอีกคนนะเเค่เพราะว่ามีอาชีพเป็นสัปเหร่อ เเต่เเค่เพราะงั้นเลยหรอ? ทำไมทุกอย่างต้องหมุนรอบความรวยความจน หรือฐานะของเรา โคตรหงุดหงิดมากๆ อ่านจบเเล้วน้ำตาซึม สงสารทุกคนมากจริงๆ มันเจ็บปวดมากนะ
Profile Image for Ardita .
337 reviews6 followers
April 27, 2008
An amazing story coming out from a simple personality of a school janitor in a village tucked in Thailand's outback. Fak, is the son of Foo, a carpenter who sought refuge to a temple and live on the monastery's yard in a simple thatched hut. Fak grew up to be a novice but decided to disrobe since he couldn't help to see his father worked his butt out.

To sum the story up, Fak is victimized by the society, a little village near a monastery. Especially after he's taking care of the deranged Somsong (his father's wife) after the death of his father.

Set in thick Thailand culture, this bleak novel will bring you to the daily life of Fak and his mind. Korbjitti's details to Thailand's psyche amazed me. Being a South Asian myself, I can relate quite well to his writing. Although Korbjitti was loyal to Fak, he was able to present in a subtle yet strong characters of Khai (the village Undertaker) and the Headmaster (of a school where Fak worked as a janitor).

This work will bring you to question a lot about Thailand culture e.g. the relation between society and monastery as Thailand's strongest religious institution, the relation between different classes in Thailand's society.

However, I believe Chart Korbjitti didn't only write about Thai's culture and psyche. He's writing about human in general. How we all want to be normal and pure.. How we are defensive to everything different than our reality.
Profile Image for Pitchayut Nipatdamrongkoun.
7 reviews2 followers
July 14, 2024
เศร้ามากครับ ถูกตัดสินจากภายนอกจนชีวิตไม่เหลืออะไร
This entire review has been hidden because of spoilers.
Profile Image for Kin.
509 reviews164 followers
June 19, 2023
อ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ก็ยังเศร้าเหมือนเดิม บทสุดท้ายนี่คือ เฮ้อ ชีวิตนี่นะ
Profile Image for Fefee.
1 review
May 15, 2017
หนังสือตั้งแต่ปี 2524 แต่เนื้อหาไม่ได้เก่าตามปีไปเลย
อีกนัยหนึ่งคือสังคมและคนเราไม่ได้เปลี่ยนไป หรือพัฒนาเท่าไหร่เลย
ร้าวรานสิ้นดี
Profile Image for Whitaker.
299 reviews578 followers
December 6, 2021
It took me an entire year to read this 380 page book. It was so painful to get through. But so powerful.

The novel talks of how a village destroys a good man and venerates a bad one through its petty minded gossip and judgement. Fak, a poor man, is left alone after his father dies. His father had taken a simple minded, mentally ill woman as his wife. Out of compassion, Fak continues to look after her. She, simple minded and mentally ill, behaves inappropriately, calling him, "her man" and flashing her privates at him and anyone in the village.

The rest of the village believe that Fak is sleeping with his stepmother -- a major sin -- and, scandalised, turn on Fak. Previously liked, Fak finds himself treated as a pariah by all including his former friends. The only one willing to befriend him is the village undertaker who is himself shunned by the villagers because of his job. The unjust hostility of the villagers to him, their baseless viciousness in calling his compassionate willingness to continue to allow his stepmother to stay with him incestuous lust cause Fak to turn to drink. He becomes increasingly abhorred by the self-righteous villagers.

A person in the village, admired and looked up to, takes the opportunity to cheat Fak out of his money, and Fak has no recourse because, in the eyes of the villagers, his word -- the word of an alcoholic incestuous sinner -- is nothing compared to that of the real cheat.

In Don't Sleep, There Are Snakes, Daniel Everett talks of how in the Amazon jungle, the Piraha tribe would cast out someone if he seriously offended against their customs. That person would be left alone to fend for himself -- a death sentence really because a lone man will die without the help of his community in the Amazonian jungle. The same law applies her - but Fak, the innocent compassionate one is exiled and treated as a pariah because of the villagers' small minded petty self-righteous lies and gossip. In this age of the internet where the world has become a village and internet mobs happily turn on people and spread lies, The Judgment is a useful reminder that ordinary people can be no less cruel and vicious than their leaders when it serves their sense of identity to be so.

The title, The Judgment, is both the judgment that the villagers pass on Fak, and the judgment that Chart Korbjitti passes on us, all of us, including himself. Make no mistake, while this takes place in Thailand, this might be a village, a company, a class or any community anywhere in the world. Highly recommended.
Profile Image for Jerawan Meesangnilverakul.
200 reviews31 followers
April 20, 2023
เป็นนิยายที่ทั้งหดหู่ เศร้า และเครียดไปในเวลาเดียวกัน
เป็นนิยายที่ทำให้คิดว่าบางทีโลกก็ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
คติที่ว่า ทำดีร้อยครั้งเขาไม่เห็น แต่ทำผิดครั้งเดียวกลายเป็นคนไม่ดีซะแล้ว

มีหลายครั้งที่หดหู่แทนฟัก จนทนอ่านต่อไม่ไหวเพราะเราคิดว่าเราเป็นฟัก เราก็คงเครียดเหมือนกัน
ถ้าเป็นเรา เราก็คงคิดไม่ตกเหมือนกับฟัก เรารู้สึกอินจนสงสารฟักไปเลย

นิยายเล่มนี้ถึงจะนานแล้ว แต่ก็ยังคงไปด้วยคุณค่า คติสอนใจ สะท้อนสังคม ณ สมัยนั้นได้ดีมากๆ
ภาษาในการเขียนทำเราเคลิ้ม การเขียนแบบทำให้ตัวละครสะท้อนอารมณ์ออกมาทางหนังสือได้เป็นสิ่งที่บอกว่านักเขียนเก่งมากแค่ไหน
Profile Image for Jutathip.
30 reviews1 follower
December 26, 2017
"โศกนาฏกรรมสามัญที่มนุษย์กระทำและถูกกระทำอย่างเยือกเย็นในภาวะปกติ" คือประโยคบนกระดาษแผ่นแรกของหนังสือ
คำพิพากษา เมื่อมาพินิจชื่อเรื่องแล้วก็ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้ เมื่อคำพิพากษาออกมาแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยน คำพิพากษาที่เกิดจากการด่วนตัดสินดีเลวของคนๆหนึ่ง เมื่อมีคนดี ย่อมต้องมีคนเลว คนดีย่อมดีเสียทุกอย่าง คนเลวทำอะไรก็ไม่เคยดี เมื่อคำพิพากษาออกมาแล้ว สิ่งที่สอนลูกหลานคือ อย่าเป็นคนเลวแบบฟัก จงเป็นคนดีแบบครูใหญ่
สังคมไทยเป็นสังคมที่ judge โดยไม่พยายามเข้าใจ สังคมที่ชอบลงโทษ ยิ้มเยาะกับความสะใจร่วมกัน ถ้าทำเลวก็ควรประหาร เป็นสิ่งที่ทำกันจนไม่รู้สึกว่าแย่อะไร เพราะคนเลวคือคนเลว เป็นสิ่งมีชีวิตอีกจำพวกหนึ่งที่ไม่ได้มีความคิด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตดังเช่นคนๆหนึ่งพึงมี และสิ่งมีชีวิตพวกนี้สมแล้วที่ควรได้รับการลงโทษและกำจัด ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
หนังสือเล่มนี้ชวนให้ผู้อ่านทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของคนๆนึงที่สังคมพิพากษาแล้วว่าไม่ควรค่าแก่การใส่ใจและรับเป็นส่วนหนึ่ง พร้อมๆกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปและความศิวิไลซ์ที่เข้ามาแทนที่

"โศกนาฏกรรมสามัญที่มนุษย์กระทำและถูกกระทำอย่างเยือกเย็นในภาวะปกติ" อืม
8 reviews
January 8, 2022
อ่านแล้วมีแต่กำหมัด กำแล้วกำอีก มันทั้งเศร้า หดหู่ต่อชีวิตของนายฟักในเรื่องจริงๆ หรือว่า นักเขียนเลือกใช้ชื่อนี้เพื่อพ้องกับภาษาอังกฤษว่า fuck วะ เนื้อเรื่องไม่เก่าเลยแม้ว่าจะเขียนมาตั้งแต่ 2525 แล้ว
Profile Image for Klin กลินท์.
230 reviews15 followers
May 18, 2020
พ.ศ. 2524

ฟัก
สมทรง

35 ปีกว่ามาแล้วที่ “ฟัก” ต้องเผชิญและตายหายไปกับลมเบื้องบน ณ เมื่อครั้งกระโน้นที่ความเจริญเพิ่งเริ่มจะมีไฟฟ้าเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนั้น หากทว่าการดำรงอยู่ของคำพิพากษาในสังคมด้วยน้ำลาย หูเบา แบ่งฝักฝ่าย พวกมากลากไป เชื่อเพราะลมปากคนอื่น เขาว่ากันว่า เขาว่า...ยังคงดำรงอยู่ทุกยุคทุกสมัยและพัฒนามาจนถึงยุคออนไลน์ ณ ปัจจุบันนี้

การกลับมาอ่านอีกครั้งในงานของ "น้าชาติ" สำหรับ “คำพิพากษา” ซึ่งเป็นวรรณกรรมเล่มแรก ๆ ในวัยเยาว์ที่เริ่มจะมีเงินซื้อหนังสือด้วยตนเอง ซึ่งนั้นทำให้เริ่มรู้จักและเดินทางเข้าสู่โลกงานเขียนแบบโศกนาฏกรรมเรียลลิสติกของ น้าชาติ ความสนุกในวันก่อนเก่านั้นคือค่อย ๆ ทยอยสะสมหนังสือของน้าไปทีละเล่มสองเล่มเท่าที่มีเงินสะสมและจะสามารถซื้อหาได้ บางเล่มได้มาจากร้านหนังสือเก่าในจตุจักรก็มี (เป็นภาพแตกต่างกับยุคนี้มาก ๆ ที่สามารถจะซื้องานของนักเขียนรวดเดียวทั้งคอลเลคชันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสออนไลน์และหนังสือมารอให้อ่านถึงบ้านโดยตรงตามสะดวก)

หากเริ่มนับตั้งแต่ปีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2524 นั้น “คำพิพากษา” ได้ครบรอบ 37 ปีกว่าแล้ว ส่วนฉบับที่ครอบครองอยู่นี้จะครบอายุ 20 ปีในเดือนกรกฎาคมนี้ (เป็นฉบับพิมพ์ที่ระลึกครั้งที่ 30) อีกเรื่องนึงที่อมยิ้มกับ “คำพิพากษา” แทบทุกครั้งเวลาไปร้านหนังสือแล้วเจอ “คำพิพากษา” ไปอยู่ในชั้นหมวดหนังสือด้านกฎหมายมากกว่าที่จะปรากฎอยู่ ณ ชั้นหนังสือหมวดวรรณกรรม แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง “คำพิพากษา” ก็สามารถตีความเป็นกฏหมายทางสังคมที่มนุษย์พิพากษาด้วยกันได้

แน่นอนว่าการอ่านในแต่ละครั้งในแต่ละรอบให้อะไรกลับไปทุก ๆ ครั้ง สำหรับตนเองถือว่าเป็นความโชคดีมาก ๆ ที่ได้อ่านงานชิ้นนี้มาล่วงหน้านานแสนนาน การอ่านในครั้งหลัง ๆ แทบจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับครั้งแรก ๆ หรือเมื่อ 10- 15 ปีก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะความแข็งแรงในท่ามกลางโศกนาฎกรรมของสังคม แม้ว่าทุกวันนี้จะกลายเป็นเรื่องที่แทบไม่ต้องคิดทุกข์ร้อนในใจและความรู้สึกทั้งในเรื่องสุขเรื่องทุกข์ของสภาวะที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่ดำรงอยู่ด้วยกัน เพราะว่าเข้าใจแล้ว ไม่แตกต่างอะไรไปมากกว่าในโลกของ คำพิพากษา และตัวเราแข็งแรงมากกว่ามาก... เคยเป็นฟัก เคยเป็นสมทรง

“เอ็งพูดจริงหรือเปล่าล่ะ” สายของแกยังสงบ จับอยู่กับอะไรสักอย่างหนึ่งเบื้องหน้า
“จริงลุง ข้าพูดเรื่องจริง” น้ำเสียงเสมือนย้ำความหนักแน่นในคำพูด
“ถ้าเอ็งรับปากว่าเอ็งพูดเรื่องจริง ข้าก็เชื่อเอ็ง...” สัปเหร่อพูดเบา ๆ เหมือนบ่นกับตัวเอง
,หน้า 116

จะมีสักกี่คน คนแบบลุงสัปเหร่อไข่

อ่านในใจ ลองหาอ่านดูครับ :) #คำพิพากษา #ชาติกอบจิตติ สำนักพิมพ์: #หอน #อ่านชาติกอบจิตติ #อ่าน #อ่านไปเรื่อยๆ #อ่านไปฟังไป #IntoTheBook #อ่านแล้วอ่านเล่า #อ่านอีก #หนังสือ #ReadAgain #อ่านอีกครั้ง #BooksBAR #AtTheReader #กลินท์แลนด์ #KlinLand #กลินท์และหนังสือ #KlinAndBooks #อ่านในใจ #อ่านเพลิน #ณอ่านTheReaderTheKlinLibrary
Profile Image for Nuttawat Kalapat.
685 reviews48 followers
October 22, 2020
คำพิพากษา
by : ชาติ กอบจิตติ
จำนวนหน้า: 336 หน้า
ปีของหนังสือที่ผมหาซื้อมาได้ 2525 (หนังสือรางวัล ซีไรต์)
.
นิยายเรื่องนี้สอนเราให้ไม่ไปเผลอตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยิน เพราะเพียงเรามองเขาผิดไป ซึ่งยากนะ
.
นิยายเก่ามาก และ เทพมาก คือตรึงผมไว้จนจบได้ตั้งแต่หน้าแรก
.
ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อหนังเรื่องไอ้ฟัก ใช่ไหมครับ ที่คุณตั๊ก บงกช แสดงเรื่องแรก
ถ้าเคยดูแล้ว หนังทำมาจากหนังสือเล่มนี้นี่แหละ ครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูหนังอย่างผม แนะนำให้หาอ่านอย่างยิ่งครับ มันสนุกมากๆ
.
เนือเรื่องย่อ กล่าวถึง นายฟัก นายฟักประกอบอาชีพ เป็นภารโรงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง หลังจากนั้นพ่อของเขาเสียชีวิต และ ภรรยาใหม่ของพ่อ "ม่ายสมทรง" ซึ่งสติไม่ค่อยสมประกอบ จากที่เป็นภรรยาพ่อ ตอนนี้กลับ เหลืออยู่กันที่บ้านแค่ 2 คน แถมสังคมยังตีตราว่า "ไอ้ฟัก" เอาเมียพ่อตัวเอง
กลายเป็นจุดเริ่มต้น เล็กๆ ที่แทบทุกคนในสังคมพิพากษา ไอ้ฟักไปแล้ว
จึงเป็นจุดเปลี่ยนทำให้นายฟัก ที่เป็นคนดี มาก่อน กลายเป็นอีกคน
.
หม่นหมอง หมองหม่น หดหู่ โกรธ แค้นเคือง สงสาร เอาใจช่วย นี่คืออารมณ์ทั้งหมดหลังอ่านจบ และ อ่านจบยังเซ็งไม่หาย อินจริงๆครับ
.
หนังสือตีแผ่ ความโหดของสังคมไทยออกมาอย่างชัดเจน ผ่านการ ว่าร้าย นินทา กล่าวหา ล้อเลียน หรือ การ ignore เหตุการณ์ต่างๆในสังคม บวกกับการเล่าทีสอดแทรก กิจกรรมต่างๆของสังคมยุคนั้นที่ ไฟฟ้ายังไม่เข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นพิธีรื่นเริง พิธีกรรมทางศาสนา กิจกรรม ทำบุญ ไหว้พระ สงกรานต์ เป็นต้น
.
ประเด็นต่างๆ ที่ตีแผ่
บริบทชีวิตของคนไทย คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเป็นที่ยอมรับของสังคม การเป็นที่ชื่นชม การเป็นที่พูดถึง ยกย่อง สรรเสริญ แต่การพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ในความเป็นจริงสำหรับไอ้ฟัก มันยากเหลือเกิน
.

.
ความเห็น
- มันจะมีตัวละครที่เรารัก และ เราเกลียด
- อ่านจบคนอ่านจะมีคำถามเกิดขึ้นมาในหัวของตนเองแน่นอน
- ตัวละคร ไอ้ฟัก และ อ้ายสมทรง มีสเน่ห์มาก อ่านรอบเดียว เรื่องราวมันเข้าไปในหัว ทุกคนสามารถเล่า ตั้งแต่เริ่มจนจบของหนังสือ ต่ออีกรอบได้เลย แถมให้ข้อคิดเยอะ
- ภาษา ครับ จุดแข็ง ที่สุด คือ ภาษา ที่สละสลวย มาก สั้นกระชับ ไม่ยืดเยื้อ ขั้นปรมาจารย์
.
คะแนน 10/10
นี่คือตัวอย่าง ของนิยายน้ำดี ครับ
Profile Image for Hal K.
43 reviews11 followers
March 19, 2016
This is the saddest book I've ever read, and I don't know how to even rate this friggin' thing. I am completely affected by this book. It makes me really angry and really sad, and I hate having all these intensely unpleasant emotions. I try to remind myself that it's just a book, it's fiction, it's not real. But there are probably tons of real people out there who are like Fak (main character), or like these silly villagers, or the friggin' school headmaster. I've seen alcoholics before. No doubt that someone is living a life similar to Fak's.

Also, funny that I'm reading this in English, when I can read the original Thai. But it's for English class in college. It's also funny that I would've had to read it in Thai during High School, if I had taken the highest level Thai class that many of my Thai Senior peers were taking. This book has been hunting me down. Well, thanks for all the pain!!
Profile Image for Ploy' Nutchaya.
42 reviews2 followers
May 13, 2018
เรื่องราวของนายฟัก ผู้ซึ่ง(ถูกกล่าวหาว่า)เอาแม่เลี้ยงของตนมาทำเมีย โดยที่เจ้าตัวยืนกรานนักหนาว่าไม่ได้ทำ จากที่ประพฤติตัวดี เป็นที่ยกย่องของคนในชุมชนมาโดยตลอด ฟักกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่กล้าเข้าหา ไม่กล้าสบตาผู้คน เนื่องจากกลัวคำครหานินทา

ผู้เขียนบรรยายชีวิตประจำวันของนายฟัก กิริยาท่าทาง ความคิด การกระทำของนายฟักในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้มีมิติ ฉากบ้านเรือน วัด โรงเรียน ทุกอย่างดูจริงไปหมด

ประเด็นของการเอาเรื่องของคนอื่นมาพูดคุย ล้อเล่นกันอย่างสนุกปากโดยที่ตนก็ไม่ได้รู้เรื่องราวที่แท้จริงมันน่าหดหู่มาก

คุณชาติ กอบจิตติ ได้เขียนมันออกมาแล้วทำให้เห็นว่าแค่เรื่องเล็กๆอย่างการหยอกล้อหรือการนินทา ส่งผลกระทบยิ่งใหญ่และสามารถพลิกชีวิตคนคนหนึ่งจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว
Profile Image for BK.
2 reviews
February 24, 2017
พลังที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พลังธรรมชาติ
แต่เป็นพลังของสังคม พลังของมนุษย์ชน

บริบทชีวิตของคนไทย คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเป็นที่ยอมรับของสังคม การเป็นที่ชื่นชม การเป็นที่พูดถึง ยกย่อง สรรเสริญ แต่กลับกันสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการถูกเพิกเฉยจากสังคม การถูกลืม
นักเขียนคนนี้บรรยายความรู้สึกของคนที่ถูกสังคมลืมได้อย่างลึกซึ้ง ความโศกเศร้า เกลียดชัง ความคิดฟุ้งซ่าน ซึ่งนำไปสู่จุดจบคือความตาย ใช้คำพูดสั้นๆ กระชับ แต่แทงใจคนอ่านได้ทุกคำพูด

หดหู่ ร้อนรน จะไม่อยากจะรู้ตอนจบ คอยแต่ให้เกิดสิ่งดีๆบ้าง ชีวิตคนเราจะเจอแต่เรื่องที่ทำร้ายจิตใจตลอดเวลาเลยหรือ
Profile Image for Pepoparu.
47 reviews5 followers
September 7, 2024
เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมบางทีสังคมต้องตัดสินคนๆนึงขนาดนี้นะ ทั้งๆที่หลายสถานการณ์ไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาบางหลักฐานก็ไม่มีแต่กลับเชื่อกันเป็นตุเป็นตะเพียงแค่คำว่า "คนอื่นเขาว่ากัน" หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปสำรวจผลกระทบของเหยื่อที่โดนสังคมพิพากษาชนิดที่เกิดเป็นโศกนาฏกรรมกันเลยทีเดียว เป็นงานของ ชาติ กอบจิตติ งานแรกที่เราได้ลองหลายๆคนป้ายยามาว่าเสียดสีสังคมได้ลึกถึงใจ ซึ่งอะไรแบบนี้มันก็ทำงานกับเราได้จริงๆด้วย มันทั้งเศร้าและหดหู่ สงสารตัวละครไอฟักมาก จากคนดีๆต้องมาเจออะไรขนาดนี้จนเสียผู้เสียคน (ถึงจะมีส่วนที่ทำตัวเองอยู่บ้าง) อ่านจบแล้วได้อะไรกลับไปคิดเยอะ+เหม่อไป3วัน
Profile Image for Natapong Nimkarnjana.
60 reviews5 followers
April 24, 2018
ชอบการบรรยายความรู้สึกของคนที่อยู่ในกลุ่มล่างสุดของสังคม ทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น และยิ่งทำให้เห็นใจกับชะตากรรมของฟักในตอนท้าย หักคะแนนนิดนึงเพราะเรื่องการติดเหล้าของฟักที่คิดว่าง่ายไปนิด กับนิสัยพูดน้อยไม่ยอมอธิบายและบางนิสัยซึ่งก็ยังรู้สึกขัดๆ กับคนที่บวชเรียนมาขนาดนั้น
Profile Image for Pom Ma.
12 reviews
October 7, 2020
ประเด็นที่คุณชาติพยายามจะ convey ออกมา มีdynamic มากสำหรับงานเขียนชิ้นนี้
แต่ด้วยบรรยากาศของเรื่องราว สำหรับผมที่ไม่ได้เติบโตในชนบท และอ่านงานนี้ตอนอายุ 20 ต้นๆ ทำให้มีปัญหาในการ relate ความรู้สึกบาง��ย่างที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อสาร
Profile Image for top..
510 reviews116 followers
August 2, 2015
เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครเลย ไม่มีเลย
ทุกคนล้วนมีอุทธรณ์ของตัวเองทั้งนั้น
Profile Image for Marujoh.
3 reviews
June 25, 2016
ใครเป็นคนผิด ชาวบ้าน ครูใหญ่ ลุงไข่ ตาฟู สมทรง หรือตัวฟักเอง
ตอนอ่านนี่อึดอัดมาก เอาใจช่วย มีความหวัง
อ่านจบแล้วรู้สึกตื้อ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
อยากให้ลองอ่านกัน ดีจริงๆ
Profile Image for Ninnartsang.
10 reviews1 follower
October 25, 2016
เรื่องระดับตำนานอ่านครั้งแรกช่วงเรียนชั้นมัธยม จนถึงตอนนี้ก็ประทับใจต้องให้ดาว
Profile Image for Savagerecore.
17 reviews3 followers
August 2, 2018
เป็นซีไรต์ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง เป็นตัวแทนและหน้าตาของรางวัลนี้ในยุคที่ผู้คนยอมรับ
Profile Image for hbabiem.
12 reviews
December 4, 2025
ปกติเวลาหยิบหนังสือขึ้นมาสักเล่มก็จะพยามสุดความสามารถเพื่ออ่านให้จบใน 1 sit บ้างก็สนุกจนวางไม่ลง บ้างก็ไม่ถูกใจจนไม่หยิบขึ้นมาอีก หลายครั้งที่เนื้อหาหนักอึ้งจนต้องพักเงยหน้าขึ้นมามองฟ้า คอยย้ำเตือนตัวเองว่ามันเป็นเรื่องแต่ง แต่กับเล่มนี้ ความเร็วของนิ้วมือในการพลิกหน้ากระดาษคงที่ตลอดทั้งเล่ม ลมหายใจก็พ่นเข้าออกสม่ำเสมอ แม้จะคุ้นเคยกับสภาพสังคมและค่านิยมของคนไทย แต่ไม่เคยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขา จึงเข้าใจความคับข้องใจของฟักได้แค่ผิวเผิน ต้องรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่แล้วถ้าถูกกล่าวหาว่าทำสิ่งเลวระยำ แต่หากเป็นฉันคงไม่เลือกจะอธิบายซ้ำ ๆ ให้คนที่เชื่อลมปากและพยามทำดีทดแทนเพื่อซื้อความเชื่อใจโง่ๆแต่ราคาแพงหูฉีกนั่น เฝ้ารอให้ฟักเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ แล้วยอมแพ้ซะ แต่เมื่อฟักแสดงให้เห็นว่าการจำยอมจริง ๆ เป็นเช่นไร น้ำตากลับขืนตัวไม่สยบต่อแรงโน้มถ่วง ทรมานเกินกว่าจะร้องไห้ออกมาได้ ทรมานถึงเพียงนั้นก็ต้องอ่านให้จบวันนี้ให้ได้ เจ็บปวดเกินกว่าจะทิ้งให้มันค้างเติ่งแล้วจมดิ่งไปแบบนั้น แม้อาการชาจะปรากฏให้เห็นตลอดช่วงที่อ่าน แต่เมื่อกระดาษหน้าสุดท้ายถูกพลิกปิดลง ฉันก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว น้ำตาก็พรั่งพรูพากันไหลงลงบนเสื้อ ใช้ทิชชู่พิมพ์ลายลูกหมา อายจัง… ตลอด 2 วันนี้เฝ้าขบคิดไม่หยุด ข้อคิดจากเล่มนี้คืออะไร เราจะถอดบทเรียนแบบไหนได้บ้างจากชีวิตของฟัก แม้ชีวิตของฟักในเรื่องจะปิดฉากลง แต่ในทุกมุมของโลกใบนี้ยังมีฟักอีกนับล้านคนที่ยังซ่อนอยู่ในความมืด แล้วเราจะกล้าถอดบทเรียนได้จริง ๆ หรือ บทเรียนจากชีวิตที่ไม่มีใครเหลียวแล บทเรียนของชีวิตที่ไม่มีใครกล้ายื่นมือให้ความช่วยเหลือ หัวโล่งไม่มีถ้อยคำใดๆหลงเหลืออยู่ ไม่ได้อยากเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ได้อยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันอะไร เพียงแค่ไม่อยากเป็นนักแสดงท่ามกลางไฟสว่างจ้าบนเวที ไม่อยากเป็นผู้ชมที่พูดคุยอย่างสนุกปาก ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาที่ทำอยู่ถูกต้องแล้วหรือยัง ฟักที่แม้มือจะสั่นเลือดจะท่วมก็ยังฝืนทนเดินต่อไป ฉันที่เป็นผู้ชมกลับอยากจะยอมแพ้หันหลังขอไม่รับรู้เรื่องราวเสียเอง man symbols are madddddd crazy here oh lord ผมอยากบวชให้คุณ แต่ครูปรีชานี่ก็สีอยู่นั่นไวโอลิน 🥰🙏
Profile Image for กำพล สนธิเณร.
169 reviews4 followers
July 9, 2022
ดำเนินเรื่องดี เล่าชีวิตหม่นๆของ"ฟัก"ตั้งแต่ต้นจนจบ จากเณรน้อยที่เป็นตัวอย่างที่ดีของชุมชน โตมาเป็นคนที่ยึดมั่นในความดีและตั้งใจทำงาน(แม้สังคมจะไม่ยอมรับ) จนกระทั้งจบช่วงท้างๆของชีวิตด้วยการเป็นขี้เมาที่ตกงาน

สะท้อนมุมมองทางสังคม ที่เลือกให้ความสำคัญ และเลือกวิธีปฏิบัติต่อผู้คน โดยใช้ฐานะทางสังคมเป็นบรรทัดฐานตัดสิน แก่นสำคัญของเรื่องที่ทำให้เกิดจุดพลิกผัน ทำให้คนดีคนหนึ่งที่ต้องเจอเรื่องรุมเร้าหนักเข้า จนเกิดความอ่อนล้าที่จะเป็นคนดีต่อไป จึงเลือกใช้สุราเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ จนสูญเสียตัวตนและหลักยึดเหนี่ยวจิตใจที่จะใช้เพื่อทำความดี

เราจะเห็นได้ว่าจากคนดีคนหนึ่งจะเสียคนเพราะสังคมบีบคั้นได้อย่างไร ถ้าจิตใจเขาไม่เข้มแข็งพอที่ต่อสู้กับสังคมที่ตื้นเขิน
Profile Image for Sandra Violet.
1 review
June 13, 2024
This is probably the saddest, most pathetic, and painful story I have ever read, but that’s why it’s so great. The book really pushes you to the edge. When you think things couldn’t get worse than this, it could totally get. It keeps pushing and pushing throughout. This book also contains the most effective use of dramatic irony I’ve ever seen in any narrative and that’s why it’s impossible to not feel bad for the protagonist and further increases tension for the story. If you’re Thai and you haven’t read this masterpiece yet, then it’s your loss. I cannot stress enough how good this book is, not just the story itself, but the characters, the diction, the literary techniques, the premise, etc.
Displaying 1 - 30 of 104 reviews

Can't find what you're looking for?

Get help and learn more about the design.