iannnnn's Blog
August 19, 2025
เสียงหนูหาย
อยู่ดีๆ ก็มีชาเลนจ์ใหม่ขึ้นมาในชีวิตแบบงงๆ
คือ… เพื่อความรวดเร็ว ผมตัดมาเฉลยเลยละกันนะครับ ว่าผมพูดไม่ได้
ผมไม่มีเสียง เนื้อเสียงผมหายไปเลย! ยิ่งกว่ามดดำอีก นี่คือพูดอะไรออกมาแทบไม่ได้ยินเลยไม่ว่าจะตะโกนหรือเกร็งคอยังไง
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานซืนนี้ครับ
ผมไปงานแต่งงานเพื่อนคนนึง แล้วในงานมันก็ต้องเจอคนที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เราเลยเลือกตะโกนคุยกันตลอดเวลา โอเคมันอาจจะมีสาเหตุมาจากแบคทีเรียหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราจะโทษการตะโกนในงานแต่งนี่แหละ มันเข้าใจง่ายดี
เข้าวันต่อมา ผมตื่นมาคอแห้ง เสียงแหบ แบบที่พูดออกมาแล้วมีแต่ลม เนื้อเสียงเหลือประมาณ 10%
ทีแรกคิดว่า เออ คงเพราะนอนหลับอ้าปากน้ำลายยืด เลยคอแห้ง เสียงแหบ อะไรงี้มั้ง
แต่ปรากฏว่า จนสายก็ยังไม่หาย บ่ายก็ยังไม่หาย ไม่มีอาการไข้ใดๆ แค่เสียงหายไป
นึกถึงโพสต์ของน้องวี ที่เพิ่งออกมาบอกว่ากำลังต่อสู้กับอาการเส้นเสียงอักเสบอยู่ คอนเสิร์ตของน้องก็ใกล้เข้ามาแล้ว แต่น้องต้องการการรักษาและฟื้นตัว อย่างด่วน เพื่อให้หายทัน
เราไปกดไลก์ให้กำลังใจน้อง แต่ก็ไม่คิดว่าไม่กี่วันถัดมา อาการนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
แม้เราจะไม่ได้เตรียมขึ้นคอนเสิร์ต แต่เราก็เตรียมมีสอนที่มหาลัยแห่งนึงย่านเกษตร ในอีกแค่ 2-3 วันข้างหน้านี้ มันเป็นงานที่ต้องใช้เสียง และต้องพูดตลอด ทำไงดีวะ…
ย้อนกลับไปที่เย็นวันแรก ขณะที่เรายังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร คิดว่ามันคงแป๊บๆ หายล่ะมั้ง ปรากฏว่า ตื่นมาวันนี้ก็ยังไม่หาย
เราถามหมอกูเกิล มันบอกว่าคุณจะเป็นมะเร็งกล่องเสียง
เลยไปโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อตรวจมะเร็ง ถุย ไปตรวจคอ แล้วก็ไก่ส่องกล้องดูภาพข้างใน เพิ่งเคยเห็นเส้นเสียงของตัวเองเป็นครั้งแรกหลังจากคบกับมานาน 40 กว่าปี
น้องมีอาการบวมแดงชัดเจน 1 ข้าง ส่วนอีกข้างไม่เป็นอะไรเลย เหมือนใส่รองเท้าคนละเบอร์กัน
หมอบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ ช่วงนี้งดใช้เสียงอย่างเด็ดขาด เป็นเวลา 7 วัน…
แต่หมอครับ ผมต้องไปสอนในอีกแค่สองวันข้างหน้า
หมอยิ้ม แล้วพูดว่า เรื่องของมึงเถอะ ไม่ใช่สิ บอกว่างั้นต้องดูแลตัวเองอย่างดี ถ้าอยู่บ้าน งดพูดได้ก็งด กระซิบหรือตะโกนก็ถือเป็นภาระของเจ้าเส้นเสียงของเราทั้งนั้น
คือการกระซิบหรือตะโกน มันจะต้องเกร็งตรงนั้นมากกว่าการพูดด้วยเลเวลปกติ และทุกพยางค์ที่เอ่ยออกมา นับเป็นการทรมานคอเราทั้งสิ้น เลี่ยงได้ก็เลี่ยง
โอ้โห กว่าจะรู้นี่คือ เมื่อวานทะเลาะกับเมียตอนเช้า แล้วก็เทศนาสอนลูกอีกยาวเหยียดในตอนเย็น แถมยังกินน้ำเย็นเจี๊ยบ ไหนจะเป๊ปซี่ ไหนจะของเผ็ดของมันของทอด บาปครบทุกประการ
ดังนั้นวันนี้ทั้งวันที่ระดับเสียงอยู่ในสภาพที่แย่ไม่แพ้วันแรก จึงเป็นวันที่ตั้งใจปรับปรุงตัว ก่อนอื่นเลยคือบอกคนรอบตัวว่าเราขอเป็นใบ้นะ มีอะไรก็ให้แชตถามหรือให้ตอบแค่เยสกับโน เหมือนเล่นผีถ้วยแก้ว
แน่นอนว่าเป็นความสนุกกับลูกเมียมาก พอรู้ว่าพ่อเป็นใบ้ ก็ผลัดกันบูลลี่อย่างสนุกสนาน ในขณะที่เราไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
หรือบางทียังปรับตัวกันไม่ทัน ตะโกนเรียกเราจากอีกห้อง ปกติเราจะตะโกนตอบ ตอนนี้คือต้องตบประตูปังๆๆ เพื่อให้ได้ยินเป็นสัญญาณว่า มีอะไรยยย เรียกทำไมยยยย
มียาปฏิชีวนะมาหนึ่งแผง และยาอะไรสักอย่างหลังอาหารอีกหนึ่งกอง ให้เป็นหลักฐานว่าเราได้ผ่านกระบวนการการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว
การต่อสู้ยังไม่จบ แต่มะรืนนี้ต้องไปสอนแล้ว นี่แทนที่จะตื่นเต้นเรื่องการเตรียมการสอน เลยต้องมาลุ้นแทนว่ากูจะดีขึ้นไหม อะไรวะเนี่ยชีวิต น้องวีช่วยด้วย
June 5, 2025
Dear Dakanda
แน่นอนว่าระเบิดเละเทะ กับเอ็มวีล่าสุดของบอยป๊อด ที่ดักแก่และเค้นน้ำตาชาวเจนวายทั้งประเทศอย่างอลังการ เลยขอก๊อปปี้มาจากทวิตเตอร์ จะได้ไม่หาย
///
นี่ฟังสลับกับเพลงเลย เพลงแรกที่ปล่อยออกมาในอัลบั้ม ก็เลยรู้สึกว่ามันมีความคาบเกี่ยวกันพอประมาณ คือมีสองคนที่เคยดีๆ ต่อกันแหละ แล้วก็จากกัน เวลาผ่านไปนานก็มีความรู้สึกคิดถึงกัน …แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
เสียงของพี่ป๊อดในเพลงเลย มันเหมือนเรื่องเล่าของคนเหี้ย – อาจจะไม่ถึงกับเหี้ยหรอก แต่มึงไปทำอะไรเขาไว้แน่ๆ ก่อนจะแยกจากกัน แล้วจนบัดนี้ไม่ได้เจอกันนาน มึงก็ยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรลงไป
ในขณะที่ I’m OK // I’m not OK นี่มันมินิมัลกว่านั้นมาก ถึงจะตัดเรื่องไข่ย้อยและดากานดาออกไป (ลบยากแหละเพราะภาพนี้มันจะประทับไปพร้อมกับเพลงไปตลอดกาลแล้ว) แต่เนื้อเพลงที่พูดออกมาแค่นิดหน่อย เหมือนเริ่มทักทาย แต่ก็รู้เลยว่าแต่ละคนมันผ่านอะไรที่หวานขมมาเยอะขนาดไหนในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน
///
อีกมุมหนึ่ง เอ็มวีไม่ได้แค่เล่าเรื่องของพระนางในตำนานคู่นี้แต่เพียงสองคนเท่านั้น
คนที่คิดถึงกันอย่างจับใจ ไม่ได้มีแค่สองคนนั้น แต่เราด้วย คุณด้วย (ถ้าคุณเกิดทัน) กับเพื่อนสนิท และประสบการณ์ส่วนตัวที่แต่ละคนได้เจอมา
คนที่ต่างเติบโตแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง ผ่านช่วงเวลาที่ดีและร้ายในวงโคจรของดวงดาวแตกต่างกันไป แต่ในลิ้นชักความทรงจำก็ยังมีก้อนอุ่นๆ ที่เก็บไว้อย่างลึกที่สุดอยู่ คิดถึงบ้างในบางที แต่ชีวิตก็ต้องไปต่อ
จนได้ลืมตามาเห็นฟินาเล่ระดับนี้ปรากฏต่อหน้า ไม่ใช่แค่ดากานดาหรือไข่ย้อย มันคือเรากับเอ็มวีเพลงนี้ที่บรรจงปรุงมาระเบิดต่อมน้ำตาด้วย วินาทีนั้น ไอ้ที่ต่างปกปิดกับมานานขนาดไหนก็ตาม ก็ระเบิดพรั่งพรูเอ่อล้นออกมา แบบไม่ต้องห่วงฟอร์มกันอีกแล้ว
ดูไปหกรอบ พยายามฟังเพลงก็ยังโดนรัศมีของเพื่อนสนิทกลบ (เรียกว่าดีหรือไม่ดีวะเนี่ย ดีละกัน 555) จนย้ายมาใส่หูฟังใน สปตฟ ที่เขาทำเวอร์ชันแยกเสียงไว้
เรียกว่าสมมง เจอกันในคอนสิ้นเดือนนะ
ท่อนที่บิวกิ้นอยากจะถามอะไรออกไปเยอะๆ ระดับที่ละล่ำละลัก // แต่ก็ไม่ถาม
ในขณะที่เสียงของป๊อดก็อยากเล่าอะไรให้ฟังเต็มไปหมด // แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นไว้เพราะไม่อยากให้อุตส่าห์ได้เจอกัน เธอฟังแล้วไม่สบายใจ
จบท่อนที่ระเบิดออกมาแล้วก็ทิ้งช่วงเปียโนยาวๆ จนเฟดจบเพลงลงไป ไอ้เหี้ย แค่เพลงนะ ไม่ต้องมีเอ็มวี เท่านี้ก็ระเบิดแล้ว
พี่บอยบอกว่ากำลังจะมีเอ็มวีเวอร์ชันสอง คิดว่าคราวนี้คงมีนักร้องปรากฏตัวในนั้นด้วย และหาคนทำซับจีนอยู่
// edit : โพสต์ของคุณปอย พอร์ตเทรต สรุปทุกอย่างอย่างละเอียด ดีจัด โพสต์นี้
June 3, 2025
ฟอนต์แม่ไก่ (iannnnn-HEN)
ตามธรรมเนียม คือพอสร้างฟอนต์เสร็จตัวนึงแล้วเราจะเอามาเล่าที่นี่ด้วยความเห่อ อย่างน้อยก็เป็นการบันทึกไว้เผื่อลืมว่าตอนนั้นตัวเองคิดอะไร ทำไมถึงทำมันขึ้นมา เคยลองไม่บันทึก เพราะกะว่ายังไงก็จำได้ ปรากฏว่าพอกาลเวลามันพัดพาไป เราก็ลืมจนได้ เสียดายมาก
คราวนี้เป็นคิวของการทำฟอนต์แม่ไก่ ฟอนต์ล่าสุดในตระกูลฟอนต์ iannnnn ยุคใหม่ ถัดจากฟอนต์ เป็ด หมา ห่าน เสือ และนกฮูก ยังไม่นับที่ถอดลายมือของสะอาดและพลอย (ทั้งหมดสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บฟอนต์ > iannnnn)
[image error]ฟอนต์แม่ไก่ ดาวน์โหลดฟรี ใช้ฟรี ใช้ทำมาหากินก็ได้ตามสบาย ที่ f0nt.com/release/iannnnn-hen/
ประวัติของฟอนต์แม่ไก่คร่าวๆ แบบเชิงบวก เชิงโฆษณา เชิงภาพลักษณ์ สามารถอ่านได้จากลิงก์ข้างบนนี้ เขียนให้มันสวยๆ สำหรับคนผ่านไปผ่านมา
เวอร์ชันเนิร์ด เขียนบันทึกระหว่างทางการทำฟอนต์ ที่แปะไว้ในฟอรั่มหลังบ้านของเว็บฟอนต์ โชว์ไปเลยว่าเราทำงานช้าแค่ไหน เจอปัญหาอะไร แปะไว้ที่นี่ : ฟอนต์แม่ไก่ (iannnnn-HEN)
และเวอร์ชันบ่นให้คนรู้จักฟัง จะอยู่ถัดจากนี้ไปครับ…
เป็นที่น่าใจหายมากๆ ที่ปีนี้ทั้งปี เราเพิ่งทำฟอนต์ออกมาได้แค่ฟอนต์เดียว จากที่เคยตั้งเป้าไว้ว่า 3-4 เดือน น่าจะมีสักฟอนต์ และก็จะทยอยทำแจกฟรีไปเรื่อยๆ จนตัวเองไม่ไหว เป็นงานอดิเรกที่ทำแล้วเพลิน แถมเรายังดื่มกินคำชื่นชม ขอบคุณ เสพความภูมิใจที่ได้ผลิตงานที่ตัวเองชอบออกมาสำเร็จ นี่เป็นกิเลสส่วนตัว มากกว่าเงินทอง ที่เราขัดแย้งกับเมียมาตลอด (เมียอยากให้ทำอะไรที่มันทำแล้วรวยน่ะ แต่เราไม่ถนัดจริงๆ)
กลับมาเรื่องการทำฟอนต์ เราพบว่าเรามีปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นในระยะหลังมานี้ คือ เราไม่ค่อยรู้จักพอ รู้จักการหยุด แล้วก็ปล่อยมันออกจากมือ ให้ไปสู่โลกกว้างได้เแล้ว งานมันไม่มีวันสมบูรณ์หรอก ถ้าจะแก้คือมึงก็แก้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ไม่มีวันจบ
สิ่งนี้เกิดขึ้นหนักมากกับฟอนต์แม่ไก่ ซึ่งเอาจริงๆ นับย้อนไปถึงตอนเริ่มโปรเจกต์ iannnnnPNG เมื่อปี 2006 (ก็คือยี่สิบปีแล้ว…) เราอยากทำฟอนต์มินิมัล-ไม่มีหัวขึ้นมาสักชุด มาใช้ทดแทน หรืออย่างน้อยก็วางเคียงคู่ฟอนต์เจ้าตลาดในสมัยนั้นที่ยังไม่มีเวอร์ชันแจกฟรี แต่ก็พับไป บอกตามตรงว่าปากดี แต่ฝีมือไม่ถึง ออกแบบยังไงก็ไม่ลงตัว และไม่พยายามมากพอ มันเลยถูกปล่อยทิ้งร้าง แต่ชื่อมันสวย เลยอยากทำต่อในดีไซน์อื่น
ต่อมา พอถึงยุคสมัยของฟอนต์ iannnnn รุ่นใหม่ๆ ที่เปลี่ยนไส้ในจาก kerning + liga เป็นระบบ kerning + mark (อ่านไม่รู้เรื่องก็ช่างมันเถอะ) และปรับสเกลฟอนต์เพื่อให้รองรับกับยุคสมัยปัจจุบัน และสร้างด้วยโปรแกรมฟอนต์แล็บราคาแพงระยับ ผมยังขุดดีไซน์ที่ร่างไว้จากฟอนต์มินิมัล-ไม่มีหัว มาลองเติมหัวดู เออ เข้าท่านี่หว่า
คู่ขนานกับการได้เห็นฟอนต์ iannnnnGMO ที่ทำไว้เมื่อ 20 ปีก่อน (2005) แล้วดันเห็นว่ามันยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ซึ่งอย่างที่บอกว่า เทคโนโลยีการแสดงผลฟอนต์มันเปลี่ยนไปเยอะ ส่วนฝั่งของดีไซน์ คนทำเองก็เห็น “บาดแผล” ในงานของตัวเองมาตลอด อยากแก้ตรงนั้น อยากปรับตรงนี้ แต่ก็ยังไม่มีแรงใจจะรื้อใหญ่ คืองานแก้บาดแผลและแก้โครงสร้างภายในเนี่ยมันใหญ่เกินคำว่าสนุก (เป็นคีย์เวิร์ดหลักในชีวิตผมหากจะเลือกหมกมุ่นอยู่กับอะไร มันต้องสนุกก่อนดิ ไม่งั้นจะไม่มีแรงทำ)
ใจจริงอยากลบมันออกและป่าวประกาศว่าอย่าใช้ GMO ได้ไหม เห็นแล้วฉันอยากกรี๊ด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกระสุนถูกปล่อยออกไปนานเกินจะควบคุมแล้ว
ความที่มีไอเดียฟอนต์นึงวนเวียนในหัวมากว่าสิบปี และความอยากรีโนเวตฟอนต์เดิม ทั้งสองสิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เคาะโปรเจกต์ฟอนต์แม่ไก่ขึ้นมาเมื่อปี 2021 …ใช่ 4 ปีแน่ะ
ที่ชื่อฟอนต์แม่ไก่ก็เพราะ ฟอนต์นี้เริ่มจากการที่เรามี ก.ไก่ แบบที่ชอบอยู่ในหัวเป็นตัวแรก เลยอยากพัฒนาต่อให้ออกมาเป็นฟอนต์ เลยตั้งชื่อ(ตอนนั้น)ว่า iannnnn-CHICKEN
[image error]ที่ตลกก็คือพอพัฒนาดีไซน์ไปเรื่อยๆ เรากลับนั่งปรับ ก.ไก่ อีกหลายครั้ง (คือเวลาออกแบบฟอนต์ เราจะแก้ไปแก้มา ทั้งในกระดาษและในคอมพ์) จนสุดท้ายก็กลายเป็น ก.ไก่ แบบที่เห็นในปัจจุบัน
คือสำหรับเรา (ที่เป็นสายมวยวัดนะครับ ไม่ใช่สายหลักที่เขาร่ำเรียนกันเป็นระบบและฉลาดกว่านี้มาก) การพัฒนาฟอนต์ 1 ตัว มันดูแค่ตัวเดียวโดดๆ ไม่ได้ เวลาทำไปเรื่อยๆ แล้วหันกลับมาเช็ก
มีไหม ตัวที่เห็นแล้วมันกระโดดออกจากกลุ่ม ไม่เข้ากับพวก ถ้ามีก็เอามาเกลาๆ ให้เข้าบุคลิกของน้ำเสียงที่ต้องการสื่อสารจากฟอนต์นี้ยังคงเป็นแบบที่เราตั้งใจไว้ไหม ถ้ามันเปลี่ยน เหตุผลที่เปลี่ยนไปนั้นเราโอเคไหม ถ้าโอเคก็รื้อ แล้วไปต่อเนื่องจากมันเป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ทำสนุกๆ การเปลี่ยนแนวกลางคัน เลยไม่รู้สึกว่าเป็นการขาดทุนอะไร เหมือนเห็นว่าวิ่งไปเลนใหม่น่าจะสนุกกว่าย้ำอยู่เลนเดิม ก็เปลี่ยน มักง่ายจังวะ
[image error]ซึ่งฟอนต์ไก่ ที่ถูกเปลี่ยนเป็นแม่ไก่ ก็เข้าข่ายนี้ มันถูกทำทิ้งไว้ปีนึง เอามาดูใหม่ ไม่ชอบบุคลิกนี้แล้ว ขอเปลี่ยนโทนหน่อย แต่ระหว่างนั้นก็เก็บเกี่ยวอะไรมาเพื่อเป็นทุนไว้สำหรับการไปต่อ เราโพสต์และทดความคิดไว้ในบอร์ดฟอนต์ อายคนเขาเหมือนกัน (ถึงจะอ่านแค่ไม่กี่คน) แต่ก็อยากบันทึกทิ้งไว้อยู่ดี
จนสลับไปทำฟอนต์อื่นๆ หลายตัว แล้ววนกลับมาสู่โปรเจกต์ที่ต้องการแรงใจในการผลักดันให้จบให้จงได้
2021 เริ่มออกแบบ
2022 รื้อแบบ
2023 รื้อใหม่ทั้งหมด
2024 พับโครงการยาว ไปทำฟอนต์อื่นๆ แทน
2025 เดือนเมษายน… คราวนี้ ตั้งใจไว้แล้วว่ากูจะจบงานให้ได้!
ก็คือรื้อใหม่ทั้งหมดตั้งแต่แรกอีกแล้วครับ เวอร์ชันล่าสุด (ที่เป็นเวอร์ชันจริง) ตัดสินใจกำหนดน้ำเสียงของตัวอักษรว่า เราจะไม่ตะโกนโฉ่งฉ่างมาก บุคลิกไม่ตะโกนนัก แปลง่ายๆ ว่ามันจะไม่ฉูดฉาดเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอดูออกว่าเหมือนฟอนต์ที่ชินตาในสมัยก่อน เอามาปรับให้มันดูเล่นๆ มากขึ้น น่าจะได้ใช้งานเป็นปัจจุบันมากขึ้น ไรงี้
(ลองย้อนไปดูข้างบนแล้วเปรียบเทียบก็ได้ครับ ดีไซน์ยุคแรกๆ ก็คือเฟี้ยวฟ้าว ถ้าใช้ในงานก็คือจะมีบุคลิกที่จี๊ดประมาณนึง แต่แบบใหม่จะนุ่มและน่ารักกว่า นี่จึงเป็นน้ำเสียงของชื่อ “แม่ไก่” ที่ตั้งใจ)
พอ DNA มันมา ทีนี้ก็ยาวเลย งานออกแบบไปทำไป แก้ไป ที่จริงก็ใช้เวลาหลังเสร็จงานมานั่งปั่นฟอนต์ก่อนนอนทุกคืนที่ว่าง โดยที่ได้รับอนุญาตจากเมียแล้ว
การได้นั่งทำฟอนต์ทุกคืน แม้จะคืนละนิดละหน่อย อาจจะชั่วโมง หรือสองสามสี่ชั่วโมง จะเรียกว่าผ่อนคลายไหมก็คงใช่และไม่ใช่ คือมันสนุก เพลิดเพลิน เป็นงานอดิเรกในฝัน ที่ถ้ามีแรงเราก็จะทำไปเรื่อยๆ… แต่ก็แลกมาด้วยข้อจำกัดของความชรา ตอนนี้เราอายุ 40 กว่าแล้ว ไม่ใช่ไอ้หนุ่มไฟแรงที่ทำแป๊บๆ ก็เสร็จ หรือโต้รุ่งได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องมีภาระ หรือเสียสุขภาพอะไร
ฟอนต์นี้เราตั้งใจจะทำ “ดีไซน์หลัก” ให้เสร็จใน 1 เดือน ซึ่งก็ทำได้จริง เสร็จดีไซน์หลักในดราฟต์แรกก่อนขึ้นเดือนพฤษภาฯ
แต่นั่นคือครึ่งเดียว งานออกแบบฟอนต์สนุกๆ มันคือครึ่งเดียว
ครึ่งหลังที่เหลือคือการเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ใส่เครื่องปรุง เติมกะปิน้ำปลาให้กับมัน นั่นคือฝั่งดีไซน์ ที่แก้และเพิ่มเติมจนคืนสุดท้ายของเดือนพฤษภาคม แต่ไอ้ที่หนักจริงๆ คือฝั่งงานกรรมกร ตรวจสอบความเรียบร้อย ปรับตรงนั้นเข้ามา ตรงนี้ออกไป ช่องไฟให้พอดี สระอีวางตรงนี้ ถ้าสระอิให้ขยับไปหน่อย ทำซ้ำๆ จนเสร็จ
พอเสร็จก็มานึกว่า เออไอ้ที่ทำไปมันน่าจะดีได้มากกว่านี้ (เริ่มละมึง) ก็เลยรื้อใหม่ (หมายเหตุเนิร์ด : เราแก้ระบบมาร์กจากแต่เดิมแค่มีวรรณยุกต์และสระบนแค่สองชั้น ขอปรับใหม่เป็นแปดตำแหน่ง มันจะได้คัสตอมได้ดั่งใจ)
[image error]ในภาพจะมีดาวสีแดงๆ เหนือ ก.ไก่ …นั่นแหละการวางตำแหน่งวรรณยุกต์ต่างๆแล้วก็จะมีไอ้อะไรแบบนี้ที่เป็นส่วนผสมของความเรื่องมาก และความอยากลอง มันจะประมาณว่า “ไหน ฟอนต์นี้มันก็ใช้เวลาทำมานาน ขอใส่ไอ้นี่ลงไปนิดนึงเหอะวะ” งี้ ด้วยความที่รู้ชะตาว่าถ้าปล่อยมันไปสู่โลก มันคงจะอยู่ไปอีกอย่างน้อย 20 ปีเหมือนบรรพบุรุษของมันแน่ๆ แล้วทำไมจะปล่อยให้มีบั๊กอันไม่พึงประสงค์หลุดรอดไปได้อีกล่ะ
เนี่ย ไอ้ความคิดแบบข้างบนเนี่ยอันตรายต่อ “ความเสร็จของงานตามที่ตั้งใจไว้” มาก เราเลยใช้วิธีประจานตัวเองลงโซเชียลด้วย คือทำเสร็จแค่ไหนก็ทวีตไป จะได้รู้ว่าเราควรย้ำคิดย้ำทำ ย้อนโพรเซสกลับไปแก้ไขในเรื่องที่ “ปล่อยผ่านหน่อยก็ได้มั้ง” ให้น้อยที่สุด
นั่งทับมือไว้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง จองคิวไว้ในบอร์ดแล้ว แต่น้องๆ พี่ๆ ที่ไฟแรงกว่า ก็ลงคิวปล่อยฟอนต์กันรัวๆ จนยาวขนาดที่ปล่อยฟอนต์ใหม่วันละ 7 ตัว ก็ยังทลายคิวไม่สำเร็จ
สุดท้าย ฟอนต์แม่ไก่ก็เสร็จ 100% แต่ปล่อยไม่ทันเดือนพฤษภาคมอย่างที่ประกาศและประจานไว้
3 มิถุนายน เราไปเที่ยวกับครอบครัว ไปนอนบ้านสวนของเพื่อน(วุฒิ)ที่แปดริ้ว ในห้องคือทุกคนหลับกันหมดแล้ว ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ แต่รู้สึกว่าอยากจบงานนี้แล้ว ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ
เราเดินออกมาจากห้อง ที่นั่นเป็นโกดังอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และที่เก็บของเก่า เฟอร์นิเจอร์เก่า ข้างนอกมืดสนิท ไม่มีไฟ ก็เอาไฟฉายส่องหาเก้าอี้ที่พอจะมีวางไว้สักแห่ง โชคดีที่ไม่มีผี (หรือไม่เห็นก็ไม่รู้) เลยได้เก้าอี้มา ก็เอามานั่งหน้าตู้ลิ้นชัก ใช้เป็นสเตชันในการแก้ไขครั้งสุดท้าย และออกแบบมาสคอตของฟอนต์นี้ (เออ งานสำคัญของเราคือคิดมาสคอตในแต่ละฟอนต์ ถ้าคิดไม่ออกก็จะไม่ยอมปล่อย 55555)
ได้แม่ไก่และตระกูลน้องไข่มาเป็นที่สำเร็จ
[image error]ก็เอามาประกอบและทำเป็นอาร์ตเวิร์ก (ภาพบนสุด และภาพอื่นๆ ในหน้าโหลดฟอนต์แม่ไก่) จึงสบายใจ และหลับได้
แล้ววันนี้ก็ปล่อยฟอนต์นี้ เป็นอันจบงานอดิเรกที่ดูจะเป็นภาระเหลือเกิน แต่มันสนุกง่ะ เลิกไม่ได้
ยิ่งคืนนั้นลูกสาวคนเล็กมาคุยเรื่องฟอนต์ โม้ให้ลูกฟังว่าเนี่ย พ่อก็ทำฟอนต์ด้วยนะ – ใช่ๆ ฟอนต์หมาใน Canva ที่หนูใช้นี่ลายมือพ่อเอง คุ้นไหมๆ จากนั้นลูกก็ถามชื่อฟอนต์แต่ละตัวที่ทำ เราก็อวดไปด้วยความใจฟู
และคำถามสุดท้ายก็คือ หลังจากฟอนต์แม่ไก่แล้ว พ่อจะทำฟอนต์เป็นสัตว์อะไรต่อ
เราบอกว่าฟอนต์แมวพ่อขอต๊ะไว้ก่อน อยากทำให้เป็นฟอนต์ที่รักสุดๆ ไม่แพ้ฟอนต์หมา แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก (มาถึงวันที่พิมพ์นี่ก็พอจะนึกออกแล้วว่าอาจจะเป็นลูกผสมของ iannnnnPNG กับแม่ไก่ก็ได้ ทดไว้เท่านี้พอ)
ลูกเลยเสนอว่า หนูขอชื่อฟอนต์หมู
ได้ ฟอนต์หมู เจอกัน ตัวถัดไปนี้เลย!
––––––––––––––––––––––––––––––––
Post-credits scene : สุดท้ายนี้ ขอฝากฟอนต์แม่ไก่ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนที่ผ่านมาอ่านด้วยนะครับ (น่าจะประมาณ 3 คน) และฝากฟอนต์ exclusive เป็นแม่ไก่นุ่มพิเศษ 3 น้ำหนักเท่ากัน แต่มุมมน ก็จะนุ่มน่ารักขึ้นไปอีก ซึ่งเซ็ตพิเศษนี้ไม่ได้แจกฟรี ถ้าชอบก็สามารถ donate เท่าไหร่ก็ได้ เดี๋ยวผมจะส่งแม่ไก่นุ่มให้เป็นการสมน้ำหน้าคุณครับ
[image error][image error]May 3, 2025
ทำเว็บ Soundboard ตลกคาเฟ่
เย็นนี้ห้าโมงจะมีงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆ ที่คณะ ปีนี้จัดในธีมตลกคาเฟ่ นึกขึ้นได้ว่าน่าทำ soundboard ง่ายๆ ขึ้นมาไว้ให้กดบนเวที
เลยเปิดของเดิมที่เคยทำเว็บแอปคอร์ดเพลง (ดีใจที่ทำมาแล้วได้ใช้เองทุกวัน) ขึ้นมา แล้วบอก Deepseek ให้ตัดทุกฟังก์ชันที่ฟุ้มเฟือยออกให้หมด แคชก็ไม่ต้องแคช ระบบสุ่ม ระบบค้นหาก็ไม่ต้องมี เหลือแค่กดปุ่มแล้วเล่นเสียงแบบไม่ต้องเปลี่ยนหน้า ส่วนไฟล์เสียงก็เอาที่เคยรวบรวมมาใส่ลงไปในโฟลเดอร์ sound แล้วเว็บมันจะดึงรายชื่อนั้นมาแสดงเลยตรงๆ
แล้วก็นั่งจูนอีกนิดๆ หน่อยๆ ใช้เวลาแป๊บเดียวเสร็จเลย (ไม่ได้ optimize code นะ ไม่ได้ต้องเซฟเน็ตอะไร)
โดยรวมพอใจกับ Deepseek มาก เดี๋ยวนี้น้องเร็ว คงพ้นช่วงคนแตกตื่นแรกๆ ที่ต้องรอคิวโหดๆ แล้ว
ก็ไม่มีไร หน้าเว็บทั้งในมือถือและบนคอมพ์ก็จะเป็นปุ่มๆ ให้กดเล่นได้เท่านั้นแหละ เชิญจ้ะ
February 16, 2025
เขียนความหวัง
เนี่ย พอมันประทับใจแล้วก็เลยลำดับเรื่องไม่ถูกจนได้… งั้นเริ่มเลยนะ
เอาเป็นว่า เมื่อวานนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2025) เราไปนิทรรศการของสะอาดมา มีชื่อยาวๆ ว่า 2475 Graphic Novel Exhibition: เขียน • ความ • หวัง – รายละเอียดกดดูจากลิงก์ต้นทางที่ก๊อปชื่อมา
เราเป็นแฟนการ์ตูนของสะอาดมายาวนานมากๆ เอาแค่ที่เคยเขียนลงบล็อกนี้ (ซึ่งไม่ค่อยได้เขียน) ก็ 2012.1 เสียดายภาพหายหมดแล้ว / 2012.2 / 2014 / ฯลฯ ไม่รวมในยุคหนังสือทำมือและบล็อก Exteen ที่เราเซฟภาพเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้ (ไม่รู้เจ้าของภาพจะเก็บไว้ไหม หรือหายไปพร้อมเว็บแล้ว 55555) ยืนยันเสมอมาว่าเป็นนักเขียนการ์ตูนสัญชาติไทยที่เราชอบที่สุด
นิทรรศการนี้โฆษณาไว้ว่าด้วยการทำหนังสือ 2475 นักเขียนผีแห่งสยาม คือไม่ได้ะูดแค่เรื่องหนังสือ แต่พูดเรื่องการ “ทำ” ด้วย ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นงานที่เราเองมองด้วย(สายตาติ่งคนหนึ่งแหละ)ว่ามันจะมาสเตอร์พีซไปไหนวะ ตอนสั่งจองแบบเขาให้รอ 2-3 ปี เราก็รอ หนังสือบ้าอะไรซื้อวันนี้ อีก 2-3 ปีค่อยเสร็จ พอมาก็ประดับดอกไม้ถ่ายทำคอนเทนต์ ทิ้งไว้ครึ่งเดือนจนได้ที่แล้วค่อยหยิบมาละเลียดอ่าน และก็ฟิน มันดีอย่างที่รอคอย มันดีอย่างที่ตั้งใจ และจุใจมากๆ
พอตัดสลับกับโพสต์ระบายอารมณ์หลายครั้ง ได้เห็นการเล่าถึงความเครียด ความกังวลที่โผล่ในเพจและโพสต์ส่วนตัวของนักเขียน และตามบทความที่สำนักต่างๆ ที่ไปสัมภาษณ์ (เออ เราก็ไปไล่อ่านหมดแหละ) ซึ่งนั่นน่าจะเป็นแค่เสี้ยวเดียวของความโหดหิน คงมีอีกหลายอย่างที่มันน่าท้อมากๆ ในการทำงานยากระดับนี้ และเขาจะเอาเรื่องนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ! แล้วทำไมเราจะพลาดล่ะ
อ้อ เราเองมีส่วนร่วมกับงานเล่มนี้ด้วยนิดหน่อย คือได้มีโอกาสทำฟอนต์ลายมือของสะอาด พอเห็นผลการดัดเส้นตรงเส้นโค้ง แอบซ่อมนู่นปะนี่ และใส่โค้ดให้มันแสดงผลได้อย่างถูกต้อง (ถึงจะไม่ใช่ลายมือเรา แต่เอาวะ ขอเนียนภูมิใจหน่อย) ไปปรากฏในเล่มหนังสือจริงๆ แถมยังเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่ามากๆ ด้วยไม่ว่าจะมองมันในหมวดหนังสือการ์ตูน หมวดงานศิลปะ หรือหมวดวรรณกรรม ระดับที่จะอยู่ไปเป็นตำนานคู่บ้านคู่เมืองเราไปอีกแสนนานแล้ว มันฟินแบบไม่รู้จะบรรยายยังไง
[image error]ตัดภาพมา เราก็มายืนอยู่หน้า Kinjai contemporary อยู่ใกล้ MRT สิรินธรเลย เดินทางง่ายมาก แต่เราอยู่บ้านนอกก็ขับรถไปจอดในซอยข้างหลังแล้วเดินนิดนึงก็ถึง เรามาถึงก่อนงานเริ่มประมาณครึ่งชั่วโมง ยืนถ่ายรูปสักพักก็เจอมิตรสหายที่ไม่รู้จักกัน แต่มองตากันก็เข้าใจว่ามางานเดียวกันนี้แหละ เก้ๆ กังๆ ใส่กันสักพัก ก็พยักหน้าและตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในนั้น (แอร์เย็นฉ่ำ) อ้าว ไม่มีคนเฝ้านี่นา ขโมยของกลับบ้านดีกว่า ก็เริ่มทยอยดูงาน
พยายามไม่สปอยล์ลงทวิตเตอร์ แต่พอเป็นบล็อกแล้วอดใจไม่ไหว ขอเล่าไว้เผื่อใครสนใจละกันนะครับว่างานนี้คุณจะได้เจออะไรบ้าง
[image error][image error]ชั้นล่าง มีธงผ้าใหญ่ๆ ปลิวๆ (จำคีย์เวิร์ดปลิวไว้นะครับ จะมีให้เห็นตลอดงาน ทั้งแบบ 3D และ 2D) เหมือนปกหนังสือ ที่เชิญชวนเราเข้าไป
[image error][image error][image error]ด้านหลังมีวิดีโอชวนเชื่อ และคำนำ-เครดิตของงานนี้ ดูเป็นนิทรรศการที่ดูขึงขังกว่าที่คิดแฮะ เรานั่งรอสักพักก็ไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อ มันน่าจะใกล้ห้าโมงตามเวลาเปิดแล้ว แต่ยังไม่เห็นใคร งั้นแอบขึ้นบันไดตามพี่คนนั้นที่เพิ่งถูพื้นเสร็จไปชั้นสองดีกว่า
[image error]ชั้นสอง (ที่จริงคือชั้นลอย) เพดานเตี้ย เกือบหัวโขกแล้ว แต่ถ้าใครโขก ก็จะเป็นความประทับใจแรกที่ได้เห็นป้ายสีดำทะมึน มีรูปนิภาที่ทำสีหน้าดุดัน เป็นป้ายเกริ่นนำเข้าสู่ตัวเล่มหนังสือ
[image error][image error]ขึ้นบันไดไปอีกนิดก็เจอชั้นที่บอกเล่าว่าไอเดียของโครงการนี้มาจากไหน เป็นยังไง แรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นมีเสา 1 ต้น สูงจากพื้นจดเพดาน เสานี้ทำจากหนังสือ reference ที่ผู้เขียนได้เสพและย่อยมันเข้าไป อยู่ในหมวด #สะอาดอ่าน ล่ะ และฝั่งตรงข้ามมีอีกบางเล่มที่เขาจัดวางไว้บนหิ้งพร้อมคำอธิบาย
[image error]พออ่านคำอธิบายเท่านั้นแหละ ก็รู้สึกซี้ดขึ้นมาทันที …เข้เห้ นี่มันไม่ใช่นิทรรศการเครียดๆ แบบต้องยืนหลังตรงดูแล้วนี่หว่า แต่มันรอให้คุณส่อง สังเกต แล้วจะพบมวลแห่งความเปรี้ยวตีน(แบบสะอาด)ที่แฝงซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ แถมเยอะซะด้วย
[image error][image error][image error][image error][image error][image error]ผมขอเอามาสปอยล์แค่นิดหน่อยนะครับ เพราะความเซอร์ไพรส์มันต้องไปดูเองเท่านั้นเลย แต่มีมวลนี้อยู่เยอะแบบจุใจ นี่แค่ชั้น (ชั้นอะไรแล้ววะ สองครึ่งมั้ง บันไดเขาหลายชั้นจัด)
[image error][image error]พอเดินขึ้นมาอีกชั้น บนบันไดไม้ขัดมันปลาบ แต่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ ด้วยความคลาสสิกของสถานที่จัดงานที่บิลด์อารมณ์กันเต็มที่ เราก็มาถึงชั้นนี้ที่เด็ดดวงสุดยอดครับ (เราใช้เวลาอยู่ชั้นนี้นานมากๆๆๆ)
[image error][image error]ห้องแรกคือโน้ต สเก็ตช์ ดราฟต์ บันทึกต่างๆ ของผู้เขียน ทั้งแบบที่เป็นภาพร่างตัวละคร และแบบไดอารี่ ที่เป็นไอเดียที่ดีมาก คนที่นั่งทำงานเงียบๆ หมกมุ่นอยู่กับงาน และตัวเอง เพื่อจะไม่ให้เขาบ้าไปเสียก่อน ก็ต้องมีสักทางให้ระบายมันออกมา
[image error][image error][image error][image error][image error][image error]สะอาดเลือกใช้วิธีเขียนบันทึกคุยกับตัวเอง ระบายความกดดัน ความสับสน ความกังวลใจออกมาทุกระยะที่งานเจออุปสรรค หรือไม่เจอในงาน แต่เจอกับตัวเขาเอง ตลอดระยะเวลาที่ตื่นเต้น ประหม่า เริ่มเขียน แก้งาน ท้อใจ สิ้นหวัง หมกมุ่น กลับมาฮึด วนลูปไปจนงานเสร็จ ยืนอ่านไดอารี่นี่นานเลย ชอบที่ได้เห็นความฉิบหายของคนอื่นแบบไม่เซ็นเซอร์ งานระดับนี้มันก็ต้องกดดันขนาดนี้สินะ พอรู้แล้วมันก็ช่วยสร้างเสริมพลังใจให้ตัวเองได้ดีมากๆ (นิสัย)
และห้องที่เป็นไฮไลต์ (รึเปล่าไม่รู้ แต่เราชอบสัสๆ) คือ ห้องรวมต้นฉบับ
[image error]ในห้องนี้มีงานต้นฉบับขนาด A4 ที่ร่างด้วยดินสอสีฟ้า และตัดเส้นด้วยปากกา หมึกวาวๆ (เราไม่รู้เรียกว่าอะไร) เห็นการวาดเส้นทุกเส้น มีความหนาและนูนออกมาจากเนื้อกระดาษ มีรอยขูดขีด โน้ตต่างๆ ในกระบวนการผลิต และตบท้ายด้วยลายมือสะอาดที่เขียนคอมเมนต์ด้วยปากกาดำเพิ่มลงบนแผ่นกระจกปิดหน้า เพื่อจัดแสดงในงานนี้
ต้นฉบับและเกร็ดต่างๆ ที่จัดแสดงในห้องนี้นั้นโคตรทรงคุณค่าเลย คือในฐานะผู้อ่านแล้ว มันเหมือนเพิ่มมิติการอ่านได้อีกชั้นนึง บางหน้าที่เราอ่านเร็วไป พอได้เห็นเบื้องหลังการถ่ายทำ ก็อยากจะพุ่งกลับบ้านไปอ่านแบบละเลียดอีกรอบ ด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม (คือปกติก็อ่านช้าอยู่แล้วนะ แต่นี่พอเห็นความละเอียดของงานแล้วอยากเสพแบบเสพภาพเลย) แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่กลับ เราจะมาซื้อเล่มพิเศษในงานนี้ด้วย! เดี๋ยวว่ากัน
เออ แปลกใจนิดนึงที่ว่าห้องนี้เขาห้ามถ่ายหรือห้ามสัมผัสชิ้นงานเนอะ แต่เห็นคนถ่ายเต็มเลย ทั้งๆ ที่ป้ายห้ามก็มีเยอะแยะ T-T ไม่ใช่ไร อิจฉา อยากถ่ายมั่ง จะฟ้องครูก็ไม่รู้ครูอยู่ไหน เขาให้เดินอิสระดีจัง
บอกเลยครับว่าตอนนี้ฟินแล้ว สามารถกลับถึงบ้านนอนหลับฝันดีได้เลย เขาลำดับการนำเสนองานได้ดีมากๆ
แต่ยังไม่จบเท่านั้น! ยังไม่เจอเจ้าของงานเลยนี่!
พอเดินขึ้นไปถึงชั้นบนซึ่งเป็นแกลเลอรี่และดาดฟ้าเท่านั้นแหละ
[image error][image error][image error][image error]บรรยากาศโคตตตตตรรรรดีเลยครับ! ชั้นนี้เป็นแกลเลอรี่ มีภาพวาดเท่ๆ มีโต๊ะวาดรูปของสะอาดอยู่ที่มุมห้องนึง อีกมุมก็เป็นโต๊ะพิมพ์ดีดของนิภา ผมเดินชมงานแล้วก็พบว่าคนมากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
[image error][image error]ด้านนอกห้องฝั่งที่เป็นดาดฟ้าก็บรรยากาศชิลสุดขีด เห็นว่ามีเบียร์ขายด้วยมั้ง แต่เราไม่ได้แงะไปโซนนั้นเพราะไม่สันทัดปาร์ตี้ ขอวนกลับมาในห้องอีกครั้ง เพื่อจัดเล่มนี้
[image error][image error][image error][image error]หนังสือ 2475 นักเขียนผีแห่งสยาม ฉบับเขียนความหวัง เป็นเล่มพิเศษฉลองล้านตลับ เปลี่ยนปก เพิ่มเพลง ทำเป็นเล่มแข็งๆ นอนหงายอ่านยากกว่าเดิม ต้องนอนคว่ำ ไม่งั้นมีฟันบิ่นแน่
เรียบร้อยครับ ฟิน กลับบ้านได้ แต่เดี๋ยวก่อน
[image error]เจ้าของนิทรรศการมากล่าวเปิดงานครับ ดูจะเขินๆ หน่อย แต่ก็บรรยากาศครึกครื้นดีจัง
งานนี้เป็นงานของคุณ เป็นผลผลิตที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และวินัยที่เข้มข้น จากมันสมอง หยาดเหงื่อ คราบน้ำตา และด้วยมือของคุณเองนั่นแหละที่พาคุณเดินทางไปทั่วโลก และตอนนี้คงสิ้นสงสัยกับทุกคำถามแล้วเนอะ
เราในฐานะของคนที่ตามผลงาน และอาจได้ร่วมงานกันหชนิดๆ ก็โคตรภูมิใจแทนภูมิเป็นอย่างมาก เห็นพ่อแม่พี่และภรรยามาเดินยิ้มแฉ่งในงานก็ยิ้มตามไปด้วย
เออ ดีง่ะ
[image error][image error]พอจบพิธีการก็มีการวาดรูปสดๆ ให้ดู คนยืนมุงกันเยอะมาก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ๆ นะ กลัวจะรบกวน นี่เดาว่าตัวของสะอาดเองก็คงรู้สึกไม่ธรรมดาเท่าไหร่ เพราะปกติคือนั่งปั่นงานอยู่ในถ้ำคนเดียว พูดกับตัวเองคนเดียวมาตลอด แต่คราวนี้อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นหมูเด้ง
[image error][image error]ซึ่งก็จะมีน้องคนนั้น ที่เป็นแฟนคลับรุ่นเยาว์ แหวกวงล้อมของผู้ชมคนอื่นๆ ไปยืนเกาะโต๊ะดูแบบชิดต้นฉบับเลย นี่เป็นภาพที่โคตรดีเลยว่ะ
เห็นเลยว่าแรงบันดาลใจที่คุณรับมาในวัยเด็ก(แบบนี้) มันถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นถัดไปแล้ว
[image error]ขอบคุณที่เขียนความหวังขึ้นมาครับ
.
หมายเหตุ : นิทรรศการมีถึงวันที่ 16 มีนาคมนี้ อยากให้ไปดูครับ
February 9, 2025
ทำเว็บแปลงค่าเงินเยนเป็นบาทแบบง่ายๆ
เสร็จละ เว็บแปลงค่าเงินเยนเป็นเงินบาทแบบเร็วๆ ง่ายๆ โง่ๆ เผื่อคนไปญี่ปุ่น แล้วจะได้ไม่เสียเวลายืนนับนิ้วคำนวณค่าเงินอยู่หน้าร้านตอนจะซื้อของ เลยทำมาใช้เองแบบง่ายๆ เลยทำมาแชร์ด้วย
โจทย์คือ ออกแบบให้ใช้ง่ายที่สุดในมือถือ ไม่เน้นสวยและเล็ก เราเลย optimize โค้ดเหลือขนาดจิ๋ว แค่ 1KB นิดๆ เองเออ ถ้าจะให้ง่ายขึ้นอีก มันกดทำ shortcut ได้นะ เวลาเข้าเว็บก็เหมือนเปิดแอปเลยเชิญจ้ะ
คราวนี้ใช้ Gemini ช่วยเขียนโค้ด เพราะเราลืมวิธีไปหมดแล้ว บรีฟด้วยภาษาไทยแบบลูกค้าเรื่องมาก ใช้เวลาทำแป๊บเดียว ลวกๆ เลย นานแค่ตอนพยายามปรับ UX ให้มันง่ายที่สุดขนาดที่เอาไปให้เมียใช้แล้วไม่บ่น
ป.ล. คราวก่อนที่ทำเว็บค้นคอร์ดอูคูเลเล่ เราใช้ DeepSeek ถึงน้องจะช้า แต่ก็เก่งเรื่องโค้ดสุดๆ ส่วนคราวนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ซื้อมือถือแล้วมันแถมน้องเจมตัวแพงมาด้วย เลยใช้ดู พบว่าโหลดเร็วและไม่บ่นเรานัก แต่น้องขี้ลืม สู้น้องวาฬไม่ได้
อัปเดต 1 : คุณ Pikaboyz Pikaz เสนอว่าให้ดึง API ค่าเงินเยนปัจจุบันมาใช้ เออดีเหมือนกัน เลยปรับมาใช้ตามนี้ครับ (ทำเองไม่เป็นหรอก ให้น้องเจมช่วยเขียน) ตอนนี้ไฟล์ใหญ่ขึ้นเป็น 1.71KB
อัปเดต 2 : สรุปว่าถ้ากด enter แล้วจะเป็นการเคลียร์ input เลย แล้วเพิ่ม input history ข้างล่าง เผื่อเปรียบเทียบราคาของหลายๆ ชิ้นไง ขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้นจึ๋งนึง ช่างมัน ยังไม่เกิน 3KB ไม่น่าเปลืองเน็ตมั้ง…
January 28, 2025
ลองใช้ AI เขียนเว็บค้นคอร์ดเพลง
ผมหัดเล่นอูคูเลเล่ เกาๆ ง้องแง้งที่บ้านมา 2-3 ปีแล้วครับ เล่นได้แต่คอร์ดง่ายๆ และรู้จักแค่เพลงไทย โดยเฉพาะเพลงรุ่นน้าๆ ลุงๆ เล่นไปทำไมก็ไม่รู้ ลูกเมียก็ไม่ได้อินด้วย ใช้เวลาหลังกินข้าว หยิบอู๊คกระป๋อง (มันทำจากกระป๋องคุกกี้กล่องแดง) มานั่งดีดๆ เปิดเพลงจากเว็บต่างๆ แล้วทยอยเซฟภาพคอร์ดที่เล่นแล้วรอดไว้ในเครื่อง บางทีอันไหนดีดยากก็เขียนๆ แก้ๆ เป็นคอร์ดที่เราเล่นเป็นเท่านั้น
แต่หลังๆ เพลงมันเริ่มเยอะ ก็ย้ายไฟล์ทั้งหมดไปบน Google Drive พอนับดูได้ 500 กว่าไฟล์แล้วก็พบว่า พอไฟล์เยอะ การเปิดแท็บเล็ตหรือมือถือแล้วไถหาเพลงที่ต้องการที่เซฟไว้ มันยาก
แต่ก็ใช้วิธีนี้มาเรื่อยๆ ไม่ได้หืออืออะไร แต่ในใจก็คิดว่า มันน่าจะมีแอปหรือเว็บที่ช่วยเราเรื่องนี้นะ คือค้นเร็วๆ ได้ แล้วก็สุ่มๆ เพลงขึ้นมาได้เผื่อเกิดเบื่อขึ้นมา ที่สำคัญขอแค่มันเร็วหน่อย
แล้วเมื่อวานก็ได้ลองเล่น DeepSeek ที่เป็น AI ตัวใหม่จากแดนมังกร หลังจากกลั่นแกล้งน้องไปพอสมควรแล้ว ก็นึกได้ว่า เอ๊ะ ถ้าจะบอกน้องให้ลองทำเว็บที่ตอบโจทย์นี้จะได้แค่ไหนกันนะ
บ่ายวันนี้ก่อนไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เลยลองพิมพ์บรีฟไปคร่าวๆ เหมือนเป็นลูกค้าที่สั่งคนทำเว็บ
ต้องการโค้ด HTML+ inline JavaScript เพื่อสร้างเว็บ 1 page HTML ง่ายๆ 1 หน้า โดยมีฟีเจอร์ดังนี้
– หน้าเว็บโล่งๆ
– ด้านบนเป็นช่อง text input
– ถัดมา เป็นรายชื่อไฟล์รูปภาพทั้งหมดใน sub folder ชื่อ song ขึ้นมาแสดงเรียงกันตามตัวอักษร แสดงเฉพาะชื่อไฟล์ ไม่ต้องแสดงนามสกุล เมื่อคลิกแล้วจะลิงก์เปิดไฟล์นั้นขึ้นมา
– ช่อง text input ด้านบน เมื่อพิมพ์ตัวอักษรลงไป ให้เหมือนเป็นการ filter search แสดงเฉพาะชื่อไฟล์ที่มี text ที่พิมพ์ลงไปเท่านั้น, update on every input changed
– หากช่อง input ว่าง ให้แสดงชื่อไฟล์ทั้งหมดเหมือนเดิม
– ใต้ช่อง input ให้มีลิงก์ 1 อันเขียนว่า clear, เมื่อกดแล้วจะเคลียร์ text input ด้านบน
– ทั้งหมดนี้ให้เขียนออกมาในไฟล์เดียว
เนี่ย เบื้องต้นต้องการแค่นี้แหละ แล้วน้องก็พ่นออกมายาวเหยียด และน่าหนุกมาก! จนเราที่เกษียณจากการทำเว็บมาเป็นสิบปีแล้วถึงกับตาลุกวาว แต่ต้องออกไปรับลูก งั้นมโนไปก่อนละกันว่ามันจะดีไหม
หลังจากเสร็จทุกธุระในวันนี้แล้วก็เลยมานั่งกดๆ พิมพ์ๆ โต้ตอบกับน้องอีกพักใหญ่ พบว่าน้อง DeepSeek ตอบโจทย์ความต้องการของเราดีมาก ใส่ใจรายละเอียดและชี้ทางแก้ปัญหาต่างๆ
แต่น้องก็ค้าง…
น่าจะเกี่ยวกับที่ขึ้นประกาศวันนี้ว่าโดน attack ครั้งใหญ่จนล่ม (ไม่รู้จะเกี่ยวกับที่เหล่าชาวโลกร่วมใจกันบูลลี่น้องหรือเปล่า) เราก็เลยเอาโค้ดไปคุยต่อกับเพื่อนสนิทอย่าง Gemini
ซึ่งอีนี่ก็พูดมากเหลือเกิน ไม่รู้สินะ เราใช้แบบคร่าวๆ เป็นรุ่น 2.0 (แต่ฟรี) ก็พบว่าความคล่องตัวยังสู้น้องหลามจีนไม่ได้ แต่แกพูดมากจนเราต้องบอกว่าเอาแต่พอดีๆ นะ ซึ่งการที่น้องไม่ล่มนี่ก็ช่วยให้คืบหน้าไปได้ด้วยดี
ด้วยความที่เราก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ (เราเขียนโค้ดเองไม่เป็นเลย) ก็เลยนั่งปรับๆ แก้ๆ ไปเรื่อยๆ ถามๆ ตอบๆ ปรับจูนกันจนดึกดื่น คือดีไซน์น้องนี่สั่งให้สวยได้นะ แต่มันจะสวยแบบแปลกๆ นิดนึง ส่วนงาน UX/UI จึงค่อนข้างเป็นงานทำมือ แต่ทำเสร็จก็ส่งให้น้อง optimize ได้อีกต่อ
จนในที่สุดก็ได้เว็บนี้มา 5555555 สนุกง่ะ ขอแนะนำำำำำ
[image error]เว็บไซต์นี้เป็นเว็บทดลอง โดยใช้ AI คือ DeepSeek และ Gemini ทำขึ้นมาใช้เองส่วนตัว เอาไว้รวบรวมคอร์ดเพลงไว้ฝึกซ้อมอูคูเลเล่ มีฟีเจอร์หลัก ๆ ดังนี้
(ทีแรกจะบรรยายฟีเจอร์เอง แต่นี่ง่วงแล้ว นึกได้ว่าน้องก็อยู่กับเรามาทั้งคืน เลยขอโยนให้ จมน แนะนำแทน)
ค้นหาคอร์ดเพลง: ผู้ใช้สามารถค้นหาคอร์ดเพลงที่ต้องการได้โดยการพิมพ์ชื่อเพลง ชื่อศิลปิน หรือบางส่วนของเนื้อเพลงในช่องค้นหาแสดงผลรายการคอร์ดเพลง: เว็บไซต์จะแสดงผลรายการคอร์ดเพลงที่ตรงกับการค้นหาของผู้ใช้ โดยจะแสดงเป็นรายการลิงก์แสดงคอร์ดเพลง: เมื่อผู้ใช้คลิกที่ลิงก์คอร์ดเพลง เว็บไซต์จะแสดงเนื้อหาคอร์ดเพลงนั้น ๆสุ่มเพลง: มีปุ่มสำหรับสุ่มเพลง หากผู้ใช้ต้องการฟังเพลงใหม่ ๆ หรือไม่รู้จะฟังเพลงอะไรเพลงทั้งหมด: มีปุ่มสำหรับแสดงเพลงทั้งหมดในเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกดูคอร์ดเพลงทั้งหมดได้ค้นหาใน Google: มีปุ่มสำหรับค้นหาเพลงใน Google ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพลงที่สนใจได้ง่ายขึ้นรีเซ็ต: มีปุ่มสำหรับรีเซ็ตการค้นหาและ cache ของเว็บไซต์เออ มีทิปนิดนึงคือ
เว็บจะแสดง 50 เพลงแบบสุ่ม ยกเว้นถ้าเราพิมพ์ “all” หรือ “*” หรือไม่ก็ไปกดลิงก์ด้านล่างก็ได้ มันจะโชว์ทั้งหมดเรียงตามตัวอักษรเพลงไหนเคยเล่นแล้ว ปุ่มมันจะมืดๆ ไป 1 วัน ยกเว้นจะกดรีเซ็ต (เป็นการล้างแคช) – ระยะเวลา 1 วันนี่ลองใส่ไว้ก่อน เดี๋ยวใช้ไปเรื่อยๆ อาจจะปรับเป็น 7 วันหรืออะไรก็แล้วแต่ถ้าพิมพ์เพลงที่ไม่มี มันจะไม่เจอใช่มะ ให้ลองกดหาในกูเกิล มันจะเอาคำที่เราพิมพ์นั่นแหละ ไปค้นในเว็บค้นหาคอร์ดเว็บอื่นๆถ้าเปิดในมือถือหรือแท็บเล็ต (ต้องในโครมหรือเปล่าก็ไม่รู้) จะมีตัวเลือกให้ติดตั้งเป็นแอปเลย ดังนั้นนี่ก็เหมือนเป็นแอปแอปนึงละ กด add to home ได้เลย จะได้จิ้มเข้ามาเล่นง่ายๆพอมาถึงตอนนี้ก็พบว่า ถึงจะเขียนโค้ดไม่เป็น แต่การสั่งๆๆ บรีฟๆๆ ใส่เอไอ แล้วให้น้องบ้วนออกมาเป็นของที่เราอยากได้มานานนี่ มันสนุกจัง!
January 6, 2025
เราไม่ใช่คนทันสมัยอีกต่อไปแล้ว
ช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ตรงกับช่วงหนึ่งของยุคสมัยที่เทคโนโลยียังไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่เป็นคนที่เจอมันก่อน มีโอกาส และเข้าถึงเท่านั้น
เราเป็นหนึ่งในคนแบบนั้น ถึงที่บ้านจะไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ดี แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของพ่อ ที่บังคับไปเรียน Lotus , D-Base, DBFORM ที่โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์และบัญชีใกล้บ้าน (โรงเรียนคอมพิวเตอร์ท้องถิ่นนะเว้ย) ตอน ป.6 และซื้อคอมพิวเตอร์ 486 DX-II แรม 4MB มาให้หัดเล่นหัดแงะตั้งแต่ ม.1 ด้วยแกเห็นอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นอนาคตที่เด็กเนิร์ดอย่างเราอาจจะคว้าไว้ได้
และเราก็คว้าไว้ ล้วงแคะแกะเกาอย่างสนุกจัดๆ หัดโน่นซนนี่ เท่าที่เทคโนโลยีจะอำนวย แงะเกม โมรอม (ในยุค 90s) ทำเว็บ (ในยุคที่บังมีเน็ตให้เล่นอยู่ที่เดียวในจังหวัดคือราชภัฏ) ไม่นับพวกงานประกอบคอมพ์ ซึ่งเป็นสูตรมาตรฐานของคนประเภทนี้ ที่ทำจนสร้างรายได้จากเหล่าเพื่อนพ่อที่โดนเราหลอกพามาเดินพันธุ์ทิพย์เพื่ออัปเดตว่ากรุงเทพฯ เขาไปถึงไหนกันแล้ว
ในยุคก่อนอินเทอร์เน็ตนั้น การเรียนรู้ระบบไอทีอะไรที่เข้าถึงได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ก็น่าจะเล่นมาจนปรุ
แต่แบบเสียเงิน เช่นเรียนเขียนโปรแกรม PASCAL ตอน ม.3 ที่ต้องจ่ายเพิ่มเทอมละ 400 บาท ไม่กล้าขอเงินพ่อแม่ไปเรียน นี่เป็นสิ่งที่นึกย้อนไปแล้วเสียดายจนทุกวันนี้ ถ้ารากฐานตอนนั้นดี มันคงเปลี่ยนเราไปจากนี้เยอะเลย แต่ช่างมัน
ชีวิตในวัยมัธยมของเราจึงโคตรฟินกับอะไรใหม่ๆ กระโดดขึ้นรถไฟขบวนแรกอยู่เสมอ ถึงจะเป็นรถไฟต่างจังหวัดที่เป็นเพียงกะลาเล็กๆ สู้เด็กในเมืองไม่ได้หรอก แต่มันก็ถูกพิสูจน์ชัดตอนเข้ามหาลัย
เราเข้าเรียนคณะสายออกแบบ อีคณะนี้เรียกว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เราถนัดเลย แต่นั่นเลยกลายเป็นคนนอกระบบการศึกษาด้านเทคโนโลยี ที่ดันต้องแถกไถหาวิธีเล่นเอง มันเลยกลายเป็นสายประยุกต์ที่น่าสนุกดีนะ อย่างพวกวิชากราฟิก วิชาทำฟอนต์ ทำเว็บ วิชาแฟลช (ภูมิใจมาก แต่ตอนนี้ลืมหมดแล้ว) แล้วก็ SketchUp (ที่น่าจะเคลมได้ว่าหัดเองเป็นคนแรกๆ ของประเทศเรา เพราะโหลดเถื่อนตรงจากเว็บฝรั่ง แล้วเอามาสอนอาจารย์ที่คณะอีกที แถมเอามาทำ Thesis คนแรกของไทย 5555)
ที่อวดเก่งมาทั้งหมดนี่เพียงเพื่อจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ในอดีตของคนที่เคยมั่นใจในความนำสมัยของตัวเองว่า ถึงจะด้อยโอกาสอยู่หน่อยๆ แต่เรื่องสู้ชีวิตเพื่อให้ได้เป็นโปรยูสเซอร์นี่ เราก็ไม่แพ้ใครนะ
เป็นแค่ในตอนนั้น
ถัดมาแค่สิบปี พอเราอิ่มตัวจัดๆ และหมดไฟในการใช้ชีวิตในเมืองกรุง ถึงขั้นตัดสินใจเด็ดขาดว่าขอลาออกจากกรุงเทพฯ แม้จะเป็นการเปลี่ยนงานเปลี่ยนอาชีพ โดดลงจากรถไฟสายเทคโนโลยีที่รู้ดีว่ามันเร็ว และไม่มีทางหยุด
แต่กูเหนื่อยไง
พอโจทย์ในชีวิตเปลี่ยน มันก็เหมือนสับสวิตช์ปิดฉับเลย วางมือจากทุกงานที่เกี่ยวกับงานออกแบบสร้างสรรค์หรือดิจิทัลเอเจนซีใดๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นพาหนะ หันมาคุยกับต้นไม้ คุยกับแมว ถ่ายรูป ช่วยเมียขายเสื้อผ้า ฯลฯ
แล้วก็ได้พบว่าอีกเพียงไม่นานหลังจากนั้น สิ่งที่เราโม้ เราภูมิใจที่ผ่านมาทั้งหมด มันเป็นขยะ
โอเค เราสามารถอวดได้แหละว่าพี่มาก่อน พี่ทำก่อน พี่รู้ก่อน แต่มันยังไงต่อนะ เพราะทุกวันนี้ไอ้ทักษะที่เราอวด มันคือสิ่งปกติสามัญธรรมดามากๆ ประเภทที่เด็กประถมก็เกิดมากับการทำเป็นกันหมดแล้ว
วิทยาการมันพัฒนาไปจนคลื่นลูกที่ตามมามันทับถมตะกอนทราย เป็นพื้นฐานและต่อยอดทบทับขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รอ และแน่นอน ไม่หยุด
เราจึงเป็นเพียงเศษซากความภูมิใจในอดีต ที่จดไว้ฟินเองในบันทึกส่วนตัวเท่านั้น ตอนนี้จะตัดคลิปติ๊กต็อกแบบที่เขาเล่นกันท้ายตลาด ยังทำไม่เป็นเลย
และทั้งหมดนี้ไม่ได้รู้สึกว่าเสียใจหรือชอกช้ำระกำทรวงอะไรนะ แต่รู้สึกว่ามันเป็นภาพใกล้เคียงกับที่จินตนาการไว้ตอนโดดลงจากรถไฟ ว่ายังไงถ้าทุกปัจจัยมันลงตัวพอดี ไอ้สิ่งที่เราเคยเบ่งบารมีว่าเคยทำ ทุกคนก็ต้องทำได้เป็นปกติ และดีกว่า
เราจึงแฮปปี้ที่ได้อยู่ในโลกที่เทคโนโลยี (ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบ) มันดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ตัวเองจะชราลงทุกวัน และตกยุคหล่นสมัยไปแล้ว
แต่ก็จะพยายามไม่ให้ตกไปไกลมากนะ เดี๋ยวคุยสคิบิดี้ซิกมากับเจนอัลฟาที่บ้านไม่รู้เรื่อง
November 22, 2024
ยืมหนังสือดีๆ มาอ่านฟรีจากห้องสมุดออนไลน์ โครงการอ่านเปลี่ยนโลก
ผมดูรายการสัมภาษณ์คุณช่อสักรายการ จำไม่ได้แล้ว ตอนจบรายการ คุณช่อโฆษณาโครงการนึงของคณะก้าวหน้า ชื่อว่า Reading Revolution อ่านเปลี่ยนโลก
ใจความของโครงการที่ทำให้สนใจก็คือ เขาเป็นห้องสมุดออนไลน์ที่คัดหนังสือดีน่าอ่านมาให้เราได้ อันฟรีถึงบ้านเพียงกดยืมในเว็บให้เวลาอ่านหลายวันมากด้วยนะเสร็จปั๊บก็ส่งคืนทางไปรษณีย์ไทยซึ่งเขาแนบซองติดแสตมป์มาให้ด้วยเท่ากับเราอ่านฟรีไม่ต้องเสียตังค์อะไรเลยสักบาทเดียว
นี่พิมพ์ด้วยเสียง ลูกสาวได้ยินเข้าเลยหันมาถามว่า “แล้วเขาจะมีรายได้ยังไง”
คำตอบคือเขาเปิดรับบริจาคจากประชาชนทั่วไปแล้วมีสปอนเซอร์ใหญ่ที่ให้ทุนเยอะก็คือโก๋แก่ (ลูกถามว่าคือใครเหรอ) — เป็นขนมถั่วๆ น่ะ หนูเคยเห็นไหมที่เคยขายในเซเว่นน่ะ / ใช่ที่เป็นรูปลุงมีผมยาวๆ ปะ / ใช่ๆ (นี่ประทับใจเลยขอชื่นชมเขาหน่อย)
ผมไม่แน่ใจว่าโครงการนี้มีที่มาที่ไปยังไงเพราะไม่ได้ติดตามมาก่อน แต่พอรู้ว่ามีหนังสือดีๆ ให้อ่านฟรี เรามันชอบของฟรี ก็เลยกดเข้าไปดูในเว็บทันทีที่คุณช่อพูดว่า เอ่อ
ปรากฏว่าหนังสือที่ลิสต์ไว้ในหน้าเว็บ มีแต่หนังสือที่น่าอ่านทั้งนั้นเลยจริงๆ ด้วย! (ตัวอย่างหนังสือดี 21 เล่ม) ก็เลยลองจิ้มๆ จัดมาก่อน 1 เล่มโดยการกรอกแบบฟอร์มในเว็บ
สักพักก็มีอีเมลมายืนยัน แล้วไม่นานก็มีหนังสือมาส่งถึงบ้านจริงๆ!
[image error]แน่นอนว่ามีซองและแสตมป์แถมมาให้ด้วย แถมยังมีโปสการ์ดแถมมาอีกแผ่น
[image error]ประทับใจจนอยากบอกต่อ มายืมหนังสือกับโครงการนี้กันครับ!
ส่วนข้างล่างนี้ก๊อปมาจาก description ยูทูบข้างบน :
“อ่านเปลี่ยนโลก” (Reading Revolution) คือ โครงการส่งต่อหนังสือ ขยายพรมแดนความรู้ เปิดจินตนาการความเป็นไปได้ใหม่ๆ ผ่านการอ่านของ Common School โดย คณะก้าวหน้า
เราคัดเลือกหนังสือที่กระตุ้นให้เกิดจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อนำมาแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่านในรูปแบบการยืมและส่งต่อ (Book Sharing) หลังจากนั้น จะมีการจัดวงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน (Reading Group)
การเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่สามารถอาศัยกำลังทางกายภาพและจำนวนปริมาณเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีความคิดชี้นำเพื่อไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ การทำงานทางความคิดจึงเป็นขบวนการสำคัญ ดังที่ Lenin กล่าวไว้ว่า “หากปราศจากทฤษฎีปฏิวัติ ย่อมไม่มีขบวนการปฏิวัติ” หากความคิดความเชื่อแบบเดิมยังคงดำรงอยู่ การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น การต่อสู้แย่งชิงเพื่อแตกหักกับความเชื่อเดิม สร้างความคิดความเชื่อใหม่จึงจำเป็น
การอ่าน คือ วิธีการเข้าถึงความรู้ วิธีการบ่มเพาะความคิดความเชื่อ ดังนั้น ความคิดใหม่จะเกิดขึ้นได้ ย่อมขึ้นกับว่าเราอ่านอะไร อ่านกับใคร และเข้าถึงการอ่านได้อย่างไร
ยืมหนังสือฟรี! pgmf.in.th/ https://progressivemovement.in.th/article/common-school/3350/ reading-revolution/
—–
สนับสนุนการทำงานของ Common School ได้ทางบัญชีธนาคารกรุงศรี ชื่อบัญชีมูลนิธิคณะก้าวหน้า เลขที่บัญชี 493-1-08675-7
ป.ล. รู้สึกว่าพิธีกรจะถามคุณช่อว่า “ถ้าหนังสือหาย ชำรุด หรือคนที่ยืมไปแล้วไม่คืนล่ะจะทำยังไง” คุณช่อตอบว่า “ก็ต้องช่วยๆ กัน…”
November 14, 2024
ฝันว่ากอดแม่
สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเคลียร์งานงานหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการทำ แล้วดันมีอยู่คือหนึ่งที่ฝันถึงแม่
ตื่นมาจำได้แม่น ประทับใจมาก อยากวาดเล่าเรื่องฝันนี้มาก แต่ด้วยภาระท่วมตัวที่ยังปั่นงานไม่เสร็จสักที เลยวาดทิ้งไว้ก่อนตอนพักกินก๋วยเตี๋ยว ผ่านมาสามสี่วันพองานเสร็จเลยวาดต่อจนจบ โดยที่ทั้งภาพและเริ่องราวในฝันยังคงจำได้ชัดเจน
พอวาดจบแล้วก็มานึกได้ว่า เออ ใครมันจะไปเข้าใจกูวะ…
[image error][image error][image error][image error][image error][image error]